เจสซี่ เมฆวัฒนา

Article Interview

ชวน เจสซี่ เมฆวัฒนา ในบทบาทนักดนตรี คุยถึง ‘กางเกงลิงสีแดง’ ที่หายไป

  • Writer: Nattapat Suthapornpat
  • Photographer: Tas Suwanasang

เชื่อว่าหลายคนน่าจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาหนุ่มมาดเซอร์อย่าง เจสซี่ เมฆวัฒนา ในฐานะนักแสดง แถมเขายังเป็นลูกชายของ เทียรี่ เมฆวัฒนา มือกีตาร์ชื่อดังของวง คาราบาว จนล่าสุดเขาได้หันมาโฟกัสกับบทบาทในฐานะนักดนตรี และก็เพิ่งปล่อย กางเกงลิงสีแดง ซิงเกิ้ลใหม่ที่จะทำให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับดนตรีในแบบฉบับของเขา ทาง Fungjaizine เองก็ไม่พลาดที่จะเชิญศิลปินหนุ่มมาคุยอัพเดตชีวิต ตามมาอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลย

จุดเริ่มต้นในการเป็นนักดนตรี

อยากเล่นกีตาร์ครับ ตอนนั้นอายุประมาณ 11-12 ปี ก็เลยขอให้คุณพ่อ (เทียรี่ เมฆวัฒนา) สอน แต่ว่าตอนแรกคุณพ่อไม่ยอมสอนให้ เพราะว่านิ้วเรายังสั้น นิ้วยังไม่แข็งแรง จนเมื่ออายุ 12-13 ปี ถึงได้เริ่มเรียนจริง ๆ จัง ๆ คุณพ่อเป็นคนสอนให้ทุกอย่างเลย เริ่มจากพื้นฐานก่อน พวกการตีคอร์ด การวางนิ้ว

มีศิลปินคนไหนเป็นแรงบันดาลใจ

จริง ๆ แล้วผมมีแรงบันดาลใจหลายคนเลย ส่วนใหญ่จะเป็นวงเก่า ๆ หน่อย มี The Beatles ที่เป็นวงโปรด ผมชอบ George Harrison มาก แล้วก็มี The Rolling Stone ที่ฟังตั้งแต่เด็ก ๆ กับ Oasis ด้วย ที่เป็นแรงบันดาลใจตอนหัดเล่นกีตาร์ใหม่ ๆ ผมชอบเอาเพลงของวงเขามาแกะเล่นกับเพื่อนบ่อย ๆ ถ้าวงใหม่ ๆ หน่อยก็ Mac DeMarco กับ Jake Bugg ที่เพิ่งมาเล่นที่ไทยไป แต่ผมไม่ว่างไปดู (หัวเราะ)

ทำไมต้องเป็นดนตรีบลูส์ หลงใหลอะไรในแนวดนตรีนี้

ผมชอบจังหวะและลูกโซโล่ในแนวดนตรีนี้ มันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมัน แล้วพอเรามาฟังเพลงหรือโครงสร้างเพลงที่มันเป็นบลูส์ เราก็จะชอบโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้น่าจะเป็นเพราะว่าผมหัดฟัง The Rolling Stone ตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วย มันเป็นบลูส์ผสมร็อกแอนด์โรล พอเราอินกับวงเค้า เราก็เลยไปติดตามพวกประวัติศาสตร์ต่าง ๆ หรือพอเรารู้ว่าเค้าฟัง Robert Johnson เราก็เลยไปฟังตาม จากนั้นพออายุได้ประมาณ 15-16 ปี ผมมีโอกาสได้ไปเรียนที่นิวซีแลนด์ แล้วก็รู้จักกับเพื่อนคนจีนที่เป็นคนฟังเพลงเยอะมาก ทีนี้เค้าก็เลยแนะนำวงแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยฟังมาก่อน   

เห็นว่ามีงานไปเล่นให้กับหลายวงเลย ต้องแบ่งเวลายังไงบ้าง

จริง ๆ ก็ไม่ได้ดูยุ่งอย่างที่คิดครับ (หัวเราะ) ส่วนวงดนตรีนี่ผมเคยไปเล่นกับพี่ แอมมี่ The Bottom Blues มาปีนึง เล่นเป็นแบ็คอัพกีตาร์ให้พี่เขา แล้วก็มีไปทัวร์ตามที่ต่าง ๆ ด้วย  นอกจากนี้ก็มีวง ไมตรี ที่ทำมาได้สามปีแล้ว นี่ก็เพิ่งจะทำเพลงแรกเสร็จไป ถ่าย mv แบบเป็นเรื่องเป็นราว

นอกจากนี้ยังมีงานแสดงด้วย มีบทไหนที่อยากลองเล่นไหม

ใช่ครับก่อนหน้านี้ก็จะมีพวกงานแสดง เคยเล่นหนังสั้น ซีรีส์ ละคร หรือภาพยนตร์ ส่วนตอนนี้อยากลองเล่นบทผจญภัย บทมือปืน หรือบทที่มันลุย ๆ มัน ๆ หน่อย

ชอบบทบาทไหนมากกว่าระหว่างนักดนตรีกับนักแสดง

ชอบบบาทนักดนตรีมากกว่าครับ คือดนตรีเป็นสิ่งที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว แต่ตอนที่ได้เป็นนักแสดง ทำละครมันก็สนุกดีครับ ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง

ทำไมจู่ ๆ ถึงมาจริงจังกับการเป็นศิลปินเดี่ยว  

จริง ๆ แล้วผมเคยลองแต่งเพลงมาก่อนครับ แต่ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่ เคยไปเสนอให้คนนู้นคนนี้ฟัง แล้วเหมือนเพลงที่เราทำตอนนั้นมันก็อาจจะยังไม่ดีพอในมุมมองของผู้ใหญ่หรือของค่าย ก็เลยยังไม่ได้ทำซะที แล้วเราก็กล้า ๆ กลัว ๆ ด้วย คิดไว้ว่าถ้าพอเราไปอยู่ในค่ายเพลงแล้ว ค่ายจะช่วยเราได้มากกว่าในเรื่องของงาน กับเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วทีนี้ด้วยเวลาและโอกาสตอนนี้มันเหมาะเจาะพอดีครับ ได้มาอยู่ในค่ายบวกกับประสบการณ์ที่เคยไปเล่นกับวงอื่นมา

ทำไมต้องเป็นกางเกงลิงสีแดง

เพราะคำว่า กางเกงลิงสีแดง มันคล้องจองกับคำว่าแฟนครับ แรก ๆ คือเราไม่คิดที่จะแต่งเพลงออกมาในแนวนี้ คือลองเขียนเป็นอีกเรื่องนึงเกี่ยวกับพวกปรัชญาที่ไปเจอมาในหนังสือ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอิสระ ตัวตนในร่างกายของเรา แต่ว่ามันยากไป ลองมาเขียนแล้วมันเครียด ๆ แฟนของผมก็เลยแนะนำให้เขียนอะไรที่มันสนุก ๆ ดู ไม่ต้องไปคิดอะไรมากกับมัน ทีนี้ก็เลยลองเขียนแบบขำ ๆ ดูจนได้ท่อน ‘กางเกงลิงสีแดงที่แฟนซื้อให้ตอนวาเลนไทน์’ เราก็คิดว่าท่อนนี้มันเข้าท่าดี เลยลองเอามาเป็นคอนเซ็ปต์ที่เราจะเล่าเรื่องผ่านกางเกงลิง เหมือนกับเป็นตัวแทนความรักที่คนมอบให้ มันมีบางคนที่อาจจะซื้อตุ๊กตาให้กัน แต่ผมว่ามันก็มีบางคู่บ้างแหละที่แฟนซื้อกางเกงในให้กันอะไรงี้ แต่อาจจะไม่ได้มาบอกโจ่งแจ้งอะไร (หัวเราะ) (FJZ: ก็คือ ไม่ว่าของจะเป็นอะไรก็ตาม มันอยู่ที่คนให้) ใช่ครับ ในเพลงนี้ผมเปรียบเทียบสิ่งของเป็นความรัก เหมือนกางเกงลิงที่เค้าเคยให้เราเนี่ย แต่ว่าวันนี้มันโดนขโมยหายไปละ ก็เหมือนความรักของเค้าที่หายไปด้วย ตอนนี้เค้าอยู่กับใครก็ไม่รู้

เจสซี่ เมฆวัฒนา

มีกระบวนการทำเพลงยังไง

เขียนเนื้อเพลงออกมาก่อนส่วนนึงครับ แล้วก็มาแต่งคอร์ด ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนแรกเป็นคอร์ดอีกแบบนึงด้วย แต่ว่ามาเปลี่ยนทีหลัง จากนั้นก็ค่อยใส่เนื้อเพลงเพิ่ม

เพลงนี้ใช้เวลาแต่งนานไหม

ถ้าตอนแต่งจริง ๆ ก็ไม่นาน ภายในวันนั้นแหละครับ แล้วก็มาใส่คอร์ดเพิ่มประมาณ 2-3 วัน เพราะเนื้อเพลงจริง ๆ มันไม่ได้เยอะด้วย เราคิดออกตอนนั้น ก็เล่าแค่นั้นเลย

ถ่ายมิวสิกวิดิโอแบบ long take ยากไหม

ก็ไม่ยากมากครับ ส่วนที่ยากคือจะเป็นช่วงจังหวะตอนถ่าย คือจังหวะทุกอย่างมันต้องลงตัว ถ้าผิดนิดนึงก็ต้องถ่ายใหม่หมดเลย แต่ว่าตอนถ่ายจะมีพี่ แอ๊ะ (ชาติฉกาจ ไวกวี) ที่พยายามทำให้ผมไม่เครียดมาก การแสดงก็จะออกมาดูธรรมชาติ

การร่วมงานกับ Hugo

ดีมากครับ ได้เรียนรู้อะไรจากพี่เค้ามาหลายอย่าง เช่น วิธีการคิดเพลง ขั้นตอนการอัดเพลง ต้องอัดเครื่องดนตรีไหนก่อน และตอนทำงานให้ห้องอัดก็ต้องทำให้ทันเวลา บางทีเราจะเปื่อย ๆ ในห้องอัดตลอดก็ไม่ได้ ไปถึงก็ต้องตั้งใจทำงาน แล้วก็มีพวกวิธีการร้อง วิธีการทำงาน ที่มีพี่เล็กคอยคุมภาพรวมของงาน จะเน้นไปที่ภาคดนตรี พวกซาวด์ต่าง ๆ เช่น เรามีเดโม่บางอันที่ท่อนโซโล่กีตาร์มาเป็นไลน์กีตาร์ที่มีเมโลดี้สูง ๆ พี่เล็กก็จะลองเสนอให้เล่นอีกแนวดู แต่เรื่ององค์ประกอบเพลง พี่เล็กก็จะไม่ไปเปลี่ยนอะไรมาก พวกคอร์ด หรือเนื้อเพลง

ผลตอบรับเพลงนี้เป็นไงบ้าง

สำหรับผม ๆ ว่ามันโอเคนะครับ ผมลองไปอ่านคอมเมนต์ดูบ้าง มีคนบอกว่าชอบดนตรีฟีลนี้ อยากฟังเพลงอื่นอีก พอผมเห็นว่ามีหลายคนที่ชอบ แค่นั้นก็โอเคแล้วครับ คนที่ไม่ชอบก็มีบ้าง แต่ยังไม่เยอะเท่าไหร่ (หัวเราะ) เรื่องไม่ชอบนี่มันต้องมีเป็นธรรมชาติอยู่แล้วครับ

ไปร่วมกับ ME Records ได้ยังไง

ตอนนั้นพี่เล็กไปเล่นงาน ๆ นึงแล้วเจอกับคุณพ่อครับ ทีนี้ทั้งคู่ก็เลยคุยกัน แล้วคุณพ่อก็บอกว่าผมก็กำลังทำเพลงอยู่ พี่เล็กก็เลยลองชวนมาทีค่ายนี้ซึ่งพี่เล็กทำอยู่ ได้ทำอัลบั้มดำสนิท ไปแล้ว จากนั้นก็เลยนัดเจอกับพี่ ฟองเบียร์ อีกที ผมก็ลองเอาเพลงไปเปิดให้แกฟัง ซึ่งพี่เค้าก็โอเค แล้วให้โอกาสผมลองทำเพลงดู

มีแผนอยากจะทำเพลงกับคุณพ่ออีกไหม เหมือนที่เคยทำในเพลง การเดินทาง

มีครับ มีคุยกันอยู่ เป็นเพลงภาษาอังกฤษ ทั้งเพลงที่พ่อเขียน และก็เพลงที่ตัวเองเขียนด้วย อยากลองทำดู แต่ไม่รู้ว่าจะได้ทำเมื่อไหร่

เนื้อหาในเพลงต่อไปจะเป็นยังไง

เพลงต่อไปจะเป็นเพลงที่มีเนื้อหาง่าย ๆ ครับ พูดในมุมมองของคน ๆ นึงที่ไม่ได้เจอแฟนนานแล้ว แล้วเค้าก็กลับมาหาเรา จากนั้นเราก็ทักทายเค้าในภาษาของเรา ว่าเราจะคุยกับเค้ายังไง เป็นเพลงมีกลิ่นอายดนตรีโฟลก์มากขึ้น มีจังหวะจะช้า ๆ หน่อย เน้นไปที่กีตาร์โปร่ง

ศิลปินคนไหนที่ เจสซี่ เมฆวัฒนา อยากร่วมงานด้วย

ถ้ามีโอกาสก็อยากร่วมงานกับวง TaitosmitH ครับ ผมชอบเนื้อเพลงของวงเขาหลายเพลงเลย มีการพูดถึงเรื่องอิสรภาพ ไม่ต้องยึดติดกับระบบ แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านมาก เช่น ทำไมเราต้องเป็นนก เราเป็นคางคกก็ได้

คุยกับ เจสซี่ เมฆวัฒนา

ช่วงนี้ เจสซี่ เมฆวัฒนา ชอบฟังเพลงอะไร

ล่าสุดเพิ่งกลับไปฟังอัลบั้ม World Folk Zen ของลุง แอ๊ด คาราบาว แล้วก็เพลงแอมเบียนต์ที่ไม่มีเสียงร้อง ชอบเปิดคลอตอนอยู่ที่บ้าน จะชอบฟังแนว shamanic พวกเพลงอินเดียแดง

มองวงการเพลงตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

รู้สึกว่ามีศิลปินเยอะขึ้นครับ คือเมื่อก่อนนี้วงมีน้อย มักจะเป็นวงใหญ่ ๆ คนฟังเพลงกันอยู่ไม่กี่วง แต่ว่ายุคนี้คนเข้าถึงเพลงได้ง่ายขึ้น คนฟังก็จะเฉลี่ยมากขึ้น เพราะมีวงเก่ง ๆ ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ขึ้นเยอะมาก แล้วเพลงก็มีหลายแนวด้วย คนฟังสามารถเลือกได้เองว่าจะฟังอะไร

มีงานคอนเสิร์ตหรือมิวสิกเฟสติวัลไหนที่อยากไปเล่นไหม

อีสานเขียวครับ จริง ๆ แล้วเคยไปกับพี่ แอมมี่ มาแล้วรอบนึง ผมชอบบรรยากาศในงาน

เห็นว่าได้ไปงานพันธ์ุบุรีรัมย์เมื่อเดือนก่อนมาด้วย มีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องกัญชาในตอนนี้

(หัวเราะ) กัญชามันก็เป็นยาครับ แต่ว่าต้องรอให้ถูกกฏหมายจริง ๆ จัง ๆ ก่อน เราก็รู้กันอยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง แต่ช่วงหลัง ๆ นี้ก็มีแพทย์ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เยอะขึ้น จากแต่ก่อนผู้ใหญ่คิดว่ากัญชามันไม่ดี ไม่เอาเลย กลายเป็นเดี๋ยวนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ก็มีส่งลิ้งค์ข่าวที่เป็นแพทย์พูดถึงประโยชน์ของกัญชาในกรุ๊ปบ้าง ผมคิดว่ามันก็ดีครับ เพราะว่ามันเป็นสมุนไพร มันอยู่ที่คนใช้

ฝากผลงานหน่อย

ก็ฝากติดตามเพลงกางเกงลิงสีแดง ด้วยครับ ตอนนี้ฟังได้ใน Youtube แล้ว หรือตามตามผมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก Jesse Mekwattana

Facebook Comments

Next: