Article Import

The New Abnormal รวบรวมดนตรีแปลกใหม่แต่คุ้นเคยจาก The Strokes ในอัลบั้ม 6 ที่เรารอคอย

The Strokes วงดนตรีดาวเด่นแห่งยุค 2000s จากนิวยอร์ก ประกอบไปด้วย Julian Casablancas (ร้องนำ, คีย์บอร์ด) Albert Hammond Jr. (กีตาร์, ร้องประสาน) Nikolai Fraiture (เบส) Fabrizio Moretti (กลอง, เพอร์คัสชัน) Nick Valensi (กีตาร์, ร้องประสาน) ฝากผลงานเด็ด ไว้มากมายทั้ง Last Nite, Under Cover of Darkness, You Only Live Once และกลายเป็นที่จดจำเพราะริฟฟ์ดีดดิ้น กับการคิดค้นให้กีตาร์ส่งเสียงประหลาดจนกลายเป็นเอกลักษณ์ และเป็นต้นแบบของกีตาร์แบนด์รุ่นหลังไม่รู้กี่วงต่อกี่วง

หลังจากที่ The Strokes ออกผลงานมาหลายอัลบั้ม บางคนก็แยกย้ายไปทำ side projects (Julian มี The Voidz และทำค่าย Cult Records ส่วน Albert ก็มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง) เมื่อปี 2019 พวกเขาก็กลับมารวมตัวกันเล่น live show และมีชื่ออยู่ในไลน์อัพเทศกาลดนตรีต่าง (รวมถึง Fuji Rock ที่กำลังจะเกิดขึ้นหากไม่เจอพิษ COVID-19 ไปเสียก่อน)

แต่ใครจะไปคิดว่าในวาระปีที่ 20 นิด ของวง พวกเขาจะมอบของขวัญอีกชิ้นที่แฟนเพลงอยากได้รับมากที่สุด กับ The New Abnormal อัลบั้มใหม่ในรอบ 7 ปีหลังจากชุด Comedown Machine (2013) บรรจุ 9 เพลงที่จับทางไม่ถูก ทั้งล้ำสมัย หลงยุค ชวนกระโดดโลดเต้น และชวนนั่งซึมในขณะเดียวกัน ซึ่งความ variety นั้นก็ถูกนวดรวมให้กลมกล่อมด้วยกลิ่นอายความเป็นการาจร็อกหัวก้าวหน้าแบบ The Strokes ที่เราคุ้นเคย

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ artwork ของอัลบั้ม ลายเส้นแบบนี้จะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก Jean-Michel Basquiat ศิลปินอเมริกันชื่อดังที่ทำผลงานกราฟิตี neo-expressionist แฝงนัยยะทางสังคมและการเมืองช่วงยุค 70-80s โดยภาพนี้ชื่อว่า ‘Bird on Money’ (1981) ทั้ง สี form และสไตล์งานของเขา สามารถถ่ายทอดทิศทางของอัลบั้มนี้ได้เป็นอย่างดี

และมีใครสังเกตไหมว่า มันคือชุดสีที่คล้ายกับปกอัลบั้ม Is This It ซึ่งเป็น debut album ของ The Strokes เมื่อปี 2001 นี่อาจเป็นการเปรียบเปรยว่างานชุด The New Abnormal ก็ได้อิทธิพลมาจากเพลงยุคแรก ของพวกเขาเช่นกัน

หากคุณยังอินกับอัลบั้ม Is This It ชอบความเพี้ยนและไอเดียหลุดโลกของจูเลี่ยน ชอบลวดลายกีตาร์เท่ มีชั้นเชิง และคาดไม่ถึงของอัลเบิร์ต หรือยังละจาก post punk revival ไม่ได้ The New Abnormal คือผลลัพธ์ที่ลงตัวสำหรับส่วนผสมตั้งต้นนั้น

ทันทีที่กดฟัง The Adults Are Talking สวิตช์ไทม์แมชชีนเริ่มทำงาน ริฟฟ์กีตาร์สุดโดดเด้งและติดหูทำให้เราต้องโยกหัว คลอไปด้วยกีตาร์คอร์ดสุดไพเราะ ไหนจะกลองเร้า กับเบสลุ่มลึกชวนให้ขยับขาในทันที ความพิเศษของเพลงนี้คือการมิกซ์ซาวด์ชวนจั๊กจี้ เมื่อองค์ประกอบทางเสียงแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้เราสนุกกับการเลือกผสมเสียงด้วยตัวเองอย่างที่เราชอบใจ

บรรยากาศช่วงต้นเพลง Selfless ทำให้นึกถึงภาพของวงหยิบเบียร์ขึ้นมากระดก และพูดเข้าเพลง เป็นเหมือนเพลงที่เล่นหลังช่วงพักหายใจในไลฟ์โชว์ แม้ฟังรอบแรกจะรู้สึกแปลก แต่หากวนมาประมาณรอบที่ 3-4 นี่อาจจะเป็นหนึ่งในเพลงที่คุณชอบที่สุดจากอัลบั้มเพราะไลน์กีตาร์สำเนียง melodrama อันนั้น

Brooklyn Bridge To Chorus ดึงเอากลิ่นคีย์บอร์ดซินธิไซเซอร์ 80s และกลองฟุ้ง ที่สามารถฉายภาพ New Order ทับลงไปได้สบาย ในช่วงเวิร์ส กับท่อนโซโล่ที่เราเผลอนึกถึง I Will Survive โดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ท่อนคอรัสถอดแบบวง new wave ออกมา แต่ก็ได้ซาวด์แบบ The Strokes เพราะเมโลดี้ร้องแสนแปลกประหลาดและเสียงของจูเลียน

Bad Decisions กลองและกีตาร์สุดจะน่ารักในเวิร์สทำให้เราอยากลุกขึ้นมาเต้นรำและปรบมือเข้าจังหวะ มันได้ฟีลแบบวง post punk 80s ถึงเครื่อง จากนั้นก็เพิ่มความเข้มข้นในสไตล์ของวงแบบที่คิดถึงกันเข้าไปในท่อนคอรัส และต้องยิ้มออกมาให้กับ outro สุดสดใส ยังไม่รวม interlude สั้น แสนไพเราะเพื่อเข้าไปถัดไปอีกนะ

Eternal Summer จากที่เผิน ๆ ดูเป็นเพลงจังหวะกลางฟังได้เรื่อย ๆ แต่กลายเป็นว่ามันเป็นเพลงที่มีสี และอุณหภูมิที่ชัดเจนที่สุดเพลงนึงในอัลบั้ม สามารถเป็นตัวแทนของหน้าร้อนที่เราไม่อยากให้สิ้นสุดลงได้สมชื่อเพลง ซินธิไซเซอร์พร่างพราว แสนจะเข้ากันดีกับ cowbell เบา และกีตาร์ซาวด์หนา ได้อารมณ์ nu-funk นิด การแผดร้องราวกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ของท่อนเบรกดาวน์ แทรกมาด้วยเสียงกีตาร์แสนฉวัดเฉวียน ผสมกับเบสพร่า และซาวด์กีตาร์ชวนนึกถึงร็อก 70s แล้วยังจะมีท่อนบริดจ์ท้ายเพลงสุดเท่อีก

At The Door เพลงที่ถูกตัดปล่อยเป็นซิงเกิ้ลแรก สร้างความเหวอให้แฟนเพลงอยู่ไม่น้อย ระหว่างที่ฟังก็เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่จะมีเสียงกลองกันก็หลายคน แต่พอฟัง ไปแล้วนี่คือเพลงที่ตั้งใจให้เสียงซินธิ์มาชูทุกสิ่ง ระคนไปกับเสียงร้องสุด dramatic ซึ่งทำให้เรานึกถึง I’ll Try Anything Once ในแบบที่ดาร์กกว่า และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมโลดี้ในเพลงนี้เพราะมาก กับการผสมซินธิไซเซอร์ที่ชวนล่องลอยไปถึงไหนต่อไหน กับอีกอย่างที่ถูกใจมากคือมิวสิกวิดิโอที่ทำให้นึกถึงการ์ตูนแอ็คชันแฟนตาซียุค 80s เรื่อง ‘He Man & She Ra: The Secret of the Sword’ ยังไงยังงั้น

มาถึงเพลงที่เราชื่นชอบที่สุดในอัลบั้ม Why Are Sunday’s So Depressing คือเพลงที่ดึงเอากลิ่นอายแบบ The Strokes ที่ทุกคนหลงรักกลับมาได้มากที่สุด มีลูกเล่นในการผสมเลเยอร์ไปกับการร้องยืดยาน ใส่สัดส่วนของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นแต่น้อย และใช้เสียงกีตาร์ประหลาด มาเป็น rhythm part ในเพลงได้น่าสนใจ

ถ้าเปรียบทั้งอัลบั้มเป็นเหมือนบรรยากาศในโชว์โชว์หนึ่งแล้ว Not The Same Anymore ก็เป็นเหมือนซีนอารมณ์สุดซึมที่จะเกิดขึ้นในช่วงหลัง climax ที่ต้องเกิดการแตกหักกันก่อนที่จะเกิดการแก้ไข เพื่อให้เรื่องราวทั้งหมดคลี่คลาย ความ emotional ในเพลงนี้ทำเอาคนฟังอย่างเรา ขนลุกไปด้วย

และเดินทางมาสู่แทร็คสุดท้าย Ode To The Mets เพลงช้าที่การเรียบเรียงในเพลงมีความแปลกประหลาด แต่เลือกใช้ทำนองที่เพราะและแสนเศร้าทำให้เพลงนี้สวยงามขึ้นมา ตัดด้วยความเกรี้ยวกราดในพาร์ตร้องและไลน์กีตาร์สุดเท่ พุ่งพล่าน แต่รวดร้าวในขณะเดียวกัน เป็นเหมือน anthem ของวัยรุ่นที่งดงามและเจ็บปวด

การฟัง The New Abnormal ทำให้นึกถึงวันวานที่กีตาร์แบนด์ยังรุ่งโรจน์ ในคืนวันศุกร์ เสาร์ ที่เราไปรวมตัวกันในบาร์เล็ก วัยรุ่นประหลาด กลุ่มนึงกระโดดโลดเต้นไปบนพื้นชุ่มฉ่ำด้วยเบียร์ กับเพลงที่ไปแบ่งให้ใครฟังก็คงไม่สนใจ มีแต่พวกเรากันเองที่เมื่อเสียงเพลงอันคุ้นเคยดังขึ้น เราก็พร้อมจะกู่ร้องด้วยกันราวกับนั่นคือคำสอนของศาสดา เป็นเพลงชาติแห่งความเยาว์วัย และเมื่อเพลงสุดท้ายจบลงก็ได้พบว่า The Strokes ได้นำเอาช่วงเวลาอันสดชื่นนั้นกลับมาทำให้สดใหม่ แปลกประหลาด และมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

รับฟังเพลงทั้งหมดได้แล้ว ที่นี่

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้