Article Interview

ขอพร ซิงเกิ้ลแรกในชีวิตกับบทบาทใหม่ของ กันต์ ชุณหวัตร

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Chavit Mayot

เมื่อพูดถึง กันต์ ชุณหวัตร เราคงนึกถึง ต้า นักดนตรีสุดเท่วง See Scape ประจำโรงเรียนใน Hormones วัยว้าวุ่น ซีรีส์วัยรุ่นอันโด่งดังเมื่อสองสามปีก่อน แต่ใครจะไปรู้ว่าในชีวิตจริงเขาได้กลายเป็นศิลปินเต็มตัวแล้วด้วย ก่อนจะได้ไปฟังเพลง ขอพร ของเขาพร้อมกันวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ เรามาพูดคุยถึงแง่มุมการทำงานในบทบาทใหม่ของเขากันก่อน

img_0890

ทำไมถึงผันตัวมาเป็นศิลปิน

ความจริงอยากทำเพลงมาตั้งนานแล้วครับ เราก็เรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็ก มันเหมือนเป็นสิ่งที่เราคิดว่าจะทำอยู่แล้วแต่แค่ว่าจะทำตอนไหน แล้วมันมีจังหวะพอดีที่พี่พลวง Clash เขามาชวนมาทำเพลงประมาณต้นปีที่แล้ว เป็นช่วงที่เรากำลังจะเรียนจบพอดี ก็รู้สึกว่าถ้าเราเรียนจบก็จะหมดภาระไปอย่างนึงและจะเริ่มจัดการกับชีวิตตัวเองได้ดีขึ้น ช่วงปลายปีที่แล้วเลยเบรกคิวงานอื่น เอาไว้ก่อนเพื่อทำเพลง

ทำไมพี่พลถึงชวน

ผมรู้จักกับอิงค์ วรันธร ตั้งแต่สมัยเรียน ม.1 แล้วอยู่ดี ๆ อิงค์ก็ทักมาว่าพี่พลฝากมาถาม สนใจไหม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไมพี่พลถึงชวน เพราะพี่เขาไม่น่าจะเคยฟังเพลงที่ผมเขียน เพราะก็ไม่ได้เอาไปปล่อยที่ไหน

ใช้เวลาเตรียมตัวทำเพลงนานไหม

ผมชอบอ่านหนังสือ ชอบเขียน แล้วเราเจออะไรที่รู้สึกว่ามัน touch เราก็จะจดเก็บเอาไว้ เลยเป็นคนมี source เก็บไว้อยู่แล้วครับ ตอนหลังก็มานั่งเลือก ขุดของเก่าขึ้นมาใช้ ไม่ต้องไปหาอะไรใหม่

อย่างเพลง ขอพร นี่… ตอนนั้นเป็นช่วงก่อนจะเข้านอน ก็อาบน้ำ เช็ดผม รอหัวแห้งก็เลยเปิดทีวีดู แล้วมันก็เป็นรายการที่เขาสัมภาษณ์ผู้หญิงคนนึง เหมือนผู้หญิงคนนี้เล่าเรื่องตอนที่เพิ่งหย่ากับสามีมา เขาบอกว่าเขาพังมาก ต้องขายรถขายบ้านทิ้งเพื่อไปเมืองนอกเพราะไม่อยากเห็นอะไรเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ตอนนั้นเรายังไม่รู้สึกอะไร แต่พอเขาเริ่มเล่าไปเรื่อย ๆ เราก็มาสะดุดตอนที่เขาบอกว่า เขาเป็นคริสเตียน ทุกวันเขาต้องออกไปโบสถ์เพื่อสวดขอพร แต่คนอื่นไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาขอคือ ขอให้พรุ่งนี้ไม่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกแล้วได้ไหม ฟังแล้วเราชอบมาก คือทุกครั้งที่มีคนขอพรเราจะคิดว่า เขาคงจะขอแต่เรื่องดี ๆ ไม่คิดว่าจะมีมุมที่ขอให้ไม่ต้องอยู่บนโลกนี้ต่อไปแล้ว เลยจำเรื่องนี้ไว้แล้วค่อย ๆ เอามาเขียน

รวม ๆ ก็ใช้ประมาณ 3 เดือนทำเพลงนี้ครับ ช่วงเดือนธันวาที่แล้วก็ไปขลุกอยู่กับพี่พล พี่ยักษ์วง Clash แล้วก็พี่ปอย Portrait ผมก็จะโยนไอเดียเรื่องที่เราอยากเขียน หรือสิ่งที่เราอยากเล่าเข้าไป แล้วเหมือนว่าทุกคนโดนเรื่องนี้กัน ผมเลยไปขุดมาว่าจะเล่าอย่างนี้ ๆ มันเลยออกมาเป็นรูปเป็นร่างประมาณนี้ แล้วพี่ ๆ เขาก็ช่วย arrange ดนตรีทุกอย่าง เดี๋ยวจะมี mv ออกมาวันที่ 8 นี้ครับ ได้พี่ย้ง ทรงยศ มากำกับ แล้วก็ได้วีเจจ๋ามาแสดง

img_0905

ทำไมถึงทำดนตรีออกมาแนวนี้

ตอนผมเริ่มทำเพลงผมคุยกับพี่พลแหละว่า ผมรู้ตัวว่าเพลงที่ผมทำออกมามีความไม่ขาย จะฟังดูเสพยากหน่อย คือขนาดผมฟังเองก็รู้ เลยอยากให้ทุกคนช่วยให้มันเสพได้ง่ายขึ้น โจทย์หลักคือ เพลงนี้ต้องเป็นเพลงที่ผมอยากทำ ในมุมที่คนอื่นเข้าใจได้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องไม่เสียความเป็นตัวเรา ไม่หลุดกรอบไปจากสิ่งที่ผมเป็น ดนตรีเลยออกมาเป็นป๊อปที่ฟังง่ายขึ้นมาหน่อยกว่าตอนแรกที่ผมคิดไว้ แต่ผมโอเคนะ เรื่องซาวด์ มิกซ์อะไรเราก็เลือกเองว่าอยากได้แบบไหน เราอยากวางให้มันมีความขุ่น มีความสกปรกในมิกซ์อยู่ ไม่ให้มันใสมากเพราะเรารู้สึกว่าอารมณ์ทุกอย่างที่เล่าออกมามันดาร์ก ขุ่น ดำ

แล้วในเพลงนี้มีตัวตนจริง ของกันต์กี่เปอร์เซนต์

ถ้านับเป็นตัวผมเลยมันก็คงยาก ผมไม่ใช่นักร้องเสียงทรงพลัง แต่ผมมั่นใจว่าผมเป็นนักเล่าเรื่องคนนึง ผมเลยอยากเล่าเรื่องที่ผมเจอมาแล้วรู้สึกว่าผมเชื่อมันและมันต้องถูกเล่าต่อ บอกต่อในมุมไหนก็ได้ ถ้าผมเล่าให้คนอื่นฟังผ่านเพลงมันก็น่าจะโอเค

เพลงทีอยากทำทีแรกเป็นเพลงประมาณไหน แล้วชอบฟังเพลงแบบไหน

ด้วยความที่งานดีเจของผมมันทำให้ผมต้องฟังทุกอย่าง ทุกแนวครับ ถ้าชอบเป็นพิเศษก็คงเป็นดนตรีที่มีกลินของโพสต์ร็อกครับ แต่ว่าจะพยายามไม่หลุดไปถึงขั้นที่เป็นดนตรีบรรเลง จะดึงกลับมาในพาร์ตร้องด้วย

ในอนาคตจะได้ทำเพลงแนวนี้ไหม

เพลง ขอพร เนี่ย เนื้อหามันเป็นงี้แล้ว ผมว่าดนตรีประมาณนี้มันพอแล้ว ไม่ต้องไปฝืนไปขืนเอาอะไรเข้ามาใส่ ไปเน้นการเล่าเรื่องกับสร้างบรรยากาศของมันดีกว่า ก็ต้องรอดูเพลงต่อ ไป อาจจะลองผสมนู่นนี่นั่นเข้าไปหน่อยก็คงไม่เป็นปัญหา มีเล็งไว้แล้วว่าจะหยิบอะไรขึ้นมาพูด ดนตรีของแต่ละเพลงก็จะเขยิบไปตามมู้ดของเนื้อหา สามารถเปลี่ยนได้ประมาณนึง เรารู้สึกว่ายุคนี้ดนตรีมันมาหลายแนวมาก อย่างตอนผมทำดีเจเนี่ย ผมกล้าพูดเต็มปากเลยนะว่าเดี๋ยวนี้ผมแยกแนวดนตรีออกจากกันไม่ได้เพราะมันซอยยิบมาก มีความผสมกันจนแทบไม่มีกำแพงของคำว่าแนวอะไรแล้ว เลยไม่คิดว่าดนตรีจะต้องยึดกับแนวนี้

img_0903

เมื่อสองปีที่แล้วกันต์เคยให้สัมภาษณ์ในคอลัมน์เห็ดหูหนู บอกว่าเพลงที่ดีคือเพลงที่แต่งออกมาจากใจ เราแค่สัมผัสเรื่องราวของมันได้ ยังเชื่อแบบนั้นอยู่หรือเปล่า

ใช่ ผมเชื่อแบบนั้น เพลงมันคือศาสตร์ที่ไม่มีผิดหรือถูก มันไม่ใช่คณิตศาสตร์ที่เราจะถอดสมการของมันออกมาได้ ดนตรีคือความชอบ คือสิ่งที่ทำให้คนเสพแล้วบันเทิงใจ จริง คนจะเสพอะไรมันก็เป็นสิทธิของคนคนนั้น แต่คนทำเพลงที่ดีคือคนที่ทำเพลงที่ตัวเองเชื่อ

แต่ถ้าเป็นเพลงบรรเลง คนจะรับรู้ถึงเรื่องราวของมันได้ยังไง

พอเป็นดนตรีบรรเลงแล้ว สิ่งที่คนจะสัมผัสได้มันคงจะเป็นสีของความรู้สึกในเพลง คนไม่สามารถสื่อเรื่องราวจากการไม่พูดได้หรอก แต่มันจะรับรู้บรรยากาศบางอย่างได้ ผมว่าดนตรีบรรเลงมันมีวิธีคิดและนำเสนอในแบบของเขา ซึ่งก็ไม่เหมือนกับดนตรีที่มีเนื้อร้อง มันจะเป็นโจทย์อีกแบบนึงมากกว่า มันก็เหมือนเราดูภาพ abstract กับภาพธรรมดา หรือภาพการ์ตูนที่มีวิธีเล่าเรื่องไม่เหมือนกันอีก

เพลงที่จะมีคนฟัง หรือเพลงที่จะดัง ต้องเป็นเพลงเกี่ยวกับความรักเสมอไปไหม

ผมว่าไม่เกี่ยวหรอก อาจจะต้องถามก่อนว่าจะวัดความดังด้วยอะไร มันวัดความดังได้หลายแบบมาก ดังในแค่กลุ่ม หรือดังยังไง ผมว่าเพลงที่เกี่ยวกับความรักส่วนใหญ่มันดังเพราะว่ามัน touch ได้ทุกคน ทุกคนบนโลกมันต้องมีความรัก ใครไม่มีความรัก ผมไม่เชื่อว่ามันไม่มี มันมีอยู่แล้วจะมากหรือน้อย เท่านั้นเอง แต่พอเป็นเรื่องอื่นจะเป็นเรื่องประสบการณ์คนที่เจออะไรมาไม่เหมือนกัน เลยอาจจะไม่อินเท่า แต่ก็ไม่เสมอไปที่เพลงเกี่ยวกับความรักจะดัง เพลงที่เขียนเกี่ยวกับความรักแล้วพังก็เยอะจะตาย ออกมาปุ๊บ เงียบกริบ ก็เยอะ ผมว่าอยู่ที่ปัจจัยหลาย อย่าง อย่างเพลงนี้ก็แค่อยากหยิบมาเล่าก่อนเพราะมัน touch ที่สุด ส่วนเพลงที่ผมเขียนไม่เกี่ยวกับความรักเลยก็ค่อนข้างเยอะครับ 

แล้ว feedback ของเพลง ขอพร เป็นไงบ้าง

ผมว่าก็โอเคนะ เพราะตอนนี้เรายังปล่อยแค่ที่เดียว ยังจำกัดวงอยู่ เลยยังไม่ได้เป็นการพูดถึงที่กระจายมากนัก ก็ต้องรอวันที่ 8 ว่าจะเป็นยังไง แต่ตอนทำเพลงผมแฮปปี้กับมันแล้วผมถึงปล่อย ซึ่งแค่ตัวผมแฮปปี้ก็พอแล้ว ซึ่งสิ่งที่เราชอบก็เป็นเรื่องปกติที่อยากให้คนอื่นชอบ ทีนี้ก็เป็นเรื่องที่คนอื่นแล้วว่าจะแฮปปี้กับเราไหม

img_0889

บทบาทการเป็นศิลปินของกันต์จะไปถึงจุดไหน

โห อันนี้ก็แล้วแต่มันจะพาไปนะ (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าจะไปถึงจุดไหนเหมือนกัน สิ่งแรกคือต้องมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำก่อน ต้องเชื่อในเพลงตัวเองก่อน ถ้าวันไหนที่มีเวย์ที่เขาบอกว่า ต้องมาทางนี้แล้วดังแน่นอนเลย แต่ถ้าการไปทำแบบนั้นมันไม่ใช่เราแล้ว เราก็เลือกกลับมาอยู่ตรงจุดที่อาจจะเล็กหน่อยแต่สบายใจดีกว่า เพราะผมไม่ได้ทำเพลงกะรวย ก็เลยไม่ได้ไปกระหายว่าจะต้องหาเงินกับมัน มันก็เลยไม่ได้กดดันตรงนี้ ก็ทำตามใจชอบของเรา

กลัวว่าการที่คนติดภาพการเป็นนักแสดงจะมากระทบบทบาทการเป็นศิลปินของกันต์ไหม

ผมว่า ถ้าอยากจะลงสนามจริงมันต้องไม่กลัว คนติดภาพไหมผมว่ามันก็ต้องติดแหละ เพราะเราเป็นตรงนั้นมานาน เป็นตลาดที่คนรู้จักเรา ตอนนี้เราอยากทำเพลงจริง แล้ว ผมว่าสิ่งแรกที่ต้องเริ่มจากตัวผมก่อนคือต้องทำเพลงให้มันดี แล้วผมต้องเชื่อในเพลงตัวเองก่อน แล้วถ้าผมทำได้ ก็น่าจะทำให้คนอื่นเชื่อตามผมได้ ก็ต้องวัดกันแหละครับ มันเหมือนเราลงสนามใหม่ จริง การแสดงกับการเป็นศิลปินมันเหมือนเป็นวงการที่อยู่ข้างกันเลย อยู่ใกล้กันมาก แต่จริง มันมีจุดแบ่งที่ใหญ่อยู่

ขณะเดียวกัน การเป็นที่รู้จักแล้วถือเป็นกำไรของกันต์ด้วยไหม

แล้วแต่มอง มันมีทั้งดีทั้งร้ายแหละ แต่สุดท้ายผมว่า ถ้ามันเป็นเพลงที่เราตั้งใจทำ ถ้าเพลงของเรามันจริง มันก็อยู่ได้ เรามาอยู่ในโลกแห่งความจริงแล้ว มันไม่มีการคัทกล้อง ไม่มีเทค ไม่มีใครช่วยเราแล้ว ถ้าขึ้นเวทีแล้วผมทำพังมันก็พัง คนก็ด่า มันไม่มีอะไรมาก

เล่นสดครั้งแรกที่งาน Cat T-Shirt ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

ตื่นเต้นมากครับ แม้ว่าเราจะเคยขึ้นเวทีที่คนเยอะกว่านั้นมาแล้ว แต่ขึ้น Cat นี่คือหน้ามืดเลย มันเหมือนเป็นเพลงของเราถ้าเราทำมันไม่ดีมันก็ไม่มีข้ออ้างแล้ว พอเราไปขึ้นงานอื่นเราอ้างได้ไงว่านั่นไม่ใช่อาชีพเราเว่ย ก็กดดันนะตอนนั้น หวังว่ามันจะดีขึ้นเรื่อย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับงานโชว์เท่าไหร่ คือรอปล่อยเพลงก่อน แล้วจะหาแบ็กอัพให้เข้าที่เข้าทาง ทำโชว์ให้เรียบร้อยก่อนว่าจะออกมาเป็นยังไง

img_0904

เป็นมาแล้วทั้งนักแสดง พิธีกร ดีเจ และศิลปิน คิดว่างานไหนเป็นตัวเองที่สุด

ความจริงผมก็เป็นตัวเองในทุกงานนะ คือผมพยายามไม่เป็นคนที่อะไรก็ได้ อาจจะดูเป็นคนเรื่องมาก แต่เรารู้สึกว่า ถ้าเรายอมอะไรก็ได้ เราก็จะเป็นใครก็ไม่รู้ ผมพยายามจะเป็นสิ่งที่ผมอยากเป็นในทุกงาน เพียงแต่มันก็แบ่งพาร์ตกันว่า พอเป็นงานแสดง สิ่งที่เราจะทำคือถ้ารับงานแล้วเราต้องเชื่อผู้กำกับ ต้องแสดงตามบท ต้องทำการบ้านในบทของเราให้ดีที่สุด แล้วแสดงเป็นคนนั้นให้ได้ แต่เราก็ยังมีความเป็นเราในแบบนั้น พอเป็นงานเพลงก็เหมือนกัน เราต้องเชื่อในโปรดิวเซอร์ของเรา แต่ทุกงานจะต้องคุยกันก่อนว่าเรามีทางที่ชัดว่าทำได้ถึงตรงนี้เท่านั้น คุยให้เคลียร์ เราจะไม่มีปัญหาว่างานไหนไม่ใช่ตัวเอง ถ้าอันไหนไม่เป็นตัวเองเราก็แค่ไม่ต้องรับ

ที่ว่าเป็นนักเล่าเรื่อง อยากลองเล่าเรื่องแบบอื่นอีกไหมนอกจากแค่การทำเพลง

เราเคยเขียนหนังสือเป็นพ็อกเก็ตบุ๊กเดินทาง เคยคิดว่าสิ่งที่อยากทำสามอย่างในชีวิต คืออยากเขียนหนังสือ ทำเพลง และเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อย แค่ผมทำสามอย่างนี้วนเป็นลูปผมก็แฮปปี้แล้ว คิดไม่ออกว่าจะต้องทำอะไรอีก

ฝากผลงาน

ฝากซิงเกิ้ลแรกในชีวิต ชื่อ ขอพร ก็ตั้งใจทำกับพี่ Boxx Music มาก หวังว่าคนฟังจะชอบ เป็นงานใหม่ที่ท้าทายที่สุดงานนึง ผมก็ค่อนข้างคาดหวังให้คนชอบมันครับ แต่มองข้ามไปนะว่ามันจะติดชาร์ตไหน หรือจะดังแค่ไหน เอาแค่ว่ามีคนฟังกลับมาแล้วบอกว่าชอบจริง จากใจ แค่นี้ผมก็แฮปปี้แล้ว

img_0886

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้