Article Import

คุยกันก่อนดูโชว์คืนนี้ DYGL วงดนตรีญี่ปุ่นตัวจี๊ด เจ้าของเพลงที่ได้อิทธิพลจากวงยุค 2000s

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Chavit Mayot

4 หนุ่ม DYGL อดีตสมาชิกวง  Ykiki Beat กับอีกโปรเจกต์ที่ได้แรงบันดาลใจจาก post punk revival จะมาคุยกับเราก่อนได้ไปสนุกกับพวกเขาคืนนี้

img_9876

สมาชิก
Shimonaka Yosuke (กีตาร์)
Akiyama Nobuki (ร้องนำ/กีตาร์)
Kachi Yotaro (เบส)
Kamoto Kohei (กลอง)

ทำไมถึงไม่ทำ Ykiki Beat ต่อแล้ว

โนบุกิ: เราทำวงนั้นมาได้ 3 ปี และออกมาหนึ่งอัลบั้มเต็ม มันเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ จริง ๆ ทั้งสองวงนี้เริ่มทำมาในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ไม่มีอันไหนเป็นไซด์โปรเจกต์หรือวงหลัก เราแค่อยากทำมันทั้งสองอย่าง DYGL เราก็ยังทำกันอยู่ แต่ที่เราเลิกทำ Ykiki Beat กันต่อเพราะแนวดนตรีของพวกเราไม่ไปในทิศทางเดียวกันแล้ว เพราะพวกเราทางนี้อยากลองทำอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา

อะไรคือจุดเด่นของ DYGL

โยสึเกะ: เราอยากทำวงร็อกในขณะที่หลาย ๆ คนเริ่มหันไปทำอะไรที่เป็นดนตรีสมัยใหม่ที่ใช้พวกเทคโนโลยีใหม่ ๆ กันหมด เราก็อยากทำซาวด์ เมโลดี้ หรือคิดริฟฟ์ที่แปลกใหม่ แต่อยากให้มันยืนพื้นที่แค่กีตาร์ เบส กลอง แม้มันจะดูเชยนะ แต่เราว่ามันทำให้เกิดอะไรใหม่ ๆ ได้เหมือนกัน มันเป็นแนวทางของพวกเรามากกว่า

พวกคุณได้อิทธิพลดนตรีจากอะไร

โนบุกิ: จากทั้งบริตป๊อป แล้วก็ The Strokes หรือ The Libertines เนี่ยแหละครับ จริง ๆ เราทำวงนี้ขึ้นมาเพราะได้ฟังวง The View เป็นวงจากสก๊อตแลนด์ ทำเพลง post punk revival ช่วงยุค 2000s ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ม.ปลาย แล้วดนตรีแนวนี้กำลังบูมมาก ๆ แล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นยุคสมัยของเราจริง ๆ

bw

ทำไมถึงไปอัดเพลงที่นิวยอร์ก ทั้งที่ญี่ปุ่นก็มีสตูดิโอที่ดีทั้งนั้น

โนบุกิ: เพราะเรื่องซาวด์ครับ คือถ้าคุณทำเพลง J-rock หรือ J-pop การอัดในสตูดิโอที่ญี่ปุ่นมันเหมาะกับแนวนั้นอยู่แล้ว ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือที่เยี่ยมยอด ซาวด์คลีน ๆ และทีมงานที่เป็นมืออาชีพ มีเพลงของ DYGL เพลงเดียวที่อัดที่สตูดิโอญี่ปุ่น แต่เราก็ใช้ซาวด์เอนจิเนียร์ที่เป็นคนออสเตรเลียเพราะเขาเข้าใจสไตล์เพลงของเรา เรื่องเทสต์นี่สำคัญมาก คือเราทำเพลงร็อกก็อยากจะอัดที่อเมริกา เพราะต้นกำเนิดของมันมาจากตรงนั้น เลยคิดว่าถ้าได้อัดที่อเมริกาเลยน่าจะดีกว่า ซึ่ง EP ชุดที่แล้วเราอัดที่ LA ส่วนอัลบั้มเต็มนี้เราทำกันที่นิวยอร์กครับ

มีคนบอกว่า DYGL เหมือน The Strokes บ้างไหม รู้สึกยังไง

โยสึเกะ: ผมว่าเราไม่เหมือน The Strokes นะ เมโลดี้หรือริฟอะไรของเราก็ค่อนข้างหลากหลาย เราพยายามจะทำซาวด์ให้ออกไปทาง 50s 60s มันตลกดี แต่ผมก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงบอกว่าเราเหมือนสโตรกส

โนบุกิ: การอาเรนจ์ของเราก็ไม่เหมือนสโตรกสที่ทำออกไปทาง 70s  หรือวงแกลมร็อกด้วยซ้ำ อาจจะแค่โทนกีตาร์เราที่มีความเป็น post punk revival ซึ่งวงที่ทำก็มีสโตรกสกับ The Libertines นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนคิดแบบนั้น

อัลบั้ม Say Goodbye to Memory Den มีคอนเซปต์ยังไงบ้าง

โนบุกิ: เราอยากจะทำเพลงที่คงอยู่ได้ตลอดไป เราไม่รู้ว่ามันจะอยู่ไปถึงสิบปีหรือร้อยปีไหม แต่แค่อยากทำซาวด์ใหม่ ๆ ที่ไม่ได้ตามแฟชันหรือดูเก๋ ๆ ไปเท่านั้น ส่วนเนื้อหาของเพลง ผมเป็นคนชอบเขียนอะไรกำกวม ไม่ได้เขียนอะไรตรงไปตรงมาแบบวงฮิปฮอป ผมพยายามจะปั้นความคิดของตัวเองให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างและเชื่อมโยงมันเข้ากับความรู้สึก ไม่ว่าความสุข ความเศร้า หรือแม้กระทั่งเรื่องเวลา ชีวิต หรือความตาย ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจริง ๆ มันเกี่ยวกับอะไร อยากให้ลองไปอ่านเนื้อเพลงดูครับ มันน่าจะบอกอะไรบางอย่าง และผมหวังว่าคุณจะรู้สึกไปกับมันได้เหมือนกัน (ยิ้ม)

img_9884

ทำไมถึงทำเพลงภาษาอังกฤษ ไม่ค่อยเห็นวงญี่ปุ่นที่ร้องภาษาอังกฤษเท่าไหร่เลย

โนบุกิ: ผมโตมากับเพลงที่ร้องเป็นภาษาอังกฤษครับ มันคงจะแปลกถ้าผมเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมไม่ถนัดเลย จริง ๆ ผมมีความสนใจที่จะเขียนภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาอื่น ๆ อย่างจีน ฝรั่งเศส หรือสเปน แต่ตอนนี้ผมยังพูดไม่ได้ ถ้าผมมีโอกาสผมก็อยากลองเขียนเพลงเป็นภาษาอื่น ๆ รวมถึงภาษาญี่ปุ่นด้วย มันคงจะท้าทายมาก ๆ

แล้วเจอความยากบ้างไหมในการเขียนเป็นภาษาอังกฤษ

โนบุกิ: ยากครับ ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของผม ผมเลยต้องอ่านกวีภาษาอังกฤษเพื่อศึกษาโครงสร้างและวิธีการเขียนรวมถึงแกรมมาร์ของมัน ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นมาก ๆ แต่ผมก็ไม่ได้อยากทำตัวเป็นฝรั่งจ๋านะ ผมพยายามผสมผสานทั้งไอเดียของฝรั่งและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน เลือกเฉพาะสิ่งที่ผมอยากเอามาใส่ในเพลงและทำมันออกมาเป็นเพลงในแบบของผม แน่นอน ผมอยากทำให้มันเป็นอะไรที่สดใหม่ แตกต่างจากสิ่งที่เคยมีมา

คุณได้สำเนียงแบบคนอังกฤษมาได้ยังไง

โนบุกิ: น่าจะเพราะฟัง Oasis มั้ง (หัวเราะ) ไม่ใช่หรอกครับ คือผมมีอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มาจากเอดินบะระ สก็อตแลนด์ แล้วเขามีสำเนียงอังกฤษแบบสก็อตที่แข็งแรงมาก ผมคงซึมซับจากเขามา

ตอนนี้ฟังวงอะไรกันอยู่

โนบุกิ: Hoops ครับ เพิ่งปล่อยอัลบั้มแรกมาเมื่อสองเดือนที่แล้ว เขาเป็นวงอเมริกันที่คล้าย ๆ Mac DeMarco อยู่ แต่เพลงเขาแน่นมาก กับอีกวงคือ KOHH วงฮิปฮอปญี่ปุ่นครับ ชอบมาก

โคเฮ: ผมไม่ฟังอะไรเลยครับช่วงนี้ เล่นแต่ Nintendo DS (หัวเราะ)

โยทาโร่: ผมฟัง The Go-Betweens ครับ วงออสเตรเลีย 80s

มีแผนอะไรในอนาคตสำหรับวงแล้วหรือยัง

โนบุกิ: เราอยากทำให้เอเชียทัวร์ครั้งนี้เป็นทัวร์ที่สนุก ก่อนจะกลับไปทัวร์ต่อที่ญี่ปุ่น แล้วในอนาคตเราก็มองหาที่เล่นในอเมริกาเผื่อว่าจะได้ไปทัวร์ที่นั่นครับ

คุณเคยไปเล่นโชว์เล็ก ๆ ที่อเมริกามาแล้ว ผู้คนที่นั่นต่างจากคนดูที่ญี่ปุ่นยังไงบ้าง

โนบุกิ: โดยทั่วไปแล้วนะ อาจจะไม่ใช่ทุกคน คนญี่ปุ่นจะค่อนข้างขี้อาย นิ่ง ๆ แต่ตั้งใจยืนดูโชว์ ขณะที่คนอเมริกาเขาจะอินกับซีนอินดี้และมีวิธีการสนุกไปกับโชว์ในแบบของเขา คือจะตื่นเต้นที่จะได้ดูวงดนตรี มีความกระตือรือร้นกว่ามาก ๆ ครับ

img_9886

คาดหวังอะไรกับการมาเล่นที่เมืองไทยเป็นครั้งที่สองในฐานะ DYGL

โนบุกิ: เราอยากเจอผู้คนใหม่ ๆ อยากรู้ว่าคนไทยนิสัยเป็นยังไง มีความคิด มีวิธีแสดงออกความรู้สึกแบบไหน รอบที่แล้วเราไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่ คือพอถึงไทย ก็เดินทางไปเล่นที่เฟสติวัล ได้กินอาหารไทยนิดหน่อยแล้วก็บินกลับญี่ปุ่นเลย ก็เลยไม่ค่อยได้ประสบการณ์อะไรเท่าไหร่

แต่คราวนี้น่าจะได้ทำอะไรเยอะแล้วนะ ได้ไปนวดแผนโบราณมาด้วย เป็นไงบ้าง

โนบุกิ: ดีครับ ถึงเขาจะหนักมือไปหน่อยแต่ก็ใช้ได้เลย (หัวเราะ)

ถ้า DYGL เป็นสัตว์ คิดว่ามันจะเป็นตัวอะไร

โนบุกิ: เป็นแพะละกันครับ (หัวเราะ) คือผมติดเกมมือถืออันนึงอยู่ เป็นเกมสวีเดนชื่อ Goat Simulator ให้เราเล่นเป็นแพะแล้วเดินไปรอบ ๆ เมือง พังข้าวของไปเรื่อย ๆ (โนบุกิเปิดเกมให้เราดูแล้วเราก็รู้สึกว่า… เกมเชี่ยไรเนี่ย ตลกมาก แต่เดี๋ยวลองโหลดมาเล่นบ้างดีกว่า) ผมล้อเล่นนะครับ

โยสึเกะ: ผมว่าเราน่าจะเหมือนนกที่บินร่อนไปเรื่อย ๆ หรือตัวอะไรสักตัวที่มันเหงา คือเราเป็นวงที่ค่อนข้างไม่มีเพื่อนในญี่ปุ่นน่ะครับ เราอยากมีเพื่อนนะแต่ไม่มีวงที่เหมือนเราเท่าไหร่เลย ก็เลยรู้สึกเหงาอยู่เหมือนกัน

โนบุกิ: ใช่ครับ การเป็นวงญี่ปุ่นที่ร้องเพลงภาษาอังกฤษมันเป็นอะไรที่ประหลาดอย่างที่คุณก็รู้ แล้วเรายังทำเพลงกันเองอีก คือในญี่ปุ่นยังไงภาษาญี่ปุ่นมันก็เป็นภาษาของคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว เราเลยดูเป็นคนนอกมาก ๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าถึงแม้เราจะร้องเป็นภาษาอังกฤษ แต่ความจริงความคิดของเราเป็นแบบคนญี่ปุ่นนะ หรือแม้แต่ในอเมริกา ก็ด้วยเหตุผลเดียวกันนั้นแหละมันทำให้เราเข้ากับใครไม่ค่อยได้ ถ้านึกถึงตัวอะไรที่ดูเหงา ๆ อยู่ตัวคนเดียว เราน่าจะเป็นตัวนั้นล่ะครับ

ฝากบอกอะไรกับแฟนชาวไทยหน่อย

โยสึเกะ: สบาย ๆ (พูดภาษาไทย)

โนบุกิ: นี่เป็นครั้งแรกที่เรามาที่นี่ในฐานะ DYGL ถึงแม้จะได้อยู่ที่นี่ไม่กี่วันแต่เราดีใจมากครับที่ได้มาและได้เจอผู้คนมากมายที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรา หวังว่าเราคงจะได้เป็นเพื่อนกันนะครับ การเป็นเพื่อนกับคนทั่วโลกน่าจะเป็นอะไรที่วิเศษมาก โดยเฉพาะกับทุกวันนี้ที่หลายประเทศลุกขึ้นมาเป็นศัตรูต่อต้านกันเอง พวกเขาคงลืมความรู้สึกของการสูญเสียไปนานมากแล้ว ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง เราไม่อยากให้เกิดอะไรแบบนั้นขึ้นอีก ดังนั้น มันคงจะดีถ้าเราทุกคนได้เป็นเพื่อนกัน

img_9881

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้