Article Interview

เตรียมความพร้อมไปพบกับ 6 เพลงใน Aragochina EP ใหม่ของ Pae Arak ที่รับประกันความเหวอ!

  • Writer: Malaivee Swangpol

หลังจากทิ้งท้ายไปจาก เหล็กกับไม้ เกือบ 3 ปี วันนี้ Pae Arak กลับมาแล้วพร้อมกับซิงเกิ้ลแรก ไม่ต้องทำหรอกบุญ ที่หลาย ๆ คนอาจจะต้องตกใจในซาวด์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม ยิ่งมาพร้อมกับ mv สุดเฟี้ยวฟ้าวที่พาเราไปสัมผัสฟีลลิ่งของการลงนรกก็ยิ่งทำให้น่าลุ้นว่า อีก 5 เพลงจาก EP ใหม่ Aragochina จะออกมาเป็นทรงไหน แต่ที่แน่ ๆ เลยคือเจ้าตัวมายืนยันแล้วหว่า เหวอแน่นอน! เอาล่ะสิ ซักจะสงสัยแล้วว่าจะต้องเหวอขนาดไหน ตามเรามาอุ่นเครื่องด้วยบทสัมภาษณ์นี้ แล้วก็ต่อด้วยเตรียมตัวเตรียมใจ เข้าวัดเข้าวา รอฟังทั้ง EP กัน!

Aragochina Pae Arak Standing Fungjaizine

ศิลปิน come back กับศิลปินหน้าใหม่ที่ชอบที่สุดในช่วงนี้

หน้าใหม่ชอบ Billie Eilish ครับ ไม่ต้องตอบอันอื่นเลย ส่วน come back ชอบ Pusha T ชอบ The Weeknd ชอบ Arctic Monkeys ชอบ Joiji มาเสมอ ๆ เลยครับ ออกชุดใหม่มาก็ยังชอบอยู่ส่วน Pusha T นี่เป็นของใหม่สำหรับผม เป็น reference ให้กับ EP Aragochina เลย ชอบเพลง The Games We Play เป็นพิเศษ

ห่างจากอัลบั้ม เหล็กกับไม้ ไปเกือบ 3 ปี ที่ผ่านมาไปซุ่มทำอะไรอยู่บ้าง

ความจริงตอน เหล็กกับไม้ ก็ออกคอนเสิร์ตประมาณปีกว่าเนอะ เกือบ ๆ สองปี เพิ่งหยุดเล่นไปประมาณปีนึงเอง เรื่องการแสดงก็มีละครสามเรื่อง หนังเรื่องนึง ซึ่งนี่มันเยอะเกินไปสำหรับมนุษย์ในการที่จะทำอย่างอื่น (หัวเราะ) แล้วก็ปีนี้พอจะออกอัลบั้ม เราก็ไม่สามารถรับละครพร้อมกันสองเรื่องได้แล้ว ต้องรับทีละเรื่อง คือจริง ๆ แล้วผมว่าผมทำเหมือนเดิมมาสิบกว่าปีแล้วอะ ออกอัลบั้ม เล่นละคร เล่นหนัง ทัวร์คอนเสิร์ต แต่เรื่องปริมาณมากน้อยไม่เท่ากัน ที่ทำ EP Aragochina ก็ทำตั้งแต่ปีที่แล้ว ใช้ระยะเวลาทำนาน แต่วันที่ทำจริง ๆ อะน้อย ไม่ใช่ว่าไม่มีเวลา แต่จูนเวลาตรงกันไม่ค่อยได้ ต้องทำเพลงนึงเว้นสองอาทิตย์ ทำเสร็จเป็นเพลง ๆ ไป แต่ว่าทำรวดเดียว session ต่อกันเลย ส่วนตอนนี้ก็คือไม่ต้องกลับไปทำอะไรแล้ว เพลงเสร็จหมดแล้ว เพลงต่อไปจะออกประมาณปลายเมษา 

เห็นช่วงนี้เล่นกีฬาป้องกันตัว 

ใช่ครับ (หัวเราะ) แต่ว่าต้องหยุดแล้วครับ เพราะไปโดนรัดคอมาทำให้ทุกอย่างจบเลย ตอนนี้เล่นยูโดก็ไม่ได้ ร้องเพลงก็ไม่ได้ คือโดนฝรั่งรัดคอ แล้วเขารัดแรงไปหน่อยเลยทำให้ผมใช้เสียงสูงยังไม่ได้ ต้องพักก่อน ไม่รู้ว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่าเพราะว่ามันก็นานเกินวิสัยปกติของมันแล้วอะ แง เลยครับ แต่ว่ามันก็ต้องมีทางแหละ ชีวิตมันก็ต้องดิ้นไป ต้องหาทางให้มันร้องได้ อาจจะไม่เหมือนเดิมแต่ว่า ต้องมีทางแหละ อาจจะแบบ ไม่ได้อย่างที่คิด แต่ก็ได้เท่าที่เราเป็นได้ ยูโดก็ต้องหยุดไปก่อนตอนนี้ต้องไปชกมวยแทน พวกมวยสากล (FJZ: เดี๋ยวโดนชกคออีกหรือเปล่า) ก็ต้องไม่ให้โดนอะ อันตรายจริง

แปลกดี คือมนุษย์มันก็ควรออกกำลังกายแหละ แต่ว่าคนเราชอบไม่เหมือนกัน อย่างผมฟิตเนสไม่ไหวเลยอะ แบบไม่ได้เลย เบื่อตาย วิ่งยังไม่ได้เลย คือบางทีมันก็จำเป็นแหละ บางทีฝนตกก็ออกไปเล่นอะไรไม่ได้ ก็กลายเป็นว่า เราต้องวิ่งลู่อยู่ที่คอนโด ก็เบื่อสุด ๆ ยากมาก การวิ่งไม่ใช่สำหรับทุกคนจริง ๆ ก็เลยต้องเล่นกีฬาที่มันสนุก อย่างตอนเด็ก ๆ ชอบกีฬาชกมวย เราชกมวยตลอด แล้วก็พอได้มาสู้อีกครั้งตอนเล่นยูโดอะ ก็เลยแบบ เอ้ย เราลืมไปเลยว่าเราชอบสู้ แต่ไม่ใช่ว่าชอบชนะ ชอบทำร้ายใครนะ แต่แค่ชอบใช้แรงในการต่อสู้ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ปีนเขาแล้ว แต่มีไปเซิร์ฟบ้าง ที่ทะเลเลย เราจะฝากบอร์ดไว้ที่บ้านเพื่อนแล้วก็แบกบอร์ดไปเซิร์ฟที่หัวหิน มันพอเซิร์ฟได้ มีคลื่นเบา ๆ แถวเขาตะเกียบ แต่บางวันคลื่นก็ดีกว่าภูเก็ต เฉพาะบางวันเท่านั้นนะสำหรับบอร์ดยาว แต่ว่าที่ภูเก็ตก็บ้าคลั่ง ตู้มต้ามดี บางวันก็ดี บางวันก็ไม่ดี ต้องใช้แรงเยอะ แต่เซิร์ฟนี่ก็ไม่ได้ extreme ขนาดนั้น ก็ปลอดภัยประมาณนึงถ้าเราไม่ฝืนตัวเอง คือกีฬาทุกอย่างถ้าเราไม่ฝืนก็ปลอดภัยหมดแหละ ยูโดก็เหมือนกัน แต่ที่โดนรัดคอคือเราไม่ได้ฝืนนะ ตอนนั้นเล่นมวยปล้ำไง ไม่ใช่ยูโด เล่นแบบไม่ใส่เสื้อ มันก็เลยล็อคคอกันแรงเกินไปอะ ถ้าเป็นเสื้อมันจะเข้าข้าง ๆ อันนี้กระแทกไปที่กระเดือกก็เลยพังเลย

ได้ประสบการณ์จากการเล่นกีฬามาเล่าในเพลงหรือเปล่า

ยังไม่มีเลยครับ เคยแต่งเล่น ๆ เพราะเพื่อนบอกให้แต่งเพลงให้ เลยจะแต่งเพลงชื่อ ท่านอน (หัวเราะ) เพราะว่าการต่อสู้อะ ตอนแรกเราคิดว่ามีแต่ท่ายืน แต่ความจริงแล้วมนุษย์มันสู้กันตอนนอนเยอะนะ สมมติเราล้มลงไป คือมันมีการวิเคราะห์ว่า ทำไมประเทศเรามีแต่ต่อยกัน ทำไมประเทศเราถึงเป็นมวย เพราะว่าประเทศเราไม่ได้ใส่สู้กันแบบใส่เกราะเท่าไหร่ ยุคเหล็กของเรามาถึงช้ากว่า ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นหรือยุโรปเขาใส่เกราะสู้กัน เพราะฉะนั้นเวลาดาบเขาหลุดเขาต่อยกันไม่ได้ เขาต้องปล้ำ ต้องหักกัน ใครล้มถือว่าเสียเปรียบมากเพราะว่าจะโดนปล้ำโดนหัก ผมเลยว่ากีฬาพวกวิทยายุทธพวกนี้มันเลยมาตามอุปกรณ์ที่เรามี อย่างถ้าเป็นคนไทยไม่ได้ใส่เกราะ ดาบหลุดมันก็ต่อยกันได้ แต่ถ้ามีเกราะเต็มตัว ต่อยไม่เข้า ก็เลยต้องเป็นการหัก การจับล็อก การทุ่มกันแทน เป็นศาสตร์อีกแบบนึง ก็เลยเป็นอีกโลกนึง ที่ทำให้เราเห็นว่า ท่านอนก็เป็นการต่อสู้อีกแบบนึง ถ้าเรายืนไม่ได้ก็ลงไปเล่นท่านอนก็ได้ แต่เพลงนี้ยังไม่ได้ทำ คิดเฉย ๆ

เดี๋ยวเพลงอัลบั้มหน้าจะพูดเรื่องเสียงหายไหม

มันก็จะเป็นเพลงแบบให้กำลังใจที่เขาก็พูดกัน ผมไม่พูดแน่นอน คือมันมีเพลงให้กำลังใจเยอะเกินไปแล้ว มันเป็นเรื่องดีต่อโลกมนุษย์อะนะ แต่ว่ามันมีคนพูดแทนผมเยอะแล้ว แต่จะให้ไปให้กำลังใจคนอื่นคงไม่จำเป็นแล้ว

ผลตอบรับของ ไม่ต้องทำหรอกบุญ เป็นอย่างไรบ้าง

ยอดวิวก็ยังไม่เยอะนะฮะ แต่เห็นว่าหลายคนชอบ คือมันบ้าบอมากเลย ผมชอบทั้งเพลง ทั้งฝีมือของ Machina, Hugo แล้วก็ตัว mv มันเหนือความคาดหมายมากเลย ใครจะไปคิดว่าผมกับคนทำ mv โตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่มอสาม เขาทำ mv ซาดิสม์, บ้านนอก แล้วก็ ชิซูกะ ทุกอัน weird หมด (หัวเราะ) แต่มันเข้ากับจริตเรา รู้สึกว่ามัน weird แล้วก็เก่งด้วย แต่ก็แยกย้ายกันไปตอนเพลง ไก่ เพราะว่าเขาไม่ว่าง แล้วหลังจากนั้นเขาก็ไปทำงานโปรดักชันใหญ่ ๆ จนอัลบั้มชุดนี้ ตอนแรกผมก็ชวนน้องผู้หญิงคนนึงซึ่งผมชอบผลงานเขามาก เขาเคยทำให้เราแล้วด้วยแต่เขาไม่ว่าง เราก็เลยลองโทรไปชวนเพื่อนคนนี้ดูมันน่าจะเข้ากับธีมเพลง แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเข้าขนาดนี้ ไปกันใหญ่มากเลย (หัวเราะ) ตอนเขาเดินมาในห้องพรีเซนต์แล้วแบบ เขาบอกว่า ‘ผมจะทำ cg’ ทุกคนแบบ ‘ฮะ’ แต่ผมเอาเลยนะ ตั้งแต่ที่ยังไม่รู้ว่าทำได้หรือเปล่า แล้วเพื่อนอีกคนก็อยู่ในทีมนั้นก็โตมาด้วยกันเหมือนกัน เป็นคนที่บ้า cg อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะทำออกมาได้ขนาดนี้ โคตรบ้าเลย (หัวเราะ) งานละเอียดมากเลย ก็ดีใจ ขอบคุณนนท์มาก Mexico Production

ได้ร่วมบรีฟงานไหม หรือปล่อยให้ทีมทำไปเลย

อันนี้ผมเอา reference ให้ดู เพลงของ The HorrorsSheena Is A Parasite เป็นแสงแว้บ ๆๆ เพราะมันเข้ากับท่อนซินธ์กลางเพลง เขาก็เอามาใช้นะ แต่ใช้นิดเดียว (หัวเราะ) ที่เหลือเขาก็ทำเองหมดเลย

เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจจากอะไร

เวลาเจอคนที่ชอบทำบุญมาก ๆ ชอบเดินทางไปไหว้พระ เดินทางไปนมัสการ ไปดูหมอดู แต่ตัวเขาเองนิสัยไม่ดีอะ ทำตัวแย่อะ ไม่ตั้งใจทำงาน ทำให้คนอื่นปวดหัว ทำให้หลาย ๆ คนเครียด ทำให้คนรอบข้างไม่มีความสุข คือผมไม่ได้ไม่เชื่อนะ ผมเชื่อ เพราะตอนนี้ชีวิตเขาก็ดีเป็นบ้าเลยอะ (หัวเราะ) แต่ว่าเอาจริง ๆ แล้วถ้าจะทำแบบนี้ก็ไม่ต้องทำหรอกบุญ บุญอะทำได้ง่ายกว่าที่คุณคิดตามหลักศาสนานะ คุณไม่ต้องไปปีนเขาเพื่อที่จะไปทำบุญหรอก แค่ดูแลคนรอบข้าง คนที่เรารัก คนที่รักเรา ศัตรูเรา เพื่อนเรา ดูแลให้ได้ นั่นก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ทำให้ใครไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ใช่ไปด่าเขาว่ามือถือสากปากถือศีลด้วยนะ มันเป็นอีกแนวคิดนึงมากกว่า เพราะว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคนหรอก ไม่ได้ตั้งใจทำตัวไม่ดี หรือบางทีก็อาจจะตั้งใจแต่ว่า ปากเขาก็ไม่ได้ถือศีล เขาก็ไปทำบุญ ไม่เกี่ยว ก็เลยอยากจะบอกว่า คนเรามันไม่ได้จำเป็นต้องบุญอย่างเดียว คือทำบุญมันก็เป็นเรื่องดีนะ แต่คุณต้องเอากุศโลบายของการทำบุญมาใช้ด้วย ว่าทำเพื่ออะไร ทำเพื่อให้ตัวเองทำตัวดีขึ้น ขอพรเพื่อให้ตัวเองมุ่งสู่จุดมุ่งหมาย ไม่ใช่ขอพรแล้วอยู่เฉย ๆ ควรขอพรเพื่อสร้างความรู้สึกว่า ‘ฉันเชื่อว่าฉันทำได้’ แล้วค่อยไปลุยต่อ นั่นคือจุดมุ่งหมายของการไปทำบุญ เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง ซึ่งมันทำให้มองเห็นภาพ

การทำบุญก็เหมือนกัน การที่พระเอาน้ำมนต์มาสาดเนี่ย เขาหมายความว่าให้เราได้รับสิ่งที่เป็นสิ่งดี ๆ ให้เรากลับไปทำดีต่อ ไม่ใช่ว่าทำบุญแล้วไม่ได้ไปทำอะไรต่อ มีหลายคนที่มองข้ามเรื่องพวกนี้ไป มันเหมือนกับคนสักยันต์ต่าง ๆ ที่เขาบอกว่า สักแล้วห้ามด่าพ่อล่อแม่ ห้ามผิดลูกผิดเมียคนอื่น ห้ามมุดใต้กางเกงใน ก็เพราะว่าถ้าไม่ทำอย่างนั้น แล้วมันจะมีเรื่องไหมล่ะ มันก็ไม่มีเรื่องไง ถ้าไม่ทำเรื่องที่เขาห้าม ก็ไม่มีเรื่อง ก็ไม่ต้องโดนแทง ไม่ต้องโดนฟัน เขาบอกว่าถ้าทำแล้วของจะออก ก็หมายถึงว่า ถ้าทำแล้ว ของจะไม่ปกป้องคุณเมื่อคุณมีเรื่อง นั่นคือกุศโลบายหลัก ๆ ของการสักของ สักยันต์ เมตตา มหานิยม หรือว่าทุกอย่าง ถ้าคุณเป็นคนดีต่อคนรอบข้าง ของก็ปกป้องคุณอยู่แล้ว มันมีจังหวะแบบคนด่าอีกคนให้เขาเอาข้าวไปให้หมาจรจัดกินอะ แต่พูดจากับคนที่สั่งให้เอาข้าวไป… พอผมเจออะไรแบบนี้มันก็เป็นเรื่องที่ฝังไว้ในจิตใจ ไม่ใช่ว่าหมาไม่สำคัญนะ แต่ว่าคนที่อยู่รอบข้าง คนที่คอยดูแลคุณ ทำไมพูดกับเขาอย่างนั้น ทำดีก็ต้องทำให้มันครบทุกมุม ไม่ใช่ไปทำร้ายใคร

เจอคนแบบนี้เยอะ?

ที่จำ ๆ ได้ก็มีประมาณ 3-4 ครั้ง ถ้าจะทำเลวก็ไม่ต้องทำหรอกบุญ แต่ถ้าทำเยอะแล้วเข้าใจความหมายของการทำบุญ ก็ไปทำเถอะ มีประโยชน์อยู่แล้วแหละ ทำนุบำรุงศาสนา แล้วตัวเราเองก็ทำให้จิตใจเราดีขึ้น ถ้าเรามุ่งมั่นอะไรเราก็จะได้มุ่งมั่นมากขึ้น

ส่วนตัวเชื่อเรื่องบุญเรื่องกรรมมั้ย ทำบุญบ้างหรือเปล่า

เชื่อครับ (ตอบทันที) ทำบุญครับ แต่ว่ามันมีสองส่วน คือจะบอกว่าไม่เชื่อก็ไม่ได้ คือคนที่ผมพูดถึงในเพลงเขาก็ไปได้ดีมากเลยในชีวิตเขา แล้วก็ส่วนใหญ่คนที่ทำบุญก็ไปได้ดีจริง ๆ ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราคิดว่าเขาทำไม่ดีในบางอย่างแล้วอยากให้กรรมตามทันเขา กรรมก็ไม่เห็นตามทันซักที บางอย่างเวลามีคนทำตัวไม่ดีกับเรางี้ เราก็จะรู้สึกแบบ มันทำแบบนี้ได้จริง ๆ เหรอ มนุษย์มันคิดเรื่องแบบนี้ออกได้ หน้าด้านกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ ก็ไม่เห็นมีใครทำอะไรกับเขา มีสองด้านอะ มันมีสุภาษิต แพ้ภัยตัวเอง กรรมตามสนอง อะไรอย่างนี้ ผมมองไม่ค่อยเห็น เอาง่าย ๆ จะเลือกตั้งแล้ว เราลองดูคนที่เรารู้ว่าทำไม่ดีกับประเทศ บางคนก็ไม่ได้กรรมตามสนอง เขาก็ทำต่อไป ก็มีหลายอย่าง

ทำไมถึงยังติดใจการร่วมงานกับฮิวโก้ และได้เมฆ Machina มาร่วมงานได้อย่างไร

ตอนนั้นผมไปนั่งเล่นกีตาร์บ้านพี่เล็ก แล้วบอกพี่เล็กว่ามีเพลงนี้ให้ฟัง ลองฟังมั้ย พี่เล็กก็ฟังแล้วก็บอกว่า ‘อยากลองทำเป็น r&b ดูมั้ยล่ะ’ คือตอนแรกผมคิดว่าจะทำแค่กับคุณบิ๊ก เดอะปีศาจแบนด์ กะจะไปทำที่สตูดิโอเดิมของคุณอัด เดอะปีศาจแบนด์ ชื่อ Climax Sound แต่พอพี่เล็กบอกว่าเนี่ย ทำแนวนี้มั้ย แล้วก็เปิด Pusha T ให้ฟัง อัลบั้ม Daytona ที่ได้ Kanye West เป็นโปรดิวเซอร์ แล้วแบบ โห เอาแบบนี้เลยเหรอพี่ พี่เล็กก็บอก ‘นี่แหละตัดแปะ’ (หัวเราะ) อย่าให้ความวุ่นวายของการอัดเสียงมาทำให้งานเราช้า ตัดเลย แปะเลย อีดิตเลย ยุคใหม่แล้ว ไม่ต้องมัวมาเลื่อน นู่นนี่ แล้วก็พอส่งเพลงให้พี่เล็กฟัง แกก็เลือกมา 5 เพลงจากเพลงที่มี แล้วก็เอาไปแล้วก็หาโปรแกรมเมอร์ เลยลองถามเมฆ Machina ซึ่งผมเคยให้เมฆมิกซ์เพลงผมให้สองเพลงแล้วผมชอบงานเมฆมาก เพลงแรกคือ Be With You ที่ทำกับฟังใจ เมฆเป็นคนมิกซ์แล้วก็ใส่ซาวด์อะไรไม่รู้ที่ทำให้เราชอบใจ ส่วนอีกเพลงคือเพลง ว่างเปล่า ที่ผมทำกับเดือน จงมั่นคง ผมเป็นโปรดิวเซอร์ เมฆก็มิกซ์ให้ ก็ตื่นเต้นดี ติดใจในฝีมือ ก็เลยลองถามเมฆดูว่า เมฆ ถ้าทำแบบฟูลออปชั่นเลย มิกซ์ มาสเตอร์ด้วย โปรดิวซ์ด้วย เอนจิเนียร์ด้วย ไหวมั้ย เลยลงที่วิธีการนี้ แล้วก็เอาบิ๊กเดอะ ปีศาจแบนด์เข้ามา เสียงกลองเรากดได้อยู่นะ แต่เราต้องการมือเบสมาอัดสด แล้วบิ๊กก็เป็นมือเบสที่เป็นนักโปรดิวซ์ด้วย เป็นคนที่มีเทสต์ที่ดี เลยเป็นการร่วมทีมกัน 4 คน ส่วน อัด มาเล่นกีตาร์ให้หนึ่งเพลง ที่เหลือจะเป็นผมอัดที่บ้านพี่เล็ก อัดลง Garage Band เอามาต่อบ้านเมฆ แล้วบิ๊กก็มาด้วย พี่เล็กก็จะมาบอกให้เมฆทำนู่นทำนี่ ทำนู่นทำนี่ แต่บิ๊กส่วนใหญ่จะมาตัดอย่างเดียวเลยฮะ เอาอันนี้ออก ๆๆๆ (หัวเราะ) ส่วนพี่เล็กก็ใส่ ๆ เข้าก็ไป แต่พอมานั่งฟังแล้วก็ เอาอันนี้ออก สับนู่นไปตรงนี้ซิ คือสตูดิโอเมฆไม่มีเครื่องดนตรีเลยฮะ สายแจ็กยังพังเลย แต่ว่าเขาเก่งมาก เขาจัดการในแล็ปท็อปอย่างเดียว สุดยอด ไม่มีเครื่องดนตรีซักตัว มีคีย์บอร์ดใบ้ยาวแค่ไม่ถึง 1 ไม้บรรทัด แล้วก็เป็นพวก launchpad อะไรแบบนี้ (หัวเราะ) แบบ สมัยใหม่จริง ๆ ก็ยังพูดกันอยู่เลย พี่เล็กบอกว่า อย่าเอาเครื่องดนตรีเข้ามาในห้องนี้เยอะนะ มันไม่เคารพสถานที่ (หัวเราะ) แต่ก็มีเพลงนึงเป็นกีตาร์ เราก็แอบเอากีตาร์เข้ามาในสตูดิโอเมฆ ส่วนที่เหลือก็เป็นจิ้ม ๆ หมดเลย แต่มันก็แฮปปี้มากเลยฮะ เพราะบิ๊ก เดอะศาจ แบนด์ ก็ช่วยเราไว้เยอะ คือหลังจากพี่เล็กขึ้นเพลงให้เราเสร็จ โปรดิวซ์เสร็จ แกก็จะไม่ได้อยู่ให้ถึงตอนจบ เพราะว่าหลังจากนั้น เขาก็ให้ผมกับเมฆเป็นคนตัดสินใจแล้วบิ๊กก็จะมีไอเดียที่ดี ๆ เยอะมาก เรื่องซาวด์เมฆก็เก่งโคตร ๆ

ตอนที่เลือกโปรดิวเซอร์ของ EP นี้ มองฮิวโก้เป็นตัวเลือกแรกเลยไหม

ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ร่วมงานกันอีกแล้ว เพราะว่าตอนเหล็กกับไม้แกก็มาเต็มที่แล้วนะ แถมแกเหมือนสอนไว้ด้วย เพาะเมล็ดไว้แล้วว่าให้ทำแบบนี้ ‘เอ็งทำกันเองได้แล้ว’ แกก็พูดเอง แต่พอไปเล่นเพลงที่บ้านแกแล้วแกเปิด reference ให้ฟัง แล้วแกบอกว่า ‘อย่างนี้ผมทำให้ได้’ (หัวเราะ) แล้วผมก็ดันชอบด้วยไง ดันชอบ Pusha T อัลบั้มนั้นมาก แล้วพี่เล็กก็เซียนภาษามาก แกก็แปลให้ฟังด้วยว่า Pusha T พูดถึงอะไร ก็เลยอยากลองดูตามที่พี่เล็กคิดว่ามันควรจะเป็น สุดท้ายแล้วอัลบั้มนี้พี่เล็กก็ยังมีส่วนร่วมเยอะอยู่ ไม่ต้องทำหรอกบุญ นี่เต็ม ๆ ทุกเพลงฮะ ใน EP 5 เพลงมีแค่เพลงเดียวที่พี่เล็กไม่ได้ทำ เพราะเราแอบทำกัน เดี๋ยวโดนตรวจการบ้าน (หัวเราะ) เพราะพี่เล็กจะเลือกแต่เพลงที่มันไม่จริงใจอะ คือใน 5 เพลงที่พี่เล็กทำมันไม่มีเพลงที่มันดูจริงใจหรืออกหักเลย มันมีแต่เพลงเหน็บ ๆ กวน ๆ พูดถึงความรักอีกแบบนึง อะไรอย่างนี้ แต่เพลงที่ผมแอบทำเพลงสุดท้ายก็จริงใจอยู่ประมาณนึง ซึ่งสุดท้ายแล้วพี่เล็กก็แฮปปี้เพราะแกสอนมาแล้วว่าเราควรทำอะไรกับมัน เราก็ทำเป็นแล้ว เพลงมันก็เลยไม่ได้ขัดอะไรกับอัลบั้มนั้น

เนื้อหาใน Aragochina จะเป็นอย่างไร

เป็นคนละเรื่องกันเลย 5 เพลง 5 เรื่อง เพลงต่อไปที่จะปล่อยชื่อ รักเธอคนเดียว ชื่อเพลงดูป๊อปแมสมากเลยเนอะ แต่ความรักมันไม่ได้หมายถึงผู้หญิงอย่างเดียว มันอาจจะเป็นความรักอะไรบางอย่าง เธออาจจะไม่ใช่สุภาพสตรี แล้วก็ สอนใคร รอฟังกันได้ สอนใคร ก็เป็นเพลงรักที่ผมแอบทำนี่แหละ ที่ไม่ได้บอกพี่เล็ก แต่แกแฮปปี้นะ แกบอกว่า ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเรามาถูกทางกับอัลบั้มแล้ว ไม่ได้หลุดมาก แล้วก็ เธอเลิกยากเหมือนบุหรี่ ประชด ๆ หน่อย ผีเสื้อ แล้วก็ ไม่บอก ซึ่งแต่งจากบทสัมภาษณ์พี่เล็ก ที่แกสัมภาษณ์ออกสื่อ คือเวลาคุยกับฮิวโก้ผมแทบจะต้องจดเล็กเชอร์อะ (หัวเราะ) เพราะแกจะมีภาษามีอะไรที่เหวอ ๆ ล่าสุดก็กำลังจะได้เพลงใหม่จากคำพูดของแกนี่แหละ ได้ตลอดเวลาเลย

เราจะได้ฟังกี่ซิงเกิ้ลจากอัลบั้มนี้

EP นี้น่าจะปล่อย 4-5 ซิงเกิ้ล แล้วก็ปล่อยอัลบั้มอีกทีนึง ช่วงก่อน Cat Expo เดือนละเพลงไปเรื่อย ๆ ตลอด 4-5 เดือน อยากให้รอฟังทุกเพลงเลย ถ้าคุณอึ้งกับ เธอไม่ต้องทำหรอกบุญ ว่ามันแปลกหู ก็ต้องบอกเลยว่า ทุกเพลงแปลกหมด ทุกเพลงไม่ใช่สิ่งที่ผมเคยทำ แล้วก็ไม่เหมือนกันเลยด้วยสิ Pusha T อัลบั้ม Daytona แค่ตั้งต้น แต่พอเข้าไปถึงข้างในมันแล้วมันแปลก ๆ หลายอย่างปนกัน จับทางไม่ค่อยได้ ฝากด้วยครับ

พอเปลี่ยนแนวแล้ว คิดว่าจะมีผลต่อความยากง่ายในการเล่นสด

ตอนแรกเราคิดไม่ออกว่าจะเล่นสดยังไง เพราะว่าฮิวโก้ก็ไม่ได้สนใจการเล่นสดของพวกเราเลย ไม่ได้สนว่าทำแบบนี้แล้วเราเล่นสดได้หรือเปล่า เราต้องมาคิดกันเอง วางแผนกันเอง ผมก็ซื้ออุปกรณ์มาเพิ่ม สุดท้ายมันก็เล่นได้ คืออย่างฮิปฮอปยุคใหม่เขาเปิดแทร็คแล้วร้องทับ มันมีข้อดีของเขา แต่เขาไม่มีมือกลองสด เขาไม่มีมือกีตาร์ มือเบส หรือมือคีย์บอร์ดแบบเรา ถ้าเรามีเราก็ต้องใช้ทรัพยากรแบบนั้นให้มันถึงด้วย มันก็เลยเป็นการผสมครับ เล่นสดก็ไม่ได้อิเล็กทรอนิกจ๋า เล่นสดก็ยังสดเหมือนเดิม เพราะว่าจนถึงเพลง Be With You ที่คัฟเวอร์ The Whitest Crow ผมทำอัลบั้มมาผมยังไม่เคยเปิดแทร็คเลย เปิดแทร็คครั้งแรกคืองานฟังใจ (หัวเราะ) นั่นคือการเปิดแทร็คครั้งแรก แต่ชุดนี้ผมจะต้องเปิด แต่เปิดโดยการเล่นสดไปด้วย ไม่ได้ใช้แทร็คเยอะมาก ตอนแรกเตรียมไว้ว่าจะต้องเปิดแทร็คเยอะ แต่สุดท้ายก็ไม่เยอะอยู่ดี ก็เล่นแทนซาวด์ตรงนั้นไป เปิดประมาณ 10-20% แค่นั้น มีอุปกรณ์เต็มไปหมด มือคีย์บอร์ดก็มา 3 ตัวแล้ว เครื่องสดเยอะขึ้น เอฟเฟกต์ร้อง เอฟเฟกต์กีตาร์ก็เพียบ เข้าวงการเอฟเฟกต์เลย เหยียบไม่ถูกเลยครับ

กังวลเรื่องการมีส่วนร่วมของคนดูไหม

โอ้ย สนุกแน่นอน อยากเล่นชุดใหม่แล้ว อยากเล่นครบ 6 เพลงเลยอะ เพราะว่า เหล็กกับไม้ จริง ๆ แล้วเพลงสนุกสุดที่เล่นได้มันก็ไม่เยอะนะ ส่วนมากซึม ๆ นิดนึง ครึ่งนึงเป็นโฟล์ก ที่เป็นไฟฟ้าจริง ๆ ชุดที่แล้วมีแค่ 8 เพลง เหลือเพลงที่เล่นได้จริง ๆ แค่ซัก 5 เพลง เลยอยากจะเล่น 6 เพลงใหม่นี้มาก เพราะมันสนุกกว่าทุกเพลงเลย แต่ว่าต้องรอเวลาให้คนได้ฟังก่อน อาจจะเล่นซัก 2 เพลง จากชุดนี้ ระหว่างนั้นก็ยังเล่นอัลบั้มเก่าสลับอัลบั้มใหม่อยู่ แต่วันไหนที่อัลบั้มใหม่มาแล้ว ก็คงจะเล่นอัลบั้มใหม่เต็ม อัลบั้มเก่าเต็ม แล้วก็คงจะเล่นอัลบั้มโฟล์กด้วย คือซ้อมกัน 20 กว่าเพลงแล้วอะ (หัวเราะ) ซ้อมไว้ 22 เพลง คงเล่นไม่ครบหรอก แต่นั่นคือจำนวนเพลงที่ซ้อมกัน แล้วถามว่ามีเพลง 22 เพลงของตัวเองที่พร้อมเล่นอะ เอ็งยังจะคัฟเวอร์อีกไหม (หัวเราะ) ไม่อะ มันถึงเวลาแล้วที่แบบ อาจจะมีเพลงนึง แต่ถ้าขายงานผับแล้วผับขอเพลงคัฟเวอร์เนี่ย เราก็อาจจะงอนนิดนึงอะ ก็อาจจะดูเป็นเคส ๆ ไป

แล้วนอกจากทีมทำเพลงได้ใครมาช่วยอีก 

ทีมภาพได้เติ้ล Tritled Creation (วง The Whitest Crow, S.O.L.E.) เจ๋งโคตร ด้วยความที่เราทำอัลบั้มเสร็จแล้ว เราก็เลยรู้ว่าคอนเซปต์จะเป็นยังไง ซึ่งคอนเซปต์ก็มาจากฮิวโก้อีกละ (หัวเราะ) ที่เราบอกเติ้ล คือ ‘มันคือยาเม็ดเว้ยเติ้ล ยาเม็ด 6 เม็ด เป็นแผงยา แล้วยาเนี่ย ชื่อว่า Aragochina มันก็จะเหมือนยา norfloxacine, zyrtec, paracetamol, aspirin ซึ่งชื่อมันประหลาดทั้งสิ้น Aragochina ก็เป็นชื่อยา’ (หัวเราะ) นี่คือคอนเซปต์ที่บอกเติ้ลไป เติ้ลก็ทำออกมา ส่วนทีมวิดีโอก็ 2 ตัวแรกจะเป็น Mexico Production ความจริงอยากให้เขาทำเยอะกว่านั้น แต่ว่าเขาไม่ว่างแล้ว (หัวเราะ) งานระดับประเทศล้นมือ เก่งมาก แล้วก็ นั่นแหละ หลังจากนี้ก็เป็นผู้กำกับ mv อีกแบบนึงเลย คือตอนแรกเราก็อยากให้มันเข้ากันทุกอย่าง แต่สุดท้ายมันก็ไม่จำเป็นต้องเข้ากันทั้งหมดหรอก เดี๋ยวมันก็เข้ากันเอง ไม่ต้องทำหรอกบุญ อย่างนี้ เราก็ไม่คิดว่าเติ้ลจะทำออกมาเป็นไฟ แล้วมันก็บังเอิญมาเจอกับวิดีโอที่มันเป็นไฟนรกอีก แล้วไม่ได้คุยกันด้วยนะ ใจตรงกัน ก็แปลกดี

ซิงเกิ้ลต่อ ๆ ไปเป็น mv ไม่ใช่ lyrics video?

เป็นความโชคดีที่ผมอยู่ค่ายนี้ (หัวเราะ) ช่วงนี้เศรษฐกิจค่ายค่อนข้างดี ขอบคุณมาก ๆ ค่าย What the Duck แล้วเหมือนเราจะขายสปอนเซอร์ได้บ้าง อะไร ๆ มันก็เลยไม่ได้แย่จนเกินไป ขอบคุณสปอนเซอร์ด้วยครับ

Aragochina Pae Arak Fungjaizine

ฟังวงอะไรเยอะสุดช่วงที่ทำอัลบั้ม Aragochina

The Weeknd ชอบมากเลย ชอบมาก ๆ ไปดูคอนเสิร์ตมา กรี๊ดเป็นบ้า ปราบอิมแพ็คซะอยู่หมัดเลย ปราบอยู่หมัดเพราะว่าเปิดแทร็คเยอะด้วยแหละ แต่เสียงร้องคือลืมออโต้จูนไปเลย บ้าไปแล้วอะ แล้วก็เล่นดีมาก เป็นแบนด์ แล้วก็ชอบนี่มากเลย PEE CLOCK แร็ปเปอร์ไทย นอกจาก Youngguวิ่งแบบพี่ตูน ก็อันนี้แหละ มันมีเพลงนึง คุณ อัด เดอะปีศาจแบนด์ เขาเปิดให้ผมฟัง  ‘Bitch you don’t know me ผมว่างคืนเดียวผมขอโทษที yeah!’ (ร้องให้ฟัง) คือโปรดักชันของซาวด์ เนื้อร้องมันตรงจริตผมมากเลยครับ อย่างท่อน ‘ผมคือ Malfoy ที่รัก Hermione’ เขาพูดได้อะ มันเป็นคนแบบนี้ ซึ่งแร็ปเปอร์ไทยก็มีอะไรให้พูดเยอะแยะแหละ แล้วแร็ปเปอร์ไทยก็เก่งมากแล้ว แต่มันไม่มีคนพูดแบบ PEE CLOCK ภาษามันอะ อย่าง ‘เธอไม่ได้แย่ เธอแค่แรงไปตามวัย’ โอ้โห! พูดคำนี้ได้ยังไง โคตรกวนตีน เล่นลิ้นเก่งมาก ตอนแรกผมจะเอา PEE CLOCK มาแจมให้ได้เลย มีท่อนหนึ่งในเพลงที่เหมือนจะแร็ป แต่สุดท้ายมันลงไม่ได้ ผมชอบเขามาก งานใน The Rapper เรากลับรู้สึกว่า เฉย ๆ ประมาณนึง แต่สิ่งที่เขาเขียนแบบตั้งใจเขียนมันบ้าไปแล้วอะ ก็เชียร์ เชียร์ PEE CLOCK ครับ (FJZ: อัลบั้มหน้าไหม) ผมยังคิดว่าจะคัฟเวอร์ Bitch (You Don’t Know Me) อยู่เลยอะ (หัวเราะ) แต่ว่าก็อาจจะยากหน่อย อาจจะมีคนไม่เก็ต เพราะเพลงคัฟเวอร์ก็ต้องเป็นเพลงดัง คือเพลงเขาก็ดังแหละ ดังกว่าเพลงผม แต่ก็อาจจะไม่พอหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

เห็นช่วงนี้ฮิปฮอปก็ติดกระแสเมนสตรีมแล้ว

มันมีช่องทางให้เขียนเยอะกว่า ภาษามันไปได้เยอะกว่าอะ ฟังวงอินดี้ภาษามันยังเหมือนตัน ๆ อะ แต่พอฟังฮิปฮอปภาษามันไปไกลอะ

พี่เป้ที่ออกมา 3 อัลบั้ม กำลังจะเข้าสู่อัลบั้มที่ 4 รู้สึกว่าถ้าเทียบกับคนจะอยู่ในช่วงอายุไหน

น่าจะเป็นวัยกลางคน แต่กลับกันคือไม่ได้พูดเรื่องลึก ๆ เพราะพูดเรื่องลึก ๆ ตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ตอนชุดแรกไปแล้ว เพราะตอนนั้นไม่กลัว ตอนเด็ก ๆ ไม่กลัว มั่นใจ ซ่า ไม่กลัวผลตอบรับ พอโตขึ้นมาก็เริ่มคิดเยอะขึ้น แต่ความกวนประสาทกับการเล่นลิ้นมันหายไปไม่ได้ มันต้องอยู่กับเรา อย่างชุดสามก็ ค่อนข้างเรียล ส่วนใหญ่หลายเพลงมันจะเรียล ๆ ทั้งนั้น พอมาเป็นชุดนี้เพลงเรียล ๆ มันโดนจัดเก็บไว้ก่อน โดนซ่อนไว้ก่อน (หัวเราะ) จะเป็นเพลงที่จิกกัด กวนประสาทซะเยอะ แต่ก็ไม่ได้ยัดคำเหมือนสมัยก่อนแล้ว สองชุดแรกอะยัดคำเยอะ อยากจะเล่าอะไรก็จะยัดลงไปให้ได้ จะใช้คำนี้จะทำไม ไม่คล้องจองแล้วทำไมอะ ฝรั่งก็ทำได้ อ้างฝรั่งตลอด เอะอะอ้าง Bob Dylan เอะอะอ้าง Tom Waits อ้างหลาย ๆ คน แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยากทำอย่างนั้นแล้ว อยากให้มันระรื่นหูที่สุด อยากให้มันสุนทรีย์ที่สุดในการฟัง เนื้อหามันก็ยังทำได้อยู่ แต่ก็ต้องฟังง่าย คือไม่ถึงกับฟังง่ายแบบเพลงป๊อปแต่ฟังแล้วมันต้องไม่ติดอะไรอะ พยายามให้มันเป็นอย่างนั้น ให้มันสมูธ เป็นคนวัยกลางคนที่ปากบอกว่าอยากดังนะ แต่ทำเพลงออกมามึงแบบ ไม่เคยฟังใครเลย (หัวเราะ) บอกว่าอยากให้เพลงฮิต อยากให้เพลงดัง แต่เพลงแรกชื่อ ไม่ต้องทำหรอกบุญ (หัวเราะ) มันคอนทราสต์กับตัวเองอยู่แล้ว จะดังตอนไหน (หัวเราะ) แต่ผมก็ยังอยากให้มันดังอยู่นะ ค่อนข้างจะขัดกับสิ่งที่ตัวเองพูดมากเลยอะ แล้วเพลงต่อไปก็ ชื่อเพลง รักเธอคนเดียว ก็จริงอะ แต่เนื้อหาเหวอ ๆ หน่อย ต้องรอฟัง อาจจะฟังไม่เข้าใจ คือผมก็ไม่ได้อยากให้เข้าใจนะ แต่ส่วน ไม่ต้องทำหรอกบุญอะ เข้าใจได้ เข้าใจง่าย ๆ

กับอาชีพนักแสดง อายุงานกี่ปีแล้ว เข้าที่เข้าทาง 100% หรือยัง

ตั้งแต่อายุ 21 ตอนนี้ 34 ก็ 13-14 ปีแล้ว นักแสดงมันเป็นอาชีพที่ขึ้นแล้วก็ลงตลอดอยู่แล้วอะ ไปเรื่อย ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ผมกราฟตรงไหน แต่ก็มีงานทำตลอด แล้วก็ยังแฮปปี้กับงานด้วยฮะ เพราะว่ามันเป็นอาชีพที่น่าอิจฉานะ ได้เงินก็เยอะ มันอาจจะไม่ได้เยอะมากเท่ากับการลงทุนหรือเป็นนักธุรกิจ แต่มันก็ไม่ได้ต้องใช้เงินลงทุนไง มันใช้ร่างกาย แต่พูดถึงทุนที่ใช้มันน้อย แล้วมันก็ได้เปลี่ยนตลอดเวลา การที่เราได้เปลี่ยนตลอดเวลา บางทีมันก็เป็นโชค บางทีมันก็เป็นลาภ บางทีมันก็เป็นทุกข์ มันทำให้เราได้ไปทำนู่นทำนี่ตลอดเวลา ได้ไปเล่นยูโด ได้ไปยิงปืน ได้ไปขี่ม้า ได้ไปปีนเขา ได้ไปทำอาหาร ได้ไปตัดผม ได้ไปเล่นกังฟู ได้ไปนั่งเครื่องบินฟรี ได้ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ได้ไปโดดร่ม ดำน้ำ มันคงไม่มีอาชีพไหนที่ให้เราไปทำอะไรแบบนี้อีกแล้วอะ ในขณะเดียวกันเราก็ต้องไปเล่นกล้าม (หัวเราะ) นั่นก็คือลาภของมัน แล้วผมก็ไม่อยากให้มันหยุดเลย ก็ยังแฮปปี้อยู่

แต่มันก็จะมีผลพวงของเรื่องของชื่อเสียง ฯลฯ ซึ่งผมก็เข้าใจมันแล้วนะ ยังมีจังหวะความเครียดบางอย่างที่มันเกิดขึ้น ซึ่งมันก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะแค่นี้เราก็สบายกว่าคนอื่นแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอาชีพที่เรารัก ถ้าพูดแบบภาษาพุทธก็คือ มนุษย์เกิดมาใช้กรรมอะ สุขของเรามันเป็นเหมือนแอร์ สมมติว่าอุณหภูมิห้องร้อน 35 เราเปิดไปที่ 22 ก็จะลดไป 22 นั่นคืออุณหภูมิปกติของเรา ในขณะเดียวกันถ้าเราเจอเรื่องอื่น ร้อนอีกทีนึง ก็จะกลับมาที่ 22 ไม่ว่าจะสุข จะทุกข์แค่ไหน สุดท้ายก็ได้แปปเดียว มันจะกลับมาที่ 22 อันนี้ผมอ่านหนังสือมานะครับ อันนี้ไม่ใช่ไอเดียผมนะ (หัวเราะ) เรื่อง ‘เซเปียนส์: ประวัติย่อมนุษยชาติ’ ครับ ทุกคนควรอ่านครับ เรื่องแอร์มันคือหลักการความสุขตามหลักวิทยาศาตร์ แบบ โอ้ว เราสนุกมาก วันนี้เราได้รางวัล วันนี้เพลงเราฮิตล้านวิว เดือนนึงต่อมา มันกลับมาที่ 22 ทุกอย่างเกิดขึ้นแปปเดียว ตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเข้าใจการเป็นดารา 100% หรือยัง ไม่กล้าตอบว่าเข้าใจ แต่คิดว่าเข้าใจการเป็นดารานะ แล้วก็เข้าใจวัฏจักรของมัน คือผมคิดมาตลอดแล้วผมก็คิดว่าผมคิดถูกด้วย ถ้าเราทำอะไรไม่ผิดกฎหมาย แล้วก็ไม่ผิดศีลธรรม ผมว่ามันไม่น่าจะผิดเกินไป แล้วผมก็พยายามไม่เอาตัวเองไปยุ่งกับกระแสเลยอะ ผมว่ากระแสมันมาเร็วไปเร็วมาก ๆ เลย แต่สิ่งที่คนจำได้เขาก็จะตราหน้าเราว่าเป็นแบบนั้น บางทีคนเรามันเปลี่ยนตลอด เราก็เปลี่ยน เราเคยชอบพูดเรื่องการเมือง เราเคยชอบนักการเมืองคนนี้ อีกวันนึงเราก็เปลี่ยนได้ เพราะเขาทำไม่ถูกใจเรา ถ้าเราชอบแล้วเราไปบอกปุ๊บ เขาก็จะตีหน้าว่า เอ็งชอบคนนี้ ซึ่งความจริงแล้วความคิดมันเปลี่ยนได้ รวมถึงกระแสแบบนู้นแบบนี้ อย่างเรื่องบางเรื่องที่เรารู้ว่าจริง แต่พอไปยุ่งกับมัน กลายเป็นเรื่องไม่จริง หรือมีอีกแง่มุมโผล่นึงขึ้นมาอะ อ่าว แล้วเราจะกลับไปแก้ยังไง ไม่ทันแล้ว เราเลยพยายามไม่เอาตัวไปยุ่งกับกระแสหรือเรื่องของคนอื่นเลย

เรื่องนี้ผมว่าสำคัญนะ สำคัญมากสำหรับการเป็นดารา เพราะคนที่ดูเราเขาเป็นคนทุกกกลุ่ม เราอยากให้คนทุกกลุ่มเขาได้ดูแล้วเขาแฮปปี้กับตัวละครตัวนั้นโดยที่ไม่ต้องมีเรื่องส่วนตัวของเราเข้าไปเกี่ยวกับคาแร็กเตอร์ตัวนั้น เกี่ยวน้อยที่สุดยิ่งดี แต่บางทีคนเขาก็สนใจเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงาน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เราอยากให้มันเกี่ยวกันร้อย เพราะฉะนั้นเราจะยุ่งเฉพาะเรื่องของตัวเองพอ ในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กอะ เราควรทำแบบนี้ แล้วอีกอย่างคือคนสนใจเราน้อยลงกว่าตอนที่เราเข้าวงการใหม่ ๆ ที่เรามีแฟนเป็นดาราด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงหนีไม่ได้ แต่ตอนนี้เราหนีง่ายขึ้น เพราะคนสนใจเราน้อยลง นี่คือสิ่งที่เราเข้าใจว่า มันคือวัฏจักรของมัน นั่นเอง

บทที่ประทับใจที่สุดที่เคยเล่น

คือผมพยายามรับงานหลากหลายนะ บทที่ชอบก็มี ผมพูดไปบ่อยแล้ว แต่ที่ประทับใจมันจะมีบทที่กลับไปเล่นไม่ได้แล้ว คือบทพายุ ของ ‘รักสามเศร้า’ คุณไม่มีทางกลับไปเป็นวัยรุ่นมหาลัยได้อีกแล้วอะคือพี่ต้อมเคยบอกผมตอนที่แคสติ้ง ว่าบทแบบนี้มึงไม่ได้เจอบ่อย ๆ หรอก ชีวิตนี้นะ ผมก็เออ มันจริง มันไม่มีทางกลับไปเป็นวัยรุ่นมหาลัยแอบรักเพื่อนได้แล้วอะ ไม่ใช่แค่อายุ แต่เป็นทุกอย่างเลย เราอาจจะหลอกให้กลับไปได้ใน flashback อะไรอย่างนี้ แต่ถามว่าตัวตนจริง ๆ ที่จะเล่นมันไม่มีทางกลับไปได้แล้วอะ แล้วตอนนั้นมันก็สดมากด้วยนะ เราก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรกับการทำงาน แต่มันก็ออกมาเป็นผลงานที่ เออ มันก็ดีเหมือนกัน คนก็จำได้

อย่าง ‘ขุนพันธ์ 2’ ก็ชอบมาก เป็นบทบาทที่แบบ โอ้ บ้าบอ ทำการบ้านเยอะมากเพราะมันไม่ใช่ตัวเองเลย ต้องเล่นเป็นโจร ชื่อเสือไบ ขี่ม้า ยิงปืน ควงปืน บุกตะลุย บู๊ เล่นกล้าม แข็งแรง (หัวเราะ) ถอดเสื้อออกมาต้องไม่แพ้อนันดาอะ โจทย์คืออันนี้เลย ทำยังไงไม่ให้แพ้อนันดา (หัวเราะ) โคตรหนุกอะ ถ่ายกาญจนบุรีต้องแบกข้าวกล่อง ใส่น้ำแข็ง แล้วไปอุ่นที่เซเว่น ไปกินที่กอง กินแกงเผ็ดหมูป่ากับเขาไม่ได้นะ เดี๋ยวไม่ล่ำ (หัวเราะ) ต้องกินอาหารคลีน เพราะว่ามันก็คือการรับใช้บทบาทตัวละคร ต้องเป็นโจร แล้วเราต้องสู้กับขุนพันธ์ ที่เป็น อนันดา เอเวอริ่งแฮม มนุษย์ที่แข็งแรงที่สุดโดยพันธุกรรมมาแล้วอะ (หัวเราะ) พี่อนันดานี่แข็งแรงจริง ๆ นะ พันธุกรรมเขาโหดมากอะ วิดพื้นแปปเดียวก็กล้ามเบ้อเริ่มแล้วอะ เป็นยีนที่แข็งแรง สมองอะไรงี้อีกแบบนึงเลยอะ แล้วเราต้องไปสู้กับคนแบบนั้น เราก็ต้องพยายามมากหน่อย ตอนนั้นถ่ายละครอยู่สองเรื่อง ถ่ายหนังเรื่องนึง กลับมาบ้านแทนที่จะนอน ต้องไปบ้านเพื่อนเพื่อไปโหนบาร์ก่อน (หัวเราะ) ต้องทำให้ครบรอบก่อน แล้วถึงจะไปนอน ไม่งั้นก็รับใช้บทขุนพันธ์ไม่ได้ แต่พวกปืนหรือพวกขี่ม้าเราฝึกมาก่อนอยู่แล้ว แต่ day job คือ ต้องล่ำ ยาก

Aragochina Pae Arak Standing Fungjaizine

ฝากผลงาน

ฝาก ม่ต้องทำหรอกบุญ แล้วก็เพลงต่อไปรับรองว่าเหวอแน่นอน ถ้าคุณเหวอกับเพลงนี้แล้ว ถ้าคุณกำลังเดาอยู่ว่ามันจะออกมาเป็นท่าไหนคุณเดาไม่ถูกหรอกครับ เพราะผมยังเดาไม่ถูกเลยเวลาผมทำ (หัวเราะ) ผมส่งเพลงไปให้พี่ฮิวโก้ทีไรคิดว่ามันจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ พอวันต่อมามาทำ อ่าว มันเป็นแบบนี้เหรอพี่ แบบนี้ก็ได้หรอ อะ ได้ก็ได้ (หัวเราะ) นี่แหละ ข้อดีของการมีโปรดิวเซอร์ ตอนเด็ก ๆ เราคิดว่าเรารู้ทุกอย่าง เราทำแบบนี้ แต่ความจริงแล้วบทเพลง เนื้อทำนอง มันสามารถแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ ได้อีกเยอะ

 

อ่านต่อ

‘ไม่ต้องทำหรอกบุญ’ ซิงเกิ้ลใหม่ชวนตกนรกจาก Pae Arak and The Pisat Band
Wood and steel ไม้ 8 เพลง เหล็ก 8 เพลง จากเป้ อารักษ์ แอนด์ เดอะปีศาจแบนด์
เป้ อารักษ์
Arak and the Pisat Band : Lonely boy

 

ติดตามได้ที่ Facebook ฟังใจ – Fungjai

Facebook Comments

Next:


Malaivee Swangpol

มิว (เรียกลัยก็ได้)​ โตมาข้าง ๆ วงมอชแต่ตอนนี้ฟังทุกแนว ชอบอ่านหนังสือ ตามหาของกินอร่อย ๆ และตอนนี้ก็คงกำลังวางแผนเที่ยวรอบโลกอยู่