Article Interview

Fwends ความลงตัวในรสนิยมที่แตกต่าง

  • Writer: Montipa Virojpan

เห็ดหอมเล่มนี้ เราขอพาไปเจอกับวงตัวจี๊ด ที่กำลังมาแรงแซงโค้ง และล่าสุดพวกเขาเพิ่งปล่อยเพลงใหม่ที่สลัดภาพเดิมในสุ้มเสียงที่เราคุ้นเคยไปเกือบหมด มาพูดคุยกับการเดินทางครั้งใหม่ของ Fwends ได้แล้วที่นี่

Fwends: เมย์ (กีตาร์, ร้องนำ) ตอง (กีตาร์, ร้อง) เอก (กลอง) ฟ้าใส (คีย์บอร์ด, แดนเซอร์) กร (เบส, เกมเมอร์)

fw_04

ทำไมต้อง Fwends

เมย์: จริง ๆ ตอนแรกคิดไว้หลายชื่อแต่คิดไม่ออก มันมา end up ด้วยชื่อนี้เพราะว่าเราคิดว่าถ้ามันเป็น fwends เหมือน friends เพื่อน เนี่ยแหละ จะเป็นไง แล้วไปเสิร์ชก็เจอว่าชื่อนี้จริง ๆ มีความหมายว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากกว่าเพื่อนธรรมดา มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่คนรัก แต่ไม่ได้แปลว่ากิ๊กนะ มันแปลว่า best friends แหละ มันมีความหมาย แค่ไม่ได้สะกดด้วยตัว r แต่เป็น w มันเลยน่าสนใจดี ตอนที่เลือกเพราะเราอยากได้ชื่อพยางค์เดียว มี Shops มีอะไรก็ไม่รู้ตอนนั้น เยอะมาก ก็เลยเอาชื่อนี้ละกัน

เอก: จริง ๆ แค่อยากได้ชื่อที่มาทำอาร์ตเวิร์กแล้วสวยอะ แค่นั้นแหละ คำมันสวย

ฟ้าใส: เราน่าจะเขียนวิธีสะกดคำลงไปในบทสัมภาษณ์ด้วยนะ

เมย์: จริง ๆ มันก็อ่านเหมือน Gwen ปะ แค่เปลี่ยนเป็นตัว f

ฟ้าใส: มีคนเคยไปบอกกันต์ ฮอร์โมนส์ ให้พูดว่า ฟู เอ็น เร็ว ๆ มันจะกลายเป็นเฟว็นส์

เมย์: พี่ว่ามันซับซ้อนไปนะ

มาเจอกันได้ยังไง

ฟ้าใส: พรหมลิขิตค่ะ

เมย์: พรหมลิขิตพ่อม ทีแรกสี่คนอยู่ Cloud Behind พอตวนไปเรียนต่อก็เบรกวงนั้นมาทำวงใหม่ แล้วขาดมือเบส เมย์ก็เลยชวนกรมา กรเคยอยู่วง Mickey Moose ตอนเด็ก ๆ

Cloud Behind จะกลับมาทำใหม่

เมย์: ใช่ ๆ ก็รอตวนกลับมาปลายปี แล้วตวนก็จะทำอัลบั้มให้เสร็จ มีเพลงแทบจะครบแล้วแหละ แต่กว่าอะไรจะเสร็จก็น่าจะปีหน้า

ตอนทำ Fwends คือตั้งใจจะทำเพลงแนวนี้เลยหรือเปล่า

ตอง: ไม่รู้เลย

ฟ้าใส: ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำอะไร

เมย์: ตอนแรกห้าคน reference ที่เอามาแชร์กันต่างกันมาก เอาแบบนู้น เอาแบบนี้ แต่เวลาซ้อมออกมาแล้วมันเป็นอีกแบบ ก็เลยเอามันแบบนี้แหละ

กร: ตอนแรกคือมีนัดคุยกันเลยว่าอยากได้แบบ Yuck แบบ The Pains Of Being Pure At Heart เป็น shoegaze คึก ๆ แต่พอเล่นแล้วไม่ได้เลย

เอก: พอมาทำแล้วก็เหมือนมันน่าเบื่อ เบื่อกันเอง

กร: มันก็เลยเกิดเป็น Fade Away พอเป็นเพลงนี้มันก็เลยเป็นเสาขึ้นมาหนึ่งเสา ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ แต่จริง ๆ แล้วเสานี้มันคืออะไร ก็ยังไม่รู้

fw_01

มาเคาะเป็นแบบนี้ได้ไง

เมย์: เราว่าเราเจอทาง ไม่ได้ดูไกด์แบบ Yuck แล้ว ไม่มี reference แล้ว มันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เหมือนเราเจออะไรใหม่ ๆ ความชอบของแต่ละคนก็เปลี่ยนไปด้วย อย่างเราเมื่อก่อนเราอาจจะชอบ indie pop, dream pop อะไรนู่นนี่นั่น แต่เป็นเพราะติดเพลงที่กรฟังมากขึ้น ก็รู้สึกว่าเราชอบเพลงที่เต้นรำได้มากกว่า เรารู้สึกเบื่อกับเพลงแบบนั้นแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่ดีนะ เราเล่นแล้วเราเบื่อ ก็คิดว่า เราเล่นแล้วมันยังเบื่อเลย คนดูก็คงเบื่อมั้ง ก็เลยอยากหาอะไรที่มันตื่นเต้นและใหม่สำหรับวง

แต่ละคนชอบอะไรกันมาก่อน

กร: ถ้าย้อนไปตอนนู้นเลยเราก็อาจจะติด electronic dance แต่อีกฝั่งก็จะเป็นพวก shoegaze พร่า ๆ

ฟ้าใส: เกาหลีค่ะ Lim Kim, Hyuk Oh, Dear Cloud ไม่ใช่เกิร์ลกรุ๊ป บอยแบนด์ แล้วก็ Tegan and Sara

ตอง: พวก 90s The Smith, Morrissey ไม่ได้เปลี่ยนแปลงครับ แค่อัพเดตตลาดใหม่ ๆ ขึ้นแต่จะฟังพวกนั้นบ่อยกว่า

เอก: พวกพั้งค์ จะต่างจากคนอื่นหน่อย เพลงเสียงดัง ๆ ไรงี้ คนอื่นจะมาทางพวกอินดี้ร็อกมากกว่า เราก็ฟังพวกบริทป๊อปอะไรอย่างนี้ด้วยซ้ำ ตอนแรก ๆ post punk

 

เสน่ห์ในเพลงของ Fwends คืออะไร

เมย์: เสียงของนักร้อง (หัวเราะ)

ตอง: เพลงเรามีความเซอร์ไพรส์

ฟ้าใส: เหมือนมันแรนด้อมกันมา

กร: ตอนออกมาแต่ละเพลงไม่เหมือนกันเลย แต่ถ้ามองในมุมคนทำ มันก็มีบรรยากาศอะไรที่มันเป็น Fwends อยู่ ถึงแม้ว่าสี่เพลงมาไม่เหมือนกันเลย มันมีบรรยากาศอะไรก็ไม่รู้ที่มันเป็น Fwends

เมย์: มันไม่ได้ไม่เหมือนกันจนหลุดอะ เหมือนเรามาฟัง Where Do We Go?แล้วมาฟัง For a While ต่อด้วย Fade Away แล้วจะไม่รู้ว่านี่คือวงเดียวกัน มันไม่ขนาดนั้นอะ มันยังมีความเป็นวงนี้อยู่ แต่ถามว่าแนวอะไรก็ยังไม่รู้ แล้วแต่คนนู้นคนนี้จะเรียก เห็นบางคนก็เอาไปเขียน electronic pop แต่เราว่ามันไม่ใช่

ฟ้าใส: ส่วนใหญ่ก็เขียน synth pop

กร: มันไม่ได้ synth ขนาดนั้น

เมย์: แล้วมันก็ไม่ได้ pop ด้วย

ตอนเปิดตัว Fade Away เหมือนเรากลับมาเป็นวงหน้าใหม่อีกรอบ แต่ผลตอบรับดีมาก

เมย์: ก็ดีใจนะ ตอนนั้นมันเริ่มแบบ ไม่เหมือน Cloud Behind เหมือนตอนนั้น Cloud Behind คนที่เป็นแกนหลักคือตวน แล้วตวนมันรู้ว่าตัวเองทำอะไร เราว่า โอเค ทุกคนช่วยกันทำก็จริง แต่เพลง เนื้อ ทุกอย่างมันมาจากตวน มันมีความเป็น Cloud Behind มาก เพลงที่ทุกคนฟังก็รู้ว่าเป็น Cloud Behind ของ Fwends มันคือการมาช่วยกันทำจริง ๆ อะ Fade Away มันเหมือนแต่ละคนไม่ได้มี source ว่าจะทำอะไร มีภาพในหัวยังไง ไม่มีอะไรเลย มันเริ่มมาด้วยกันจริง ๆ มันก็เป็นการทดลองตอนปล่อยออกไปว่ากลุ่มคนฟังเขามี feedback ยังไง แล้วพอมันโอเค เราก็อยากทำต่อแหละ

ตอง: มีคนติดภาพ Cloud Behind แรก ๆ แล้วพอเขาฟัง เขาก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ก็จะมีคนที่เฟดออกไป แล้วก็จะมีคนใหม่ ๆ เข้ามา

เอก: มันก็มีนะ เหมือนตอนที่ทำ Cloud Behind แฟนเพลงยังพูดคุยกันอยู่ แต่พอทำ Fwends เขาก็หายไปเลย (หัวเราะ)

เฟลไหม

ตอง: ไม่เฟล เฉย ๆ มันก็สิทธิ์ของเขา

เมย์: เคยตั้งบูธ Fwends ในงาน Cat แล้วมีคนมาถามว่า พี่มีแผ่น Cloud Behind ไหม เราบอกไม่มี เขาก็ไม่ซื้อ หนีไปเลย ไม่ซื้อ Fwends ด้วย

ฟ้าใส: Fade away เลย

เอก: ก็จะได้รู้ว่าเขาก็ชอบเราที่ผลงาน

มีหลายคนเสียดาย Cloud Behind ฝากอะไรถึงคนเหล่านี้หน่อยไหม

ตอง: เราเสียใจด้วยครับ

เมย์: ไม่ต้องเสียใจค่ะ คุณไม่ได้ไปต่อ หลอก ๆ แต่เดี๋ยวมีอัลบั้มให้ฟังแน่นอน เมื่อไหร่ก็อีกเรื่องนึง

ตอนปล่อย Why Can’t You See รู้ปฏิกิริยาคนฟังบ้างไหม ดูช็อกหลายคน

เมย์: เพลงนี้ feedback คนฟังก็ดูเปลี่ยนไปนะ เซอร์ไพรส์อะ มันกลายมาเป็นแบบนี้หรอ เราว่า Where Do We Go? ต่อให้เราพูดว่าเพลงเราไม่มุ้งมิ้งอะ แต่ด้วยเสียง ด้วยเพลงอย่างนั้น คนก็จะติดภาพแบบนั้น แล้วพอมาเป็น Why Can’t You See เราก็ไม่ได้ร้องเหมือนเดิม ดนตรีก็มีกรูฟมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็เซอร์ไพรส์นะ แบบ อุ้ย เปลี่ยนไป

ตอง: มันดูเข้าถึงคนที่ grown-up ขึ้น เพราะพวกเราก็ grown-up ขึ้น

 

ตอนทำเพลงนี้คิดอะไรอยู่ มันฉีกออกมาเลย

กร: จริง ๆ มันก็เป็นเพลงนึงที่เกิดในช่วงที่มีไอเดียเข้ามาว่าอยากทำเพลงให้สนุกขึ้น ประกอบกับตัวเราที่ตอนนั้นเล่น Fade Away นิดเดียวด้วย ไอ้เพลงนี้ก็อยากจะฉีกจากแค่สายคนดู ก็เลยเป็นอะไรไม่รู้มา แบบแจม ๆ กันมาเรื่อย ๆ เรารู้สึกว่าเบสมันไม่ค่อยมีอะไรก็อยากให้เบสมีอะไรบ้าง

เมย์: กีตาร์ดีดเล่นมั่ว แล้วมันเด้งขึ้นมา ก็ไม่รู้ มันเริ่มมาตั้งแต่แรก ๆ เลย แต่เหมือนเรายังไม่พอใจสักทีก็ทิ้ง ๆ ไว้

เอก: มันมาตั้งแต่ช่วง Fade Away เสร็จแรก ๆ แล้ว

เมย์: ที่เพิ่งมาปล่อยเพราะรู้สึกว่าก็ทำการบ้านกับมันเยอะเหมือนกัน เวอร์ชันเก่ามันยังไม่โอเค ยังไม่เป็นเพลงที่ลงตัว แล้วพอมาคุยกันว่าทำยังไงให้มันเซอร์ไพรส์วะ เราเบื่อการที่เข้า verse แล้วต่อไปต้องเป็นฮุคนะ คนจะจำแพตเทิร์นเพลงเป็นแบบนี้ หรือว่าเราจะมาบิ๊วในท่อนที่จะกลับมาเป็นฮุคอะ คนคงคิดว่าตรงนั้นบิ๊วแล้วจะไปโซโล่ เราก็กลับมาเล่นฮุคเบา ๆ แล้วค่อยไปโซโล่ เราว่ามันเป็นรายละเอียดที่เราสนใจมากขึ้น

ตอนเพลงติดชาร์ตหลาย ๆ ที่ รู้สึกยังไงบ้าง

ตอง: ชาร์ตไหนมั่งวะ ชาร์ตหน้าตอนบ่าย ๆ (หัวเราะ)

เมย์: ก็รู้สึกขอบพระคุณที่ให้โอกาส ก็เดี๋ยวเจอกันเห็ดสดหน้านะคะ

กร: แค่ฟังก็ดีมากแล้ว ขอบคุณทั้งฟังใจและ Cat ด้วยครับ

fw_02

ตอนนี้ทำอัลบั้มเต็มกันอยู่

เมย์: คิดว่าจะได้ฟังกันสิ้นปีนะ

มีอะไรเซอร์ไพรส์อีกไหม

เอก: ตองแก้ผ้าเล่น

เมย์: ก็มี แต่ยังไม่รู้ คิดว่ามันก็จะหลุดจากสามเพลงแรกแหละ

ความยากระหว่างการทำงาน

ฟ้าใส: การสื่อสาร

เอก: มันเหมือนวงไม่ได้มีใครเป็นแกนหลักเหมือนตอนทำ Cloud Behindมันเหมือนทุกคนเท่ากันหมด ไม่มีใครไกด์ขึ้นมาก่อน มันก็ค่อนข้างยากในการตัดสินใจนิดนึง เวลาไม่ลงตัวก็มีบ้าง โดยเฉพาะเราช่วงนี้

เมย์: นี่ลาออกจากงานแล้วอะ ก็คิดว่าคงจะมีเวลากับวงมากขึ้น

เคยมีตอนไปเล่นที่ไหนพีค ๆ มั้ย

ฟ้าใส: มีคนมาเชียร์เราหนึ่งคน

เมย์: เป็นงาน flea market ที่งง ๆ ไม่เข้ากับวงเลย แล้วเราก็ไปเล่น อยู่ดี ๆ เขาก็ติดต่อมา ที่ฟอร์จูนทาวน์ เป็นพนักงานออฟฟิศมาซื้อของ ก็มีทั้งคนงง ๆ แล้วก็คนที่เพิ่งฟังแล้วก็ชอบ แล้วมีแฟนคลับของวงตามมาดู 1 คน ไม่คิดว่าน้องจะไปเจออีเวนต์นี้ได้ มันเป็น flea market ที่หลุดมาก ดีใจ ซึ้งในน้ำใจน้องอเล็กซ์มาก

ตอนไปเล่นชอบงานไหนที่สุด

Fwends: Sofar Sounds

เมย์: เราชอบบรรยากาศ เหมือนคนเล่นด้วย ในงานเขามี participation ตลอดเวลา เขาดูกระหายวงอะไรแบบนี้ เขาทำให้เราอิ่มไปด้วย แล้วล่าสุดงาน Have You Heard? ก็โอเคนะ สนุก คนดูดีมาก

เอก: กับอีกงานที่ดาดฟ้า มช. ตอนนั้นงาน Cloud Behind จัดก่อนตวนไปอังกฤษ แล้ววงก็ไปเล่นด้วย

สมัยนี้ทำวงกันง่าย แต่ทางดังยากขึ้นมาก

เมย์: ก็จริงนะ ใครจะทำเพลงก็ทำได้ แต่ว่าจะทำให้มันไม่ mass ด้วย แต่ติดหูคนกลุ่มนึงด้วยมันก็ยากนะ เรายอมรับว่าสมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากเล่นดนตรี อยากมีวง แต่ว่ามันจะทำยังไงให้มีความ unique ของวง หรือหาจุดที่แตกต่างออกมา ไม่ใช่ชอบ shoegaze ก็ไปเปิด My Bloody Valentineเปิดนั่นนี่ แล้วเล่นแบบนั้น ก็ไม่น่าดังอะ ในความรู้สึกเราคือตัวเองชอบ post rock แล้วเล่นแบบที่เขาเล่นกันมา แบบนั้นมันก็ไม่ต่างจากการ cover นะ แค่เปลี่ยนเนื้อเปลี่ยนคอร์ด ในความคิดเรามันต้องทำการบ้าน แล้วรู้ว่าตัวเองจะทำอะไรมากกว่านั้นอะ

กร: แต่จริง ๆ มันก็จะมีมุมมองว่า สมัยนี้สื่อแม่งทำลายล้างเหี้ย ๆ เอาจริง ๆ สื่อมันทำให้เราเข้าถึงวงง่ายมากขึ้น แต่ว่ามองมุมคนฟังก็ต้องมาช่วยกันอุดหนุนนะ อันนั้นก็เป็นมุมที่ศิลปินต้องการรายได้แหละ แต่เดี๋ยวนี้คนฟังเขาไม่ได้ขี้ ๆ แล้ว ถ้าวงไม่ทำอะไร เขาก็เลือกที่จะไม่ฟังเราได้ เพราะก็ต้องเป็นศิลปินด้วยที่พยายามผลิตอะไรดี ๆ ออกมา ถ้าไม่ผลิต ๆๆๆ ออกมาแล้วบอกว่าคนฟังไม่อุดหนุนมันก็ไม่ถูก

เมย์: เราว่าคนฟังเปลี่ยนไปด้วยนะ เขาฉลาดขึ้น เขาเลือกมากขึ้น มันเลือกได้ มันมีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่เสมอ ถ้าเราทำงานที่ไม่ดีออกมา จะบอกว่าคำว่าอินดี้ไม่ได้แปลว่าดีนะ วงอินดี้ไม่ได้แปลว่าวงนี้ดีกว่าวงแมส มันเข้าใจกันผิดอะตรงนี้ เมื่อก่อนเรารู้สึกว่าคนฟังจะรู้สึกว่า เฮ้ย เราฟังเพลงอินดี้ว่ะ เราก็ฟังแม่งทุกวงเลยที่อินดี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าวงนี้ดีหรือไม่ดี แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป

ตอง: คือคนมันได้ educated เขาก็สามารถเข้าไปฟังใน streaming แล้วก็นั่งฟัง playlist อะไรไปจนเขาชอบ ก็เลยแข่งขันกันสูง ถ้าทำออกมาไม่ปังก็ไม่ได้ มันอยู่ที่คุณภาพเลยอะ

เมย์: แต่ lo-fi กับความกากก็ต่างกันนะ นี่ก็เป็นอีกเรื่อง

รู้สึกว่าต้องทำการบ้านเยอะขึ้นมาก แล้วเหนื่อยไหม

เมย์: เราไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยขนาดนั้นนะ คือตอนนี้เรามีอารมณ์ที่จะทำเพลง คือตอนแรกเราปรึกษาพี่ต้า Cyndi Seui ว่าเขาจะมาเป็น producer หลังเพลง Why Can’t You See คือตอนนี้ Fwends ยังทำเอง ยังแต่งทุกอย่างอยู่ แต่หลังจากนี้ พี่ต้าจะดูตอนเราแต่งเสร็จแล้วจะมาไกด์ว่าเราจะไปในทิศทางไหน หรืออะไรดี เราก็คุยกับเขาว่าเราไม่มีทางทำเสร็จทันแน่นอนถ้าเรายังทำงานประจำ เขาบอกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ถ้ารู้สึกอยู่ในอารมณ์ทำเพลงก็ออกมาแล้วทำให้เสร็จ เราก็เลยคิดว่า ออกมาเลยดีกว่า ทำให้มันจบสักอย่าง แล้วจะยังไงต่อค่อยว่ากัน

เร็ว ๆ นี้จะมีอะไรออกมาบ้าง

เมย์: มี MV Why Can’t You See ออกมา ภายในอีกสองเดือน เพราะเพลงใหม่ยังไม่มีแพลนจะปล่อย แล้วก็ MV Where Do We Go?

fw_03

เพลง Summer Love ที่เพิ่งเล่นสดไปล่ะ

เมย์: มันยังไม่ลงตัว ก็เลยยังไม่อัดกัน มันมีจุดเนือย ๆ อยู่ เวลาเล่นสดก็ยังดูสนุกได้ แต่พอมันจะเป็นเพลงมันมากกว่านั้นอะ ทั้งเมโลดี้ ร้อง เนื้อ เรายังอยากเอาไว้ก่อน เลยยังไม่ปล่อยตอนนี้ แผนตอนนี้คือปล่อยอัลบั้มเลย หลัง Why Can’t You See ถ้ามันยังไม่เงียบหายไป รอดู feedback ก่อนถ้ามันเริ่มหาย ๆ ก็ปล่อยอีกเพลงก็ได้ แล้วค่อยอัลบั้ม

ตอนนี้แต่ละคนทำอะไรกันอยู่

กร: ตัดต่ออยู่ที่ MeOur Production แล้วก็เป็นดีเจ Kova O’ Sarin  

ฟ้าใส: เรียนดนตรี รังสิต ปีสาม เป็นน้องรหัสพี่ตอง เลยดึงฟ้าเข้าวง

ตอง: เรียนดนตรี รังสิต ปีสี่ แล้วก็เปิดร้านขายแผ่นเสียง Garage Records แวะไปดื่มเบียร์ได้ครับ ลาดพร้าวซอย 8 ซอยเดียวกับ Play Yard

เอก: ทำที่ Create Intelligence เป็น Event Organiser เพิ่งทำมาได้เดือนนิด ๆ เอง

เมย์: ทำแบรนด์เสื้อผ้าชื่อ Cornerstone แล้วก็ทำเมคอัพ สไตลิสต์ ออกกองโฆษณาไรงี้

เพลงของ Fwends เพลงไหนควรเปิดหน้าร้อน

ฟ้าใส: Summer Love (หัวเราะ)

ตอง: Where Do We Go?

เมย์: รู้สึกเหมาะสุดแล้ว

กร: มีรายการ สองข้างทาง Along Way Home เป็นรายการท่องเที่ยวเอาเพลงเราไปเปิด ช่อง Thai PBS

ฝากผลงาน

ฟ้าใส: ซื้อหน่อย

เมย์: ยังมีแผ่น EP เหลืออยู่ประมาณ 50 แผ่นสุดท้าย แล้วก็งาน Cat T-Shirt เดี๋ยวไปเจอกัน มีเสื้อลายใหม่ 2 ลายที่ยังไม่ได้ทำ ฝากด้วยค่ะ

ติดตามผลงานของพวกเขาได้ที่ Fwends official fanpage และรับฟังเพลงของพวกเขาบนฟังใจได้ ที่นี่

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้