รู้หรือไม่ หูฟัง ทำให้เพลงเปลี่ยนไป!

Article Guru

รู้หรือไม่ หูฟังทำให้เพลงเปลี่ยนไป!

เชื่อว่าเพลงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตสำหรับทุกคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ ในทุก ๆ วันพวกเราหยิบ หูฟัง ขึ้นมามาเสียบหูกันนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งคุณอาจยังไม่รู้ว่า เจ้าสิ่งประดิษฐ์เล็ก ๆ นี้ เปลี่ยนวิธีการแต่งเพลง การร้องเพลง และซาวด์ของเพลงไปอย่างสิ้นเชิง

ผู้คนในสหรัฐอเมริกาใช้เวลาฟังเพลงเฉลี่ย 26.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คิดเป็นเฉลี่ยวันละ 3.8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งนี่ทำให้เราเห็นว่าผู้คนชอบฟังเพลงมากเหลือเกิน โดยพวกเขาฟังผ่านโทรศัพท์มือถือมากที่สุดกว่า 43.5% รองลงมาคือฟังจากคอมพิวเตอร์ที่ 36.6% นี่แตกต่างจากการฟังเพลงในยุค physical (เทป, ซีดี, ไวนิล) อย่างแน่นอน และนี่แหละคือสาเหตุที่เพลงค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากดนตรีในยุคก่อนหน้านี้

โดย David Byrne นักร้องนำวง Talking Heads ได้เขียนเล่าในหนังสือของเขา ‘How Music Works’ ว่า กระบวนการแต่งเพลงในยุคนี้ไม่อาจแยกออกจากเทคโนโลยีได้ ถ้าเป็นในอดีต ดนตรียุคกลางของยุโรปมักจะมีโน้ตง่าย ๆ เพื่อให้เสียงฟังรู้เรื่องเวลาเล่นในโบสถ์ที่เสียงก้อง หรืออย่างในดนตรีแจ๊สก็ต้องมีเสียงแหลมปี๊ดของทรัมเป็ตเพื่อให้สามารถโดดเด่นแทรกเสียงคุยของผู้คนออกมาได้ ซึ่งในยุคปัจจุบัน คีย์บอร์ดก็กลายเป็นเครื่องดนตรีหลักในการแต่งเพลง เพราะมันสามารถแปลงเป็น MIDI เพื่อไปปรับแต่งเสียงต่อได้ง่ายที่สุด

Charlie Harding ผู้จัดรายการพอดแคสต์ Switched On Pop ได้อธิบายไว้ว่า สิ่งที่ทำให้หูฟังแตกต่างจากกการฟังเพลงจากลำโพง นั่นคือการที่เสียงจากลำโพงจะมีระยะห่างจากเรา ทำให้เราไม่รู้สึกใกล้ชิดและชัดเจนเหมือนการฟังหูฟัง ซึ่งเขาเองก็ใช้ประโยชน์จากการสร้างความรู้สึกใกล้ชิดนี้มาช่วยทำให้พอดแคสต์ของเขาประสบความสำเร็จ ในทางดนตรี นักร้องระดับโลกจำนวนมากก็ใช้เทคนิคร้องที่แทบจะเหมือนการกระซิบใส่หูเรา อย่าง Selena Gomez, Billie Eilish และ Lana Del Rey ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่านักร้องเหล่านี้ตั้งใจให้เสียงเบาหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้ผู้ฟังรู้สึกใกล้ชิดกับนักร้องมากขึ้น ซึ่งนี่คือวิธีคิดที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงจาก Whitney Houston ที่ร้องเสียงดัง ฟังชัด แบบได้ยินไปทั้งโรงละครโอเปร่า

เพลง The Greatest ของ Lana Del Rey คือตัวอย่างของการร้องใกล้ ๆ ไมค์ ที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิด

โดยหูฟังก็ทำให้เพลงสายเบสหนัก ๆ เปลี่ยนไปด้วย เนื่องด้วยลำโพงใน หูฟัง มันอันจิ๊ดเดียว ทำให้เหล่าโปรดิวเซอร์เพลงสายแดนซ์ต้องเพิ่มเสียงเบสให้ดังมากขึ้น และเวลาเช็กมาสเตอร์เพลงก็ต้องมาเช็คผ่านหูฟังกับลำโพงคอมพิวเตอร์เพื่อให้ตรงตามอุปกรณ์ที่ผู้คนใช้ฟังจริง ๆ นอกจากนี้การฟังเพลงผ่านหูฟังก็ทำให้ผู้คนกล้าฟังเพลงที่พวกเขาเขินอายเวลาฟัง เช่นเพลงที่สะเทือนอารมณ์มาก ๆ หรือเพลงที่มีเนื้อหาอีโรติก ซึ่งในทางกลับกันนี้ ก็ทำให้มีศิลปินกล้าที่จะออกมาทำเพลงที่เล่าเรื่องเนื้อหาส่วนตัวมากขึ้นด้วย

อ่านต่อ

สัมผัสเหนือจินตนาการ! คนรุ่นใหม่หันมาฟังเพลง Classic กันมากขึ้น ผ่านแว่น VR

ฟังเพลงไม่เหมือนกัน อาจทำให้ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นได้

รสนิยมการฟังเพลงของเรามาจากไหน คำตอบในเชิงวิทยาศาสตร์ว่ายังไงบ้าง

เกิดอะไรขึ้นในหูเรา ระหว่างเสียง *วิ้งงงงงงง* หลังคอนเสิร์ตจบ

 

อ้างอิง
How headphones are changing the sound of music TIME WITH TUNES: HOW TECHNOLOGY IS DRIVING MUSIC CONSUMPTION Weekly time spent listening to music in the United States from 2015 to 2019
Facebook Comments

Next:


Malaivee Swangpol

มิว (เรียกลัยก็ได้)​ โตมาข้าง ๆ วงมอชแต่ตอนนี้ฟังทุกแนว ชอบอ่านหนังสือ ตามหาของกินอร่อย ๆ และตอนนี้ก็คงกำลังวางแผนเที่ยวรอบโลกอยู่