มหกรรมดนตรีครบรอบ 16 ปี Panda Records
- Writer and Photographer: Montipa Virojpan
31 ตุลาคม 2558
น่าจะเป็นอีกคอนเสิร์ตที่หลายคนน่าจะรู้สึกอิน มีส่วนร่วม และผูกพันมาอย่างยาวนาน กับ มหกรรมดนตรีครบรอบ 16 ปี Panda Records ที่มีศิลปินจากค่ายหมีมารวมตัวกันอย่างคับคั่ง ตั้งแต่วงยุคบุกเบิกที่กลับมารวมตัวกัยอีกครั้งหลังจากห่างหายจากการแสดงสดหรือไม่มีผลงานใหม่ออกมา รวมถึงวงใหม่ ๆ ที่ฝีมือค่อย ๆ พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ต่างขนโชว์พิเศษมาให้เราฟัง เต้น และร้องตามกันอย่างจุใจในวันนี้
ประมาณห้าโมงเย็นที่เรามาถึงโรงภาพยนตร์ธนบุรีรามา จรัญสนิทวงศ์ ก็ได้ทราบมาจากเพื่อนที่มาถึงงานก่อนแล้วว่า Free Typewriter, Stand Up Please และ Philosopher Brothers เล่นจบไปแล้ว จะร้องไห้ คือตอนนั้นรถติดมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำให้พลาดการแสดงของทั้งสามวงไปอย่างน่าเสียดาย แต่เราก็มาทัน Handicat จากคราวก่อนที่ตั้งใจจะดูที่งาน Melody of Life ซึ่งก็พลาดไป หนนีเลยเหมือนได้มาแก้ตัว เราเข้ามาทันในเพลงที่ร้องว่า เธอ…มันจริง ๆ คือเวอร์ชันล่าสุดที่ได้ฟังเมื่อสองปีก่อนกับตอนนี้คือต่างกันมาก ซาวด์แน่นกว่ามาก เท่มาก จะ electro clash หรือ 8 bit อะไรก็ใส่มาให้หมด เพลงสองนี่โหดมาก ที่มีท่อนนึงร้องประมาณว่า สัญชาตญาณดิบ ทั้งเดือด และปั่นมาก บางท่อนมีความเป็น world music เล็ก ๆ แอบมี dubstep อีก บีทหนึบและเท่กว่าในช่วงแรก ๆ ที่จะติดความมุ้งมิ้งมาก และงานนี้คือเล่นสดดีขึ้นมากๆ และยังได้เล่นเพลงใหม่ชื่อ Gorgeous ที่จะมารวมอยู่ในอัลบั้ม compilation 16 ปี แพนด้า บอกไว้เลยว่านี่ก็เดือดดุอีกเหมือนกัน ซาวด์ทำลายล้าง ท้ายเพลงคือกลองที่สุดจะมีสไตล์ บวกกับนอยซ์หลุด ๆ กีตาร์ก็มาแบบร็อคนัว ๆ เลย คีย์บอร์ด ซินธ์ อะไรต่าง ๆ ก็แน่นอนมาก กับเสียงร้องแอบเมาหน่อย ทั้งหมดนี่เหมือนจะไม่เข้ากันแต่กลายเป็น great combination เฉย สนุกมาก
Handicat
ต่อกันที่ The Temporary Channel ที่มาเดี่ยวกีตาร์แค่สามเพลงมาเล่นแบบ acoustic กลิ่น brit pop ยุค 90s รุนแรงมาก ขณะเดียวกันก็มีความ psychedelic rock ดิบ ๆ อยู่ด้วย สำหรับเพลงสอง Our Night นี่เหมือนเป็น Jack Johnson ผสมกับ Red Hot Chilli Pepper ที่มีความ grunge ส่วนเพลงที่สามอย่าง Summer นี่มีไลน์กีตาร์ที่เท่มากอีกแล้ว ฮือ กลับมาบ้านลองไล่ฟังงานเก่า ๆ กูบ่นอุบว่าเราพลาดวงนี้ไปได้อย่างไร
The Temporary Channel
จากนั้นก็เป็น Rocket Science อีกโปรเจคของ ป๊อก วรรณฤทธิ์ พงศ์ประยูร กับเพลง alternative grunge rock สามชิ้นชนิดเดือดขั้นรุนแรง วันนี้พี่ป๊อกดูอารมณ์ดี บอกว่านอนไม่ค่อยพอ ระหว่างโชว์ก็บอกว่ามีคนโทรเข้ามา ใครไม่รู้ แล้วหยิบโทรศัพท์มาจิ้ม ๆ กลางเวที แล้วแอบแซว ๆ ว่าตัวเองเปนวงใหม่ ได้มาเล่นงานนี้รู้สึกเป็นเกียรติ น่ารักเป็นกันเองมาก แซวอีกว่าสมาชิกแต่ละคนเป็น Pok Cobain, Bob Grohl แต่มี Boy Lomosonic มาได้ไงไม่รู้ เพลงที่เล่นวันนี้ก็น้อง ๆ Nirvana เลย มีเพลงชื่อขึ้นต้นว่า Smells Like… ได้ไลน์มาปรับ ๆ แต่เพลงมีความมุ้งมิ้งกว่า ทว่าตอนเล่นนี่เดือดไปหมด ดีมาก กับเพลงใหม่ที่มีการร้องหลบเสียงกวน ๆ ด้วย ดีงามมมมม ส่วนเพลงที่สามก็เป็นอีกเพลงใหม่ พี่ป๊อกว่าดนตรีเสร็จแล้วแต่ทั้งเพลงยังไม่เสร็จดี เอาเป็นว่าแค่นี้ไลน์เบสเดินหนึบหนับเนิบนาบเท่มาก ส่วนเพลงที่สี่นี่รุนแรงมาก สนุกจริง มีคนลุกจากที่นั่งมา tackle หน้าเวที โดดขึ้นเวทีก็มี เพลงนี้จะร้องโวยวาย ๆ inner แรงมาก ขอใช้คำว่า eargasm เพราะซาวด์เข้าขั้นทำลายล้างจริง
Rocket Science
ถึงคิวของ Triggs & the Longest Day garage rock สนุก ๆ ที่มีคนออกมาโดดโลดเต้นกัน น่ารักมาก เล่นแน่นดีวันนี้ เพลงสุดท้ายกีตาร์ดีงามมาก ตลกที่มีคนโวยวายแซวกันเองตลอดเวลา เป็นภาพคุ้นชินที่อบอุ่นที่เราจะได้เห็นบ่อย ๆ จากแก๊งแพนด้านี่แหละ
Triggs & the Longest Day
และเป็น Damnwrong สังเกตว่างานนี้เป็นงานที่นักดนตรีไปช่วยกันเล่นวงนั้นวงนี้เยอะมาก แนท Summer Dress โดดจากอีกวงมาเล่นให้ต่อ งานชุกจริง ๆ นอกจากนี้ก็มี แปม Summer Dress หนุ่ย Triggs/ Sticky Rice ปุณ Handicat โดยเพลงแรกมาในเพลง รักที่ไม่คุ้นเคย ต่อด้วย หยุดฝัน โห ไม่คิดว่าจะได้ฟังเพลงนี้ พอเพลงเข้าช่วงที่เป็น full band แล้วดนตรีเท่มาก ๆ จากนั้นก็เป็นเพลง ใจเราเป็นของกันและกัน คีย์บอร์ดนี่เสียงได้มาก ปิดท้ายด้วยเพลง Darwin Song ที่เราเคยเขียนแนะนำลงเห็ดใหม่ เพิ่งทราบในงานนี้ว่าแต่งให้ลูก น่ารักจัง แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวเสียงแกว่งนิด ๆ อาจจะห่างจากการเล่นสดไปนานเลยไม่ค่อยนิ่ง
Damnwrong
ตอนนี้เป็น Bear Garden ได้ Ben Edward กับ พุท Wednesday มาช่วยเล่นกับเพลงแรก La La is Love เพลงน่ารักตามสไตล์ ส่วนเพลงสองลดความงุ้งงิ้ง กับมีความหนึบหนับมากขึ้น จนถึงตอนนี้เริ่มเสี้ยน ขอออกมาพักดื่มเบียร์สักครู่นะครับ
Bear Garden
พอจัดการตัวเองเรียบร้อยก็เข้ามาเจอ Plastic Section Rock N Roll มัน ๆ ที่มี แก๊งแพนด้าออกมาเต้นกันแบบลืมเหนื่อย มีเพลงนึงที่ไลน์กีตาร์กับเบสหนึบดีมาก แบบโดดออกมาเลย เสียงจะหน่วง ๆ หน่อย พี่ป๊อกมาแจมเมโลเดียนกับแทมบูรินกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ ส่วนมือเบสสาวแต่งตัวเข้าธีมฮาโลวีน พี่พุทมาช่วยตีกลอง อีกเพลงนึงกลิ่น blues เดือดมากกกก จบด้วยการโซโล่รัวกลองทิ้งให้ความเงียบเกาะกุมโรงหนังไปชั่วขณะก่อนจะตามมาด้วยเสียงโห่ร้องอย่างสะใจของแฟนเพลง
Plastic Section
19.20 น. ได้เวลาของ Monomania ไลฟ์วงนี้แทบจะดีตามมาตรฐานจนยากจะมีอะไรติ แต่ด้วยวันนี้ที่เล่นคือโรงหนัง ซาวด์อื้ออึงเลยจะได้เปรียบในความเพราะเป็นพิเศษ แรกสุดก็มากับกลองอินโทรที่หนักหน่วง นำเข้าสู่เพลง สาวน้อยหมวกแดง กีตาร์หลอนเสียงแต๊วแหน่วดีงาม ส่วนเพลง Cancer นี่ เคว้งคว้างล่องลอยมาก กีตาร์เพลงนี้กับ reverb mic คือดี กลองก็ดีมาก และเพลงใหม่ชื่อ โปรด อยุใน compilation 16 ปี กลิ่น dream pop ผสม psych ช่วงท้ายเพลงนี่ก็ brit pop สายเดียวกับ Blur เบสมันมาก แล้วจึงเป็นเพลง ภาพฝัน ที่ยังเล่นได้ดี และจากกันไปด้วย รุ้งสีเทา กับอินโทรกีตาร์โปร่งหล่อ ๆ เลย งดงาม ๆ
Monomania
และนี่น่าจะเป็นอีกโชว์ที่หลายคนรอคอย เมื่อ The Sticky Rice จะได้ เล็ก สุรชัย กิจเกษมสิน หรือ เล็ก วงพราว มา featuring ทีแรกเรานึกว่าจะได้ฟังเพลงของพี่เล็กในสไตล์ dub หรือ raggae style กับเขาบ้าง แต่แท้จริงก็เป็นเพลงของ The Sticky Rice ที่ได้พี่เล็กมาแจมกีตาร์ด้วยเฉย ๆ แต่โชว์นี้เป็นโชว์ที่สนุกนะ เมื่อพี่ปุ๊กเชิญคนดูลุกมาจากที่นั่งแล้วมาร่วมดิ้นดั๊บ ๆ กันหน้าเวที มีเพลงนึงที่พี่ปุ๊กแต่งให้ลูกสาวที่อยู่อเมริกา ดีมาก กีตารืปั่นมาก ตอนนั้นคร่ำครวญว่า โอ่ยยยจะตาย หนึบมาก
The Sticky Rice
อีกวงที่เล่นสดได้สนุกและถึงเครื่องอย่าง Abstraction XL มาครั้งนี้ก็เล่นเพลงใหม่เป็นเพลงแรก เรียกคนดูออกมาเต้นกันได้เยอะมาก ส่วนเพลงสองโหดอยู่ มีท่อนที่ร้องว่า กุสะลา ธัมมา ปลงตกเลยฉัน แล้วจึงเล่นเพลงเก่าอย่าง No GPS และ ที่ผ่านมา พี่ลี่มีท่อนร้องโหยหวนเพราะมาก ส่วนตอนหลังก็ลงไปกรีดร้องกับพื้น เวิร์คอยู่ ๆ ฟีลได้มาก
Abstraction XL
และวันนี้ Basement Tape ที่ช่วงนี้หายหน้าไปนานกับการเล่นสดในฐานะวงนี้ มีเพลงโปรดทั้ง Circle กับ Bridget Riley Complex มาเล่น น่ารัก โจ๊ะ ๆ ตบมือกันสนุกล่ะ ส่วนเพลงใหม่ก็มันมากมีคน surf กันด้วย
Basement Tape
ถึงคราวของ Red Twenty กับลีลาการเล่นที่เราไม่เชื่อว่านี่คือวงที่อยู่กันมานานแล้ว ดูสดใหม่ ดีดดิ้นทรงพลังมาก ความพีคคือพี่แบงค์นักร้องนำใส่ headset คือปกติมากสุดเราจะเห็นนักร้องถือไมค์ใช่ปะ เออ อันนี้สุด ในเพลงแรกคือ Rolling Like The Stones ต่อด้วย Just Like A Butterfly brit pop จ๋า ๆ แต่ใส่การกรีดร้องคำรามดีงามจริง ส่วนเพลงสามนี่มาสไตล์แบบพังค์ The Runaways มาก
สุรชัย กิจเกษมสิน
ต่อด้วย Hariguem Zaboy dream pop, shoegazer จัด ๆ ที่วันนีก็เล่นเพลงจากอัลบั้มแรกและอัลบั้มใหม่ รวมถึงเพลงรวมอัลบั้ม 16ปี ได้แก่ Medicine, Tender Mind ส่วนเพลงใหม่นี่ได้กลิ่น dream pop รุนแรงกว่าที่ผ่านมา อยากจะรอฟังในไลฟ์ครั้งต่อ ๆ ไปแล้วเหมือนกัน บอกไว้ก่อนว่าชุดใหม่ของพวกเขานี่ไม่ธรรมดาแน่นอน
Hariguem Zabo
เหมือนมาเป็นแพคคู่ที่ถ้าอีกวงเล่นจบก็จะต้องขึ้นต่อกัน Summer Dress วงที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดวงหนึ่งจากที่เราฟังพวกเขาในอัลบั้มแรก กับห้าเพลงชุดใหม่ที่ปล่อยมามีความล้ำแบบก้าวกระโดด ทั้งเพลง Synthesizer, Sunny Talk ที่ performance หนนี้ดีขึ้นมาก ๆ กับอีกเพลงที่ไม่เคยฟังที่ไหนมาก่อนชื่อ The Beatles Fever คือกีตาร์กรุ๊กกริ๊ก ๆ น่ารักมาก ต่อด้วย Sound Scape ที่เบส กลอง และกีตาร์พี่แนท รวมถึงซินธ์ หรือกีจาร์เองก็เรียบเรียงมาดีมาก มีเครื่องเป่าอะไรมาใส่ด้วย แถมติดกลิ่น shoegaze อีก แบบ โอ้โห เปิดโลกมาก ก่อนจะมี encore จากคนดูที่โวยวายอยากเต้นไปกับเพลง แพ้ทอม ซึ่งทางวงก็จัดให้แต่โดยดี แบบนี้ก็เต้นยับสิครับ
Summer Dress
จบจากตรงนี้เราก็ได้ดู Stylish Nonsense เล็กน้อย คือรีบกลับเพราะกลัว BTS จะหมดแล้วค่ารถจะบาน ความทุกข์ของคนบ้านไกลจริง ๆ แต่รอบนี้พี่จูนไม่มาตีกลองให้นะ มีใครไม่รูใส่กล่องที่แปะหน้าพี่จูนไว้ที่หัว แต่เป็นมิติใหม่ของวงเหมือนกันที่จะได้ลองไลน์กลอง improvise ที่ต่างออกไป
Stylish Nonsense
น่าเสียดายถึงตอนนี้ต้องขอกลับก่อน อยากฟัง Kinetics เล่นเพลงใหม่อย่าง Sanchez แบบสด ๆ รวมทั้ง Chladni Chandi ที่ก็เพิ่งปล่อยเพลงใหม่อย่าง อนาคตรัศมี ที่พีคเว่อวัง สำหรับภาพรวมของงานคือประทับใจมากเลยแหละ ทั้งตัวสถานที่ที่มันให้กลิ่นอบอุ่นกันเองแบบแปลก ๆ เสียตรงที่แอร์ไม่ค่อยเย็น ไม่มีที่จอดรถ และต้องเดินทางไกลมาก ส่วนงาน sound & lighting เราขอชมเลย คือถึงจะเล่นน้อยแต่โหดมาก ยิ่งแสงให้เกิดเป็นเงาภาพซ้อนให้กระทบบนจอหนัง แล้วกระพริบตามจังหวะเพลง คือถ้าตอนนั้นเมา ๆ อยู่นี่ฟีลคงถึงแน่ ๆ อย่างช่วง Handicat บางพาร์ทของเพลงมีความหนืด โอ้โห เมาหนัก หรือการยิงแสงแข็งซ้ายขวาสลับให้เกิดเงาวนไปเรื่อย ๆ คือมันมาก ส่วนระบบเสียงในโรงหนังคือเหมาะจะเอามาจัดคอนเสิร์ต คือพิสูจน์มาแล้วตั้งแต่งาน Happening @ House RCAว่าเสียงมันอื้ออึงถึงอารมณ์จริง ๆ แล้วก็อย่างที่บอก คนกลุ่มนี้ไม่มีวางมาด หรือเก็กเป็นศิลปินใหญ่โตอะไรเลย เราชอบความเป็นกันเองที่พบเจอได้เสมอเวลาอยู่ท่ามกลางครอบครัวแพนด้า งานนี้เลยเหมือนเป็นงานเลี้ยงรุ่น งานรวมก๊วนเพื่อน ๆ ที่คุ้นหน้าคุ้นตา มันอาจจะไม่เพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องได้ความสุขกลับบ้านจากงานนี้แน่นอน ขอแสดงความยินดีกับ 16 ขวบที่แข็งแรงของ Panda Records หวังว่าเราจะโตไปด้วยกันแบบนี้อีกนาน ๆ นะ