Article Story

‘Amo’ จุดเริ่มต้นสู่สิ่งใหม่ที่ไม่มีใครคาดถึงจาก Bring Me The Horizon

  • Writer: Pongtorn Klamdit

จากเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวกันเล่นดนตรีในแบบที่พวกเขาต้องการ สู่การมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง มีคนรู้จักมากขึ้น และจนกลายเป็นที่โด่งดัง ด้วยแนวคิดที่ไม่หยุดนิ่งและไม่ทำอะไรซ้ำแบบเดิม วันนี้เด็กหนุ่มพวกนั้นเดินทางมาถึงไกลและถือว่าเป็นก้าวสำคัญของวง เรากำลังพูดถึง Bring Me The Horizon กับอัลบั้มชุดที่ 6 Amo

Amo คือสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 6 ของวงที่ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใหม่อย่างก้าวกระโดด นับตั้งแต่ได้ Jordan Fish มือซินธิไซเซอร์เข้ามาร่วมวงในปี 2012 กับงานชุด Sempiternal และ That’s The Sprit วงมีการใช้เสียงอิเล็กทรอนิกมากขึ้น จากวงเมทัล คอร์ สู่ อัลเทอร์เนทีฟร็อก แต่กับงานชุดนี้ คุณอาจจะมองว่าพวกเขาเป็นวงป็อปร็อกก็ได้

จากการปล่อย 5 ซิงเกิ้ลมาให้ทุกคนได้ฟังกันก่อนที่อัลบั้มเต็มจะตามมา กระแสบนโลกออนไลน์ก็พูดถึงงานใหม่ของวงกันอย่างแพร่หลาย รวมถึงประเทศไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นคำชื่นชมที่วงทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา หรือจะเป็นการตำหนิว่า BMTH ได้กลายเป็นวงเมนสตรีมอย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าวงนี้จะไม่สนใจกระแสที่ออกมาซักเท่าไหร่ เดินหน้ากระทำความแหวกในเพลงที่เหลือของอัลบั้มมาให้ทุกคนได้พูดถึงกันต่อไป ไปดูกันว่าในอัลบั้มนี้ แต่ละเพลง เป็นยังไงบ้าง

i apologise if you feel something เป็น interludeอัลบั้มที่โดดเด่นด้วยเสียงซินธิไซเซอร์กับเสียงร้องลอย ๆ ของโอลิเวอร์ ก่อนจะทิ้งมู้ดเพื่อเข้าเพลงแรกอย่าง MANTRA ซิงเกิ้ลเปิดอัลบั้มที่คงความหนักแน่นพร้อมด้วยทำนองที่ติดหู ถือว่าเป็นการเริ่มอัลบั้มที่ดีก่อนจะช็อกคนทั้งโลกด้วย nihilist blues ที่ทำให้แฟนเพลงที่โหยหาความเมทัลคอร์ ต้องสลบ ด้วยซาวน์อิเล็กทรอนิกล้ำสมัยจนแทบไม่เชื่อว่ามาจากวงเดิมที่เคยรู้จัก แต่ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเพลงนี้มีเสน่ห์ในตัวเองอย่างมาก แถมการได้ Grimes ศิลปินสาวมาร่วมเพลง ทำให้เพลงนี้ลงตัวในแบบที่ควรจะเป็นมากขึ้น in the dark จะชวนทุกคนโยกเบา ๆ ในเพลงโมเดิร์นจังหวะกลาง ที่คำว่า ‘in the dark’ จะหลอนติดหูคุณไม่มากก็น้อย wonderful life ที่ได้ Dani Filth จากวงรุ่นใหญ่อย่าง Cradle Of Flith มาร่วมแจม สุ่มเสียงที่ทุกคนคุ้นเคยในเพลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงกีตาร์ เสียงกลองแน่น ๆ ทำให้หลายคนนึกถึงงานเก่า ๆ ของเพลงเขาอยู่ไม่น้อย ouch หรือ โอ๊ย! ในภาษาไทย เพลงคั่นอัลบั้มความยาวเกือบ 2 นาที ที่เต็มไปด้วยบีตฮิปฮอป ก่อนจะส่งทุกคนไปรักษาด้วย medicine โลกออนไลน์ถึงกับสะเทือนเมื่อวงปล่อยเพลงนี้ออกมา ด้วยความป็อปฟังง่ายของเพลงนี้ทำให้หลายคนชอบและไม่ชอบเพลงไปโดยปริยาย แต่ในความป็อป วงก็สอดแทรกเนื้อหาที่และคำที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยถือว่าเพลงนี้เป็นสัญญานให้กับเพลงอื่นได้เป็นอย่างดี sugar honey ice & tea ชื่อเพลงชวนคอแห้งที่ผสมความร่วมสมัยของป็อป ร็อก ได้อย่างลงตัว ท่อนโซโล่กีตาร์ที่หลายคนคิดถึงก็มีให้ได้ฟังกัน รวมไปถึงท่อนบริดจ์ที่โอลิกลับมาใช้เสียงสำรอก แม้จะไม่หนักมากก็ตาม why you gotta kick me when i’m down? ไปให้สุดแล้วหยุดที่ฮิปฮอป เพลงที่เต็มไปด้วยบีตหรืออะไรต่าง ๆ ที่จะได้ยินจากศิลปินฮิปฮอปในยุคปัจจุบัน ตอนนี้มองข้ามไปถึงเวลาที่เพลงนี้ถูกเล่นสดแล้ว อยากรู้จริง ๆ ว่าบรรยากาศจะเป็นยังไง fresh bruises แม้จะมีถึง 13 เพลงในอัลบั้มนี้ แต่ก็แทรกไปด้วยเพลงคั่นระหว่างกลาง Jordan Fish รับหน้าที่ปล่อยของในเพลงนี้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาได้เป็นอย่างดี ก่อนจะหวานกันให้สุดกับเพลงต่อไปอย่าง mother tongue เพลงที่ โอลิเวอร์ แต่งให้กับภรรยาคนปัจจุบันชาวบราซิล รวมไปถึง amo ที่แปลว่า ‘ฉันรัก’ ในภาษาโปรตุเกส ตัวเพลงสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเปียโนเคล้าอิเล็กทรอนิกเจ้าเดิม เพลงมีความเฟรนลี่กับคลื่นวิทยุมาก ๆ สามารถขึ้นชาร์ตร่วมกับศิลปินอื่นได้อย่างไม่เขินเลย heavy metal ชื่อเพลงเรียกแขกตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เพราะเพลงนี้ไม่ความเฮฟวี่เมทัลเลยแม้แต่น้อย บวกการได้ Razhel แร็ปเปอร์ตัวจริงมาร่วมงานยิ่งทำให้หลุดไปไกล แต่วงก็ได้ประชดประชันในท่อนฮุกของเพลงกับการสื่อสารว่าพวกเขารู้ว่าจะเป็นยังไงกับสิ่งที่พวกเขาทำ แต่พวกเขาก็ได้เลือกแล้ว i don’t know what to say ส่งท้ายอัลบั้มด้วยเครื่องสายแบบจัดหนัก ที่ต้องย้ำอีกครั้งว่า จัดหนักมากจริง ๆ เพราะคุณจะได้ยินเครื่องสายตลอดทั้งเพลง ความอลังการในเพลงนี้ทำให้เห็นภาพการใช้เพลงนี้เล่นปิดโชว์อย่างยิ่งใหญ่เลยทีเดียว

แม้ amo จะไม่ใช่งานเพลงที่หลายคนปลาบปลื้มเท่าไหร่หนักจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ความแปลกใหม่ที่หลายคนไม่คุ้นชิน แต่งานเพลงชุดนี้ ทำให้เรารู้ว่าพวกเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่จะแหกปาก เล่นหนัก ตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว พวกเขาเลือกที่จะสื่อสารแง่ของอารมณ์ที่หลากหลาย เนื้อเพลงที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกในจิตใจ สู่การก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ ที่วงร็อกจะต้องทำเพลงร็อกตลอดไป วันนี้เด็กหนุ่ม 5 คนจากเมืองเซฟฟิลด์ เติบโตพอที่จะเป็นแนวหน้าของวงการและพร้อมจะเดินหน้าไปสู่ทิศทางใหม่ที่ไม่มีใครคาดเดาได้

Facebook Comments

Next: