Article Interview

อย่าเป็นแค่ ‘คนรู้จัก’ ถ้าได้ลองคุยแล้วจะหลงรักแม่ Gene Kasidit คนนี้

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Photographer: Chavit Mayot

หลังจากห่างหายกับการปล่อยเพลงไปเป็นปี ครั้งแรกที่ได้เห็นซิงเกิ้ล คนรู้จัก (EX) ถูกปล่อยออกมาก็แอบดีใจปนประหลาดใจหน่อย ๆ เพราะแม่ Gene Kasidit ของเราเลือกที่จะปล่อยเพลงบัลลาดช้า ๆ ซึ้ง ๆ ออกมาก่อน แต่ก็ซ่อนประเด็นที่น่าค้นหาอยู่ข้างในได้อย่างแยบยลผ่านเนื้อเพลงสวย ๆ และเจนโลก วันนี้ได้มีโอกาสมา #ไหว้แม่ เลยชวนคุยถึงเพลงใหม่และความเป็นไปในโลกของคนหลากหลายทางเพศ และโปรเจกต์ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ของแม่อย่าง kasidit

คนรู้จัก (EX) เป็นซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มใหม่ ทำไมถึงเลือกปล่อยเพลงบัลลาดแบบนี้ก่อน คนน่าจะจำพี่จีนแบบอิเล็กทรอนิกมากกว่า

อยากให้มันเป็นเพลงที่แบบจบความสัมพันธ์จากชุดที่แล้ว เป็นช่วงรอยต่ออะไรยังงี้ เอาเข้าจริง ๆ ก็อยากปล่อยเพลงเพราะ ๆ ซึ้ง ๆ ออกมาก่อน เพลงต่อมันก็จะเป็นอะไรที่วีนเหวี่ยงเต้นรำ คึกคักกว่าเดิม ในอัลบั้มนี้ก็จะมีเพลงบัลลาดอีกประมาณเพลงสองเพลง

แล้วเพลงนี้มีเบื้องหลังอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า

พี่รุ่ง Smallroom เป็นคนเริ่มเนื้อเพลงขึ้นมาก่อน แล้วก็มาแต่งต่อกับ แมว The Jukks เบื้องหลังก็ไม่มีไรมาก คือมีอารมณ์หมั่นไส้คนที่ชอบคิดว่าทุกอย่างจะต้องหมุนรอบตัวเขาตลอด เหมือนฉันก็เจอมาเยอะอะ แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพลงที่เอาไว้เตือนตัวเองด้วยอย่าคิดว่าตัวเองสำคัญหรือยิ่งใหญ่ไปด้วย เราจะต้องอยู่ในความเป็นจริงให้ได้ มันก็เป็นเพลงที่ตักเตือนอะ บางครั้งฉันก็ไม่ไหวแล้ว มันเป็นเพลงรักที่ควรจะต้องจบแล้ว ไม่ทนแล้วกับพฤติกรรมบางอย่างของคนบางคน หรือสรรพสิ่งของอะไรก็ตามแต่ (FJZ: แต่งให้ใครเป็นพิเศษรึเปล่า) ไม่มี ด่ากราด (หัวเราะ) ใครร้อนตัวก็รับไปเลย

mv ก็ได้ร่วมงานกับนิคกี้ The Face Men ด้วย

จริง ๆ ก็เป็นพี่อาร์ต อารยา ทำ พี่อาร์ตก็มีคอนเซ็ปที่อยากให้คนรู้สึกผิดแค่ขอโทษก็พอ คนบางคนทำผิดไปบางทีก็ไม่รู้ว่าผิดอะไร เพียงได้ยินคำว่าขอโทษก็โอเคแล้ว นั่นคือประเด็นของพี่อาร์ต

มี ‘คนรู้จัก’ ที่เราไม่เคยลืมไหม

มีแฟนไม่กี่คนเองค่ะ มีแต่ความสัมพันธ์แบบชั่วคราว (หัวเราะ) คนที่ฝังใจหรอ ก็มีบ้างแหละสุดท้ายก็ต้องปล่อยเขาไปอะ เออ ยังไงมันก็ไม่เกิดขึ้นอะ เกิดขึ้นไม่ได้ (หัวเราะ)

มุมมองความรักตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

โดยส่วนตัวก็ค่อนข้างจะขัดแย้งกับเพลงอยู่ ในโลกความจริงพี่ก็มีคนรัก นับได้ว่าเป็น true love หรือ soulmate เลยก็ได้ โดยที่ตอนแรกเราไม่เคยเชื่ออะไรแบบนี้หรอกจนวันหนึ่งเจอเข้าจริง ๆ แล้วก็เออ มันก็มีจริงเนอะ มันเป็นความพอดีของคนสองคนที่ปรับเข้ากันได้ มันก็สวยงามอะค่ะ ความรักมันก็ต้องเป็นสิ่งที่สวยงามไม่ควรจะทำให้เราบั่นทอน แต่ละวันมันก็มีอะไรเยอะมากมาย

นิยามคำว่ารักแท้ของเราคืออะไร

คือการอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีเรื่องที่บั่นทอนอะไรพวกนี้แหละค่ะ อยู่ด้วยกันแบบคิดบวก (หัวเราะ) มันต้องเข้าใจความดาร์กของแต่ละคนให้ได้ สุดท้ายแล้วถ้ามันไม่รักกันมันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ แม้จะมีอะไรที่เกิดขึ้นมากมาย (หัวเราะ) ยากอะ พูดยาก

คิดว่าตอนตัวเองอกหักหรือตอนตัวเองมีความรักแล้วทำเพลงได้ดีกว่ากัน

ไม่เกี่ยวเลย (หัวเราะ) มีไม่มีก็ทำได้ แต่มันก็อาจแบบ ไม่รู้สิ มันก็พูดยากอะ เวลาที่ต้องทำเพลงอะไรที่มันลอยมาก็ทำ สถานะอะไรก็ตามแต่ ความสุขความทุกข์อะไรเงี่ย หรือแม้กระทั่งบางทีก็บอกไม่ได้ว่าการที่จะทำเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่งเนี่ยเกิดขึ้นมาได้ยังไงเหมือนกัน มันจะเกิดมันก็เกิด และมันเกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลายอย่าง

เห็นบอกว่าซิงเกิ้ลนี้จะเชื่อมไปสู่อัลบั้มใหม่ แล้วอัลบั้มใหม่มีธีมหรือยัง

คิดว่าคงเป็นธีมประมาณ wake up call อะค่ะ ทุกอย่างมันจะเคลียร์ เคลียร์ เคลียร์กว่าเดิม เหมือนเรามองอะไรจริง ๆ มากขึ้น แต่จริง ๆ ยังไม่เสร็จนะ ก็ยังไม่มีคอนเซ็ปต์ เราไม่ชอบมีกรอบอะไรแบบนี้ แต่ละเพลงมันก็จะทำงานของมันเองแต่ละเพลง แต่คอนเซ็ปต์คร่าว ๆ ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการมองอะไรที่มันชัดเจนขึ้นแล้วก็ออกมาเป็นเพลง

แต่ยังมีเพลงเต้น ๆ เผ็ด ๆ แน่นอน

มีค่ะ (ยิ้ม)

แล้วโปรเจกต์ kasidit ล่ะ เล่าให้ฟังหน่อย

มันก็เกิดขึ้นเพราะว่าช่วงที่เรารอเพลงใหม่ ๆ เหล่านี้ก็จะว่าง ๆ พี่ก็มีเพลงเดโมที่ทำไว้นมนานมาก ก็ไม่ได้สานต่อซักที แล้วเหมืออนได้เริ่มใช้ LogicPro อย่างจริงจังเมื่อปีที่แล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ยากนี่ และสนุกดี เหมือนเราได้พบของเล่นใหม่ก็เรียนรู้อะไรไปเรื่อย ๆ ก็เลยทำออกมา แล้วจังหวะดีที่มีเพื่อน ๆ พี่ ๆ ต้องใช้เพลงอะไรแบบนี้ประกอบแฟชั่นโชว์บ้าง ประกอบคลิปโปรโมตอะไรซักสิ่งพวกนี้ เลยทำตามโจทย์ให้เขา เราก็ได้ฝึกการใช้อะไรไปด้วย แต่สุดท้ายมันก็เป็นโปรเจกต์เพื่อใจมาก ๆ กะว่าจะคอนโทรลทุกอย่างหมดเลย จะไม่ให้มีเรื่องแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มาบั่นทอนในการทำเพลงเพื่อจิตใจเนี่ย เหมือนฉันอยากทำเพลงอะไรแนวไหนก็ทำเลยโดยไม่ต้องมีใครมาวางโจทย์มีอะไรให้เรา หรือมีใครมาอย่างงี้ ๆ ดีมั้ย ทำไปถึงขนาดมิกซ์เองเออเองไปอีก มันก็ได้ระดับที่หูเราฟังได้ แต่สุดท้าย ด้วยความที่ทำเองทุกสิ่งอย่างแม้กระทั่งอาร์ตเวิร์กหรืองานโซเชียลมีเดียมันก็เลยเยอะมาก ตีกันแบบ เนี่ย สุดท้ายก็ต้องจ่ายงานให้คนเข้ามาคุมงี้ ไม่งั้นเราก็ไม่ได้ทำเพลงอย่างเดียว (FJZ: แต่ก็ผลักดันให้เป็นโปรเจกต์ชัดเจน) ใช่ จะมีความเป็นอาร์ตมากขึ้น วิชวลมากขึ้น และพี่จะไม่ขายหน้าตัวเองเป็น Gene Kasidit งี้ จะมีการบังหน้ามีการหน้ากาก และวงก็จะเป็นไม่กี่คนไม่กี่ชิ้น คีย์บอร์ดสองตัว บวกกับซาวด์ที่ทำมาสำเร็จและก็วิชวลนั่นคือในฝัน แค่นั่นแหละ

ส่วนใหญ่ที่ไปแอบฟังส่วนใหญ่ก็เป็นอิเล็กทรอนิกมากกว่า ยังมีแนวเพลงอะไรที่อยากทดลองอีกไหม

แต่ละอันมันก็จะมามิกซ์ ๆ กันอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้ามีอะไรที่ยังทำไม่สำเร็จน่าจะเป็น drum & bass อะค่ะ เพราะว่ามันต้องเอาเสียงมาเคาะให้เป็นกลอง ๆ พวก jungle อะไรงี้ ยังไม่ได้ทำ

กระบวนการทำเพลงมันเหมือนหรือต่างกับการเป็น Gene Kasidit ยังไงบ้าง

ค่อนข้างจะต่างเพราะมันก็คือมันเริ่มจากศูนย์เลยจริง ๆ อะค่ะ อย่าง Gene Kasidit ก็จะมีคนป้อนเพลงมา แต่เขาจะรู้ว่าเราชอบอะไร ๆ อะค่ะ เขาก็จะป้อนมาถูกเส้นทางให้เราไป แต่อันนี้ต้องเริ่มคิดตั้งแต่บีตกลองเป็นเท่าไหร่ ความเร็วเท่าไหร่ ใช้เสียงอะไร มันก็เลยตื่นเต้น บางครั้งมันมาเร็วมันก็มาเร็วมาก บางทีคิดไม่ออกก็จะคิดไม่ออกเลยเราก็จะทิ้งไว้ จนเราพร้อมก็กลับมาทำต่อเงี่ย เป็น mix & clash มาก ๆ เมื่อก่อนจะเป็นแนวนั้นไง ประกอบร่าง แต่พอทำ logic เป็นก็เริ่มกดเอง เท่าที่กดได้ (หัวเราะ) เหมือนเป็น experiment ไปเรื่อย เราก็อยากจะ collaborate กับคนอื่นด้วยนะ แต่เป็นคนสายงานอื่นอย่างแฟชั่นดีไซน์เนอร์ เป็นอาชีพอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับศิลปินนักร้อง เพราะพี่มองว่าการที่เรา collaborate กับคนในวงการเดียวกันมันก็เหมือนเดิม มันไม่ได้อะไร เราอยากรู้ว่าคนนี้เป็น muse ของเราแล้วมาทำเพลงกับเรามันจะเป็นยังไง kasidit เป็นดินแดนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ everything is possible

เริ่มสนใจอยากฝึกเล่นเครื่องดนตรีเองซักชิ้นยัง

ไม่ค่ะ ฝึกมานานละ ไม่รอด ให้คนอื่นเล่นเหอะเดี๋ยวคนอื่นเขาตกงาน (หัวเราะ) แค่นี่คุมก็พอละ สนุกละ โปรเจกต์นี้ไม่อยากเน้นนักดนตรีค่ะ ถ้าเป็นหุ่นยนต์มาเล่นได้จะดีมากเลยค่ะ มันจะไม่มีดราม่า (หัวเราะ) รักนักดนตรีนะคะ แต่บางทีฉันก็อยากมีแค่คอมพิวเตอร์ กับโรบอตตัวหนึ่งและฉันก็พอ

แล้วเราอยากเอาแฟชั่นมารวมกับโชว์ของ kasidit ด้วยไหม

มันจะเป็นวิชวลมาก ๆ แต่จะเป็นแฟชั่นในสิ่งที่ง่าย ๆ มีฟอร์มประหลาด ๆ มีคีย์เวิร์ดสามคำของโปรเจกต์นี้คือ sci-fi, tribal, electronic คือเป็นการเอาความ tribal มาบวกความอวกาศบนพื้นฐานของเพลงอิเล็กทรอนิกมันก็จะมีความอวกาศแบบเหลี่ยม ๆ พูดไม่ถูก บวกกับความเป็นพื้นบ้านอะไรแบบนี้ นึกออกนะ (หัวเราะ)

ที่จะเปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ จะมีโชว์เลยไหม

ต้องมี เพราะทำเพื่อมาโชว์ โชว์ก็จะมีเป็นเรื่องเป็นราว ร้อยเรื่องการเกิดของ kasidit คืออะไร

ในฐานะที่พี่เป็นแฟชั่นนิสต้าคนหนึ่ง พอพยากรณ์ได้ไหมว่าแฟชั่นปีหน้าบ้านเราอะไรจะมา

ขี้แต่งตัวดีกว่า แฟชั่นนิสต้าต้องใคร ชมพู่ไม่ใช่เรอะ (หัวเราะ) ยากแล้วสิ พยากรณ์ไม่เป็น อะไรจะมา สิ่งที่ไม่เคยมามาก่อนเลย (หัวเราะ) ปัจจุบันคนก็ไม่เห็นแต่งตัวอะไรกันเลยปะ ฉันอยากให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจกับการแต่งตัวหน่อยนะคะ จากที่ดูแบบแหล่งท่องเที่ยวอะไรงี้หรือว่าไปเดินห้างอะไรพวกนี้ใช่มะ บางทีก็มันปัจเจกต์เกินไปจนรู้สึกว่ามันไม่มีสีสันเหมือนเมื่อก่อนอะ บอกไม่ถูก หรือไปผิดที่วะ (หัวเราะ) ต้องธรรมดา แล้วตอนหลังก็มาบ่นว่าไม่เห็นมีใครมาจีบเลย แม่จะบอกว่าก็แต่งตัวแบบเนี่ยไงล่ะ เพราะคนเรามันฉาบฉวยจะตายมันก็ดูแค่รูปก่อน แล้วจิตใจค่อยทีหลัง ความสวยข้างในไม่ได้ช่วยความสวยข้างนอกได้หรอกนะคะ แม่อยากจะบอก

หลายคนมักบอกว่าพี่แต่งตัวเยอะ แต่งหญิง พี่จะอธิบายสิทธิในร่างกายของตัวเองให้ทุกคนเข้าใจยังไง

(หัวเราะ) ยังมีคนมาสนใจอีกหรอว่าใครแต่งตัวอะไรยังไง ณ ปัจจุบันนี้ มันน่าจะเป็นสิทธิส่วนตัวมากกว่าว่าใครจะแต่งอะไรก็แต่งไปสิ ถ้าเกิดไม่ได้เอาเสื้อผ้าเหล่านั้นมาทิ่มแทงตาชาวบ้านอะไรงี้ นึกออกปะ คนเราก็ please คนได้ไม่หมดหรอก สิ่งที่เราทำอยู่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ชอบก็เป็นเรื่องปกติ พี่ก็ไม่แคร์ เขาก็ไม่ได้ส่งเงินมาให้ฉันนิ ใช่ปะ เราก็ทำเพื่อความสุขของเราเท่านั้นแหละ จะเปลี่ยนเป็นบอยเป็นอะไรก็ได้ ฉันไม่ได้อยากจะเป็นอะไรของฉันแค่อย่างเดียว

ปกติเป็นคนสนใจประเด็นคนหลากหลายทางเพศรึเปล่า อาจจะเป็นประเด็นสังคมหรือการเมือง

ไม่สนดีกว่า พูดว่าไร รำคาญ เบื่อ (หัวเราะ) มันก็ไปไหนไกลไม่ได้มันก็เป็นแค่นี้แหละ อยู่กันแบบเดิม ๆ คนทั่วไปก็อยู่กันแบบเดิม ๆ เหมือนเดิม เป็นประเทศแห่งการเดินตามกัน พูดมากอีกก็ไม่ได้อาจะถูกส่งออกนอกประเทศ (หัวเราะ) เท่าที่ดูมาก็ไม่มีอะไรจะเจริญเติบโตเกิดขึ้นไม่ว่าจะทางจิตใจหรืออะไรก็ตามแต่ ก็เหมือนเดิมอะ ทุกอย่างมันคือความสามัคคีกันในเรื่องผิด ๆ อะ เรื่องไม่ควร ทำไมต้องเสียเวลากับสิ่งเหล่านี้อะไรเงี่ย

ได้ติดตามเรื่อง พรบ. คู่ชีวิต ไหม

โอ้ย เลิกไปนานแล้วค่ะ เมื่อไหร่จะมีคะ แค่เปลี่ยนชื่อเป็นนางก่อนได้มั้ย (หัวเราะ) ยังนายกันอยู่เลย เอาง่าย ๆ เลย เออ ซึ่งเป็นประเทศที่เพศเดียวกันควรจะแต่งงานกันได้มานมนานแล้วนะ ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเรื่องเพศเลยแต่ทำให้มันมีได้ก็ประหลาดเหมือนกัน บางทีเราก็มองข้ามในสิ่งที่เราเคยมีมากันนมนาน ให้มันกลายเป็นปัญหาสังคมได้ไงไม่รู้ จะแต่งก็แต่งไปสิ! (หัวเราะ)

ความหลากหลายทางเพศเป็นประเด็นในวงการเพลงไหม

คือเราดูกันที่งานไง ไม่รู้ว่าคนนี้เป็นอะไรเป็นอะไร ก็แล้วแต่ เรื่องส่วนตัวบางคนก็มีกฎเกณฑ์บางอย่างว่าเขาเป็นได้แค่นี้ ออกสื่อได้แค่นี้ ไม่ใช่จะมาคอย โอ๊ย อีนี่เป็น อีนั่นเป็น อะไรเงี้ย แล้วไง เขาก็ไม่เคยทำอะไรเดือดร้อนกับเราแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า เราก็เคารพสิทธิ์ที่เขาอยากจะเผยตัวเองแค่ไหน สุดท้ายมันอยู่ที่คยวามเข้าใจระหว่างกันมากกว่าจะให้เขา come out หรืออะไรเงี้ย ทำไมจะต้องเป็นเพศหนึ่งเพศสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปดเหี้ยอะไรพวกเนี้ย มันควรจะจบไปแล้ว เข้าใจกันก็พอ เธอเป็นงี้หรอ เออ ๆ ก็เรื่องของแก สุดท้ายสิ่งที่มันเหลือก็คือสิ่งที่เขาทำอยู่ งานอะไรเงี้ย ชีวิตก็แค่นี้แหละ (หัวเราะ) อยู่กันแบบชิล ๆ ก็ได้ปะ ไม่ต้องมาแบบ รู้สึกยังไงคะที่โลกนี้เปิดรับ ตรงไหน!! ที่ไหนเปิด อีดอก! ไม่อยากพูด (หัวเราะ) ถ้าไม่เข้าใจอะไรจริง ๆ ก็ไม่ต้องเอามาพูดอย่ามาฉาบฉวยกับเรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อน เออ มันกลายเป็นแค่มาร์เก็ตติ้งเฉย ๆ ขอความปกติได้ไหมคะ ความแบบไม่ต้องสนใจมั้ยเรื่องแบบนี้

ทำไมประเทศเราถึงไม่มีเกย์ไอคอนเหมือนประเทศอื่นบ้าง

ก็มันเป็นมาร์เก็ตติ้งไง ทุกอย่างก็มาร์เก็ตติ้งซะส่วนใหญ่พี่ว่า แล้วบ้านเราอะไรที่มันแตกแยกจากความปกติก็กลายเป็นความแปลก และความแปลกของคนไทยก็คือฉันจะไม่เอาเธอ เป็นประเทศที่ทุกคนจะต้องเดินตามกันไป ต้องเป็นแบบนี้แบบนี้ต้องตรงเท่านั้นอย่างในบทเรียนน่ะค่ะ (หัวเราะ) โหย ต้องแก้หมดเลยนะคะ ทุกกระทรวงเลยค่ะ ไม่รู้สิ ทำไมถึงไม่มี มันก็มีแต่เป็นแค่วงการบันเทิงเจริญใจ ประเทศเราอาจจะไม่ต้องไฟท์อะไรมากไงเพราะความปกติก็ไม่มีใครมาถูกยิงตายเพราะเป็นกะเทยไง แต่เมืองนอกเขาซีเรียสกว่านั้น บางรัฐก็อย่ามาตุ๊ดใส่ ก็โดนยิง มันก็ต้องแบบนั้นไง

ช่วงนี้หลาย ๆ พรรคเริ่มเข้าหาคนหลากหลายทางเพศมากขึ้น เราอยากให้มีนโยบายอะไรบ้างที่มาซัพพอร์ตคนหลากหลายทางเพศ

ก็เอาโง่ ๆ เลยก็เอาเรื่องแต่งงานให้มันจบ ๆ ไปซะทีเห็นทำมาหลายปีละ เรื่องสิทธิส่วนบุคคลแบบคร่าว ๆ อะไรพวกนี้แหละ เวลามันเจาะเรื่องประเด็นทางเพศอย่างเดียวอะ แล้วคนอื่นล่ะ ก็อยากจะบอกว่าถ้าจะมาเจาะกับเพศทางเลือกเหล่านี้ที่อยู่ ๆ ก็ให้ความสำคัญขึ้นมาเพราะมีคะแนนเสียงอยู่เยอะเนี่ย ก็ขอให้ทำให้จริง ๆ ละกัน ฉันก็จะคอยดูว่าเป๊ะป่าว ผิดประเด็นรึเปล่า ทำเพื่ออยากให้มันดีขึ้นจริงรึเปล่า แต่อย่ามาใช้เป็นกลในการได้คะแนนเสียงพวกเนี่ย เมื่อก่อนเห็นเกลียดตุ๊ดกันจะตาย (หัวเราะ)

แล้วทุกคนจะได้ฟังซิงเกิ้ลต่อไปเมื่อไหร่

ต้นปีค่ะ แต่ยังไง kasidit จะออกมาก่อนไม่รอแล้ว Gene Kasidit (หัวเราะ) เพราะซิงเกิ้ลสองสามนี่วางแผนไว้หมดแล้วค่ะ มันก็จะมาให้แนว wake up ขึ้นมา ตื่นขึ้นมาว่า เออ อย่าไปใช้เวลากับความมืดมน ความเน่าหนอนเลย ใช้เวลาให้ถูกกับคนคนหนึ่งดีกว่า

แล้วทุกคนจะได้ฟังซิงเกิ้ลแรกของ kasidit เมื่อไหร่

อย่างเป็นทางการใช่มะพร้อมวิชวลด้วย คิดว่าจะทำให้มันสำเร็จก่อนสิ้นปีนี้อะค่ะคริสต์มาสอะไรงี้ มันต้องเสร็จค่ะ เพราะตอนนี้ Gene Kasidit ก็ปล่อยเพลงไปแล้วก็ว่างขึ้นแล้ว จะได้ทุ่มเวลานี้ให้ (FJZ: อย่าลืมเอามาลงฟังใจนะครับ) นี่ต้องมาคิดเรื่องปล่อยเพลงไม่รู้จะปล่อยทางไหนดีวะ จริง ๆ อยากทำขึ้นมาเป็นโปรเจกต์ฟรีด้วยซ้ำ ใครจะเอาก็มีให้โหลดฟรีใน soundcloud นะ ใครจะโหลดก็โหลดไปเลย อยากเป็นโปรเจกต์เพื่อตัวเองและแจกจ่ายมากกว่า

ฝากอะไรถึงคนที่เพิ่งได้ฟังเพลง คนรู้จัก (EX) หน่อยครับ

คิดว่าเราจะได้กลายเป็นคนที่รู้จักกันมากขึ้นนะคะ (หัวเราะ) ขอบคุณที่ยังติดตามฟังเพลงใหม่ ๆ ที่เราทำอยู่ เดี๋ยวเพลงใหม่ ๆ ก็ออกมาเรื่อย ๆ รับรอง ด้วยความเป็นคนที่รักการเปลี่ยนแปลงก็จะไม่ทำอะไรที่มันซ้ำ ๆ หรอก ซิงเกิ้ลต่อไปก็จะไม่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นจงอย่าคาดคะเน ได้แต่รับฟัง จากใจก็พอ (หัวเราะ)

ติดตามความเคลื่อนไหวและเพลงใหม่ ๆ ของแม่ได้จากเพจ GENE KASIDIT และติดตามไซด์โปรเจกต์ของแม่ได้ที่ kasidit

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา