Article Interview

ชีวิตที่มีชีวิตของ Getsunova

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

ยุคนี้หากพูดถึงชื่อวงดนตรีวงนึงที่ชื่อว่า Getsunova หลายคนต้องรู้จักพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะปล่อยเพลงอะไรออกมา บทเพลงของพวกเขาก็มักจะกินใจและฮอตฮิตติดชาร์ตอยู่เสมอ ทั้ง ไกลแค่ไหนคือใกล้, คนไม่จำเป็น,  พัง..(ลำพัง) หรือซิงเกิ้ลล่าสุดอย่างเพลง รู้ดีว่าไม่ดี ที่ปล่อยออกมาแล้วก็ฮิตมากเช่นกัน ทำให้ถึงเวลาแล้วที่ Fungjaizine จะพาพวกเขามาคุยกันสักท่ แถมได้ข่าวมาว่า นอกจากซิงเกิ้ลใหม่ที่ชื่อว่า ชีวิตที่มีชีวิต แล้วปีนี้พวกเขาจะจัดคอนเสิร์ตใหญ่อย่างเป็นทางการครั้งแรกด้วย ไหนจะทำเพลงกับพี่เบิร์ด—ธงไชย แมคอินไตย์ มาอีก โอโห้ มาคุยทั้งทีมีเรื่องเพียบแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วบทสัมภาษณ์นี้จะรวมทุกเรื่องราวของวงดนตรีวงนี้ให้คุณได้อ่านกันอย่างอิ่มใจ ใครที่เป็นแฟนเพลงพวกเขา เราขอย้ำเลยว่า ห้ามพลาด !!! 

ที่มาของเพลง ชีวิตที่มีชีวิต

ณต: เพลงนี้มันเริ่มมาจาก Getsunova จะมีแต่เพลงช้าค่อนข้างเยอะ พอเล่นโชว์แล้วจะรู้สึกว่า มันไม่ค่อยมีเพลงเร็วที่คนกระโดดได้จริง ๆ สักที แล้วพี่เนมเขาบอกว่า อยากได้เพลงที่มีกีตาร์หนัก ๆ เราก็อยากจะเขียนเพลงสนุก ๆ ออกมาเช่นกัน ส่วนเนื้อหาของเพลง ชีวิตที่มีชีวิต มันเป็นเพลงที่พวกเรามองหน้ากันแล้วคิดได้ว่า เราโตแล้ว แก่ขึ้นแล้ว น่าจะพูดอะไรที่มันจริงจังในระดับนึงได้แล้ว อยากจะหลุดจากเรื่องความรักออกมาดูสักครั้ง สิ่งที่เห็นได้ชัดในเนื้อหามันจะไม่ได้เชิงพูดสอนคนว่า ออกไปใช้ชีวิตแบบนั้นแบบนี้ แต่จะพูดถึงเรื่องราวของกรอบอะไรบางอย่างที่ทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างไม่สุดทาง เราอยากจะทำอะไรที่มันแตกต่างออกไป ทำให้ทุกวันมีความหมาย เราอยากจะส่งแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างไปให้กับคนฟังที่ฟังอยู่ออกไปใช้ชีวิตให้มันมีชีวิตชีวามากขึ้นครับ 

เรื่องราวที่นึกถึงตอนเขียนเพลงนี้ 

ณต: นึกถึงตัวเองตอนเด็ก ๆ ครับ ตอนเรียนจบแล้วที่บ้านให้ไปทำงาน ไปนั่งออฟฟิศ แต่ในช่วงกลางคืนเราก็นั่งแต่งเพลง นั่งเขียนเพลง มาซ้อมดนตรีกับเพื่อน ทำวงดนตรี แปปเดียวตื่นเช้าก็ต้องไปเข้าออฟฟิศอีกแล้ว มันรู้สึกว่า นี่เป็นชีวิตที่มันมีชีวิตจริง ๆ รึเปล่า ก็เลยเนี่ยละครับเป็นเรื่องราวในเพลงประมาณนี้

ซาวด์ดนตรีในเพลงที่ต่างออกไปจากหลายเพลงก่อนของ Getsunova

ณต: จริงๆ อยากทำมานานแล้วครับ เสี้ยน (หัวเราะ) พูดกันในวงไว้ว่า เพลงนี้ต้องสนุก พอมันพูดเรื่องแบบนี้ฟังแล้วมันต้องรู้สึกอยากออกไปใช้ชีวิต ดนตรีถ้าจะมาซอฟต์ ๆ มันก็คงจะไม่ใช่เรื่อง เราเลยเอาซาวด์ที่เคยทดลองไว้ มาลองใช้ในเพลงนี้ดูครับ

กระแสตอบรับตอนแสดงสด

ณต: โครตมันเลย

ไปรท์: เพลงนี้มันเป็นเพลงที่จังหวะมันเร็วอยู่แล้ว มีท่อนให้กระโดดให้ทำอะไรค่อนข้างเยอะ โอเคเวลาเราไปเล่นคนทั้งหมดเขาคงยังร้องไม่ได้ บางคนอาจจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่กระแสตอบรับที่เห็นคืออย่างน้อยที่สุดเขาโยกตามกัน ตรงนี้มันคือเป้าหมายที่เราวางไว้แล้ว เราต้องการให้เพลงนี้มันทำหน้าที่ในการเอ็นเตอร์เทนในโชว์ของเรา

สามอาทิตย์กับหนึ่งล้านวิว ใน YouTube รู้สึกอย่างไรบ้าง

ณต: ดีใจครับ ด้วยความที่มันยังไม่เป็น mv เต็ม ๆ ด้วย เราก็รอลุ้นอยู่เหมือนกันว่า ถ้ามันเป็น mv เต็มมันน่าจะทำงานได้ดีกว่านี้ แถมเราเองก็ยังไม่ได้โปรโมตกันเต็มที่เท่าไร ตอนนี้เพิ่งเริ่มเองมันก็ค่อย ๆ มาตามธรรมชาติของมันเองดีครับ

Getsunova เจ้าพ่อเพลงล้านวิว

ณต: อยากให้เป็นแบบนั้นต่อไปครับ (หัวเราะ)

เนม: เราไม่ได้คิดเลยนะครับว่า แต่ละเพลงเป้าหมายของเราจะต้องกี่ล้านวิว อยากให้เพลงมันเป็นเพลงที่คนชอบ ทุกเพลงที่ร้องออกมาเราก็อยากไปเล่นคอนเสิร์ตแล้วคนร้องตามได้ นี่คือเป้าหมายหลัก ๆ ของเราครับ

ความกดดันในการทำเพลงแต่ละเพลง

ณต: กดดันครับ เราไม่รู้ว่าเพลงที่ทำออกไปคนจะชอบไหม อย่างที่พี่เนมบอกว่าโจทย์ที่ได้มาเราต้องทำเพลงที่คนต้องฟังนะ ไม่ใช่ทำมาแล้วเราเก็บไว้ฟังกันเอง เพราะฉะนั้นแล้วมันก็คิดเยอะ ถ้าเนื้อร้องพูดแบบนี้คนมันจะรู้สึกไหม มันจะอินกันรึยัง ดนตรีแบบนี้ถ้าไปเล่นสดมันแรงพอที่จะทำให้คนกระโดดไหม เราก็คิดแล้วว่า ท่อนที่ทำออกไปจะพูดอะไร มันจะเป็นความกดดันที่เรามานั่งคิดเล็กคิดน้อย แต่มันก็ช่วยให้เราสร้างผลงานได้เต็มที่เช่นกัน 

ประสบการณ์ที่ผ่านมาของ Getsunova วงรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องทำเพลงแบบไหนออกมา

ณต: เราจะคิดไปเองว่า รู้แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดี มันจะมีโจทย์ใหม่ ๆ ที่เรารู้สึกว่า เฮ้ยมันคืออะไร อยู่บ่อยครั้ง อย่าง รู้ดีว่าไม่ดี  พี่เนม เคยพูดว่าจะไม่มีฟีตฮิปฮอปในเพลงแน่นอน มาถึง ณ วันนี้เขาก็เป็นคนแรกที่เดินมาบอกว่า ‘กูว่าต้องมีฮิปฮอป’ มันเป็นโจทย์ที่เราเองก็คิดว่า รู้มาแล้วว่าต้องทำเพลงแบบไหน สุดท้ายมันก็ต้องเปิดประตูบานใหม่ไปเรื่อย ๆ

เนม: ตอนนั้นที่ตัดสินใจมีแนวนี้ในเพลงเราเพราะว่ากระแสของฮิปฮอปมันมามาก ๆ  อย่างที่เมื่อกี้ ณต  พูดไปว่า วงเรามีแนวทางที่ค่อนข้างชัดเจนด้วยสไตล์เพลงหรือด้วยอะไรหลายอย่าง คนที่ฟังเพลงพวกเราก็พอจะเดาทางได้ว่าเพลงจะเป็นแบบนี้ ซึ่งเราเองก็อยากจะทำอะไรที่มันเหมือนได้พัฒนาตัวเอง เปิดรับอะไรใหม่ ๆ เพื่อมาเป็นสีสันหรือเฉดสีใหม่ให้วงด้วย ซึ่งผมคิดว่าดนตรีฮิปฮอปก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างแมสพอสมควรแล้ว ไหนจะมีรายการประกวดต่าง ๆ ที่มีขึ้นมาเลยรู้สึกว่า มันควรจะต้องมีนะ เท่านั้นเลยครับ 

ชื่อเพลงของ Getsunova กับการใช้คำที่คนจำได้ง่าย 

ณต: ผมเนี่ยละครับเป็นคนคิด มันเหมือนเป็นลายเซ็นเราไปแล้ว รู้สึกว่าพอไม่ใช้แล้วมันไม่มั่นใจยังไงก็ไม่รู้ ถ้าใส่เข้าไปได้เราก็จะใส่เข้าไป แต่ไม่ได้บังคับนะว่ามันต้องใส่ตลอดนะ บางทีมันจะมีบางคำที่มันฝืนไป เราก็ไม่เอา แต่ถ้ามันมาดีแล้วมีทรงของมัน มันเป็นลายเซ็นของเรา เพราะฉะนั้นเราจะทำไปเรื่อย ๆ นั้นแหละ เรารู้สึกดีที่ตั้งชื่อเพลงแบบนี้ได้ คนอื่นก็มาเอาไปจากเราไม่ได้ ทุกวันนี้ก็เลยมีความมั่นใจในการตั้งชื่อ ถ้าเป็นชื่อแบบนี้คนก็จะนึกถึงวงเราก่อน บางคนทำเพลงคล้าย ๆ กัน เขาก็จะใช้การตั้งชื่อสไตล์แบบวงเรา ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ตรงนี้เรายึดลายเซ็นไว้เท่านี้เอง

ขั้นตอนการทำเพลงของวงยังเดือดเหมือนเดิมไหม

ณต: ยังมีความเดือดแปลก ๆ นะ อย่างร้องไกด์วงเราจะชอบร้องกันในรถตู้ เพลง ชีวิตที่มีชีวิต จะเปลี่ยนเนื้อเพลงแค่สองคำ วันนั้นต้องไปเจอกันที่ลานจอดรถในห้าง พี่ เนม ไปทำงานที่ห้าง ผมก็ต้องไปส่งเพลงกับทางค่าย มันมีแค่สองคำที่ต้องแก้เองก็เลย เอาเว้ย เดี๋ยวเอารถตู้ที่บ้านไป แวะรับพี่เนม แล้วขึ้นรถมาร้องแค่สองคำ ทั้งหมดประมาณห้านาทีเอง ตอนนั่งรถไปหายังนานกว่า (หัวเราะ) มันเป็นคำที่น้อยมาก แต่มันสำคัญ

เนม: เดือดครับ สนุก ๆ ดี ไปอัดในลานจอดรถ ผมก็ขึ้นรถมาแล้วอัดสองคำจริง ๆ แล้วไปทำงานต่อเลย

ณต: ถ้าในรถอีกเพลงนึงที่เดือด ๆ เลยก็เพลง ชีวิตเดียว ในรถตู้เหมือนกัน เพลงที่ทำกับพี่เบิร์ด—ธงไชย แมคอินไตย์

เนม: ตอนนั้นกำลังจะขึ้นโชว์แล้ว คนที่งานมาเรียกแล้วว่า ต้องไปขึ้นเวทีแล้ว ณต บอกว่า ‘ไม่ได้พี่เนม ยังอัดร้องไม่เสร็จ’ ก็ต้องรออัดให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปโชว์

ไปรท์: เดี๋ยวพี่เบิร์ดไม่รัก (หัวเราะ)

ไปร่วมงานกับพี่ เบิร์ด—ธงไชย แมคอินไตย์  มาเป็นยังไงบ้าง

เนม: น่ารักมาก ๆ ครับ ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้ร่วมงานกับพี่เบิร์ดทุกคนในวงตื่นเต้นมาก ๆ คือ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นงานในลักษณะไหนด้วยนะ ครั้งแรกที่ได้ไปเจอมันเหมือนแบบพี่เขาเป็นคนที่น่ารักแบบสุด ๆ ไปเลย เขารู้จักพวกเรา ทั้ง ๆ ที่อาจจะไม่เคยเจอพวกเรามาก่อน เหมือนรู้จักกันมานานแล้ว เขาใส่ใจประวัติส่วนตัวของทุก ๆ คนที่ร่วมงานด้วย เหมือนทำให้เรารู้สึกสบายใจที่จะได้อยู่กับเขาทั้ง ๆ ที่เขาเป็นถึงพี่เบิร์ด  ยิ่งตอนที่ไปเจอกันวันที่ถ่ายทำ mv ผมแบบตื่นเต้นมาก เหงื่อแตก พี่เบิร์ดอยู่ตรงหน้าเราเลย ต้องร้องเพลงด้วยกัน มันแบบรู้สึกว่า ความรู้สึกมันล้นออกมา ต้องขอเขาพักแล้วดมยาดมเลยจะเป็นลมครับ ไม่อยากจะเชื่อหลายอย่างเลย ต้องมาร้องเพลงกับพี่เขา แต่หลังจากนั้นก็ดีขึ้นตอนนี้ก็ทักทายกันแบบปกติ ก็คุยกันในไลน์แล้วปัจจุบันนี้

จริงหรือเปล่าที่เขาบอกกันว่า ถ้าได้ร่วมงานกับพี่เบิร์ด เหมือนได้รับพลังอะไรบ้างอย่าง

เนม: จริงครับ มันเป็นพลังบวก พลังแห่งความสุข พลังแห่งความสดใส มันเป็นพลังบวกที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นล้วน ๆ เลย เพราะ เขาเหมือนมีออร่าที่ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบข้างเขา ยิ้ม หัวเราะ รู้สึกแฮปปี้ เห็นหน้าพี่เขาก็แฮปปี้แล้ว  ผมไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมคนไทยถึงรักเขา พี่เขาจะมาพร้อมกับรอยยิ้มเสมอ มันมีแต่ความรู้สึกดี ๆ แล้วเขาก็ให้ความสุขกับคนทั้งประเทศ มันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ

เพลงที่ติดชาร์ตก็มีไปแล้ว อัลบั้มก็มีไปแล้ว ถือว่าGetsunova เป็นวงที่ประสบความสำเร็จแล้วรึยัง

ณต: นาฑี จะตอบเก่งครับคำถามแบบนี้ (หัวเราะ)

นาฑี: ไม่ใช่แล้ว ผมขอคำถามใหม่ครับ (หัวเราะ) เอาจริง ๆ ก็ประสบความสำเร็จในระดับนึงแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เราอยากทำแล้วยังไม่ได้ทำครับ อย่างเช่น คอนเสิร์ตใหญ่ เราเคยไปเล่นต่างประเทศแล้ว แต่ยังมีอเมริกาเรายังไม่เคยไปเล่น หรือจะเป็นเรื่องของรางวัลศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยมเราไม่เคยได้ มันยังมีอีกมากมายครับที่เราอยากทำอยู่

คอนเสิร์ตใหญ่จะเกิดขึ้นไหมในปีนี้

เนม: มีแน่นอนครับ 25 สิงหาคมที่ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี

ณต: น่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่เราเล่นเพลงของตัวเองเยอะมาก ๆ เพลงเก่า ๆ เราจะเอากลับมาเล่นด้วย ธีมมันจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทาง แต่ยังไม่เล่าเต็มแล้วกัน ผมว่าด้วยเพลงของเรามันจะเกี่ยวกับการเดินทางไม่ว่าจะจากหรือจะเข้าหากัน มันจะอยู่ในธีมเพลงของ Getsunova ตลอด

ความรู้สึกของวงที่เริ่มจากวงเล็ก ๆ สู่วงที่มีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชีวิต รู้สึกยังไงบ้าง

ไปรท์: สำหรับผมจริง ๆ คอนเสิร์ตใหญ่มันเป็นความใฝ่ฝัน มันคือที่สุดแล้ว การได้มีโชว์ของตัวเองสักโชว์นึงที่คนตั้งใจซื้อบัตรมาดู เราจะทำอะไรก็ได้ ทุกเพลงมันเป็นเพลงของวงเรา มันเป็นอะไรที่มาไกลมาก ๆ แล้วครับ 

ณต: กดดันครับ เพราะ Getsunova ก็เล่นคอนเสิร์ตอยู่ตลอด มันก็จะมีโจทย์บางอย่างที่เราต้องดึงคนมาดูให้ได้ บัตรจะขายหมดรึเปล่า ทุกอย่างมันจะดีอย่างที่คิดรึเปล่า ทุกวันนี้นั่งพูดกันแม่งโครตดี โครตเจ๋งเลยมันเป็นความรู้สึกที่วิ่งอยู่ตลอดเลย

เนม: รวมถึงตัวพวกเรา Getsunova จะทำยังไงให้คนที่มาดูคอนเสิร์ตทั้งหมดประทับใจ วงเราถึงเลเวลนั้นแล้วรึยัง  เราไม่อยากจะให้คนรู้สึกว่า ทุกอย่างมาพร้อมแล้วเวทีแสงสีเสียง แต่เรายังร้องเพี้ยนอยู่เลย มันต้องพิเศษกว่าโชว์ปกติของพวกเราแน่ ๆ ต้องพาตัวเองไปถึงจุดที่เราพร้อมที่สุดหรือเกินคำว่าพร้อมให้ได้ในวันนั้น

นาฑี: ตื่นเต้น แต่ก็แอบเป็นอะไรที่กลัวมาตลอด ผมเป็นคนที่อายเวลาขึ้นเวทีอยู่แล้ว คิดมาตลอดถ้าวันนึงเป็นคอนเสิร์ตใหญ่มันจะน่ากลัวขนาดไหน แล้วมันก็มาถึงจนได้

หน้ากากที่ใส่อยู่ทุกวันนี้จะถอดไหม

นาฑี: ตอนนี้คิดไปในเรื่องเปลี่ยนหน้ากากมากกว่า คิดว่าจะอัพเกรดอันใหม่มากกว่า (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่า พอมีหน้ากากมันก็ช่วยให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น ก็คงยังไม่ถอดครับ (ยิ้ม) 

อัลบั้มที่ 2 ตอนนี้เดินหน้าไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว

ณต: ตอนนี้เริ่มทำไปเยอะแล้วเหมือนกันครับ ซิงเกิ้ลที่ 3 แล้วครับที่เราได้ฟังกันในปีนี้ แต่ว่ายังไม่อยากรีบปล่อย เพราะรู้สึกว่าเดี๋ยวมันจะแย่งซีนกัน ตกลงจะเอาเรื่องคอนเสิร์ตหรือจะเอาอัลบั้ม ถ้าเกิดเราปล่อยพร้อมกัน เดี๋ยวคนลืมเราเร็วไปเลยขอยืดเวลาไปหน่อย เราไม่อยากจะปล่อยเพลงเพื่อให้คนรีบฟังแล้วไปร้องในคอนเสิร์ต เราอยากจะหยิบเพลงที่คนไม่เคยฟังมาเล่นในคอนเสิร์ตก่อน จากนั้นค่อยปล่อยออกมามากกว่า มันเป็นความรู้สึกที่แปลกนิดนึง แต่ทำคล้าย ๆ กับคนสมัยก่อนที่เขาทำกันมาครับ 

แฟนคลับ Getsunova ที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ 

เนม: แฟนคลับวงเราน่ารักมาก ๆ ครับ ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงทุกวันนี้ มีคนใหม่ ๆ เข้ามาตลอด อย่างที่เห็นมาตามเราในงานคอนเสิร์ต เขาแบบไม่ได้ตามพวกเราเพราะ เราเป็นวงไอดอลหล่อหรือเหมือนหลาย ๆ คนที่มีแฟนคลับ เขามาเพราะรู้สึกว่า เขามีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับเรา มันเป็นเหมือนครอบครัว เหมือนพี่น้องที่สามารถเข้าถึงเราได้ เราก็เป็นกันเองมาก ๆ กับแฟนคลับ เข้ามากอดได้ เข้ามาคุยกันได้ มันเป็นเพื่อนเป็นพี่กัน นี่อาจจะเป็นจุดนึงที่เรารู้สึกว่า มันกันเองและรู้สึกสบายใจมาก เขายินดีที่จะมาให้กำลังใจพวกเรา เขารู้ว่าเวลามา เหมือนเขาจะได้มาพบกับครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ 

ถ้ามีเวลาหนึ่งวันอยากพาแฟนคลับไปเที่ยวไหนบ้าง

เนม: ไปสวนสนุกกันไหม ไปนั่งเครื่องเล่น เล่นเครื่องเล่นด้วยกัน กรี๊ดด้วยกัน ไปกินข้าวให้เป็นวันที่เราได้ร่วมทำอะไรด้วยกันกลุ่มใหญ่ ๆ น่าจะสนุกดี

เด็กรุ่นใหม่ที่มอง Getsunova เป็นไอดอล

ณต: รู้สึกดีใจและสงสารน้องคนนั้นครับ เลือกไอดอลผิดแล้วมึง (หัวเราะ) ล้อเล่นนะครับ 

ไปรท์: แบบนี้ก็ได้เหรอ เรียลไป (หัวเราะ)

ณต: นาฑี เขาจะเจอบ่อยครับมีน้อง ๆ ฝึกกีตาร์แล้วบอกว่า ผมจะเล่นให้ได้แบบพี่สักวัน

นาฑี: ผมดีใจมาก ๆ ครับ แต่ว่าผมก็กลัวว่า เขาจะเก่งกว่าเรา (หัวเราะ) แล้วก็สงสารที่เขามองเราเป็นไอดอลแล้วแบบจริง ๆ เราไม่ได้เก่งเลย

ให้นำเพลง Getsunova ไปให้คนที่ไม่รู้จักวงดนตรีวงนี้ฟัง อยากให้เขาฟังเพลงอะไร

ณต: ผมว่า แตกต่างเหมือนกัน ด้วยจังหวะเพลงที่มีความเข้าถึงง่าย สมมติว่าไปเล่นให้ฝรั่งฟัง ผมเอาเพลงนี้เลย มันมีความไทยและโมเดิร์นผสมกันอยู่ มันน่าจะสื่อสารง่าย

ไปรท์: ผมจะเอาเพลง กล่อม ครับ เพราะว่า ถ้าผมไม่เอาให้เขาฟัง เขาก็คงไม่ฟังหรอกครับ (หัวเราะ) รู้สึกว่า เพลงนี้มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรา เพลงแรกที่ปล่อยมาก็เพลงนั้น ซึ่งบางครั้งถ้าเขามาฟังเพลงใหม่ ๆ เขาอาจจะไม่ย้อนขุดไปฟังเพลงเก่า ๆ ขนาดนั้นก็ได้ เราเปิดให้เขาฟังดีกว่า แล้วเขาอาจจะไปหาเพลงใหม่ ๆ ที่ฟังได้ง่ายฟังดูก็เป็นได้

นาฑี: ผมเป็นเพลง Season แล้วกันครับ เป็นหนึ่งในเพลงที่ผมชอบมากที่สุด เรารู้สึกว่า มันเป็นเพลงที่แฮปปี้ เพลงวงเราส่วนใหญ่มันจะเป็นเพลงเศร้า ๆ ถ้าให้คนฟังได้ก็อยากให้คนฟังเพลงอะไรที่มันแฮปปี้ ๆ กันบ้าง

เนม: ยากเหมือนกันนะ ไกลแค่ไหนคือใกล้  พอร้องเพลงนี้เสร็จ ถ้าคนไม่รู้จักเราใช่ปะ เราก็เปิด YouTube ให้ดูยอดวิวเลย (หัวเราะ)

ไปรท์: อันนี้ชีวิตจริงทำบ่อยนะ (หัวเราะ)

มีวันที่ท้อบ้างไหมกับการทำวง Getsunova

ณต: จริง ๆ มันมีนะ แต่ก็ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน อยู่ไปแปปนึงเราก็เรียนรู้ที่จะยอมรับมันได้ ความผิดหวังต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เราก็ต้องเดินหน้าทำสิ่งที่ต้องทำต่อไป บางทีมันเหนื่อยมันท้อก็ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับมัน พอเราเจอข้อผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้น เราก็หาวิธีแก้ไข เมื่อผ่านมันไปได้แล้วก็จะมีกำลังใจใหม่ในการทำงานของเราต่อไป

เนม: เหมือน ณ นะ จริง ๆ มันทำอะไรไม่ได้นะ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่า เราจะยอมให้ความท้อแท้มาครอบเราทั้งวันรึเปล่าหรือเราจะลุกขึ้นมา ทำอะไรกับมันสักอย่างนึง

ไปรท์: ผมก็มันท้อแท้มันก็ส่วนท้อแท้นะ ตื่นมาอีกวันนึงมันก็โอเคแล้ว เราไม่ได้เก็บมาคิดมากอะไร ยังไงก็ยังรู้สึกว่า ยังรักที่จะทำมันอยู่ดี มันก็แค่เซ็งตื่นมาก็จบวันแล้ว

นาฑี: อยากให้กำลังใจ ณต ครับ เพราะเขาเป็นคนแต่งเพลงทั้งหมดของเรา

สุดท้ายนี้อยากบอกอะไรแฟนเพลงบ้าง

เนม: ปีนี้เราก็ปล่อยไปแล้ว 3 ซิงเกิ้ล ชีวิตเดียว, รู้ดีว่าไม่ดี, ชีวิตที่มีชีวิต  ฝากติดตามด้วยครับทั้ง 3 เพลง เวลาไปดูคอนเสิร์ตพวกเราก็อยากจะให้มามันกันกับเพลง ชีวิตที่มีชีวิต เวลาเล่นสด เราจะพยายามบิ๊วคนให้ได้มากที่สุด มันเป็นเพลงที่กระโดดสนุกจริง ๆ ถ้าไม่ได้ร้องเพลงนี้เองแล้วเป็นคนดูก็คงกระโดดสุดเหวี่ยงครับและแน่นอนครับ Getsunova จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเราวันที่ 25 สิงหาคมนี้ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกเต็มรูปแบบ เราจะไม่ทำให้คนดูผิดหวังจะทำให้ดีที่สุด สัญญาเลยว่า มันอาจจะไม่ได้ใช้คำว่ายิ่งใหญ่ แต่มันเป็นคำว่าแปลกใหม่และเป็นสไตล์เราอย่างเต็มที่ ฝากด้วยครับ

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง