Between the Lines

กึ่งหลับกึ่งตื่น โดย Inspirative

  • Writer: Montipa Virojpan

กึ่งหลับกึ่งตื่นInspirative

เนื้อร้อง/ทำนอง : วุฒิพงศ์ ห่วงเพชร
เรียบเรียง : นพนันทน์ พานิชเจริญ

 

ได้เพลงนี้เพราะผีอำ

นพ: ส่วนนึงมาจากคอนเซปต์ของอัลบั้มด้วยครับที่เกี่ยวกับผีอำ เพลง กึ่งหลับกึ่งตื่น พูดถึงตอนกำลังถูกผีอำเลย

ตั้ม: ตอนแรกที่เขียนเพลงนี้ขึ้นมาเพราะวงได้ธีมอัลบั้มเรื่องการโดนผีอำ ก็เลยกลับมาเขียนอะไรที่มันเป็นเหมือนเพลงร้องที่เป็นธีมบอกถึงอัลบั้ม เพลงนี้จะเป็นเหมือน ระฆังลม ในชุดแรกที่เป็นการขมวดปมเรื่องความทรงจำ ส่วนเพลงนี้ก็เลยลองเขียนเกี่ยวกับผีอำดู แต่ด้วยความที่เป็นคนเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งก็เลยเน้นไปทางบรรยายภาพ บรรยากาศ ความรู้สึกมากกว่า ตามประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาบ้าง

ประสบการณ์ตรงจากสมาชิกวง

นพ: ผมโดนเองครับ (หัวเราะ) ไม่เชิงเป็นการอำแบบขึ้นเหยียบหน้าอกอะไรแบบนี้นะ ตอนนั้นกำลังนั่งทำเพลงอยู่ เป็นช่วงที่กำลังคิดตั้งชื่อเพลง Why อยู่พอดีด้วย ก็เคลิ้ม ๆ จะหลับ ๆ อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงคนมากระซิบข้างหูว่า “ลองนับ 1 ถึง 7 ดูสิ” เป็นเสียงผู้ชาย กระซิบแบบใกล้มาก ๆ ก็เลยสะดุ้งตื่น ตกใจ คิดว่า หรือว่าเพลงนี้จะต้องตั้งชื่อว่า One to Seven กันนะ แต่สุดท้ายก็ไม่เอา เอาเป็น Why แทน หลังจากนั้นก็มาเล่าให้เพื่อนในวงฟัง คุยกัน เลยเกิดไอเดียว่า น่าจะเล่นเรื่องเกี่ยวกับผีอำในหลาย ๆ มุม ประมาณว่า ผีคือใคร ทำไมมาอำ มาดีมาร้าย มาอำได้ยังไง ฯลฯ คิดทั้งในมุมไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ทั้งมุมพิศวง น่ากลัว โรแมนติก ไม่อยากให้เป็นมุมน่ากลัวเพียงอย่างเดียว อะไรประมาณนั้น เกือบทุกเพลง จะร้อยเรียงอารมณ์เกี่ยวกับผีอำกันอยู่จาง ๆ

ทำไมเปลี่ยนใจไม่ใช้ชื่อ One to Seven แล้ว แต่เป็น Why

จำไม่ค่อยได้ว่าทำไม แต่เหมือนคุยกันหลายชื่อมาก แล้วรู้สึกว่า One to Seven ชื่อมันไม่เข้ากับบรรยากาศเพลง เลยไม่เอา Why มันดูน่าสนใจกว่า

เลยเป็นที่มาของชื่ออัลบั้ม Mysteriously Awake

นพ: ถูกต้องนะคร้าบบ (หัวเราะ) ตื่นอย่างมีเงื่อนงำ ใช่เลย

เพลงอื่นเกี่ยวกับผีอำยังไง

นพ: เพลงแรก แค่อดีต เป็นการปูเรื่องและเชื่อมโยงกับอัลบั้มเก่าที่พูดถึงความทรงจำในอดีต เนื้อหาจะเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องอดีต ๆ ผลกระทบจากความทรงจำนั้น

เพลงสอง Atonia อันนี้เริ่มหลับละ Atonia เป็นอาการทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เกิดผีอำ

เพลงสาม Mysteriously Awake ชื่อเดียวกับอัลบั้ม จะพูดถึงอาการเคลิ้มแล้ววาร์ป จะฝันก็ไม่เชิง คือแบบ เคยตื่นมาแล้วรู้สึกว่า นี่อยู่ที่ไหนวะ มั้ย อะไรแบบนั้น เพลงนี้ก็ขยี้อาการนี้โดยพาวาร์ปไปที่นึงที่ให้ความรู้สึก nostalgia โหยหาอดีตเล็กน้อย

เพลงต่อมา กึ่งหลับกึ่งตื่น อันนี้พูดถึงจังหวะที่โดนผีอำเลย อำแบบว่า ขยับตัวไม่ได้ มีคนมายืนปลายเตียง อะไรแบบนั้น

ส่วน อุโมงค์เวลา อันนี้เป็นการเติมบรรยากาศกึ่งจริงกึ่งฝันให้กับอัลบั้มเข้าไปอีก จะเล่าเป็นแนว sci-fi นิด ๆ โรแมนติกหน่อย ๆ แบบเดินเข้าไปในอุโมงค์เวลาเพื่อจะไปสักที่นึง แล้วไปเจอผู้หญิงคนนึงเดินสวนมา ร้องไห้ด้วย ก็ทักทายกันแล้วผู้หญิงก็บอกว่า อย่าไปเลย ที่อนาคตมันไม่มีอะไรหรอก

ต่อมา เพลง Why เป็นเพลงต้นเรื่องของคอนเซปต์ผีอำ บรรยากาศเพลงจะค่อนข้างอุ่น ๆ ดูคลี่คลายลง ดูเป็นจริงมากขึ้น เหมือนดึงคนฟังกลับมาจากโลก sci-fi

เพลงสุดท้าย เป็นการหลุดพ้นจากสภาวะทั้งหมด ชื่อเพลง After 27, I’m Alive เป็นการล้อกับอาถรรพ์ 27 ที่คนดังมักชอบตายกันตอนอายุ 27 เป็นการล้อคำ ในสภาวะหลุดพ้นจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ทำไมถึงให้เพลง กึ่งหลับกึ่งตื่น เป็นอะคูสติก

นพ: ที่เล่นเป็นอะคูสติกเพราะจังหวะตำแหน่งของเพลงในอัลบั้มมันน่าจะลงตัวกับเพลงที่เบาหูลงหน่อย เป็นการพัก

 

เหมือนมีบางอย่าง ยังตกค้างในใจ และฝังรากลึกเอาไว้

ตั้ม: บรรทัดแรกนี่ตั้งใจขึ้นมาเป็นเหมือนคล้าย ๆ บทนำเกริ่นเข้าเรื่อง เพราะตอนที่หาข้อมูลสภาวะผีอำ เขาบอกว่าภาพหลอนที่เห็นมาจากประสบการณ์ ความเชื่อ หรือเรื่องราวในอดีต เราก็เลยคิดเป็น คีย์เวิร์ด ขึ้นมาว่า จิตใต้สำนึก เราก็เลยเกริ่นด้วยความรู้สึกที่เรานึกถึงจิตใต้สำนึก กลายมาเป็นท่อนนี้ครับ มันเหมือนเป็นสิ่งที่อยู่ลึกซึ่งจริง ๆ แล้วฝังอยู่ในตัวเรา

เหมือนเราอยากจะลุกก้าวเดินออกไป ทั้งที่ใจหมดไม่เหลือเรี่ยวแรงเคลื่อนไหว

ตั้ม: อธิบายภาพและความคิดที่นึกขึ้นได้ตอนโดนผีอำ
นพ: ขยับตัวไม่ได้นั่นเอง

เมื่อความฝันทับซ้อน ยอกย้อนความจริง คล้ายทุกสิ่งเคว้งลอยคว้าง

ตั้ม: อธิบายถึงความรู้สึกตอนที่เราโดนผีอำ เรารู้สึกว่า เออ นี่มันจริงหรือฝัน ท่อน ‘คล้ายทุกสิ่งเคว้งลอยคว้าง’ อันนั้นแอบเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาใส่ไป เพราะตอนนั้นที่โดนผีอำ เราจะเห็นแค่คนนั้น แต่ก็อาจจะไม่ใช่คนมั้งนะ ยืนอยู่ แล้วเห็นภาพเรานอนอยู่ แล้วของในห้องมันหายไป เหมือนไม่มีกำแพง ไม่มีโต๊ะ ไม่มีเตียง เหมือนตัวเองลอยอยู่ จ้องหน้าเขาอย่างเดียวเลย เหมือนโดนสะกดจิต (หัวเราะ) เพราะว่าเราตั้งใจให้มันก้ำกึ่ง แบบเปิด ๆ ไว้ให้คิดไปถึงเรื่องความรักได้ ถ้าใครจะคิดถึงเรื่องความรัก หรือคนรักในอดีต ก็ไม่ผิดครับ เพราะตอนแรกพี่นพฟัง พี่นพก็คิดว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก (หัวเราะ)

เหมือนยังคงหลับไหล แต่ข้างในยังตื่น เหลือเพียงความรู้สึกขมขื่น ที่เธอหยิบยื่นให้มา

ตั้ม: เป็นการอธิบายความรู้สึกตอนโดนผีอำเหมือนกันครับว่าตอนนั้นตัวเองรู้สึกยังไง แต่แอบใช้สรรพนามของสิ่งที่เราเห็นเป็น เธอ เพื่อลดความชัดของเรื่องที่จะสื่อลง ที่ทำเพราะว่า อยากจะให้คิดได้หลายทางมากกว่ามั้ง เพราะถ้าเราแทนคำว่า ‘เธอ’ เป็น ‘ผี’ เพลงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องความรักอีกต่อไป

คล้ายยังคงไขว่คว้า แต่กลับเหมือนไม่เคยได้มา ที่ดึงฉุดฉันจากภวังค์ที่เลือนลางผ่านสายตา

ท่อนสุดท้ายนี่พูดถึงช่วงใกล้จะตื่นแล้วครับ เหมือนเราเริ่ม ๆ ขยับตัวได้บ้าง คือ ตอนที่โดนผีอำ เราคิดว่าจะลุกไปคว้าตัวไว้ เพราะตอนนั้นคิดว่าเป็นโจรหรือเปล่า พอจะถึงตัวก็หายไป เลยตื่นขึ้นมาจากสภาวะนั้น

 

เนื้อเพลงส่วนใหญ่ตั้มเป็นคนแต่ง

ตั้ม: น่าจะทุกเพลงนะครับ แต่บางทีก็จะได้ไกด์มาจากพี่นพ พวกเรื่องที่จะสื่ออะไรอย่างนั้น เช่น ระฆังลม พี่นพก็จะไกด์ว่าอยากพูดเรื่องอะไร

นพ: ถ้าตัวคำ ตั้มจะเป็นคนเขียนทั้งหมดครับ เพราะเราจะให้นักร้องเป็นคนเขียนคำเอง มันเข้าปากกว่า อย่าง ระฆังลม ผมจะมีเป็นลักษณะคล้าย ๆ กลอนเปล่า เป็นเรื่องราว แล้วให้ตั้มไปเขียนเนื้อเพลง

ตอนไปเล่นทัวร์ที่จีนก็โดนผีอำ

นพ: ผมโดนอีกแล้วครับ ผมจะนอนคนเดียวทุกเมือง เพราะคนเป็นเลขคี่ ปกติชอบนอนคนเดียวมากกว่าด้วย ถือว่าเสียสละเพื่อน้อง ๆ (หัวเราะ) ตอนนั้นน่าจะที่เฉิงตู โรงแรมเก่าใช้ได้ สภาพแบบว่า คือมึงมีแน่ ๆ อะ ออกไปชมเมือง ชมแพนด้ากันมา กลับมาถึงห้องประมาณบ่ายสอง นัดซาวด์เช็กห้าโมง พี่ก็กะจะตื่นประมาณสี่โมงกว่า ๆ ก็ตั้งปลุกในโทรศัพท์ไว้ แล้วก็นอนคว่ำหน้า นอนไปสักพักใหญ่ ๆ ก็รู้สึกมีคนนึงมานั่งบนเตียง ใส่เสื้อกันหนาวสีดำ ๆ เป็นผู้ชาย ไม่รู้คนเดียวกับที่มากระซิบ 1 ถึง 7 หรือเปล่า แล้วเขาเอานิ้วมาจิ้มเอวพี่ จึก ๆๆๆๆ จิ้มอยู่พักนึง พี่ก็รำคาญ แบบ เฮ้ย กูจะนอน อย่าเพิ่งมากวน คราวนี้หยุดจิ้ม ขึ้นมาทับบนหลังเลยจ้าาา ทับแบบหายใจจะไม่ออก รู้สึกหน้าชา เหงื่อออกเยอะมาก เลยฮึดพยายามลุกขึ้นมา หยิบโทรศัพท์มาดู สี่โมงตรงเป๊ะตามที่ตั้งใจจะตั้งปลุก ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผมตั้งปลุกผิดเป็นห้าโมง คือเหมือนแกมาปลุกอะ จิ้มเอวแล้วไม่ตื่น เลยขึ้นเหยียบแม่งเลย (หัวเราะ) แล้วนึกถึงตอนเล่นเสร็จจะกลับมานอนสิ คือ รู้แน่ ๆ ว่ามี แล้วต้องนอนคนเดียว ก็เลยบอกไปว่า จะมาก็มา แต่อย่ามากวนจนนอนไม่หลับละกัน เหนื่อย พรุ่งนี้ต้องย้ายเมืองแต่เช้าด้วย เข้าใจตรงกันนะ แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลับสบาย

ปกติเชื่อเรื่องพวกนี้ไหม

นพ: ส่วนตัวผมเชื่อ แต่ไม่ค่อยกลัว มีกลัวบ้างบางทีถ้าบรรยากาศมันพาไป ส่วนมากจะกลัวมากวนจนนอนไม่หลับมากกว่า

ตั้ม: ผมเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง แต่คิดว่าน่าจะมี และกลัวมาก ๆ ด้วย (หัวเราะ)

ฝากผลงาน

นพ: กำลังเริ่มทำอัลบัมใหม่กันอยู่ อันนี้ระยะยาว ส่วนระยะสั้น จะมี MV ตัวใหม่เร็ว ๆ นี้ แล้วก็เปิดตัวเพลงบางเพลงที่ไม่เคยเล่นที่ไหน เร็ว ๆ นี้ เป็นเพลงประกอบหนัง แล้วก็ระยะกลาง อาจมีคอนเสิร์ตแบบ exclusive ให้รอติดตามครับ ถ้ามีตังค์ก็ทำ (หัวเราะ)

อยากฝากบอกอะไรกับใครที่มากระซิบตอนนั้นไหม ที่ทำให้เกิดเป็นคอนเซปต์ไอเดียในอัลบั้มนี้ออกมา

นพ: อยากบอกว่า ทำอัลบั้มเสร็จแล้ว ซื้อด้วย

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้