Interview

The Ghost Cat : วงน้องใหม่มาแรงจากค่าย Spicy Disc

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: ณัฐนิช ชนะฤทธิชัย

The Ghost Cat สมาชิกในวงประกอบไปด้วย
ก้อ – ณฐพล ศรีจอมขวัญ
วิน – วิน ศิริวงศ์
พีท – พีท ตันสกุล
เท็ดดี้ – ธีรดล ธีโอดอร์ แกสตัน
มาตร – มาตรชัย มะกรูดทอง

“นี่มันคือการรวมตัวของมหาเทพแห่งวงการดนตรีชัด ๆ”  นี่คือคำอุทานแรกของผมตอนที่ได้เห็นรายชื่อสมาชิกของวง The Ghost Cat ทำให้ผมเกิดความสงสัยว่า พวกเขามารวมตัวกันได้อย่างไร จะเป็นโปรเจกต์ที่จริงจังรึเปล่าเนี่ย แล้วอะไรทำให้พวกเขาตัดสินใจร่วมลงแรงสร้างวงดนตรีวงนี้ขึ้นมา ฟังใจซีนขอเชิญทุกท่านร่วมค้นหาคำตอบได้เลยจากบทสัมภาษณ์สุดพิเศษนี้ที่พวกเราได้รับเกียรติจากทางวงและค่าย Spicy Disc ให้สัมภาษณ์เป็นสื่อแรกของประเทศไทยอีกด้วย

The Ghost Cat มารวมตัวกันได้อย่างไร

ก้อ: จริง ๆ เราเริ่มทำโปรเจกต์นี้ตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว เริ่มมาจากผมนี่แหละครับ ตอนนั้นไปทำงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างขับรถผมก็ได้ยินเสียงวิทยุคลื่นหนึ่ง เป็นคลื่นที่เปิดเฉพาะเพลงแนวอินดี้ร็อกและแต่ละเพลงที่เปิดมานั้นโดนใจเราทุกเพลง เลยเปิดวิทยุค้างไว้ที่คลื่นนี้ตลอดเลย พอกลับมาเมืองไทยก็คิดจะทำโปรเจกต์นี้ขึ้นมา ตัดสินใจโทรหาเพื่อน ๆ เพื่อชักชวนให้มาทำโปรเจกต์นี้ด้วยกัน ซึ่งตอนแรกมีแค่ 4 คน ยังไม่มีนักร้อง เราก็ทำเพลงกันไปเรื่อย ๆ จนผ่านไปปีกว่าก็ยังหานักร้องไม่ได้ ตอนนั้นเรานึกถึงวินแต่เราไม่กล้าโทรไปเพราะเขายังทำ Sqweez Animal อยู่

วิน: พี่ก้อเขาส่งเดโม่มาให้ผมฟัง 8 – 9 เพลงครับ พี่เขาทำเสร็จไปเยอะแล้วเหมือนกัน ตอนนั้นฟังดนตรี เจ๋ง เนี้ยบ น่าสนใจมาก เป็นโอกาสทองอันหนึ่งที่ถ้าเราไม่ทำคงเสียดายมาก เราก็มานั่งนึกว่าจะทำอย่างไรให้ทั้ง Sqweez Animal และโปรเจกต์นี้รันไปพร้อม ๆ กัน และศิลปินที่ทำอยู่นี้ต่างก็มีวงด้วยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเท็ดดี้ก็มีวง Flure พี่ก้อก็ทำ theBOYKOR ก็รู้สึกว่ามันอาจจะเวิร์กนะ แต่อีกมุมหนึ่งผมก็เป็นนักร้องนำของ Sqweez Animal ด้วย แล้วก็มาทำของที่นี่ด้วย จะมีใครที่ไหนเขาทำกันแบบนี้หรือเปล่า (หัวเราะ) ผมเคยคุยกับสิงห์เรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนั้นสิงห์เขาบอกว่าจะไปเรียนต่อ เขาก็เป็นห่วงว่าพี่วินจะทำอะไร วงจะทำอะไร เราเลยเล่าให้เขาฟังว่ามีโปรเจกต์ของพี่ก้ออยู่ แล้วเราก็บอกพี่ก้อว่า สิงห์จะไปเรียนต่อ เราจะมีเวลาไปแจมโปรเจกต์ของพี่แล้วนะ เริ่มทำสักเพลงสองเพลงแล้วกัน ก็เลยตัดสินใจเข้าร่วมตั้งแต่ตอนนั้น

ก้อ: ตอนที่วินเข้าร่วมก็ประมาณปีที่ 3 ของวงเห็นจะได้ ตอนที่ชวนทุกคน เรามีข้อแม้อย่างหนึ่งคือห้ามใครลาออกจากวงของตัวเองเด็ดขาด (หัวเราะ) มี Flure ก็ต้องทำไป ใครมีโปรเจกต์อะไรก็ทำต่อไป ห้ามลาออกเพื่อมาอยู่วงนี้วงเดียวนะ ไม่งั้นเดี๋ยวผมจะโดนคนอื่นด่า (หัวเราะ)

ที่มาของชื่อ The Ghost Cat

วิน: ชื่อวงมีอยู่ชื่อเดียวเลย ไม่มีการโหวตหรืออะไรทั้งนั้น พี่ก้อเสนอมาชื่อแรกเราก็เอาเลยแล้วกัน

ก้อ: เราก็เสนอให้เพื่อน ๆ ช่วยกันคิดหน่อยสิ แต่ก็ไม่มีใครเสนออะไรมาเลย (หัวเราะ)

วิน: มันเป็นอะไรที่แปลกสำหรับวงนี้ เพราะผมเชื่อว่าแต่ละคนเวลาอยู่วงของเขาก็จะมีบทบาทของตัวเอง อย่างผมอยู่ Sqweez Animal ก็มีหน้าที่ตัดสินใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ เท็ดดี้ก็มีหน้าที่ของเขาเมื่ออยู่วง Flure พอมาอยู่ The Ghost Cat เรื่องตัดสินใจก็คงต้องยกให้พี่ก้อเขาแหละครับ (หัวเราะ)

ก้อ: The Ghost Cat จริง ๆ แล้วเป็นชื่อที่มาจากชื่อเล่นของเสือภูเขา Snow Leopard เสือตัวนี้มีนิสัยขี้อายมากแต่เป็นเสือที่สวยมาก อยู่บนภูเขาหิมะ นาน ๆ จะออกมาจากถ้ำทีเพื่อออกมาหาอาหาร พบเห็นได้ยาก อาศัยอยู่ในแถบประเทศเนปาล คนที่อยู่แถวนั้นจะถือว่า Snow Leopard เป็นสัตว์นำโชค

“ผมรู้สึกตื่นเต้น เหมือนย้อนเวลาได้เลย อีกทั้งแนวเพลงแบบนี้ผมก็ยังไม่ค่อยได้เจอเท่าไร จากพวกเราที่เล่นดนตรีเฉามาไม่รู้กี่สิบปี พอได้เล่นอะไรใหม่ ๆ แล้วรู้สึกดี”

คิดว่า The Ghost Cat เป็นศิลปินหน้าใหม่ไหม

วิน: ฝากตัวด้วยนะครับ (หัวเราะ)

เท็ดดี้: ผมรู้สึกตื่นเต้น เหมือนย้อนเวลาได้เลย อีกทั้งแนวเพลงแบบนี้ผมก็ยังไม่ค่อยได้เจอเท่าไร ที่เป็นการรวมตัวของเพื่อน ๆ ในวงการ เพราะส่วนใหญ่จะเจอแต่วัยรุ่นหน้าใหม่ ๆ เข้ามา พอเจอคนที่ผ่านวงการมาเหมือน ๆ กับเรา ได้เล่นด้วยกันเราก็จะรู้สึกสดใหม่ จากพวกเราที่เล่นเฉามาไม่รู้กี่สิบปี พอได้เล่นอะไรใหม่ ๆ แล้วรู้สึกดีจัง

ก้อ: ความรู้สึกเหมือนเด็กตั้งวงดนตรีใหม่ ชวนเพื่อน ๆ มาเล่นดนตรีด้วยกัน ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จไหม ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกเป็นแบบที่เท็ดดี้บอกว่าเหมือนเราเป็นวงใหม่ เคยทำงานมาเป็นสิบปีแล้ว พอมาทำตรงนี้สิ่งแรกที่ผมคิดคือ จะรอดไหมวะ (หัวเราะ) มีลุ้น ๆ อยู่ แต่ก็มีความรู้สึกมั่นใจอยู่บ้าง การฟอร์มวงใหม่ทำให้เรารู้สึกเหมือนตอนที่เราเริ่มเล่น ไปห้องซ้อม เริ่มทำวงใหม่เหมือนเด็กมัธยมเริ่มทำดนตรีด้วยกัน ต้องฝ่าฟันอุปสรรค พอมันรอดแล้วมันเจ๋งมาก ดีมาก ๆ เลย

วิน: สมาชิกแต่ละคนผมว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะเล่นได้ดี จะทำได้ดี แต่ในเรื่องของงานศิลปะ เล่นเก่งอาจจะไม่ได้แปลว่าถูกหูคนฟังก็ได้ ยังมีความเสี่ยงอยู่ว่าสุดท้ายแล้วคนที่มีประสบการณ์ มีฝีมือ พอมารวมตัวกันมันอาจจะไม่ได้ชนะแบบลอยลำ ยังรู้สึกลุ้น ๆ อยู่ว่าพอปล่อยแล้วจะมีคนชอบไหม ซึ่งแนวเพลงนี้เป็นแนวเพลงแบบหนึ่งที่เราเลือกขึ้นมาที่จะทำแบบนี้ มันเป็นความกล้าหาญอย่างหนึ่งที่เลือกทำแนวนี้ขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยมีใครเขาทำกัน

เท็ดดี้: ทุกคนคงไม่ได้อยากจะทำอะไรที่มันเซฟมากเท่าไรหรอก อยากที่จะสร้างอะไรใหม่ ๆ กับวงการด้วย เราไม่ได้สร้างอะไรที่เราเคยทำไปแล้ว แต่เราจะมาสร้างถนนใหม่ตัดเข้าไปในป่า อะไรทำนองนั้นครับ

วิน: เท็ดดี้ยอมทุกอย่างครับ อะไรก็ได้ที่สร้างความแปลกใหม่จากเดิม

ผลตอบรับที่เข้ามาหาวงตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

พีท: เราคงห้ามความคิดคนฟังไม่ได้หรอกว่าเขาจะคิดอย่างไรกับเรา แค่อยากให้คนรู้มากกว่าว่าโปรเจกต์นี้มันพิเศษจริง ๆ อยากให้แนวดนตรีเป็นเอกลักษณ์ของตัวเราแค่นี้ก็โอเคแล้วนะ

เป้าหมายของวงคืออะไร ณ เวลานี้

วิน: จริง ๆ แล้วกว่าจะดันให้มันออกมาวิ่งกันต่อก็ผ่านอุปสรรคมาเยอะนะ ตอนนี้ก็คงมีแต่เป้าหมายเล็ก ๆ  ไปทีละก้าว แค่ทำให้มันเสร็จก็เป็นเป้าหมายหนึ่งแล้ว ณ ตอนนั้น พอเสร็จก็เรียกกันมาซ้อมเพื่อดูว่าเล่นสดเป็นอย่างไร นั่นก็อีกเป้าหมายหนึ่งแล้ว จากนั้นก็มาคิดกันอีกว่าเราจะมีโอกาสได้เล่นหรือขายโชว์ของเราอย่างไร โปรโมตอย่างไร ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นดาวเด่นอะไรเลย หากวันใดมันประสบความสำเร็จขึ้นมา เราก็จะทำเพลงเพิ่ม หากไปต่อได้ก็ไป แต่ถ้าไม่ได้ค่อยกลับมาตั้งหลักกันใหม่ก็แล้วกัน

ขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง

ก้อ: อย่างที่บอกว่าวงนี้เป็นวงใหม่ อนาคตก็อาจจะเปลี่ยนวิธีการทำงานก็ได้ แต่ตอนแรกผมจะเป็นคนแต่งทำนองขึ้นมาก่อน ชวนเท็ดดี้มาช่วยกันเรียบเรียงเนื้อเพลง ซึ่งสิ่งที่ประหลาดตอนนั้นคือเวลาเรามานั่งรวมกัน 4 คน งานออกมาเร็วมาก ไลน์กีตาร์ออกมารู้สึกว่ามันใช่เลย ทุกอย่างลงตัวไปหมด แทบไม่ต้องแก้อะไรมากมาย วิธีการทำงานในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้ ต้องรอติดตามไปเรื่อย ๆ อะครับ

ในส่วนของเนื้อเพลงเป็นอย่างไรบ้าง

วิน: ตอนแรกที่ได้ยินเดโม่ ผมก็รู้ว่าพี่ก้อเขามีอะไรของเขาอยู่แล้ว ปกติผมจะไม่ค่อยแต่งเพลงที่มีคอร์ด มีเมโลดี้มาให้ สำหรับโปรเจกต์นี้เป็นการทำงานที่แตกต่างจากเดิมพอสมควร ผมจะบอกพี่ก้อว่า ผมอาจจะต้องบิดเมโลดี้พี่นิดนึงนะ ให้มันเข้ากับคำที่ผมคิดออก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมรู้สึกอึดอัด มีหลายสิ่งหลายอย่างเต็มไปหมด เนื้อเพลงก็เลยออกมาเร็ว อาจจะวันเดียวด้วยซ้ำ จากนั้นก็อัดให้พี่ก้อฟัง พี่ก้อเขาก็เปิดกว้างนะ แล้วเพลงก็ผ่านโดยที่ผมไม่ได้แก้ไขอะไรเท่าไร ผมก็มีสิ่งที่อยากจะพูดอยู่แล้ว กระบวนการหลาย ๆ อย่างเลยดูง่ายไปหมด ผมแต่งเพลงให้คนอื่นได้สำเร็จ อันนี้ผมดีใจมาก ๆ เลย (หัวเราะ)

เท็ดดี้: ซึ่งคนอื่นของวินเนี่ยก็คือวงเราเองนะ (หัวเราะ)

วิน: ผมมักจะเขียนเพลงให้คนนู้นคนนี้ แต่ส่วนใหญ่เขาไม่เอากัน หลายคนชอบบอกว่า มันต้องเป็นวินร้องอาจจะเพราะ ไม่เหมาะกับเขาหรอก สุดท้ายผมก็ต้องร้องเองอยู่ดี แต่ไม่ได้ใช้ใน Sqweez Animal

ก้อ: จริง ๆ กระบวนการทำมันง่ายด้วย ความมหัศจรรย์ในโปรเจกต์นี้อย่างที่ผมบอกว่าทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด วินแต่งเนื้อร้องออกมาแทบไม่ต้องแก้เลย แล้วทุกครั้งที่เท็ดดี้ดีดกีตาร์ เราก็แปลกใจว่าทำไมมันใช่ตลอดเลย หมายถึงตอนอัดนะ ส่วนตอนซ้อมตอนรวมวงมันก็ต้องมีการบิดอะไรนิดหน่อย

เท็ดดี้: ปกติเวลาผมทำวงหรือเจอน้อง ๆ ทำวง จะต้องมีอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ให้ต้องปรับต้องจูน แต่พอมาทำตรงนี้ก็รู้สึกว่าแทบจะไม่ต้องปรับแก้อะไรเลย ทุกคนเป็นมืออาชีพ เทพทะลุโลกเท่าที่ผมเคยเจอ เหนือฟ้ายังมีฟ้า

มาตร: เรียกตัวเองว่าเป็นฟ้าเลยเหรอ (หัวเราะ)

เท็ดดี้: พี่ก้อเป็นเหมือนอาจารย์คนหนึ่งที่คอยขัดเกลาลูกศิษย์ อยากให้ลูกศิษย์ได้ดีครับ (หัวเราะ)

นิยามคำว่า “นานไปแล้ว” ให้ฟังหน่อย

ก้อ: (หัวเราะ) เป็นการตั้งชื่อซิงเกิลแรกที่ไม่เป็นมงคลเลย กว่าจะออกมามันก็นานไปแล้วเหมือนเพลงจริง ๆ

เท็ดดี้: นานไปแล้วก็คงเกี่ยวกับการทำงานที่นานเกินไป (หัวเราะ) จริง ๆ เหมือนมันจะกล่าวถึงการรอคอยนะ เนื้อเพลงก็จะไปในทางเดียวกัน พอเพลงนี้ได้มาเป็นซิงเกิลแรกก็คงคล้ายกับการทำงาน นานมากกว่าจะรวมตัวกันได้ นานมากกว่าจะได้ปล่อยเพลงออกไป แต่ด้วยหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็อาจจะยืดเวลาออกไป แต่การตั้งชื่อเพลงก็เป็นไปด้วยความบังเอิญ

พีท: ผมคิดว่ามันหมายถึงการรอนะ มันก็มีหลายมุมมองนะ ทั้งรอสาว รองาน ตีความได้หลายอย่าง

วิน: บังเอิญมันถูกสรุปได้พอดีครับ ในชื่อของมันและโปรเจกต์นี้ก็นานสมชื่อ เลยเลือกใช้เป็นชื่อซิงเกิลแรก เวลาเราคุยกับคนอื่นเขาก็จะถามว่า เพลงนี้เพลงใหม่เหรอ แต่สำหรับผมอยากจะตอบเหลือเกินว่ามันอยู่กับเรามานานมากแล้วนะ (หัวเราะ)

“ผมว่าต้องมีคนสงสัยอยู่เหมือนกันว่าวินทำวงใหม่หรือวินทำอะไร โปรเจกต์นี้คืออะไร แนวทางใหม่ของ Sqweez Animal หรือเปล่า เพราะคนจะจำเสียงของผมได้ อย่างซิงเกิลแรก เราก็ตั้งใจว่าจะไม่บอกใคร จนปล่อยออกมาสักพักแล้วถึงจะยอมบอกว่าใครทำ ”

เพลงนี้ใช้เวลาทำถึงปีไหม

วิน: เกินครับ หลายปีแล้ว

เท็ดดี้: จริง ๆ โปรดักชันของพวกเราก็ไม่ได้ง่าย ๆ นะครับ หมายถึงว่าเราต้องส่งไปมิกซ์มาสเตอร์ริ่งเป็นเรื่องเป็นราวจริงจัง เราอยากให้งานประณีตที่สุด อยากให้ซาวนด์เด็ด ๆ เปรี้ยว ๆ ไม่เหมือนใคร

มาตร: ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาด้วยว่าต้องทำเสร็จเมื่อไร ก็เลยทำเรื่อย ๆ อยากจะได้ยังไงก็ยาวไป และพวกเราก็ไม่ค่อยว่างตรงกันด้วย อยากจะได้อะไรก็ต้องรอให้ทุกคนมาคุยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา

งานต่อไปที่ The Ghost Cat จะได้ไปเล่นคืองานอะไร

วิน: น่าจะ Cat T-Shirt ครับ ตอนนี้วงเราจะดูเรื่องเวลาซ้อมเป็นหลักเลย จะดูเวลากันว่าใครว่างตอนไหนบ้าง พยายามเจอกันอาทิตย์ละครั้งให้ได้ สำหรับผมพอมี The Ghost Cat แล้ว การซ้อมมันต่างจาก Sqweez Animal เลยนะ ถ้าไม่ได้ซ้อมนาน ๆ ต้องนั่งโหลดเครื่องกันใหม่เลยแหละ (หัวเราะ) เนื้อเพลงสลับกันไปหมด มันเป็นการท่องจำที่เราเองก็ไม่คิดว่าอยู่มาวันนึงเราจะลืมการเล่นกับวงนี้อะ มันยากนิดนึง จำเป็นที่จะต้องมีอาจารย์ใหญ่มาควบคุม

เท็ดดี้: ไม่รู้ว่าจะรู้สึกเหมือนกันกับผมไหม พี่ก้อคือคนที่พยายามทำให้เรารู้สึกว่า ต้องตั้งใจมากขึ้น ทำให้เราไม่อยู่ใน Comfort Zone อย่างเดียว รู้สึกเหมือนเรามีไฟอีกครั้ง ต้องพยายามให้ดีกว่าเดิม ไม่ได้กลัวพี่ก้อดุหรอก แต่ไม่อยากทำให้พี่ก้อเขาผิดหวัง

ก้อ: พี่ปกตินะ พี่ไม่ดุ (หัวเราะ)

ตื่นเต้นไหมที่จะได้เล่นแคท

วิน: ผมตื่นเต้นนะ เพราะคิดว่าคนคงเริ่มรู้จักแล้ว และหลาย ๆ คนคงอยากจะดู อยากจะมาเห็นว่าเราทำอะไรกัน คราวนี้ผมคงร้องผิดกระจาย (หัวเราะ)

เท็ดดี้: มันก็จะมีความกดดันอยู่เหมือนกันนะครับ

เพลงในโชว์จะเป็นรูปแบบไหน

วิน: คงเล่นเพลงอื่น ๆ ให้เขาฟังด้วยเลย ทั้งของ Sqweez Animal บ้าง Groove Riders บ้าง แต่จะเป็นในรูปแบบของ The Ghost Cat อยากให้ลองติดตามกันดูมาก ๆ ครับ

ตอนเปิดตัววง feedback เป็นอย่างไรบ้าง

วิน: เงียบฉี่เลยครับ (หัวเราะ) อย่างที่พี่ก้อบอกคือ เราไม่อยากให้คนรู้ว่าวงนี้เป็นใคร ปล่อยเพลงออกไปก็จงใจที่จะปิดเลยแหละว่าไม่ใช่พวกเรา เป็นคนอื่นทำ ใช้หูฟังแล้วเดากันเอาเอง แต่ผมว่าสมัยนี้ในแต่ละวันก็มีเพลงออกมาเยอะ คนจะมานั่งตั้งคำถามอยู่กับเพลง ๆ เดียวจนเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศก็คงไม่ใช่หรอก ผมว่าต้องมีคนสงสัยอยู่เหมือนกันว่าวินทำวงใหม่หรือวินทำอะไร โปรเจกต์นี้คืออะไร แนวทางใหม่ของ Sqweez Animal หรือเปล่า เพราะคนจะจำเสียงของผมได้ และมันก็ไม่ได้มีคำอธิบายใน MV หรือสื่อไหนเลยว่าใครเป็นคนแต่ง ใครเป็นคนร้อง หรือทีมงานคือใครก็ไม่มีบอก เพราะว่าเราตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว อย่างซิงเกิลแรก เราก็ตั้งใจว่าจะไม่บอกใครจนปล่อยออกมาสักพักแล้วถึงจะยอมบอกว่าใครทำ

เท็ดดี้: แล้วงาน Cat T-Shirt เป็นงานแรกด้วยซ้ำที่เราจะได้เจอกับทุกคนในนาม The Ghost Cat ตอนนี้เราเปิดตัวแค่ในโซเชียลมีเดีย แต่ว่าถ้าเป็นการเปิดตัวแบบเล่นเต็มวงก็คงจะเล่นที่งานนี้เป็นงานแรก ต้องรอติดตามต่อไปครับ

เร็ว ๆ นี้จะมีเพลงอะไรออกมาอีกไหม

ก้อ: จริง ๆ เราทำ Ep Album เสร็จตั้งแต่ปีก่อนแล้วครับ ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมากพอสมควร ซิงเกิลที่ 2 น่าจะออกมาช่วงเดือนพฤษภาคม หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ปล่อยซิงเกิลที่ 3 เราทำเสร็จหมดแล้ว แต่ขั้นตอนของการปล่อยเพลง การโปรโมตก็ต้องดูเวลาที่เหมาะสมและต้องเป็นไปตามขั้นตอนครับ ปีนี้ทั้งปีเราก็คงค่อย ๆ ทยอยปล่อยเพลงออกมาเรื่อย ๆ แต่ใจจริงผมเริ่มอยากทำเพลงใหม่แล้ว เพราะ Ep Album อันนี้เราเสร็จตั้งนานแล้ว ในความรู้สึกของผมคือเราอยากจะก้าวสู่ขั้นต่อไปแล้ว (หัวเราะ) แต่เราก็ต้องค่อย ๆ ก้าวทีละขั้น

โปรเจกต์หลักของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง ณ ตอนนี้

เท็ดดี้: วง Flure เพิ่งถ่ายเอ็มวีเสร็จไปครับ ต้องรอมือกลองที่เอ็นฉีกกลับมาด้วย พอเขากลับมาแล้วเราก็จะสามารถออกซิงเกิลได้ แต่ผมว่าคงต้องอีกสักพักครับ เพราะเขาไม่ได้ฉีกเล็ก ๆ น้อย ๆ นะ ฉีกถึงกระดูกเลย

วิน: ส่วนของผมถ้าถามถึง Sqweez Animal หรือแค่วินคนเดียวตอนนี้ก็เริ่มรับโชว์แล้ว เริ่มเล่นคอนเสิร์ตเพลงของวงอยู่ ทีมงานที่เล่นแบ็คอัพให้ก็ยังเป็นทีมเดิม พยายามให้วงเดินต่อไปเพราะผมก็ไม่อยากจะตัดทิ้งเลย ยังรู้สึกอุ่นใจที่ได้เจอกับแฟนเพลง เขายังรักในความเป็น Sqweez Animalอยู่ พยายามทำให้มันเดินหน้าต่อไป แม้ว่ามันอาจจะขัดกับความรู้สึกนิดนึง ยังไม่ชินที่ต้องอยู่วงนี้คนเดียว มีเพลงที่อยากทำหลายเพลงแต่ก็ยังไม่ค่อยมีเวลาทำออกมาเพราะ ผมเองก็มีงานที่บ้านด้วย มีงานอื่น ๆ ที่ต้องรับผิดชอบอยู่ เลยเป็นโปรเจกต์ที่ไม่เร่งรีบเท่าไรสำหรับเพลงใหม่ของ Sqweez Animal ก็มีไป Featuring กับศิลปินท่านอื่น ๆ บ้าง เพลงละครบ้าง มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ คนได้ยินเสียงผมเรื่อย ๆ ก็คงยังไม่หายไปจากวงการเพลง อยู่ที่ว่าเราจะไปโผล่ตรงไหน ในชื่ออะไรเท่านั้นเอง

ก้อ: ผมก็จะทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ซะส่วนใหญ่ ทำงานโปรดักชันค่อนข้างเยอะ หลัก ๆ ก็จะเป็น The Ghost Cat เป็นโปรเจกต์ของตัวเองครับ

พีท: คงทำเล่น ๆ ครับ ให้ผมทำ Blissonic ตอนนี้แบบเต็มรูปแบบก็คงไม่ไหวแล้ว (หัวเราะ) เพราะว่าหลาย ๆ คนเขาก็มีครอบครัวกันแล้ว รวมตัวกันอีกคงยาก

มาตร: ผมก็ทำเบื้องหลังอยู่ ช่วยพี่ก้อด้วย ทำให้กับศิลปินหลาย ๆ คน เช่น อะตอม ว่าน ลุลา

วงหน้าใหม่ฝากอะไรถึงวงการเพลงหน่อย

วิน: สำหรับวงหน้าใหม่วงนี้เป็นการรวมตัวของพวกเราที่ได้เอ่ยกันมาเมื่อตอนแรก ๆ เป็นโปรเจกต์ที่ทำมานานแล้วและเป็นอีกด้านหนึ่งที่พวกเราไม่เคยแสดงออกมาเลย ผมในฐานะที่เข้ามาเป็นนักร้องนำและเขียนเพลงของวงนี้ก็มีอีกตัวตนหนึ่งที่อยากให้คนได้เห็นได้ฟังกัน ซึ่งก็มีหลายแบบหลายสไตล์ ซิงเกิลแรกอย่าง “นานไปแล้ว” ยังเป็นแค่แบบเดียว เป็นน้ำจิ้มไปก่อน แล้วต่อ ๆ ไป ทุกคนก็จะได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่แบบนี้แบบเดียวนะ ยังไงก็อยากให้เข้าไปติดตามฟังในยูทูบ แฟนเพจ อินสตาแกรม ของพวกเรานะครับรวมไปถึงบนฟังใจด้วย แล้วก็โฆษณาสำหรับงาน Cat T-Shirt เลยก็แล้วกัน ตอนนี้ก็เปิดตัวกันเต็มที่แล้วว่าใครบ้างที่อยู่ใน The Ghost Catช่วยกันมาเชียร์แล้วกันครับ ตอนนี้ต้องการกำลังใจมาก ๆ เลย

ก้อ: ติดตามผลงานนะครับ พวกเราตื่นเต้นมากสำหรับการนำเสนอผลงานออกไป อยากมีโอกาสได้นำเสนองานแบบนี้บ่อย ๆ ครับ ฝากด้วยครับ

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง