Marble Machine ของ Martin Molin แห่งวง Wintergatan

Article Guru

มารู้จัก Martin Molin ผู้สร้าง Marble Machine เครื่องดนตรีบรรลือโลกด้วยความรักจากก้นบึ้งหัวใจ

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Art Director: Karin Lertchaiprasert

เมื่อปี 2016 โลกก็ต้องตกตะลึงด้วยสิ่งประดิษฐ์บรรลือโลกชิ้นใหม่ นาม ‘Marble Machine’ เครื่องดนตรีแห่งยุคที่ทำด้วยไม้ทั้งชิ้น ประกอบด้วยกลองใหญ่ เบส ไวเบรโฟน ช่วยกันบรรเลงดนตรีอันไพเราะด้วยลูกเหล็กนับพันไปพร้อมกับเสียงเครื่องจักรกลอันซับซ้อน ด้วยความสามารถทางดนตรีของคนเล่นก็ทำให้มันกลายเป็นเครื่องดนตรีที่น่าทึ่งสุด ๆ ลองไปฟังกัน

เพียงสามวันยอดวิวของคลิปนี้ก็โดดไปถึง 10 ล้านทันที (ตอนนี้อยู่ที่ร้อยล้านนิด ๆ) ผู้อยู่เบื้องหลังเครื่องดนตรีน่าอัศจรรย์ชิ้นนี้คือ Martin Molin หนุ่มสวีเดนผู้ใช้เวลาปีครึ่งในการออกแบบเจ้าเครื่องนี้และเนรมิตมันขึ้นมาให้เป็นความจริง เขานำความรู้ทั้งศาสตร์แห่งกลไกและศิลป์แห่งดนตรีเข้ามารวมกันโดยที่ตัวเขาเองก็ยังประหลาดใจ จากกล่องดนตรีเล็ก ๆ ที่เขาชอบ จึงอยากต่อยอดให้กลายเป็นกล่องดนตรีขนาดใหญ่ที่เราควบคุมดนตรีและจังหวะของมันได้ เขาเป็นคนสร้างและต่อฟันเฟืองทั้ง 32 ชิ้น รวมถึงออกแบบเสียงที่ลูกเหล็กแต่ละลูกจะตกกระทบหรือจังหวะทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งความสำเร็จนี้ก็ถูกบันทึกไว้เกือบทุกขั้นตอนในช่อง YouTube ของเขา (เพลย์ลิสต์วีดีโอด้านล่าง) แผนต่อไปของเขาคือหาวิธีทำให้เจ้าเครื่องนี้มีขนาดเล็กลงเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปทัวร์คอนเสิร์ตด้วย

แต่ Martin Molin จะไม่มีวันทำสำเร็จเลยถ้าเขาไม่ได้รักในเสียงดนตรีมากพอ หรือยอมแพ้และเชื่อคำพูดของคนอื่นที่บอกว่าเขาเล่นดนตรีไม่ได้หรอกไปซะก่อน บทสัมภาษณ์หลาย ๆ ครั้งของเขาเลยสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้อย่างน่าประหลาด

วัยเด็กของใครหลายคนก็มักจะสนุกไปกับการเล่นตัวต่อเลโก้กันสุด ๆ มันกลับช่วยจุดประกายให้ Molin รู้แล้วว่าเขาชอบพวกวิศวกรรม ในขณะที่เด็กคนอื่นโตขึ้นก็หมดความสนใจในของเล่นเหล่านี้ไป แต่ Molin ยังต่อมันไปเรื่อย ๆ เพราะเขาชอบความซับซ้อนของกลไกในการก่อสร้าง ยิ่งสิ่งที่เขาชอบที่สุดก็คงหนีไม่พ้นฟันเฟืองเนี่ยแหละ โดยไม่รู้หรอกว่าในอนาคตอันไกล เขาจะมีชื่อเสียงล้นหลามจากการประดิษฐ์เจ้าเครื่องดนตรีน่าทึ่งนี้ขึ้นมาได้

เพราะกว่าเขาจะได้รับการยอมรับขนาดนี้ชีวิตของเขาก็ล้มลุกคลุกคลานบนเส้นทางดนตรีมานาน เขาเสียเวลาสามปีกับการส่งใบสมัครเข้ามหาลัยไปที่ไหนก็ไม่มีใครรับ คนอื่นจะรู้สึกยังไงที่ฝันไปไกลว่าอยากเป็นนักดนตรีสุดขั้วหัวใจ แต่ถูกตั้งคำถามจากใครหลายคนว่าทำไมไม่เล่นดนตรีแบบนั้นแบบนี้ล่ะ หรือถูกบอกว่าไม่มีศักยภาพพอจะเป็นนักดนตรีหรอก

แต่เมื่อเขาส่งใบสมัครไปที่ Songwriters Academy ใน Örnsköldsvik ความเพียรพยายามตลอดชีวิตของเขาก็ประสบความสำเร็จซักที ที่นี่เขาไม่ต้องยึดติดกับแนวเพลงใด ๆ และตีความเพลงไปได้กว้างไกลแค่ไหนก็ได้ “มันเหมือนสวรรค์สำหรับผมเลย” แถมมหาลัยก็ไม่บังคับให้นักศึกษายึดติดกับสถาบันด้วย วันนี้เราอาจจะทำเพลงให้ศิลปินชื่อดังซักคน แต่วันรุ่งขึ้นเราอาจทำเพลงให้ศิลปินที่มีแนวดนตรีแตกต่างจากคนเมื่อวานไปโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้ หลังจากที่ตัวเขาเองพยายามทำเพลงเพื่อให้คนอื่นสนใจเหมือนที่พยายามเข้ามหาลัยอื่น ๆ ตั้งแต่วันนั้นเขากลับเจอเหตุผลง่าย ๆ ที่จะทำเพลงจริง ๆ แล้ว

จริง ๆ ความหลงใหลในเสียงดนตรีของเขาเพิ่งถูกปลุกขึ้นมาตอนอายุ 13 ที่ได้เห็นการแสดงสดของ Jimi Hendrix เหมือนเขาเจอห้องสมุดแห่งเสียงที่ไม่เคยรู้จัก มันเปิดหูเขาเข้าสู่จักรวาลแห่งการสร้างเสียงใหม่ ๆ มันทำให้เขาหันมาจับกีตาร์และเริ่มทำเพลงทันที ปีต่อมาเขาก็ตั้งวงแนวพังก์ร็อกกับเพื่อนทันที แต่สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปเลยก็ตอนที่เจอเอฟเฟกต์รีเวิร์บของกีตาร์ มันทำให้เขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับการปรับแต่งเสียงให้น่าสนใจ เขายืนยันว่าดนตรีของเขาในยุคนั้นไม่ใช่งานทดลอง กลับกันเขารู้สึกว่ามันฟังง่ายมากด้วยซ้ำ แต่ยิ่งกระตุ้นความสนใจของเขาเข้าไปอีกเมื่อเสียงดนตรีของเขากระตุ้นอารมณ์ของคนทุกคนได้ไม่เหมือนกันเลย เขาจึงพยายามใส่ลูกเล่นอะไรแบบนี้ลงไปในเพลงทุกเพลง

เขาคิดว่าตัวเองได้ความสามารถด้านดนตรีมาจากพ่อ และได้ความสามารถด้านวิศวกรรมมาจากแม่ แนวคิดที่แตกต่างกันทั้งสองศาสตร์หล่อหลอมให้ Molin มีความคิดไม่เหมือนใคร เพราะเขาเลือกที่จะหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักดนตรีดีกว่าที่จะมีชีวิตมั่นคงแบบวิศวกร เขาชอบที่จะแก้ปัญหาเป็นงานอดิเรกและใช้ชีวิตแบบศิลปินไปตลอดกาล โชคดีที่สวีเดนมีองค์กรอย่าง Sweden Performing Rights Society ที่คอยเก็บค่าลิขสิทธิ์ให้กับศิลปินทุกสาขาในประเทศ ทำให้เขามีเงินพอที่จะเลี้ยงชีพและผลิตผลงานออกมาได้เรื่อย ๆ รวมถึง Marble Machine ข้างบนด้วย

แม้เขาจะเคยอยู่ในวง Detektivbyrån มาก่อน แต่เขารักที่ได้ทำงานกับวง Wintergatan มากกว่า สมาชิกอีกสามคนในวงล้วนเล่นดนตรีได้หลากหลายและเข้าขากับตัวเขาได้อย่างดี ทัศนคติของวงก็มีส่วนที่ทำให้เขารักในดนตรีมากขึ้นไปอีก ถ้าทุกคนลงความเห็นว่าเพลงของพวกเขาต้องใช้พิณแต่ไม่มีใครเล่นเป็นเลย ทุกคนก็จะออกไปเรียนหรือฝึกกันทันที Wintergatan ใช้เวลาไม่นานก็มีชื่อเสียงโด่งดังและมีทัวร์เกือบตลอดทั้งปี ตรงกับช่วงที่เขาอยากทำ Marble Machine ด้วย เมื่อแบบร่างของเข้าเครื่องนี้เสร็จเขาคิดว่าตัวเองจะสร้างเสร็จภายใน 2 เดือน แต่เมื่อเข้าเดือนที่ 6 เขาก็ต้องรื้อแปลนใหม่หมดเพราะมันไม่เวิร์ค หลายคนอาจถอดใจไปแล้ว แต่ Molin กลับมีความสุขที่ได้ทำงานกับเครื่องจักรแบบนี้ ตลอดเวลา 16 เดือนก่อนที่เจ้าเครื่องนี่จะเสร็จเขาก็เจอข้อผิดพลาดอีกมากมาย แต่เขาก็แก้มันได้ทุกครั้ง

Martin Molin ทิ้งท้ายไว้ในบทสัมภาษณ์อันหนึ่งได้อย่างน่าสนใจว่า ทุกที่ล้วนมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดและคับแคบจนเกินไปไม่เว้นแม้แต่เรื่องเพลง มันน่าอึดอัดมากเพราะมันคือข้อจำกัดในการทำเพลง ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จคุณต้องสร้างโลกหรือพื้นที่ของเราขึ้นมาเอง และเขาไม่เคยเชื่อในเรื่องความอัจฉริยะหรือพรสวรรค์เลย โดยเฉพาะเรื่องเพลงเหมือนกัน ตราบใดที่เรามีฝันเราก็ยังประสบความสำเร็จได้ สำหรับใครที่กำลังเดินบนเส้นทางของศิลปินเขาก็แนะนำว่าให้โฟกัสกับมันและลงมือทำสำคัญที่สุด พรสรรค์เป็นเรื่องรอง เชื่อในความฝันของเราและอย่าสนใจคำตัดสินของคนอื่น เราอาจจะไม่ได้กำลังทำผิดพลาดอะไรอยู่แค่ยังหาจุดยืนของตัวเองไม่เจอเฉย ๆ

แม้เราอาจจะไม่ได้รู้จัก Martin Molin จริงจัง แต่ประสบการณ์ของเขาก็สอนอะไรเราได้มากมาย อย่างน้อยเขาก็มาไกลมากกว่าจะประสบความสำเร็จในแบบของเขาได้ ลองไปฟังเพลงของวง Wintergatan ที่เขาเป็นสมาชิกหน่อยมั้ย เผื่อมีไฟในการทำเพลงขึ้นมา

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา