Article Interview

เพราะความฝันของพวกเรามันยิ่งใหญ่ : อร เนย ปัญ น้ำหนึ่ง BNK48

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

15/06/2018 

‘จงเดินไปข้างหน้า got it
เราจะเดินไปข้างหน้า got it
ตรงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นรอเราอยู่ข้างหน้า
เราจะเดินบนทางแห่งความหวังของเรา
สิ่งที่ขวางทางเราคือ river river river’

ผมนั่งฟังเพลงนี้อยู่หลายรอบมาก ๆ หลังจากที่รู้ว่าจะได้สัมภาษณ์ไอดอลวงนี้อย่างเป็นทางการครั้งแรก แถมกว่าจะได้คิวสัมภาษณ์พวกเธอนั้นต้องบอกเลยว่า 5 เดือนคือระยะเวลาที่พวกเรารอจะได้มานั่งคุยกับ BNK48 และตอนนี้ผมกำลังพาตัวเองมานั่งอยู่ในเธียเตอร์ที่ทำการแสดงของพวกเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วันนี้เป็นวันที่ฝนตกหนักมาก ๆ ผมเริ่มยกนาฬิกาขึ้นมาดูพร้อมกับคิดในใจว่า น้อง ๆ จะมาทันเวลาที่เรานัดไว้รึเปล่า การปรากฏตัวของน้อง ๆ ทั้ง 4 คนที่เรานัดในวันนี้จะเป็นเช่นไร พวกเธอจะมาในรูปแบบไหนกัน และในระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทันใดนั้นน้องทั้ง 4 คนก็เดินออกมาสวัสดีพวกเราทีมงาน Fungjaizine พร้อมกับหน้าตาแจ่มใสและเสียงหัวเราะ ตอนนั้นผมรู้แล้วว่าบทสัมภาษณ์นี้สนุกแน่ ๆ

“มาพี่ เริ่มกันเลย พวกเราพร้อมแล้ว” อร หัวหน้าแก๊งตัวจี๊ดประจำ BNK48 บอกกับพวกเราทีมงาน ผมไม่รอรอช้าเปิดเครื่องอัดเสียงและยิงคำถามใส่น้อง ๆ ทันทีครับ

สมาชิก BNK48 ในบทสัมภาษณ์นี้ได้แก่

อร—พัศชนันท์ เจียจิรโชติ
เนย—กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล
น้ำหนึ่ง—มิลิน ดอกเทียน
ปัญ—ปัญสิกรณ์ ติยะกร

เพลง River พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร 

อร: เพลงนี้มันจะพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ข้างหน้าเรา โดยนำสัญญะของแม่น้ำที่ขวางอยู่ตรงหน้ามาเป็นตัวแทนถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งพวกเราต้องการจะสื่อสารกับคนฟังว่า อุปสรรคที่พบเจออยู่ คุณสามารถผ่านไปได้นะ เชื่อมั่นในตัวเองสิ คุณทำได้ เป็นเพลงที่มีเนื้อหาที่แข็งแรงและให้กำลังใจคนฟัง 

ถ้าพูดถึงเรื่องราวของอุปสรรค การเป็น BNK48 ของทั้ง 4 คนพบกับอุปสรรคด้านใดบ้าง

เนย: แรก ๆ ของหนูน่าจะเป็นเรื่องการเดินสายออกสื่อ เหมือนเขาจะต้องถามคำถามต่าง ๆ อะไรแบบนี้ กลัวว่าจะตอบยังไงให้เขาเข้าใจหรือสื่อยังไงให้คนดูเข้าใจ มันก็เลยค่อนข้างยากในตอนแรก หนูจะตื่นเต้นทุกครั้งเวลาไปออกรายการหรือโดนสัมภาษณ์ วันนี้ก็ยังตื่นเต้นอยู่ 

อร: ปุบปับรับโชคจ้าเนย (หัวเราะ)

น้ำหนึ่ง: อุปสรรคของน้ำหนึ่ง น่าจะเป็นตอนที่เข้ามาอยู่ในวง BNK48 เนี่ยล่ะ เป็นช่วงที่ค้นหาตัวเองเลย เหมือนตอนแรกเรายังไม่รู้ว่าเราจะต้องเป็นคนแบบไหน อะไรยังไง แต่สุดท้ายเราก็ค้นพบว่า ต้องเป็นตัวของตัวเอง แค่นั้นเลยจบ 

อร: ขอตอบเป็นเรื่องการพัฒนาตัวเองดีกว่าค่ะ เราก็มีพัฒนาการขึ้นมาระดับนึงล่ะนะ แต่ก็ยังไม่ได้เก่งที่สุดอยู่ดี สิ่งที่ยาคือการต่อสู้กับตัวเอง เหมือนพอเข้ามา BNK48 ตอนแรกเราคิดว่ามันง่าย มันสวยหรู แค่นี้ฉันก็ทำได้ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ มันยากกว่าที่หนูคิดไว้ทั้งหมดเลย ต้องเอาความคิดบางอย่างออกไป เราเลยต้องต่อสู้กับตัวเองมากขึ้น (FJZ: ถือว่าตอนนี้ต่อสู้ชนะตัวเองแล้วรึยัง?) ได้แล้วนะ เหมือนตอนแรกเราค่อนข้างภูมิใจกับตัวเองมาก แบบรู้สึกเหนือไปหมดเลย แต่พอเข้ามาวงนี้ไปสักพักก็ค้นพบว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้านะ (หัวเราะ) เราเลยต้องข้ามกำแพงของตัวเองไปให้ได้

ปัญ: ของหนูมี 2 อย่าง อย่างแรกคือ มันต้องเรียนด้วยทำงานไปด้วยก็ใช้เวลาปรับตัวอยู่สักพักเลย กับอีกเรื่องนึงมันเหมือนเราต้องเต้นเพลงเดิมไปซ้ำ ๆ ตลอด ช่วงเดินสายเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย หนูต้องเต้นเพลงนี้อยู่ 6 เดือน มีแต่คุกกี้ ๆ มันยากที่จะรู้สึกตื่นเต้นตลอดเวลา พอขึ้นโชว์บ่อย ๆ มันก็ทำให้เราไม่ตื่นเวที แล้วก็รู้สึกว่าเราต้องหาวิธีมาทำให้มันรู้สึกสดชื่นอยู่ให้ได้ตลอดเวลา ให้มันรู้สึกอยากทำ ไม่ใช่รู้สึกต้องทำ ตรงนี้ก็เป็นความยากที่เกิดขึ้นเหมือนกันสำหรับหนู (FJZ: เคยกลับบ้านไปนอนแล้วฝันถึงเพลงคุกกี้เสี่ยงทายไหม?) มันไม่ถึงขั้นฝัน แต่มันก็แค่หลอน ๆ แล้ว มันเป็นความรู้สึกที่แบบพอต้องเต้นคุกกี้เสี่ยงทาย ก็รู้สึกแบบ อีกแล้วเหรอ แต่ก็ไม่ถึงขั้นเก็บไปฝันนะ

เรื่องราวการผจญภัยของมิวสิกวิดีโอเพลง River

อร: ใน mv นี้มันจะเหมือนเราเข้าไปในป่าพิศวง ป่าต้องห้ามอะไรแบบนี้ แล้วก็พวกโคลน ดิน น้ำ ลม ไฟ เหมือนเป็นอุปสรรคที่เราต้องผ่านออกไปจากป่านี้ให้ได้ ซึ่งเราจะเห็นว่าช่วงท้ายโทนภาพของ mv นี้มันจะมีโทนสีสดสดเกิดขึ้นมาเปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนเราออกจากป่ามาได้แล้วอะไรประมาณนี้ ออกมาพร้อมเพื่อน เฮฮาสนุกสนาน ส่วนท่าที่สัญลักษณ์ที่เอานิ้วมาประกบกันเป็นสัญลักษณ์ตัวอักษร A ท่านี้มันมาจาก AKB48 โดยเพลงนี้มันเป็นเพลงที่สำคัญมาก ๆ กับรุ่นพี่ AKB48 เพราะมันจะมีช่วงที่วงเขาเข้าสู่จุดที่ไม่เป็นที่นิยมในญี่ปุ่นอยู่พักนึง โดยทางค่ายก็คิดว่า วงนี้จะไปทางไหนต่อ หากเพลงนี้ไม่ดังอีก เขาก็จะไม่ทำวง AKB48 อีกต่อไป เพลงนี้มันจึงเป็นจุดพลิกพลันทำให้วง AKB48 กลับมาดังอีกครั้งเลยก็ว่าได้ 

บรรยากาศการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอในวันนั้นเป็นไงบ้าง

เนย: บรรยากาศวันนั้นเราถ่ายทำตั้งแต่ช่วงบ่ายเลย มันก็จะมีอุปสรรคแบบที่ทุกคนได้เห็นกัน จะมีทั้งลุยน้ำลุยโคลนกัน ที่สำคัญพวกเราโดนน้ำด้วย เหมือนมันเป็นฝนปลอม เขาเอารถดับเพลิงฉีดเลย แต่เผอิญว่ามันจะมีสองฝั่ง อีกฝั่งคนที่จะเปียกเยอะมาก ๆ กับอีกฝั่งจะไม่โดนน้ำเลย ซึ่งฝั่งหนูเนี่ยโดนน้ำเยอะ ก็เลยมีประท้วงว่า พี่คะ ฝั่งนี้มันเปียกเยอะ ฝั่งโน้นไม่เห็นเปียกเลย เขาก็เลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวเพิ่มแรงน้ำให้มันมากขึ้นให้มันถึงฝั่งนั้น ปรากฏว่า ฝั่งนั้นก็ยังเปียกนิดเดียวอยู่ดี ฝั่งนี้คือโดนเยอะเลย (ทำหน้าเศร้า) 

อร: โดนน้ำจนตัวเซเลย (หัวเราะ) มันแรงมาก ๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็จะมีถ่ายมาตั้งแต่เช้าเลย แถมมีฉากนึงที่ต้องโดนโคลน พี่เขาก็จะเอาโคลนป้ายหน้าหนูจริง ๆ ด้วยเพื่อความสมจริง เราก็ทำจริง ๆ เลย สู้มากสำหรับการถ่าย mv ตัวนี้แถมมีช็อตที่ต้องล้มก็ล้มไปหลายเทคเลย เจ็บเข่ามากแถมยังมีแมลงกัดด้วย เจออะไรเยอะไปหมดเลย 

น้ำหนึ่ง: มีควันด้วย ไม่ใช่ควันปลอมนะ เป็นควันที่เขาเผาจริง ๆ เลยตรงนั้น

อร: ใช่ ๆ มีควันกับโฟมด้วย เหมือนเราเป็นหมูให้เขารมควันเลยวันนั้น

น้ำหนึ่ง: เป็น BNK48 รมควันแทน

ปัญ: แถม mv นี้มีช็อตกลางแจ้งกันเยอะเหมือนกัน มีถ่ายตอนท้ายในสนามแข่งรถด้วย ร้อนมาก 

อร: วันที่ถ่าย วันที่สองนี่ก็ทรมานเหมือนกัน แถมช่วงท้ายของการถ่ายมันเป็นเหมือนช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยที่อากาศร้อนมาก แดดเปรี้ยง ๆ ไม่มีเมฆไม่มีอะไรเลย แล้วชุดของเรา รองเท้าหนัง มันก็เหมือนจะดูดความร้อนได้ดีมาก เท้าพองกันเยอะเลย ชุดเราก็ร้อนนิดนึง เต้นกันกลางแดดส่องหน้า พวกเราลืมตาแทบไม่ขึ้น ไฟด้านหลังอีกที่ส่องเข้ามาอีก มันเป็นความทรมานอีกอย่างนึง แต่พอภาพมันออกมาแล้วพวกเราก็แฮปปี้ ภาพดูเย็น ๆ ตาหยีนี่ไม่ใช่อะไรนะร้อน

น้ำหนึ่ง: ไม่ได้มีความมุ่งมั่นนะ มันร้อน (หัวเราะ)

การมาเป็นเซ็นเตอร์ของ อร ละเป็นอย่างไรบ้าง

อร: เป็นเซ็นเตอร์ครั้งแรกค่อนข้างกดดันนะ เพราะว่ามันจะมีการเปรียบเทียบอยู่เสมอ เปรียบเทียบว่า ทำไมคนนี้น่าจะเหมาะกว่านะ น่าจะเต้นเก่งกว่า มีคนบอกว่า เฮ้ยทำไมปัญเต้นเก่งกว่า ทำไมไม่ได้เป็น คือเพลงนี้ทางญี่ปุ่นเขาเต้นเบามากเลยนะ คนเลยคาดหวังว่าเราต้องเต้นดุดันมาก ๆ ต้องมีอินเนอร์ เขาก็จะไม่ค่อยเชื่อว่าหนูเต้นได้ เขาจะคิดว่า หนูเต้นแบบไลน์ผู้หญิง เอาจริง ๆ หนูก็เจ็บใจนะ ซึ่งการที่หนูเจ็บใจมันทำให้มีแรงขับเคลื่อนกับตรงนี้มากขึ้น ในเมื่อด่าฉันใช่ไหม ฉันจะพิสูจน์ให้แกดูเอง มันก็อาจจะมีคนด่านะ แต่หนูก็ทำเต็มที่เสมอ ที่สำคัญเพลงนี้ถ้าหนูคนเดียวเต้นมันก็จะเป็นไปไม่ได้เลย มันต้องมีเพื่อนร่วมทีมที่แบบสู้ไปด้วยกันเต้นด้วยกัน ซึ่งก็คือ BNK48 ทุกคนนั้นแหละ

โชว์ครั้งแรกของ River และเบื้องหลังของโชว์ที่ 4 สาวอยากให้ทุกคนได้รู้ 

อร: ครั้งแรกตื่นเต้นมาก ซึ่งโชว์ทั้งหมดของเพลงนี้มันจะมี 2 รอบนะที่เป็นรอบแรก ๆ คือ รอบที่มีสมาชิก 6 คนกับรอบสมาชิก 16 คน อย่างตอนรอบ 6 คน เรายังต้องเต้นเพลงนี้เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นอยู่เลยเพราะเพลงยังอัดไม่เสร็จ โชว์จะเกิดขึ้นเสาร์นี้แล้ว เราต้องซ้อมเต้นกันวันศุกร์ถึงตี 4 แล้วเดินทางไปต่อที่จังหวัดบุรีรัมย์วันนั้นทันที ทุกคนก็กังวลนะเพราะมันเป็นโชว์แรกด้วยที่จะทำให้ทุกคนประทับใจ ตอนนั้นเรายังไม่มีชุดด้วย แถมเขาบอกว่าจะให้ร้องเพลงนี้อีก (FJZ: แล้วพวกเราร้องเพลงนี้ไหมตอนนั้น) ไม่ได้สิคะ ถั่วงาสิคะ สรุปเขาเลยบอกว่า งั้นยังไม่ต้องร้องเต้นอย่างเดียวไปก่อน 

น้ำหนึ่ง: เหมือนเราเพิ่งต่อท่ากันเสร็จแล้วก็มาที่งานนี้เลย

อร: ใช่ ช่วงนั้นงานเราเยอะมาก ๆ มีทั้งซ้อมเพลงนี้ ซ้อมคอนเสิร์ต ต่อท่าอีก ซึ่งท่าบางคนยังไม่แม่นเลย ที่เรารู้สึกโอเคมั่นใจระดับนึงแล้วก็คือตอนคอนเสิร์ตที่มี 16 คนในเพลงนี้ เรามั่นใจแล้ว ถ้าพลาดมันก็ไม่มีใครเห็นหรอก (หัวเราะ) แต่ไม่พลาดนะ 

ปัญ: อย่างของปัญก็เพิ่งเห็นชุดเพลงนี้ในงานคอนเสิร์ตวันนั้นเลย

เนย: ได้ลองใส่ชุดก็วันนั้นเลย ชุดบางคนยังไม่มีซิปติดเลยตอนนั้น

อร: ใช่ ๆ คือ งานมันเร่งและด่วนมาก ต้องทำทุกอย่างให้ได้ ณ ตรงนั้นด้วย หนูยังไม่เห็นชุดตัวเองเลย ตอนแรกคิดอยู่เหมือนกันว่า มันจะออกมาเป็นยังไง ทุกคนได้เปลี่ยนชุดซ้อมกันแล้ว เราก็มองเพื่อน ๆ ว่า อ่อ ชุดมันแบบนั้นนี่เอง แต่มันก็สนุกดีนะ ตอนขึ้นไปทั้งหมด 16 คน โดยความกดดันที่เกิดขึ้นคือ นาโอะซัง ครูสอนเต้นเขาบอกพวกเราว่ายังไม่ได้มาตรฐานของเขา ซึ่งคอนเสิร์ตเรามี 2 วันใช่ไหม วันแรกก็โดนดุไปแล้ว เละเลย คือวันที่สอง เราก็ยังต้องซ้อมนะ เพลง River เนี่ย เราก็ต้องมาแต่เช้าเพื่อซ้อมคอนเสิร์ต เราเต้นจนสุดแรง แต่มันก็ยังไม่ดีพอ มันเป็นฟีลที่เรารู้สึกว่า เราตั้งใจแล้ว มุ่งมั่นกับมันแล้ว แต่ทำไมมันยังไม่ดีพอ จนมีครั้งนึงที่เราปล่อยทุกอย่างตามสบาย แล้วคุณครูเขาก็บอกว่า อันนี้ขั้นต่ำของวงเรา ห้ามต่ำกว่านี้แล้ว ต้องให้สูงกว่านี้ไปเรื่อย ๆ อันนั้นก็โอเคถือว่าเป็นคำชมกับเพลงนี้ เพราะเพลงนี้ค่อนข้างยากและกดดัน เราแอบไปร้องไห้หลังคอนเสิร์ตเลยด้วยซ้ำ คือเครียดมากกับเพลงนี้ (FJZ: อันนี้เป็นความจริงที่หลาย ๆ คนไม่รู้?) ใช่ คือคอนเสิร์ต หลาย ๆ คนจะคิดว่า เราแค่มาแต่งตัวสวย ๆ แล้วจบ ไม่ใช่เลย เราต้องซ้อมหลาย ๆ เพลงและหลาย ๆ ครั้ง  เรารู้สึกว่า วันแรกเรายังทำได้ไม่ดี เราก็ต้องปรับปรุงกันตลอด

ก็มีคนด่าเหมือนกันว่า BNK48 เต้นกันไม่แข็งแรง เต้นไม่เข้มแข็งเลย แฟนคลับพวกเราก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอา mv River ส่งไปแปะหน้าเขา — อร   

กระแสตอบรับของแฟนคลับเป็นยังไงบ้าง

ปัญ: กระแสตอบรับเพลงนี้ ในแง่ของกระแส มันดีตั้งแต่ตอนที่เปิดตัวว่าจะมีเพลง River แล้ว อาจจะเพราะด้วยความที่เพลงมันแหวกแนวจากที่เราเคยปล่อยออกมา 3 ซิงเกิ้ลแรก บวกกับมันไม่ใช่ซิงเกิ้ลที่ 4 มันเป็นเพลงพิเศษ คนก็ยิ่งแบบฮือฮากันเข้าไปใหญ่  ยิ่งตอนคอนเสิร์ตใหญ่ก็ยิ่งตื่นเต้น รวมไปถึงตอนที่ไปโชว์ที่งานมอเตอร์โชว์ มีชุด มีเพลงไทยเกิดขึ้นในงาน คนก็พูดกัน หลัว ๆ เต็มไปหมดเลย ส่วนมากคนที่เขาบอก หลัว ๆ ก็จะมีพี่น้ำหนึ่ง พี่อร พี่เฌอปราง

อร: เพลงนี้ก็ทำให้เรากลายเป็นสายหลัวไปเลย

ปัญ: ส่วนการตอบรับก็ดีตามที่คาดไว้

อร: ตอนแรกก็กลัวว่ามันจะเงียบรึเปล่า มันก็จะมีกราฟการฟังของมันอยู่ มันจะไม่ได้พุ่งขนาดเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย 

10 ล้านวิวคือตัวเลขสำหรับยอดวิวของเพลง River 

อร: ช่วงแรกหนูติดตามบ่อยนะเรื่องยอดคนดู จำได้ว่าสองวันแรกก็ล้านวิวอะไรแบบนี้ สักพักมันก็จะเป็นช่วงว่าง ๆ คนอาจจะดูไม่เยอะเท่าไร ช่วงนี้อาจจะกลับมาอีกครั้ง เพราะเราเริ่มเดินสายออกสื่อแล้ว มันเลยอาจจะดูไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไร แต่โดยรวมมันดีมาก ๆ เลยค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาฟังกัน 

อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของ BNK48 ทำไมทุกคนต้องซื้อมาไว้ครอบครอง 

อร: ดูแพ็คเกจสิคะทุกคน มันเฟียซมากเลยนะ ตอนแรกถึงกับอึ้งเหมือนกัน คิดว่าเป็นซีดีปกติทั่วไป แต่ตอนนี้มันฉีกกฏทุกอย่างของซีดีเลย

เนย: เปิดดูในทวิตเตอร์ตกใจมาก ๆ

ปัญ: ซึ่งแผ่นนี้มันมีลูกเล่นด้วยนะ ตรงคำว่า River ตัวอักษร I กับตัว V มันจะสามารถมารวมกันเป็นคำว่า WE แบบนี้ด้วยนะ ล้ำบอกเลย

อร: คือ เราตื่นเต้นตั้งแต่ถ่ายปกแล้ว เพราะเราถ่ายกับน้ำ ถ่ายกับสระที่สร้างใหม่ (หัวเราะ)

เนย: เขาเรียก บ่อน้ำจำลอง (หัวเราะ)

อร: (หัวเราะ) แล้วก็มีเดินบนน้ำ ย่ำอะไรหลาย ๆ อย่างเลย ค่อนข้างแบบเฟียซ ค่อนข้างฉีกแนวจากที่เคยถ่าย ๆ รูปมาเลย

น้ำหนึ่ง: แบบมีการใช้แสงต่าง ๆ เลเซอร์ก็มา

อร: ปกอัลบั้มตอนแรกเราก็เลยคิดว่ามันน่าจะแนว ๆ นี้ซึ่งมันก็จริง ตอนนี้กำลังสงสัยว่า มันจะเปิดปกตรงไหนดี แปลกดีนะไม่เคยเห็นปกอัลบั้มแบบนี้มาก่อน

แล้วอะไรทำให้ทุกคนที่เห็นต้องหยิบกลับบ้านไป

อร: ก็มันแปลกไงคะ (หัวเราะ) คิดดูอัลบั้มเรา คนเขาก็ต้องสงสัยกันบ้างล่ะว่ามันคืออะไร

น้ำหนึ่ง: เหมือนโขดหินเลยนะ

เนย: หนูก็มีคำถามเหมือนกันว่า เขาจะห่อยังไง เขาจะส่งไปรษณีย์ให้กับคนที่สั่งแผ่นนี้ยังไง

อร: อาจจะต้องรอดูว่า Shopee เขาจะจัดการสิ่งนี้ยังไง (หัวเราะ)

เนย: จริง ๆ อัลบั้มนี้มันเหมือนเป็นอัลบั้มที่รวมทุกอย่างที่เราเคยทำมาก่อนหน้านี้ไว้หมดเลย รวมเพลงฮิต ๆ ด้วย

อร: อัลบั้มนี้ก็จะมีทั้งหมด 11 เพลง หลาย ๆ คนอาจจะเอาไปวางเป็นโล่ก็ได้นะ

ในมุมของศิลปินกับอัลบั้มแรกในชีวิต

น้ำหนึ่ง: ภูมิใจนะเหมือนพวกเราเองก็ผ่านอะไรกันมาเยอะ แล้วเราก็มีอัลบั้มเต็มที่เรารวมหลาย ๆ เพลงไว้เหมือนศิลปินท่านอื่น ๆ เช่นกัน อย่างตอนแรกเราออกเป็นแผ่นซิงเกิ้ลมันก็มีแค่ 2-3 ซิงเกิ้ลยังไม่ได้เป็นอัลบั้มเต็ม พอมาอันนี้มันเหมือนความสำเร็จของเรา มันคลอดออกมาแล้ว มันเป็นรูปแบบร่าง เป็นตัวเป็นตนแล้ว

อร: เหมือนแม่คลอดลูกอะไรแบบนั้นใช่ไหม ถ้าทุกคนเห็นความภาคภูมิใจของเราก็ต้องซื้อกันนะ

เนย: ซึ่งถ้าใครเก็บตั้งแต่อัลบั้มแรกไม่ทัน อันนี้ก็จะดีมาก เพราะฉะนั้นแล้วทุกคนควรต้องซื้อ

อร: มีรูปสุ่มจากพวกเราด้วยนะ แล้วอีกอย่างที่เราอยากนำเสนอเลย มันไม่ได้มีแค่นี้นะ

น้ำหนึ่ง: มี 2shoot ด้วย จะได้มาถ่ายรูปกับพวกเรา โดยให้เลือกมา 16 คน

อร: อาจจะแบบชื่อน้ำหนึ่ง ๆ ทุกช่องอะไรแบบนี้

ปัญ: เขาให้เขียนชื่อตั้งแต่อันดับ 1 ถึง 16 ถ้าไม่ได้อันดับแรกก็ต้องไปอันดับ 2 อะไรแบบนี้

เนย: เอาไปแลกขายได้ไหม (หัวเราะ) สมมุติอยากถ่ายกับปัญ เอาไป trade กันอะไรแบบนี้เนอะ

อร: ไม่แน่อาจจะมีการทำสิ่งแบบนี้เกิดขึ้น หนูเชื่อว่ามี

หลังจากที่คุยกับน้อง ๆ ทั้ง 4 คนเกี่ยวกับเพลง River กันไปแล้ว เรื่องราวต่อไปที่ผมกำลังจะถามน้อง ๆ ก็คือการมาเป็น BNK48 เนี่ยล่ะ เอาจริง ๆ สื่ออื่นเขาก็ถามไปเยอะแยะแล้วนะ แต่ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้อง ๆ เขาคิดยังไงเช่นกันกับการมาเป็นไอดอลเบอร์ 1 ของประเทศไทย 

นามสกุล BNK48 กับชีวิต 1 ปีที่เปลี่ยนไป

เนย: สำหรับหนูก็แค่มีคนรู้จักมากขึ้นนะ เอาตรง ๆ ว่า ยิ่งมีเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย เข้ามา เราเองก็ได้รับโอกาสมากขึ้นเป็นพรีเซ็นเตอร์ต่าง ๆ เยอะขึ้น เหมือนเป็นโอกาสที่เราได้รับมากขึ้น อย่างอื่นในชีวิตของหนูก็ยังเหมือนเดิม ยังไม่รู้สึกเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนั้น

น้ำหนึ่ง: ยังไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนกันนะ ส่วนใหญ่จะเป็นการได้รับโอกาสต่าง ๆ มากขึ้นและเป็นโอกาสที่เราไม่เคยทำมาก่อนมากกว่า 

อร: จริง ๆ นามสกุล BNK48 มันศักดิ์สิทธิ์มากนะคะ เราจะได้งานไหนที่ไม่น่าจะได้ เราก็ได้ สมมุติว่าถ้าเราเป็นคนปกติกว่าจะทำอะไรต่าง ๆ มันก็ยาก พอมาเป็น BNK48 มันก็เหมือนมีทางลัด มันก็เลยค่อนข้างเหมือนได้รับโอกาสที่ง่ายกว่าคนอื่น แต่มันยากเหมือนกันที่เราจะรักษานามสกุลนี้ให้อยู่กับเราตลอดไปและมันต้องดูมีภาพลักษณ์ที่ดีด้วย 

ปัญ: ของหนูก็ยังไม่เปลี่ยนขนาดนั้นนะ ของคนอื่นเขาจะมีช่วงที่เขาต้องเปลี่ยนมาเรียนมหาลัยอะไรกัน ของหนูอยู่มหาลัยแล้ว มันก็เลยง่ายใช้ชีวิตเหมือนเดิม ต้องจัดสรรเวลาให้ดีมากขึ้นมากกว่า (FJZ : เพื่อน ๆ ที่มหาลัยเขาตื่นเต้นกับการที่ปัญเป็น BNK48 ขนาดไหน?) แรก ๆ เขาไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ ทุกวันนี้เขาก็แค่มอง จริง ๆ หนูจะมีช่วงนึงที่เป็นช่วงเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย หนูดรอปเรียนไปพักนึง หนูไม่ได้เรียนก็เลยไม่รู้ว่า ที่มหาลัยเป็นยังไง ช่วงนี้หนูเพิ่งกลับไป หนูก็ไม่ได้รู้จักเขา เขาก็ไม่รู้จักเรา บางคนเขาก็ไม่ได้คุยกันกับเรา

อร: สังคมอินเตอร์รึเปล่า เขาก็เลยไม่คุยกับปัญอะ

ปัญ: ใช่ ๆ เขาไม่ค่อยมาคุย

ชีวิตกับการไปไหนมาไหนแล้วเจอโฆษณาตัวเองอยู่รอบ ๆ เป็นยังไงบ้าง

เนย: แซวกันเองค่ะ

น้ำหนึ่ง: พวกเราก็จะแซว ๆ หัวเราะกันเฉย ๆ นะ

อร: มันเริ่มชินมากกว่า เหมือนตอนแรกมันก็จะตื่นตาตื่นใจ ไม่เคยคิดว่า วันนึงจะมีหน้าตัวเองอยู่ตามป้ายรถเมล์อะไรแบบนี้หรือตามเสาไฟฟ้า ก็ดีใจเหมือนกันนะ บางทีก็แซวกัน แบบเฮ้ยนั่นเนยนะไรงี้

เนย: แต่ไม่เคยเห็นของตัวเองเลยนะ จนมาถึงช่วงที่กลับบ้านพ่อขับรถผ่านก็คิดในใจเหมือนกันว่า คนอื่นที่เขาเห็นเขาจะคิดว่า เด็กพวกนี้มันเป็นใคร (หัวเราะ)

ปัญ: หนูเห็นนะ ด้วยความที่ตอนแรกจะเห็นผ่านจากพวกเพื่อน ๆ อะไรแบบนี้ ไม่ใช่เราไปเจอเองก็จะเฉย ๆ เห็นจากในรูปมาก่อนอยู่แล้วก็มีแอบตื่นเต้นนิดนึง พอไปเห็นจากของจริงเลย มันก็อาจจะรู้สึกอีกแบบเหมือนกัน แบบว้าวเลย 

อร: แต่มันก็ต้องระวังนิดนึงนะ ตอนนั้นหนูก็เรียก Grab แล้วคุยเม้าท์มอยกันบนรถ เหมือนคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไปเนี่ย สักพักก็ไปจอดแล้วมีน้อง ๆ ลงจากรถไป คนขับก็หันมาถามว่า เออน้อง ๆ ใช่ BNK48 รึเปล่าครับ หนูก็แบบเอาแล้วไง หันไปมองหน้าตาหวาน ก็ตอบเขาไปว่า ไม่ใช่คะ เป็นแดนเซอร์ปกติเนี่ยล่ะค่ะ เขาก็อ่อครับ ๆ ชีวิตเกือบไปเหมือนกัน ไม่คิดว่าเขาจะรู้จักจริงๆ

น้ำหนึ่ง: ใช่ ๆ เราก็ไม่คิดว่าเขาจะรู้นะ เพราะบนรถมันมืด เขาก็โยนหินถามทางว่า ใช่วงเรารึเปล่า อร ตอบไปวันนั้นเลยรอดตัวไป

ความรู้สึกของการที่มีเด็ก ๆ อยากเป็น BNK48 แบบพวกเราล่ะ รู้สึกอย่างไรบ้าง 

เนย: หนูรู้สึกว่า เอาจริง ๆ ไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครได้ แต่พอมาเป็นได้แล้ว เรารู้สึกว่า เราภูมิใจและขอบคุณเขาด้วย หลาย ๆ อย่างที่เราทำได้ทุกวันนี้ก็เพราะพวกเขา ที่เราได้รับโอกาสหลาย ๆ อย่างก็เพราะแรงสนับสนุนจากพวกเขา ไม่งั้นก็ไม่มาถึงจุดนี้ก็ภูมิใจและดีใจที่มีคนอยากเป็นแบบเรา

น้ำหนึ่ง: ดีใจคะ เพราะตอนเด็ก ๆ เราก็มีความฝันที่อยากจะเป็นไอดอลแบบนั้นบ้าง อย่างเช่นวันจับมือก็จะมีน้องตัวเล็ก ๆ เดินเข้ามาแล้วบอกเราว่า หนูติดตามพี่ พี่เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะ หนูอยากเป็นแบบพี่ เราก็คิดเหมือนกันว่า เฮ้ยเราเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอ (หัวเราะ) แต่ก็มันก็ภูมิใจลึก ๆ และทำให้เราอยากที่จะเป็นเราในแบบที่ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคน

อร: หนูมองว่า มันเป็นความสัมพันธ์แบบ win – win เขาก็ได้จากเรา เราก็ได้จากเขา มันเป็นความรู้สึกเติมเต็ม ที่เขามองเราเป็นไอดอล มันเลยทำให้เราอยากจะเป็นไอดอลที่ดี ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง แต่ก็ยังคงเป็นไอดอลที่เป็นตัวของตัวเองอยู่ อรก็ยังเป็นอรแบบนี้ เขาก็จะเห็นเราเป็นไอดอล เขาก็จะรักในแบบที่อรเป็นได้ 

ปัญ: ตอนงานจับมือก็มีคนมาบอกว่า เห็นเราเป็นไอดอลเหมือนกัน อยากเป็นแบบพี่ปัญ พวกน้องตัวเล็ก ๆ เนี่ยล่ะ เราก็บอกไปว่า ต้องตั้งใจนะ แต่ลึก ๆ หนูก็ไม่อยากให้เขามาเป็นหนู หนูอยากให้เขาเป็นตัวของเขาเองที่มีดีกว่านี้ เห็นเราเป็นแรงบันดาลใจ แต่อย่าเอาเราเป็นแบบอย่างเลย อยากให้น้อง ๆ เจอทางของตัวเองแล้วทำให้ดีที่สุดดีกว่า

แน่นอนเวลา BNK48 ทำอะไรก็เป็นกระแสสังคม ในมุมน้อง ๆ รับมือกับเรื่องราวเหล่านั้นเช่นไร

อร: เคยเจอนะ คนแชร์ด่าเป็นพันเลยจากคลิปแค่ ‘อร ๆ เป็นคนขี้อ้อน’ หรือว่า คลิป ‘อย่าเพิ่งไปไหนนะ’ มันเป็นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีที่เซอร์วิสแฟนคลับ เอาจริงมันก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของเราเหมือนกันนะที่จะรักษาแฟนคลับหรืออะไรไว้ เพราะเราก็ต้องอยู่ได้ด้วยแฟนคลับ ซึ่งสำหรับหนูตอนแรกหนูซีเรียสทุกอย่างเลย แบบเฮ้ยทำไมเขาต้องมาด่าเราภายในเวลาไม่กี่วินาทีด้วย ไม่รู้จักฉันเลย เขาไม่รู้ว่าหนูเป็นคนยังไง เขาก็แชร์ด่ากันไปสนุกปากมาก ด่ากันจนแบบไล่ไปตายซะ พอมองอีกมุมนึงอรรู้สึกว่า จากแค่ 10 วินาที เขาตัดสินคนได้ เราก็ไม่ต้องให้ค่าคนแบบนี้เลย เขาเป็นใครไม่รู้ที่อยู่ดี ๆ เขามาตัดสินเราภายในเวลาไม่กี่วินาที คือเขาไม่ได้มีคุณค่าพอที่จะต้องไปใส่ใจเขา

อย่างตอนนี้ก็เริ่มมีคนเขาชอบเพลง มะงึกๆอุ๋งๆ แล้วเขาก็รู้ว่าเพลงนี้แฟนคลับแต่งให้หนู จากตอนแรกที่เกลียด ก็มีนะที่เขากลับมาชอบเพราะเพลง จริง ๆ อรก็ไม่ได้เป็นคนแบ๊วแบบนั้นนี่หว่า ตอนแรกหนูก็เคยคิดนะว่าจะทำให้ทุกคนที่เกลียดกลับมาชอบเราให้ได้ แต่ตอนนี้เราก็ปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า ถ้าคนจะชอบมันก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ เราแค่เป็นตัวของตัวเอง ให้รู้อยู่ว่าทำเพื่ออะไรทำเพื่อใคร แค่นั้นก็พอ

เนย: ของหนูยังไม่ถึงขนาดนั้น เรื่องมันยังไม่ได้ขึ้นบนดินขนาดนั้น (หัวเราะ) ก็เคยโดนนะที่หาว่าแอ๊บ ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่โดนแล้วค่อนข้างหนัก แต่มันไม่มีอะไรเลยนะ รู้สึกแบบแย่มาก ช่วงปีใหม่คือร้องไห้ตลอด ร้องไห้ทุกวันเลย เหมือนยังไม่เคยโดน แต่พอได้ลองโดนแล้วก็รู้สึกว่าเหมือนมีภูมิคุ้มกันขึ้นเยอะเลย

อร: เหตุการณ์แบบนี้มันทำให้เราโตขึ้นนะ

เนย: ใช่ เหมือนพอมีอะไรนิดๆ หน่อย ๆ เราก็ปล่อยมันทิ้งไปได้ ไม่คิดมาก

อร: อย่างตอนนี้ไปออกไลฟ์ตู้ปลาที่ผ่านมาเลย หนูก็เพิ่งโดนว่ามาว่า ‘ดุเกินไปรึเปล่า น้อง ๆ เกร็งหมดแล้ว’ ทั้งที่น้องไม่มีอะไรจะพูดเฉย ๆ วันนั้นเป็นวันที่อรต้องมานั่งดำเนินรายการ โดยเขาสั่งมาให้เป็นหน้าที่นี้ แต่คนข้างนอกไม่รู้ พวกเราจะรู้กันเองก็เลยโดนดุไป ลงกระทู้พันทิปอะไรเยอะแยะเลย ก็หงุดหงิดนะ แต่มันก็เป็นหน้าที่ฉันอะ มาด่าทำไม (FJZ: แสดงว่า อร เป็นคนที่ภูมิคุ้มกันแข็งแรงมาก?) ตอนแรกร้องไห้หนักมาก แบบทำไมต้องมาด่าฉัน ฉันแค่อุ๋ง ๆ เองอะ ทีคนอื่นมาเต้นโชว์ถอดเสื้อผ้าทำไมเฮกันอะ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้กันไป

ถ้าวันนึงไม่ได้เป็น BNK48 อยากเป็นอาชีพอะไร 

อร: หนูอยากจะเป็นอายุน้อยร้อยล้าน อาชีพรวย (หัวเราะ) ล้อเล่น ๆ หนูก็ยังอยากอยู่ในวงการนะ แต่อาจจะไม่ได้มาสายร้องเต้น อาจจะไปทำอย่างอื่น คือหนูตอนแรกอยากเป็นสไตลิสต์ด้วย อยากเป็นผู้นำด้านแฟชั่น

เนย: เป็นไงล่ะ ปก River มาแฟชั่นไปเลย (หัวเราะ)

อร: แฟชั่นมาก (หัวเราะ) อยากจะเป็นผู้นำวงการแฟชั่นไทยเลยนะ ไปแข่งกับป้าตือ

เนย: ของหนูเหมือนตอนนี้เรากำลังอยู่กับการเป็น BNK48 อยู่ เราก็อยากเก็บเกี่ยวตรงนี้ให้มากที่สุด แล้วในอนาคตพอหนูเริ่มแก่ หนูก็คงเต้นไม่ได้แล้วก็อยากจะมีร้านเล็ก ๆ ของหนู เป็นร้านของครอบครัวชิล ๆ สบาย ๆ ไม่ต้องมานั่งเครียดอะไร

น้ำหนึ่ง: น่าจะทำงานวงการบันเทิงหรือไม่ก็กลับบ้านสิงห์บุรี อยากไปเปิดร้านชุดแต่งงาน

อร: อยากจะเป็นแม่บ้านที่ดีอะบอกเขาไป

ปัญ: หนูยังไม่รู้เลย (หัวเราะ) จริง ๆ แล้วการเป็น BNK48 ก็ไม่ใช่ความฝันสูงสุดของหนูเหมือนกัน หนูก็เลยยังไม่รู้ว่า ฉันต้องการอะไร แต่ว่าทำตรงนี้ก็มีความสุขมาก ๆ หนูก็เลยรอให้มันถึงวันนั้นก่อน ค่อยมาคิดอีกที เวลาคนถามหนู หนูก็บอกไปว่าอยากทำเบื้องหลัง แต่ถ้าถามว่าจบไปแล้ว มันอยากเป็นขนาดนั้นไหมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่ามันก็เป็นความคิดข้างใน ไว้ให้ถึงตอนนั้นก่อนดีกว่า (FJZ: อยากเป็นแร็ปเปอร์ไหม) หนูว่าคงสู้ใครไม่ได้ ให้มันเป็นงานอดิเรกแบบนี้ดีกว่า

สเป็กหนุ่ม ๆ ของทั้ง 4 คน

อร: ตอบยากเลย

น้ำหนึ่ง: ถ้าให้ต้องบอกเป็นหน้าตาเลยยาก ขอเป็นนิสัยละกัน หนูชอบแบบพี่ปั้นจั่น (ปรมะ อิ่มอโนทัย) (กรี๊ด) ชอบผู้ชายแบบนั้นผู้ชายอารมณ์ดี มีมุมแบด ๆ ด้วย แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนดี ตลกอบอุ่น

อร: หนูชอบพี่โต๋ (ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร) ชอบพี่เขาตั้งแต่ ป.4 เป็นความรักที่บริสุทธิ์สดใสตั้งแต่เด็ก ๆ

น้ำหนึ่ง: ตอนประกาศรางวัล Nine Entertain Awards อรนั่งกรี๊ดแตกอยู่คนเดียว

อร: อย่าไปบอกเขาสิ ตอน ป.4 ก็ได้ไปขอลายเซ็นพี่เขา แล้วเหตุการณ์ในวันนั้นคือหนูโดนแฟนคลับแซวแรง เพราะตอนนั้นหนูเบลอ ๆ อยู่ เขาถามว่า หนูเรียนอยู่ชั้นอะไร แต่หนูเนี่ยได้ยินว่า อยู่โบสถ์ไหน หนูก็ตอบชื่อโบสถ์ไปแล้ว แฟนคลับก็แซวเรา พอแฟนคลับออกไปแล้ว พี่โต๋เขาก็บอกว่า ขอโทษแทนแฟนคลับด้วยนะครับ (กรี๊ด) แล้วก็แบบเด็ก ป.4 ในวันนั้น หนูก็เลยมอบใจให้พี่โต๋ไปตั้งแต่วันนั้นเลย (FJZ: ทุกวันนี้ได้เจอพี่โต๋บ้างไหม) เขามาเม้นท์หนูด้วยในไอจี กดฟอลโลว์หนู ชีวิตหนูสำเร็จแล้ว เขาเห็นหนูมีตัวตนบนโลกใบนี้แล้ว

ปัญ: ของหนูชอบผู้ชายที่เหมือนไม่ใช่คนดี แต่เขาเป็นคนดี ชอบแบด ๆ แต่เทคแคร์เป็นห่วงเรา แต่จะดูแลด้วยการกระทำ อะไรแบบนี้อะ ชอบ ๆ (กรี๊ด) ฟีลแบบซีรีส์เกาหลี เห็นเราร้องไห้นะ ไม่ได้มาปลอบเรา แต่เดินไปส่งบ้านไรแบบนี้ (ณ ขณะนี้น้องปัญช็อกไปแล้วกับสเป็กหนุ่มแบบนี้)

เนย: ชอบคนกวน ๆ อะ แบบว่า เฮฮา ตลก อยู่ด้วยแล้ว สบายใจอะไรแบบนี้ เดี๋ยวแฟนคลับอ่านแล้วก็มาทำแบบนี้แน่ ๆ 

ปัญ: เวลาตอบคำถามไปว่า ชอบคนแบบแบด ๆ แฟนคลับเขาก็มาบอกเราว่า ‘เดี๋ยวพี่นะ เตะหมาโชว์เลย’ พี่ หนูไม่ได้ชอบแบบนี้นะ (หัวเราะ)

อร: หนูชอบผู้ชายชีวิตอบอุ่น ดูแลเราได้จริง ๆ แค่นี้ล่ะ 

กิจกรรมยามว่างของ BNK48

BNK48: นอน (ตอบพร้อมกันแบบสุดเสียง)

น้ำหนึ่ง: ชอบกินด้วย

เนย: ชอบกินส้มตำกุ้งสด

อร: ส้มตำกุ้งสดอร่อยมาก ที่ RCA อร่อยแบบสุดใจ

เนย: ร้านนาย ต. ไง อร่อย

Fan song ที่เกิดขึ้นทั้ง 4 คนได้ฟังกันตลอดไหม 

อร: ฟังนะ ฟังตลอดเลย

น้ำหนึ่ง: ซึ้งนะ ไม่คิดว่าจะมีใครมาแต่งเพลงให้เรา รู้สึกดีใจและก็ซาบซึ้งที่เขาทำให้เรา

อร: มีแฟนซองอันนึงพีคมากแบบร้องแค่ ‘อุ๋ง อุ๋ง อุ๋ง’ แบบเสียงใหญ่ ๆ ทั้งเพลง หนูก็ฟังจนจบนะ คิดว่า มันต้องมีอะไรแน่ ๆ สรุปทั้งเพลงมีแค่นั้น ก็โอเคแบบนี้ก็ได้ให้อินกับเมโลดี้เขามากกว่า หนูบอกแล้วหนูฟังทุกอันจริง ๆ  (FJZ: ทุกวันนี้เพลง มะงึก ๆ อุ๋ง ๆ ดังมากรู้สึกยังไงบ้าง?) รู้สึกดีใจแทนคนแต่งเพลงนี้นะ แถมยอดวิวมากกว่า River ด้วย (หัวเราะ)

เนย: อยากเห็นหน้าคนร้องกับคนแต่ง

อร: เราเห็นล่ะ ชื่อพี่น้ำนุ่นมั้ง หนูเห็นจากบทสัมภาษณ์ เขาเป็นนักร้องอยู่แล้ว ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะมาถึงขนาดนี้ มาถึงจุดที่แบบ fan song ดังกว่าเพลงตัวเองอ่ะ เห็นคนคัฟเวอร์เยอะด้วย หนูว่ามันฟังง่ายและย่อยง่ายด้วย มันเป็นเพลงที่ย่อยง่ายน่าจะเข้าถึงทุกคนได้

ปัญ: หนูก็รู้สึกดีใจ เพราะการแต่งเพลงขึ้นมาเพลงนึงมันยากมาก ๆ กว่าจะได้เนื้อเพลงมา กว่าจะทำเพลงอีก หนูเห็นว่าบางคนเขาก็ไม่ใช่คนที่เล่นดนตรีเก่ง แต่เขาก็อยากจะทำให้เรารู้ว่ามีคนให้กำลังใจเราอยู่นะ เขาก็ไปจับกลุ่มกันและของหนูเนี่ยที่ฟังมาทุกเพลง มันจะต้องมีท่อนแร็ปมาตลอด (ยิ้ม) มานิด  ๆ เขาบอกว่า เขาแร็ปไม่เก่ง แต่เห็นเราชอบแร็ป เอาตัวเราไปอยู่ในเพลง บางเพลงก็จะเอาเสียงหนูไปใส่ในเพลงก็มี เสียงพูด เสียงหัวเราะ น่ารัก ๆ

เนย: ของหนูก็รู้สึกว่า ขอบคุณมาก ๆ เพราะ การจะทำเพลงออกมาสักนึงเพลงเขาต้องใส่ใจรายละเอียดเราขนาดไหน เขาถึงแต่งเพลงให้เราได้ บางเพลงหนูฟังแล้วก็เขินมาก เหมือนรู้สึกว่าเป็นนางเอก mv อยู่ อย่างบางท่อนพูดประมาณว่า รอยยิ้มของเรามันทำให้เขารู้สึกดี มันเลยเขินมาก ๆ หนูก็คิดในใจมันขนาดนั้นเลยเหรอ (หัวเราะ)

กระแสบอลโลกที่เกิดขึ้น เชียร์ทีมอะไรกันบ้าง

อร: อยากจะบอกว่า ขอเปลี่ยนทีมได้ไหมคะ หนูจะไปเชียร์ทีมชาติเยอรมันแล้ว เพราะว่าหนูเห็นแชร์ในเฟซบุ๊กเยอะมาก เขาหล่อมาก ๆ ลืมพี่โต๋ไปก่อนเลย (หัวเราะ) ปกติหนูเชียร์ทีมชาติอังกฤษเพราะชอบลิเวอร์พูลก็เลยมโนไปว่าทีมชาติต้องเก่งแน่ ๆ แต่พอเห็นในเฟซบุ๊กเมื่อกี้ก่อนที่จะมาสัมภาษณ์เนี่ย เชียร์เยอรมันดีกว่า เพราะว่าเขามีแพตเทิร์นที่ดีมาก ทั้งแพตเทิร์นหน้าแพตเทิร์นการแต่งตัว มันดีมาก ๆ เลย หุ่นก็ดี

เนย: ไม่มีเรื่องแผนการเล่นแต่อย่างใด หน้าตาอย่างเดียวสินะ

อร: ผู้หญิงมันก็ต้องมองแบบนั้นแหละ

น้ำหนึ่ง: บราซิล เพราะว่าเชียร์ตามพ่อเลย ไม่ค่อยได้ดูบอลต่างชาติเท่าไร ปกติจะดูบอลไทยลีก เชียร์ตามพ่อแล้วก็ชอบประเทศนี้ ชอบเพลงเขา เวลามีบอลโลกหรือโอลิมปิกเพลงเขาจะฮึกเหิมด้วย แถมบราซิลก็เคยได้แชมป์โลกมาแล้ว

ปัญ: บอลโลกหนูก็เคยดูนะ แต่หนูไม่ได้ติดตามขนาดนั้น แค่เห็นผ่าน ๆ หนูเตะบอล แต่ไม่ได้ดูบอล เรียนวิชาพละศึกษาเขามีให้หนูเตะ เน้นเล่นจริงมากกว่าดู 

ชีวิตเด็กสาวกับการไปนั่งดูบอลในสนามราชมังคลากีฬาสถาน

เนย: สนุก ๆ มาก เห็นรูปหนูไหมละ สนุกสุด ๆ (ยิ้ม)

อร: มันโอเคมาก ๆ เลยนะ เขาเรียกว่า บรรยากาศพาไป

เนย: เห็นของจริงแล้วมันสนุกกว่าเวลาดูในจอ เราไม่รู้หรอกใครเป็นใคร ดูสีเสื้อเอา

อร: เราก็แบบคนนั้นพี่เจ ชนาธิป รึเปล่า ชี้ ๆ กัน แล้วก็กองเชียร์สนุกมาก เชียร์มัน เราอยากจะไปเชียร์โซนเขาเหมือนกัน

เนย: มีส่งกันสองฝั่งเลย เขาจะมีประโยคอะไรสักอย่าง ‘We support Thailand’ เนี่ย หนูชอบ

แล้วรู้รึยังว่าตั้งแต่ BNK48 เข้าไปดูบอลทีมชาติไทย ทีมชาติเรายังไม่ชนะเลย

ปัญ: เขาเรียกว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม

น้ำหนึ่ง: ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ

เนย: แสดงว่าสมาธินักเตะเขาอาจจะอยู่ที่เรา

อร: นั้นเขาก็น่าจะตั้งใจเกินไป (หัวเราะ)

ถาม น้ำหนึ่ง หน่อยคิดว่า ปีนี้ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดจะได้แชมป์ไทยลีกไหม

น้ำหนึ่ง: หนูยังให้ทีมนี้เขาอยู่ในใจหนูเสมอ ต้องได้สิคะ (ยิ้ม) เมืองทองเอาอันดับที่เท่าไรดีกว่า 

หลังจากที่คุยกับน้อง ๆ ไปเรื่อยและยิ่งเข้าโหมดกีฬาแล้ว คราวนี้ทั้ง 4 คนก็คุยกันเรื่องกีฬากันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่มันจะเลยเถิดมากไปกว่านี้ เราจึงได้พาน้องฝึกงานที่เป็นโอตะประจำบ้านฟังใจมาด้วย ซึ่งน้องคนนี้ชื่อ นอร์ธ เราจึงเปิดโอกาสให้เขาคิดคำถามมาเพื่อถาม BNK48 ส่วนจะเป็นคำถามอะไรนั้นไปดูกันครับ 

เห็นใน Instagram story ของ อร ฟังเพลงวง Telex Telexs ด้วยทำไมถึงชอบวงนี้

ปัญ: รู้กระทั่งไอจี เชื่อแล้ว ๆ

อร: เขาอ่านแบบที่พี่บอกใช่ไหมคะ ปกติหนูอ่าน ทีเร็กซ์ ทีเร็กซ์ หนูเหมือนจำได้ว่า มีวงนี้เคยถ่ายรูปมาด้วยนะ หนูชอบเพลงของเขามาก เพลง ซ่อน หนูชอบพี่ผู้หญิงที่เขาร้องเสียงแนวนี้ แนวเพลงแบบซินธ์ป๊อปด้วยมันดูล้ำดี ฟังครั้งแรกแล้วติดหูชอบก็เลยโพสต์ลงไอจีซึ่งเพลงนี้เขาไม่ใช่เพลงใหม่ล่าสุดนะ เพลงใหม่เขาชื่อ เพื่อนชื่อความเหงา

เห็นใน Voov นิ้วของเนยไม่เหมือนใคร เนยสามารถทำได้ทุกนิ้วไหม 

เนย: ทำได้ทุกนิ้วเลย เป็นความสามารถพิเศษของเนยเลย แฮ่

อร: ทำไมหนูทำแบบเนยไม่ได้อะ สงสัยนิ้วตัน

ปัญเคยกินน้ำพันซ์ชูกำลังไหม

ปัญ: ไม่เคยกินอ่ะ (หัวเราะ) ที่ตอบในรายการใจหนูอะคิดว่า มันถูกด้วยนะ ตอนแรกหนูดูคำว่า ชูกำลังไม่ออกด้วยซ้ำ แต่พอเห็นกำปั้น ก็คิดว่า มันคือพันช์ที่แปลว่า ต่อยรึเปล่า แล้วมันไปมิกซ์กันในหัวหนูก็เลยตอบไปเลยว่า น้ำพันซ์ชูกำลัง

อร: คิดแบบเด็กอินเตอร์ก็งี้ล่ะ

ปัญ: พอหนูตอบเสร็จแล้วทุกคนก็เงียบกันไป หนูก็คิดว่ามันถูก แต่มันไม่ถูก (ทำหน้าเศร้า) 

ได้ข่าวว่าเป็นคนกลัวผีมาก ถ้าน้ำหนึ่งต้องเจอผีแต่ห้ามวิ่งหนี น้ำหนึ่งจะทำยังไง

น้ำหนึ่ง: สวดมนต์หรือเป็นลมไปเลยน่าจะดี หนูเป็นคนกลัวผีมาก

อร: แต่เขาจะชอบอะไรแนว ๆ นี้นะ

เนย: ชอบดูหนังผีด้วย จำได้ว่า เคยชวนเนยไปดู 

อร: เหมือนตอนนั้นหลอกเนยเข้าไปดูด้วยกัน เนยก็ถามเรื่องอะไร เราก็บอกไม่รู้ หนังตลกแน่นอน โรแมนติก หนังรักเลย เข้าไปเนยแบบบอกว่า มันไม่ใช่แล้วอ่ะ เราก็บอกเนยว่า เดี๋ยวมันก็จะมีฉากโรแมนติค

เนย: สรุปวันนั้นหนังผีเลย เนยนั่งอยู่ข้าง ๆ ดูท่ากลัวผีแต่ละคนนี่สุดยอด

มีโอกาสจะได้เห็นปัญแร็ปในซิงเกิ้ลของ BNK48 ไหม

ปัญ: ไม่แน่ใจเลย มันมีเพลงที่มีแร็ปนะ แต่ไม่รู้ว่า เขาจะเอามาทำเป็นเพลงภาษาไทยรึเปล่า อีกอย่างก็ไม่รู้ว่า มันจะมีวันที่ BNK48 มีเพลงของตัวเองรึเปล่า

อร: มีๆ  

ปัญ: แต่ถ้ามีเขาก็คงไม่มีท่อนแร็ปมาก หนูแร็ปฟรีสไตล์ไม่ได้ ถ้าจะให้แร็ปจริงๆ มันต้องใช้เวลามาก ๆ ส่วนมากก็จะแร็ปแบบคัฟเวอร์คนอื่นอีกที คนฝรั่งจะชอบ Eminem คนไทยก็พี่กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ แล้วก็พี่โต้ง Twopee, JSR ไรงี้ หนูรู้จักวงนี้เพราะ เพื่อนหนูรู้จักพี่แจ็ค JSR

การฝึกเล่นกีตาร์ของปัญ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว

ปัญ: จริง ๆ เราชอบเล่นกีต้าร์มานานแล้วนะ แต่ไม่มีโอกาสได้เล่นเลย ด้วยความที่หนูก็เรียนเปียโน เรียนไวโอลินแล้วคือ เรียนเสร็จก็ทิ้งมาทุกอย่างเลย แม่ก็เลยไม่ไว้ใจให้เราเรียนกีตาร์ เพราะเดี๋ยวอีกหน่อยเราก็ทิ้ง จนกระทั่ง BNK48 เขาบอกมาว่า จะมีงานที่จะมีวงอะคูสติกนะก็เลยอยากเล่นเลยไปบอกแม่ ขอซื้อกีตาร์ตัวนึง ฝึกเล่นเองไปเรื่อยๆ ดู YouTube เล่นตามเพลงไป ส่วนใหญ่ก็จะเล่นเพลงที่คอร์ดง่าย ๆ หนูก็แกะเพลง มะงึก ๆ อุ๋ง ๆ หนูก็เล่นได้

ชราไลน์จะได้รวมวงกันเล่นดนตรีอีกไหม

อร: ไม่รู้สิคะ ติดตามในอนาคต ไม่ขอบอกอะไรเกี่ยวกับวงนี้อีกเลย ชราแล้วก็ชราไปเลยดีกว่า

น้ำหนึ่ง: (หันไปตะโกนถามแก้ว) เขาบอกว่า วงชราไลน์จะเล่นดนตรีอีกไหม

แก้ว: ไม่บอก ไม่รู้

เนยชอบเล่นเครื่องดนตรีอะไรบ้าง

เนย: เคยเห็นหนูเล่นดนตรีอะไรด้วยเหรอ (หัวเราะ) หนูเขย่าเป็นแต่เครื่องเพอร์คัสชั่น หนูฝากบอกทุกคนไปเลยนะว่า มันยากมากเลยนะกับการควบคุมจังหวะเพลง ใช่ไหมเพื่อน

อร: ใช่ ๆ ก็ได้

เนย: เดี๋ยวหนูไปหัดเรียนก่อนแล้วจะมาบอกว่า ชอบเครื่องดนตรีอะไร

ถ้ามีโอกาสทำเพลงสักเพลง มีศิลปินคนไหนที่อยากร่วมงานด้วยบ้าง

ปัญ: The Toys

อร: ไม่อยากร่วมงานกับพี่โต๋นะ อย่าให้เขารู้จักเราเยอะเลย เหมือนบางทีเราก็ปล่อยให้เขาอยู่บนหิ้งไป ชอบเขาอยู่ไกล ๆ ไม่อยากให้เขารู้จักหนูเยอะ (หัวเราะ)

เนย: แล้วสรุปร่วมกับใคร

อร: พี่โต๋ก็ได้

น้ำหนึ่ง: เอ้ Boom Boom Cash ละกัน

อร: หนูดูรายการ Show Me the Money Thailand นะ แต่ละทีมเขาเท่มาก อยากร่วมทีมกับ Double P ด้วย หนูจะเป็น ‘Wonder อุ๋ง’ เอง

ปัญ: เรียกเขาว่า แมวน้ำ โย่ว โย่ว

อร: เนยตกลงจะร่วมงานกับใคร บอย ปกรณ์

น้ำหนึ่ง: บอย ตรัย

ปัญ: หรือบอย พิษณุ (ฮิ้ว)

อร: ดีงาม เยี่ยม ๆ

เนย: ตกลงหนูเลือก Room39

สุดท้ายนี้มีอะไรจะฝากกับคนอ่านหน่อยไหม

อร: อย่าลืมอัลบั้ม River ของพวกเราด้วย อย่าลืมมาจับจองกันได้ ฝากติดตามพวกเราต่อไปด้วย อย่าลืมฟัง ฟังใจด้วย

ปัญ: หนูมีแอปฟังใจด้วยนะ ไปโหลดมาฟังกันได้นะทุกคน

สิ้นสุดการคุยกันครั้งนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้บรรยากาศที่เกิดขึ้นในเธียเตอร์คือ น้อง ๆ ที่เหลือในวง BNK48 มาเตรียมตัวเพื่อซ้อมต่อ เราจึงต้องปล่อย 4 สาวสุดจี๊ดไปทำการซ้อมกับเพื่อน ๆ จากที่ได้คุยกันแล้วรู้เลยว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กที่มีพลังงานสูงจริง ๆ ตลอดระยะเวลาคุยทั้ง 4 คนน่ารักและเป็นกันเองอย่างที่หลาย ๆ คนได้รู้จักพวกเธอเลย ที่สำคัญ พวกเธอบอกกับผมไว้ว่า พวกเธอขอบคุณทุกคนจริง ๆ ที่ติดตามมาตลอดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็อยากจะให้ติดตามกันต่อไป อย่าทิ้งกันไปไหนนะ นี่คือประโยคส่งท้ายของทั้งสี่คน 

เพราะฉะนั้นแล้วคุณผู้อ่านทุกท่านที่อ่านถึงตรงนี้แล้วก็อย่าลืมทำตามที่น้อง ๆ เขาบอกนะ สุดท้ายนี้ใช้ชีวิตให้สนุกแล้วพบกันใหม่กับบทสัมภาษณ์ครั้งต่อไปครับ / ขอบคุณครับ River River River 

 

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง