Article Import

คุยกับ Ellie และ Theo สองสมาชิกจากวงสุดจี๊ดแห่งยุค Wolf Alice

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Tunlaya Dunnvatanachit

นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก Wolf Alice เจ้าของเพลงร็อกสุดเดือดที่แอบซ่อนกลิ่นอายดนตรีป๊อปพร้อมเนื้อหาโดนใจวัยโจ๋ทั่วโลก ตอนนี้เราอยู่กับ Ellie และ Theo พวกเขาพร้อมตอบทุกข้อสงสัยของเรากันแล้ว

p1010195

สมาชิก
Ellie Rowsell (ร้องนำ, กีตาร์)
Joff Oddie (กีตาร์)
Theo Ellis (เบส)
Joel Amey (กลอง)

มาถึงสิงคโปร์เมื่อไหร่ อะไรคือสิ่งแรกที่คุณสังเกตเห็นหลังจากที่ได้มาสัมผัสเมืองนี้

ธีโอ: เมื่อวานนี้ครับ ได้ไปเดินเที่ยวนิดหน่อย คิดว่าน่าจะเป็นต้นไม้ ต้นไม้สวยและมีเยอะมาก แล้วก็รถเมล์เยอะ มันมีสองชั้นเหมือนบัสแดงที่บ้านผม แต่มันไวมากนะ นั่งจากสนามบิน 45 นาทีก็มาถึงที่นี่แล้ว

แล้วกับสภาพอากาศล่ะ วันนี้อุณหภูมิสูงถึง 31 องศา พวกคุณได้เตรียมใจมารับมือกับสิ่งนี้มาก่อนหรือเปล่า

เอลลี่: มันเป็นสิ่งแรก ที่เรานึกถึงเหมือนกัน มันทำให้เรารู้สึกว่ากำลังมาพักร้อน

เราอยากถามคุณในฐานะคนที่มางานเฟสติวัล จำครั้งแรกที่ได้ไปเทศกาลดนตรีได้ไหม ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง

เอลลี่: ของฉันคืองาน Glastonbury แล้วฉันอายุแค่ 17 เองมั้ง ตอนนั้นไปกับเพื่อนอีกสองคน ไม่รู้เลยจริง ว่าจะได้เจอกับอะไรบ้างในงาน ฉันก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็ไปยืนดูหลาย วง ตั้งใจดูมาก ฉันชอบงานนั้นนะคะ

วันนี้อยากดูวงไหนเป็นพิเศษ

ธีโอ: ผมอยากดู Aldous Harding มากครับ เธอเจ๋งสุด ๆ แล้วก็ Rolling Blackouts Coastal Fever

เอลลี่: ใช่ แล้วก็ ฉันชอบ Moses Sumney

แล้วในฐานะที่คุณกำลังจะขึ้นเล่นบนเวที Laneway ที่สิงคโปร์นี้ล่ะ

ธีโอ: ไม่รู้ว่าจะต้องคาดหวังอะไรเลยครับ เป็นครั้งแรกที่เรามาเล่นที่สิงคโปร์ แทบจะเป็นเฟสติวัลแรก ๆ ในต่างประเทศของพวกเราเลยด้วยมั้ง

p1010182

คุณเคยไปเล่นที่ออสเตรเลียมาแล้ว ครั้งนี้คุณก็จะได้ไปเล่นที่ Laneway ที่นั่นอีก รู้สึกยังไงบ้าง เบื่อหรือยัง

เอลลี่: เราเคยไปเล่นเฟสติวัลที่ออสเตรเลียมาครั้งสองครั้ง เราชอบออสเตรเลียมาก แต่ตอนนั้นเรายังเด็กและรู้สึกว่ายังเตรียมตัวไม่ดีพอ ก็อยากจะกลับไปแก้มือ

ธีโอ: ใช่ ตอนนั้นเรากากมาก แต่ตอนนี้เรามีอัลบั้มใหม่ที่เพิ่งออกมา ก็อยากจะเอาเพลงใหม่ไปโชว์ ค่อนข้างมีความพร้อมประมาณนึง ก็รู้สึกดีมากครับที่จะได้เล่นเฟสติวัลที่นั่นอีก แล้วเราก็ได้ไปออกรายการที่สถานีวิทยุด้วย เราชอบสถานีนั้นมาก ขอบคุณครับ

รู้สึกยังไงกับการทัวร์ข้ามทวีปครั้งนี้

ธีโอ: สำหรับเราการมาเล่นที่นี่ถือเป็นสิ่งใหม่มากครับ เราเคยไปเล่นที่ออสเตรเลียอย่างที่บอก มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี แล้วเดี๋ยวอีกสามวันเราก็จะไปเล่นที่อินเดียต่อ สำหรับเราปีนี้เป็นปีที่เยี่ยมมากครับที่ได้มาเปิดโลก รู้สึกเหมือนได้มาเที่ยวเลย (หัวเราะ)

เวลาทัวร์คอนเสิร์ต คิดถึงอะไรที่สุด

ธีโอ: คิดถึงเพื่อน ครับ

เอลลี่: คิดถึง… (นึกนาน) คิดถึงการมีชีวิตแบบคนปกติค่ะ เดี๋ยวนี้เดินไปไหนคนก็จำได้ หรือเวลาที่เราเล่นโชว์ มันเป็นช่วงเวลาที่เรานึกขึ้นได้ว่า โอ้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่อย่างน้อยก็ได้ใช้เวลาอยู่กับเพื่อน

ธีโอ: อย่างในเฟสติวัลเราก็ตั้งใจจะมาแฮงเอาต์กับเพื่อน ดูวงดนตรีที่เล่นแนวคล้าย กัน ชีวิตช่วง 20 ต้น ของผมมันแปลกนะ วัน ใช้ชีวิตอยู่แต่กับการทัวร์คอนเสิร์ต ความทรงจำของผมมีอยู่แค่เรื่องนี้ ชีวิตได้ทำอะไรไม่กี่อย่าง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องที่ดีครับ รู้สึกว่าผมโชคดีด้วยซ้ำ

ทำไมอัลบั้มใหม่ Visual of Life มีหลายแนวเพลงมาก

เอลลี่: สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจชั้นดีคือไม่มีใครมาบอกว่าเราต้องทำอะไร พวกเราเองก็สนใจในทิศทางของดนตรีที่หลากหลาย ชอบไม่เหมือนกัน ดังนั้นใน 12 เพลงในอัลบั้มก็เลยจะมีความแตกต่างกัน แต่ว่ามันยังมีความต่อเนื่องกันอยู่

p1010161

เวลาเขียนเพลงนึงขึ้นมา มีวิธีตัดสินใจว่าจะให้มันออกมาเป็นแนวทางประมาณนั้น ประมาณนี้ ยังไงบ้าง

เอลลี่: มันเหมือนเป็นการหาความรู้สึกในเพลงนั้นมากกว่าว่า เพลงแบบไหนที่เราเล่นแล้วจะสนุกที่สุด แต่เดี๋ยวนี้เราไม่ถึงกับต้องมานั่งตัดสินใจตรงนั้นแล้ว เราชอบเพลงป๊อป ถ้าเราอยากเขียนเพลงป๊อปเราก็ลองเขียนดู ถ้าชอบเพลงแบบนั้นแล้วจะไปฝืนทำไม แม้ว่ามันจะเป็นแนวเพลงที่ต่างไปจากที่เราเคยทำก็เถอะ แต่ไม่คิดจะลองทำมันออกมาหน่อยหรอ

ธีโอ: หรืออย่างบางเพลงทำออกมาก็รู้สึกว่า เออ มันต้องเขียนเป็นเพลงรักว่ะ เพราะมันสามารถสะท้อนบรรยากาศหรืออารมณ์ดนตรีของเพลงนั้นได้ดี หรืออย่าง Yuk Foo เราก็เขียนเนื้อเพลงตามดนตรีที่มันดูเป็นพังก์ที่มีสีสันจัดจ้าน

แล้วแฟนเพลงรู้สึกยังไงบ้างที่แนวดนตรีมันเปลี่ยนไปจากงานชุดก่อนพอสมควร

ธีโอ: ตอนที่ปล่อย Yuk Foo ถือเป็นอะไรที่ฉีกไปเลยนะ มันเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้ทำ บางคนถึงกับไม่ชอบไปเลย แต่มันก็เป็นเพลงที่ตอบโจทย์ความเป็นตัวของพวกเราในช่วงเวลานี้ได้ดี ตอนแรกก็กลัวแหละว่าคนจะชอบไหม แต่ส่วนใหญ่เขาก็โอเคกับมันนะ

ถ้าให้พูดถึงอัลบั้มใหม่ของคุณโดยใช้คำอธิบายแค่คำเดียว จะเป็นคำว่าอะไร

เอลลี่: Wicked! (ในที่นี้จะขอแปลเป็น ‘ร้ายกาจ!’ แบบที่ รอน วีสลีย์ พูด แต่ความหมายจริง ๆ น่าจะเป็น ประมาณว่า ‘แจ่มแมว’ อะไรก็ตามที่เป็นสแลงที่สามารถแปลได้ว่า ‘เจ๋ง’ แหละจ้า—Fungjaizine)

มี feedback ไหนที่คุณยังจำได้จนถึงทุกวันนี้

เอลลี่: บางทีมันก็ยากนะที่จะตอบคำถามเวลามีคนถามถึงเพลงของเราว่าซาวด์มันเป็นยังไง แต่พอเราได้อ่านรีวิวที่คนเขียนถึงเรา เขาก็เขียนถึงดีมาก บางอันนี่เขียนเก่งมากจนเรานึกภาพออกว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นอย่างนี้ แบบบางทีก็ดีเกิ๊น อ่านแล้วอยากจะวิ่งเอาไปให้แม่ดูบ้างเลย (หัวเราะ)

ธีโอ: แต่มันก็มีอันที่เขียนว่าแม่งห่วยว่ะแล้วก็ไม่เขียนอย่างอื่นอีกเลย ผมก็แบบ… (หัวเราะ)

คุณได้รับเสนอชื่อเข้าชิงหลายการประกวดมาก คุณคิดว่าการได้รางวัลเป็นเรื่องจำเป็นกับศิลปินไหม

ธีโอ: ถ้าสมมติว่าคุณเป็นศิลปิน ผมไม่รู้ว่ามันสำคัญไหมนะเพราะงานที่คุณทำมันเป็นศิลปะ แต่การได้เข้าชิงในหลายรางวัลมันก็เป็นโอกาสดีที่จะทำให้คนที่ไม่เคยฟังเพลงของเราเลยได้รู้จักเรามากขึ้น คนจำเราได้จากการได้มีชื่ออยู่ในงานนั้นนี้ จริง มันก็ดีนะครับ

p1010165

วงได้รับผลกระทบจากการที่นักร้องนำเป็นผู้หญิงไหม คนที่นั่นปฏิบัติกับคุณยังไง

เอลลี่: พูดยากเหมือนกันนะคะ เพราะฉันก็ยังไม่เคยโดนอะไรตรง การที่อยู่ในวงนี้ทุกคนมองฉันว่าเป็นนักดนตรีคนนึง ก็คิดว่ากับคนอื่นมันคงมีผลกระทบบ้างนะ แต่ฉันเชื่อว่าในอนาคตมันจะเปลี่ยนไปค่ะ

กว่าแปดปีที่ผ่านมาจากวันแรกที่ทำวงมาจนมาถึงตอนนี้ คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองและวงยังไงบ้าง

เอลลี่: เรามีความมั่นใจมากขึ้นเพราะเราโตขึ้นและมีประสบการณ์การเป็นนักดนตรีมากขึ้น แต่ในบางอย่างเราก็มีความมั่นใจน้อยลง จากการที่เราประสบความสำเร็จมาก ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา มันก็มีความกดดันที่เราจะต้องระมัดระวังในอะไรหลาย อย่างขึ้นด้วย ตัวเราเองก็เปลี่ยนไป

ธีโอ: แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีนะ

แล้วตอนนี้วงมีแพลนในอนาคตยังไงบ้าง

เอลลี่: คงจะทัวร์อย่างเดียวเลยค่ะ ทัวร์หนัก ยันสิ้นปีเลย ตอนนี้ก็เริ่มเขียนเพลงใหม่แล้วเหมือนกันแต่ว่าคงไม่มีเวลาจริงจังกับมันมาก แล้วก็ยังไม่อยากคิดถึงอนาคตมากเท่าไหร่ ลุยกับตรงนี้ก่อนดีกว่าค่ะ

อยากไปทัวร์ที่ไหนอีกบ้าง

ธีโอ: ผมอยากไปเวียดนามมากครับ แล้วก็อยากไปอเมริกาใต้ด้วย ไอซ์แลนด์ด้วย

คุณจะเป็นยังไงในอีก 10 ปีข้างหน้า

เอลลี่: ฉันคงจะไปอยู่บนยอดตึกนั่น (Marina Bay Sands) ดื่มค็อกเทลสกายไดเวอร์ (หัวเราะ)

ธีโอ: อยากจะเป็นวงเฮดไลน์ของ Laneway ในปีสองพันสองพันอะไรวะ (หัวเราะ) บวกเลขแปป 2028 ครับ!

p1010167

สุดท้ายแล้ว อะไรทำให้ Wolf Alice แตกต่างจากวงร็อกวงอื่น

ธีโอ: อันนี้ต้องให้พวกคุณไปหาคำตอบกันเองแล้วล่ะ

เอลลี่: คำถามนี้สำหรับพวกคุณค่ะ (ยิ้ม)

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้