Article Interview

Wood and steel ไม้ 8 เพลง เหล็ก 8 เพลง จากเป้ อารักษ์ แอนด์ เดอะปีศาจแบนด์

  • Writer: Teeraphat Janejai
  • Photographer: Chavit Mayot

แม้จะได้เห็นหน้าเห็นตาของเขาตามสื่อต่าง ๆ อยู่เป็นระยะ ๆ ในฐานะของนักแสดง แต่ในฝั่งของผลงานเพลงก็ถือว่าเงียบหายไปสามปีกว่า ๆ หลังจากอัลบั้มชุดที่สอง อารักษ์ & เดอะปีศาจแบนด์ หรือจะปล่อยซิงเกิ้ลมาให้หายคิดถึงอยู่สามเพลงก็คือ แพ้ เพลงรัก และ คิดถึง ด้วยสไตล์ที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนฟัง แต่ก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่าไหร่

จนเมื่อช่วงสิ้นปีที่แล้ว เป้ อารักษ์ & เดอะปีศาจแบนด์ ก็วางเครื่องดนตรีโฟล์ก และหันมาจับเครื่องดนตรีภาคไฟฟ้า มีซาวด์อิเล็กทรอนิกหนึบ ๆ จังหวะเต้น ๆ แบบดิสโก้ในเพลง ฉันออกไปเต้นกับเพลงที่ไม่คิดจะฟัง ชนิดที่ว่าฟังแล้วต้องเหวอจนอ้าปากค้าง

และปี 2017 นี้เขาก็กลับมาแบบเต็มตัวกับอัลบั้มที่จัดเต็ม 16 เพลง พร้อมคอนเซปท์เท่ ๆ ที่แบ่งอัลบั้มเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นเพลงที่เล่นแบบโฟล์ก อีกส่วนหนึ่งเป็นเพลงที่เล่นจากเครื่องดนตรีไฟฟ้า ในอัลบั้มที่ชื่อว่า Wood and Steel

img_7807

จุดเริ่มต้นอัลบั้มใหญ่ 16 เพลง

ตอนแรกคิดว่าจะปล่อยทีละซิงเกิ้ลในสไตล์โฟล์กเหมือนเดิม พอลองปล่อย เพลงรัก เป็นเพลงแรกก็ยังไม่เปรี้ยงเท่าไหร่ ระหว่างนั้นก็แต่งเพลงเก็บไว้อยู่ 5 – 6  เพลง เป็นโฟล์กหมดเลย พอดีได้ไปเจอพี่เล็ก ฮิวโก้ ก็ลองเล่นเพลง คิดถึง ให้ฟัง ซึ่งตอนนั้นยังแค่แต่งเก็บไว้เฉย ๆ เขาชอบเพลงนี้และขอทำเพลงนี้ให้ แต่จะขอทำโดยใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้า เพราะไม่อยากให้เพลงคันทรีต้องถูกจำกัดอยู่แค่นี้ เราก็เลยลองทำดู แต่ถ้าจะทำเพลงให้ดี ๆ ทำเพลงเดียวก็คงไม่ได้ ก็ต้องลองผิดลองถูก เราไม่มีทางรู้เลยว่าเพลงหนึ่งเพลงจะดีหรือเปล่าจนกว่าจะทำเสร็จ เราก็เลยต้องทำออกมาหลายเพลง บวกกับซิงเกิ้ลที่ปล่อยไปแล้วสามเพลง และเพลงโฟล์กที่แต่งเก็บไว้ ก็เลยตัดสินใจคุยกับค่ายว่าทำเป็นอัลบั้มดีกว่า

ทั้งที่เดี๋ยวนี้ศิลปินส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครกล้าทำอัลบั้มกันแล้ว?

แต่ถ้าเราดูกันจริง ๆ วงอย่าง The Whitest Crow ก็ปล่อย 2 อัลบั้มติดกันเลยนะ ถ้าคุณมีพลังมากพอ เราว่าทำได้ และก็ยังขายได้อยู่ สำหรับการทำอัลบั้ม เวลากับความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่ปัจจัยหลัก มันเป็นเรื่องของเงินทองมากกว่า เพราะการทำเพลง มันก็ใช้เงินหลายบาท เราอาจจะใช้ความช่วยเหลือจากคนนั้นคนนี้บ้าง แต่เราจะยืมมือคนอื่นตลอดไม่ได้ แต่ถ้าเราปล่อยซิงเกิลไปเรื่อย ๆ เราก็คงปล่อยได้แค่ 6 – 7 เพลง แล้วอีกสิบเพลงที่เหลือในอัลบั้มก็จะหายไป ไม่มีโอกาสได้ฟัง

เป็นมาอย่างไรถึงได้ไอเดียที่จะทำเพลงออกเป็นสองชุดในคนละสไตล์กัน

จากที่พี่เล็กเสนอจะทำเพลงจากเครื่องดนตรีไฟฟ้า เราก็สรุปออกมาว่าจะทำ 16 เพลง แบ่งฝั่งละ 8 เพลง ฝั่งหนึ่งเป็นโฟล์ก อีกฝั่งหนึ่งก็จะใช้พวกเครื่องดนตรีไฟฟ้า ทีนี้ทีมงานเสนอว่าน่าจะทำสองแผ่นไปเลย ส่วนชื่ออัลบั้มก็ได้มาจากพี่เล็ก ซึ่งคำว่าเหล็กกับไม้มันเกิดจากที่เรากับพี่เล็กพูดคุยกัน เขาเคยพูดว่า การเล่นดนตรีมันเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ในการทัวร์คอนเสิร์ต แต่หลัก ๆ แล้วชีวิตของพวกเราอยู่กับการแบกเหล็กและไม้ เราแบกเครื่องดนตรีไปไหนมาไหนมากกว่าการเล่นดนตรีเสียอีก

img_7833

แล้วระหว่างที่หายไปสามปีกว่า ไปทำอะไร หรือไปเจอไอเดียอะไรใหม่ ๆ มาบ้าง

ก็ได้เจอการวิธีการทำเพลงใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำเพลงคันทรีด้วยเครื่องดนตรีไฟฟ้า การเขียนเนื้อเพลงแบบใหม่ อย่างตอนสองชุดแรกเราทำเพลงโดยที่คิดไว้ลึก ๆ ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงสังคมอะไรได้บ้าง อาจจะใช้ในการรณรงค์อะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายมันก็ทำไม่ได้ หรืออย่างการเกิดขึ้นของเฟสบุ๊กที่ทำให้ข่าวสารรวดเร็วขึ้น มาไวไปไว ก็เลยไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ที่จะพูดบางเรื่อง ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนนี้เราคงทำเพลงที่เกี่ยวกับวัดธรรมกายไปแล้ว (หัวเราะ) เราก็มาตั้งเป้าใหม่ว่า เราจะทำเพลงเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ได้ที่ไพเราะ และสิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าไพเราะก็คงเป็นเรื่องความรักมั้ง เรารู้สึกว่าการทำเพลงรักมันสนุกกว่าทำเพลงที่ไม่มีใครแต่งอีกนะ เพราะเรื่องราวที่ไม่มีใครพูดถึงก็เท่ากับว่าเราไม่มีคู่แข่งเลย แต่เพลงรักที่ทุกคนแต่งกัน เราจะทำอย่างไรให้มันต่างจากเขา

การที่กลับมาทำเพลงคันทรีโดยใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้ามันยากกว่าเดิม สนุกหรือท้าทายอย่างไรบ้าง

มันแปลกดีครับ เพราะช่วงหลังมาก็เล่นโฟล์กมาตลอด แต่มันก็ง่ายขึ้นด้วย ทำให้เราแอ็คได้เหมือนสมัยที่เล่นกับ Slur (หัวเราะ) เล่นกีตาร์โปร่งมันทำได้แค่ตีคอร์ด หรือถ้าจะโซโล่ก็ได้ประมาณหนึ่ง แต่พอเป็นกีตาร์ไฟฟ้ามันมีเอฟเฟกต์ให้เล่น มีท่อนให้เราได้โชว์โซโล่ มันก็เลยสนุกขึ้น แล้วการเล่นโฟล์กต้องใช้ฝีมือสูงซึ่งเราก็เพิ่งมาฝึกเล่นได้ไม่นาน อย่างแบนโจ ดับเบิ้ลเบส กีต้าร์ การร้องประสานก็ยาก มีรายละเอียดเยอะ ยิ่งซาวด์บนเวทีก็ควบคุมยาก ต่างจากการเล่นเครื่องดนตรีไฟฟ้า มันสามารถควบคุมให้อยู่บนมาตรฐานได้ ด้วยสถานที่และทีมงานในบ้านเราก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับทางไฟฟ้ามากกว่าอยู่แล้ว

แทบทุกเพลงก่อนหน้าที่มีเนื้อร้องมักจะเล่าเป็นเหตุการณ์ เห็นภาพชัดเจน เอาเรื่องราวแบบนี้มาจากไหน

ก็มาจากเราทั้งหมดเลย อย่างเพลง ฉันออกไปเต้นกับเพลงที่ไม่คิดจะฟัง ก็มาจากเหตุการณ์จริง สาวที่เราชอบชวนไปเที่ยวผับตื้ด ๆ เล่นเพลงตลาด เพลงที่เราฟังมาหลายล้านรอบแล้ว ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากเต้นกับเพลงพวกนี้ แต่สุดท้ายเราก็ต้องไปกับเขา เพราะเราจะจีบเขา เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในหัวมาตลอด พอแต่งออกมาได้ก็ดีใจมาก หรืออย่างล่าสุดเราโดนจับตรวจกระเป๋าที่สนามบิน เราพกเจลแต่งผม 120 กรัมไปโดยที่ไม่ได้โหลดใส่กระเป๋าเดินทาง แต่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันเราก็เดินทางด้วยกระเป๋าใบเดียวกัน เจลก็ไม่ได้หยิบออกมา แต่ไม่โดนอะไร ก็บอกเขาว่าเมื่อวานไปมายังไม่โดนเลย เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเขาค้นเจอก็เอาขึ้นไม่ได้ ทั้งที่ตอนนั้นเจลเหลือไม่ถึงครึ่งกระปุกแล้วด้วย เราก็เข้าใจแหละว่าเป็นกฎหมาย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีกฎบางข้อก็ติงต๊องเหมือนกัน รวมถึงการบังคับใช้ ก็คงได้แต่งเพลงจากเรื่องนี้ด้วย หลาย ๆ เพลงในอัลบั้มนี้ก็ยังมีเรื่องในสังคมอยู่นะ ไม่ได้หันมาแต่งเพลงรักอย่างเดียว

แล้วเพลงที่แต่งมาจากเรื่องในสังคมกับเพลงรักอะไรเข้าทางมากกว่า

ตอนนี้ยกให้เพลงรักเลย มันมาก เราสะใจเวลาที่เราแต่งออกมาแล้วมันมีมุมองที่ต่างกับคนอื่น

img_7829

มีรายชื่อผู้ร่วมงานเยอะแยะเลยในอัลบั้มนี้

ใช่ครับ ก็มีเล็ก ฮิวโก้, เจ มณฑล และที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือ อัด เดอะปีศาจแบนด์ จริง ๆ เรากับคุณอัดร่วมกันทำเพลงด้วยกันมาตลอด พี่เจกับพี่เล็ก เป็นเหมือนนายพลแม่ทัพที่มาคุมงานอีกที แต่คนที่เป็นม้าศึกคือเรากับคุณอัด คุณอัดจะทำให้ทุกอย่างที่เราคิดออกมาเป็นชิ้นเป็นอันได้ ขั้นตอนคือ เราจะนัดเจอพี่เล็กก่อน เอาแต่ละท่อนมาจับเรียง คิดริฟฟ์กีตาร์ แล้วค่อยกลับมาเจอคุณอัดในห้องอัด หรือบางทีก็เรียกวงเข้ามาเลย ตอนที่อัดเพลง แพ้ กับ คิดถึง วงยังไม่เคยฟังด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าแต่ละท่อนเป็นอย่างไร เราเรียกเข้ามาและทำเสร็จภายในวันนั้น ใช้เวลาแค่ 5 ชั่วโมง พี่เล็กจะบอกเลยว่าใครเล่นอย่างไร หรือไม่ก็จะปล่อยให้เขาลองเล่นอะไรก็ได้ แล้วพี่เล็กก็จะเลือก เขารู้อะไรเยอะมาก มี reference เยอะมาก รวดเร็วและเด็ดขาดมาก ประกอบกับนักดนตรีของปีศาจแบนด์ทุกคนก็มีฝีมือมาก ๆ เขาสามารถเล่นตามที่พี่เล็กบอกได้ในทันที เราอัดดนตรีเสร็จภายในห้าชั่วโมง แล้วเราก็ไปอัดร้องอีกวัน เสร็จเลย ซึ่งถ้าเราทำกับคุณอัดสองคน สามเดือนก็ไม่เสร็จ (หัวเราะ) ทำไปแก้ไป แต่แบบนี้มันก็มีเสน่ห์คนละแบบ เพราะถ้าเราทำกันนานก็มักจะมีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติม อย่างเพลง ฉันออกไปเต้นกับเพลงที่ไม่คิดจะฟัง ตอนพี่เล็กกลับไปแล้ว เรากับอัดก็แอบมาทำเพิ่มกันเองอีก

คนมักจะเห็นภาพ ฮิวโก้ เป็นคนสุขุม มาดเท่ แล้วตัวตนของเขาตอนทำงานเป็นอย่างไร

เป็นคนที่ทำงานเป๊ะ เร็ว เด็ดขาด และรสนิยมดีที่สุดคนหนึ่ง แต่เขามักจะพูดว่าความคิดของเขาไม่ได้มีผลอะไรกับความดังของเพลงเลยนะ และจะพูดเสมอว่าให้เราเป็นคนเลือกเพราะเป็นเพลงของเรา

แล้วเจ มณฑลล่ะ

เขาเป็นคนรักงานมาก งานของเขาจะดูแลในส่วนของการมิกซ์เสียง บางเพลงที่เราคิดว่าไม่รอดแล้ว อย่างเพลง ร้อย ทำเพลงแรกเลย แต่จบไม่ได้ พอส่งไปให้พี่เจ กลายเป็นว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ดีอีกเพลงทั้งที่เราไม่มีความมั่นใจกับเพลงนี้เลยในตอนแรก และถ้าฟังเพลงต่อ ๆ กันจะพบว่า แต่ละเพลงเหมือนจะคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ถ้าฟังแยกทีละชิ้นดนตรีจะพบว่า กลองเพลงนี้กับอีกเพลงหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย เขาไม่ได้ใช้ preset เพื่อให้เสียงเหมือนกันทุกเพลง เขาจะทำอย่างตั้งใจทีละเพลงเลย อย่างต๊อบ Chanudom ที่มาตีกลอง เคยอัดวันเดียวสามเพลง ไม่ได้ปรับกลองอะไรเลย อัดรวดเดียว แต่พี่เจเอาไปทำให้ซาวน์มันแตกต่างกันได้ จริง ๆ เราก็เคยทำกับมิกเซอร์มือดีหลาย ๆ คน ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่งนะ บางทีเขาอาจจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ แต่กว่ามันจะดีก็ต้องเหนื่อยเราที่ต้องคุยต้องจูนกันให้เข้าใจ แต่พี่เจเหมือนเขาจะรู้ทางเรา

คำว่าเหล็กกับไม้มันเกิดจากที่เรากับพี่เล็กพูดคุยกัน เขาเคยพูดว่า การเล่นดนตรีมันเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ในการทัวร์คอนเสิร์ต แต่หลัก ๆ แล้วชีวิตของพวกเราอยู่กับการแบกเหล็กและไม้ เราแบกเครื่องดนตรีไปไหนมาไหนมากกว่าการเล่นดนตรีเสียอีก

Feedback หลังจากออกเล่นสดเป็นอย่างไรบ้าง

อย่างก่อนหน้านี้เราเคยประกาศไปว่าถ้าใครซื้อครบ 100 แผ่น เราจะไปเล่นให้ฟังสดฟรี ๆ แล้วก็มีจริง ๆ แต่จะเป็นร้าน ไม่ใช่บุคคลเดี่ยว ๆ อาจเป็นเพราะเรื่องค่าใช้จ่ายที่ร้านจะจ้างเรา ถ้าจ้างจริง ๆ มันก็สูง แต่ซื้อครบร้อยแผ่นมันไม่ถึงสามหมื่น ไม่ต้องออกค่าเดินทางให้เรา แต่ออกให้ทีมงานนิดหน่อย ก็เลยทำให้เราได้ออกไปเจอกลุ่มคนที่เราไม่ได้เจอกันมานาน คนตอบรับก็ดีมาก สนุกมาก

ที่ Cat Expo ครั้งล่าสุดกระแสตอบรับเหมือนจะดีกว่าที่เคย

ถ้าบนเวที เราไม่ทันได้สังเกตเลยเพราะวันนั้นไม่สบาย ซ้อมเยอะมาก ก็ได้แต่หวังให้ทุกคนชอบกัน แต่ตอนขายแผ่นหมด 700 แผ่น ดีใจมาก เราไปบอกพี่เล็กที่หลังเวที เขาก็พูดไว้ดีมากว่า พวกเราไม่ใช่วงที่จะทำเพลงเดียวแล้วคนเอาไปโคเวอร์กันตามร้านแถวทองหล่อ แต่เราต้องทำสิบเพลงแล้วหวังให้คนแบบเรามาชอบสักเพลง เราว่ามันเป็นวรรคทองของนักดนตรียุคนี้ได้เลยนะ เราเคยอยู่ในยุคที่ขายซีดีกันหลักหมื่นแผ่น หลังจากนั้นไม่นานคนซื้อก็หายไป อินเตอร์เน็ตเข้ามา ศิลปินไม่กล้าออกแผ่น แต่พอระยะเวลาผ่านไป เราเริ่มรู้แล้วว่ามันไม่มีทางจะได้เงินจากสตรีมมิ่ง จากดาวน์โหลดพวกนี้หรอก ผู้ฟังเองก็เริ่มหันกลับมาซื้อเก็บกัน เราว่ายุคนั้นอาจจะกำลังกลับมา อย่างที่งานแคทก็ขายหมดกันหลายวงเลยนะ Plastic plastic ทำ 1,500 แผ่น ขายหมด Jelly rocket ก็มีคนมารอซื้อเยอะมาก ถ้าคุณทำเพลงดีคนก็ซื้อเพลงคุณเหมือนเดิม เราทำมา 700 แผ่นยังเสียดายเลยว่าน่าจะทำมาเยอะกว่านี้ (หัวเราะ)

ก่อนขายลุ้นขนาดไหน

โห ต้องไหว้พระเลย (หัวเราะ)

img_7838

อยู่ในวงการมานานแล้ว เข้าใจหรือเรียนรู้อะไรมากขึ้นไหมกับการทำเพลง

มันมีหลายช่วงนะ เป็นไปตามวัย ตอนที่ทำกับ Slur ก็มีช่วงที่ไม่แคร์ใครเลย ทำแต่สิ่งที่เราชอบ แต่โชคดีที่มีคนมาชอบด้วย มียุคที่เริ่มปรับตัวให้ป๊อปขึ้น ก็จะเป็นช่วงที่ทำเพลง เซโรงัง และก็กลับมาไม่แคร์ใครอีกตอนที่ทำ Auto Erotic และตอนนี้ก็กลับมาแคร์เพิ่มขึ้น เรามีเป้าหมายที่เราเคยทำได้กับ Slur ชุดที่สาม ก็คือการออกไปทัวร์ตลอด คนชอบเพลง เพลงโด่งดัง เราอยากทำให้ได้แบบนั้นอีกสักรอบหนึ่งในชีวิตนี้ เหมือนตอนนั้นเราได้มาแล้วก็ไม่ค่อยเห็นค่ามันเท่าไหร่

แนะนำเพลงในอัลบั้มนี้ให้คนที่อาจจะยังไม่เคยฟังเพลงของคุณมาก่อน

เราขอแนะนำฝั่งละเพลงแล้วกัน ถ้าฝั่งเหล็ก เราชอบเพลง รอ มากที่สุด เพราะเพลงนี้มีเนื้อหาที่เป็นยุคใหม่ของเรา เป็นเรื่องแอบรัก น่ารัก ๆ เลย แอบชอบเขา แต่ไม่กล้าไปจีบเพราะเขามีแฟนแล้ว วัน ๆ ก็มานั่งดูอินสตาแกรมของเขา รอเขาอัพรูปใหม่ เป็นเพลงที่เขียนออกมาตามใจคิดได้มากที่สุด และดนตรีก็ใหม่ เพราะเราไม่คิดมาก่อนว่าจะทำ R&B ซึ่งเพลงนี้ก็มีกลิ่น R&B อยู่นิดนึง

อย่างเป้ อารักษ์ มีอารมณ์แอบรักไม่กล้าจีบสาวด้วยเหรอ

เล่าให้ฟังเลยก็ได้ เคยไปถ่ายรายการแล้วเจอพิธีกรน่ารัก เรารู้สึกว่าใช่เลยคนนี้ ก็ว่าจะจีบ ตอนเย็นกินข้าวด้วยกัน ถามเขาว่ามีแฟนหรือยัง เขาก็บอกมีแล้ว อ้าว (หัวเราะ) จะทำอะไรได้ล่ะ ก็ได้แต่รอให้เขาเลิกกับแฟน ซึ่งความจริงเราก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะเลิกกันหรอก แค่หยิบมาแต่งเพลงเฉย ๆ มีศิลปินชื่อ Bruce Springsteen เคยพูดไว้ว่า “We lie in service of the truth.” เราโกหกเพื่อเป็นให้เป็นประโยชน์ต่อเรื่องจริง ในเพลงมันก็เป็นเรื่องแต่งขึ้นมาบ้าง อย่ามาหวังความจริงทั้งหมดในเพลง

ที่ผ่านมาเพลงของคุณจะมีความเป็นผู้ชาย loser มันเป็นตัวตนของคุณเลยหรือเปล่า

ความจริงเราไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ถ้าพูดตรง ๆ ก็คือเหมือนเราเรียกร้องความสงสาร ทั้งที่ความจริงเราเป็นคนที่ไม่น่าสงสารที่สุด บางเพลงที่ดูขี้แพ้มาก จริง ๆ คือเราไปทำเขา แต่เราแต่งกลับกัน ถ้าเราพูดแบบนี้คนจะยังอินกับเพลงมั้ยวะ (หัวเราะ)

แนะนำเพลงฝั่งไม้บ้าง

(นิ่งคิด) เลือกยากมากเลย เราขอเลือกสองเพลงแล้วกัน แทงหลัง กับ พลังที่หว่างขา แทงหลังเป็นเพลงแรกที่เราอยากจะทำแบบ traditional country ทำตามแบบฉบับเลย ซึ่ง Willie Nelson ศิลปินชาวอเมริกันเคยพูดไว้ว่า ถ้าเอาเพลงคันทรีมากรอถอยหลัง คุณจะกลับไปดีกับแฟน เมียของคุณจะกลับมา คุณจะเลิกเหล้า และหมาของคุณจะฟื้น เพลงคันทรีมีอยู่แค่นี้ และเพลง แทงหลัง ก็คือเพลงเมียทิ้ง ธรรมดา ๆ ตรง ๆ เลย ส่วน พลังที่หว่างขา เป็นเพลงที่เข้าใกล้เรื่องในสังคมมากที่สุด มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ เพื่อนเราซื้อมอเตอร์ไซค์มา แรงมาก เราก็ขอลอง แค่เข้าเกียร์สอง มองดูหน้าปัด มันพุ่งไป 120 กม. /ชม. ก็เลยกลายเป็นท่อน สองเกียร์ไปร้อยยี่ แล้วเราไปเจอคลิปคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีคุณแม่มาพากย์ เป็นภาพจากกล้องโกโปรบนหมวกกันน็อคของเขาปรากฎว่า เขาเกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิต เราก็เลยแต่งเพลงว่าขับระวังกันหน่อย รถ 1000 ซีซี มันแรงจริง ๆ นะ

นิยามอัลบั้มนี้ว่าอะไร

ถ้าเป็นตัวละครก็คงเป็นผู้ชายที่อกหักบ่อย ตามหาความรัก อยากเป็นกวี และเกลียดหนังสือพัฒนาตัวเอง

ฝากผลงานอัลบั้ม Wood and Steel

สามารถสั่งซื้ออัลบั้มได้ทางไลน์ WTDShop หรือทางเฟสบุ๊ก Whattheduck ดาวน์โหลดได้ที่ streaming ทุกช่องทาง ส่วนในเว็บไซต์ฟังใจน่าจะได้ฟังกันเร็ว ๆ นี้ครับ

%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%9b%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94

Facebook Comments

Next:


Teeraphat Janejai

ธีรภัทร์ เจนใจ กองบรรณาธิการ Fungjaizine ที่มักสนุกกับการเปิดเพลงในรถมากกว่าการไปคอนเสิร์ต และชอบนั่งสวนพอๆ กับนั่งบาร์