Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

เคลิบเคลิ้มไปกับโลกดนตรีแห่งความฝันในแบบฉบับของ ALVVAYS

  • Writer:Nattapat Suthapornpat

จบลงไปแล้วกับงาน ALVVAYS Live in Bangkok เมื่อคืนนี้ ทางวงขนเพลงมาให้ฟังกันแบบจุใจ พร้อมพาเราไปท่องในโลกแห่งดนตรีดรีมป๊อปอันหวานหยดเยิ้มของพวกเขา 

งานเมื่อวานนี้จัดที่มูนสตาร์ สตูดิโอ มี Gym and Swim กับ Safeplanet สองวงเจ้าบ้านเป็นวงเปิด มาวอร์มเครื่องให้เราก่อนไปพบกับวงหลัก ซึ่งทาง Gym and Swim ขนเพลงฮิตมาบรรเลงให้อย่างจัดเต็ม แถมมีเปิดประเดิมเพลง FIFA 20 ที่ทางวงเพิ่งปล่อยออกไปไม่นาน ส่วนทางด้าน Safeplanet ก็ฟอร์มดีเหมือนเดิม ไม่ว่าพวกเขาจะเล่นที่ใด ก็จะมีแฟน ๆ คอยตามมาดูพวกเขาเสมอ โดยรอบนี้พวกเขาหยิบ ข้างกาย เพลงใหม่มาเล่นให้ฟังกันสด ๆ ด้วย

Alvvays

พอทั้งสองวงเล่นจบ คนดูก็พากันออกไปเข้าห้องน้ำห้องท่า และซื้อเบียร์กันตามอัธยาศัย ก่อนจะกลับมาในฮอลใหม่อีกครั้ง เราก็พบว่าบรรยากาศในนั้นเต็มไปด้วยหมอกควัน ขมุกขมัวเหมือนล่องล่อยอยู่ในฝัน ส่วนคนดูก็เริ่มหนาตาขึ้นมากว่าเดิมแล้ว จากนั้นเวลาประมาณสามทุ่มนิด ๆ สมาชิกวง ALVVAYS ทั้งห้าคนก็ตบเท้าขึ้นมาบนเวที พร้อมตอนรับแฟน ๆ ของพวกเขาด้วย Hey เพลงจังหวะปั่นป่วนสนุก ๆ ชวนให้ดีดดิ้นกันตั้งแต่เพลงแรก แล้วจากนั้นก็ได้ยินเสียงอินโทรที่มีดนตรีสดใสกับไลน์เบสพุ่ง ๆ เป็นอันรู้กันว่าถึงคิวของ Adult Diversion ในช่วงนี้ไฟบนเวทีเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินน้ำทะเล ทำให้เรานึกถึงมิวสิกวิดิโอเพลงนี้ที่มีฟุตเทจตอนทางวงไปเที่ยวทะเลกันด้วยAlvvays

ต่อมาเป็น In Undertow หนึ่งในเพลงโปรดของเรา มาพร้อมซาวด์กีตาร์พร่ามัวแบบชูเกส แต่ก็ใส่ความป๊อปเพิ่มความกลมกล่อมลงไปด้วย พอถึงท่อนฮุกแล้วได้ร้องท่อน ‘There’s no turning back’ ออกมาดัง ๆ เป็นอะไรที่สะใจมาก ใครที่มีเรื่องแย่ ๆ ในอดีตเก็บไว้ในใจ ก็อยากให้ทิ้งมันไปพร้อม ๆ กับเพลงนี้เลย ไม่ต้องหันกลับไปคิดถึงมันอีก พอจบเพลงนี้ทางวงก็ประเคน Plimsoll Punks เพลงที่มีเมโลดี้สดใส อัดแน่นไปด้วยเสียงคีย์บอร์ดแสนละมุน คลอไปมากับเสียงกีตาร์ซู่ซ่าและจังหวะกลองล่องลอย หลังจากนั้นทางวงก็หยิบเพลงที่มีจังหวะขึ้นมาสักนิดด้วยการเล่น Lollipop (Ode to Jim) แล้วต่อด้วย Not My Baby ตามมาติด ๆ ชอบไลน์กีตาร์สว่างไสว กับเบสหนึบ ๆ ในเพลงนี้ พอผสานเข้ากับเสียงร้องของ Molly นักร้องนำ ทำให้กลายเป็นเพลงที่เล่นสดแล้วมีเสน่ห์มาก ๆ ทำเอาเราโดนตกไปเลย 

แล้วก็ต่อด้วย Interlude สั้น ๆ เพื่อเชื่อมเข้า Forget About Life อีกหนึ่งแทร็คจากอัลบั้ม Antisocialites เป็นเพลงช้าซึม ๆ ชวนให้อินไปกับท่วงทำนองแสนเศร้า ในเพลงนี้ Molly วางกีตาร์ลง แล้วหันมาโฟกัสกับการร้องอย่างเต็มที่ ต่อมาเป็น Your Type แทร็คเนื้อหาประชดประชันที่มาพร้อมซาวด์ดนตรีร็อกแบบ lo-fi แถมตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของเพลงร็อกยุคเก่า ๆ แล้วทางวงก็ผ่อนจังหวะลงอีกครั้งด้วยการเลือกที่จะเล่น Ones Who Loves You เพลงที่ให้ความรู้สึกสุขปนเศร้าเคล้าน้ำตาในเวลาเดียวกัน เสียงร้องหลบของมอลลี่ในช่วงท้ายเพลง จับคู่กับซาวด์กีตาร์ดิบ ๆ เป็นอะไรที่ลงตัว เล่นสดออกมาเพราะจับใจเราสุด ๆ ต่อด้วย Divine Hammer ที่ทางวงคัฟเวอร์เพลงต้นฉบับของ The Breeders (วงของ Kim Deal จาก Pixies นั่นเอง) ถือว่าเลือกเพลงได้เข้ากับคาแร็คเตอร์ของวงมาก 

จากนั้นก็เป็น Atop A Cake เพลงจังหวะฉับไวที่ต้องมนต์เราด้วยซาวด์กีตาร์หวาน ๆ วนไปวนมา (จบงานนี้ถึงกับต้องหยิบเพลงนี้มาฟังซ้ำ) แล้วก็หยิบของ Echolalia มาเล่น เป็นแทร็คดรีมป๊อปฟุ้ง ๆ เพื่อเชื่อมเข้าเพลง Archie, Marry Me แบบต่อเนื่อง ด้านคนดูก็พร้อมใจกันร้องอย่างสุดเสียงในท่อน ‘Hey, hey, marry me, Archie’ แล้วต่อมาเราก็ได้ยินเสียงทำนองอันคุ้นเคย ได้เวลาของ Dreams Tonite อีกหนึ่งเพลงฮิตที่คนดูช่วยกันร้องท่อน ‘If I saw you on the street, would I have you in my dreams tonight, tonight?’ ในเพลงนี้มีแสงไฟพุ่ง ๆ มาจากด้านหลังของสมาชิกทั้งห้า เป็นภาพที่งดงามมากจนทางวงถึงกับเอ่ยปากชมตอนเล่นเพลงนี้เสร็จ แล้วก็ต่อด้วย Party Police ที่มีเมโลดี้สุดติดหู ประทับใจซาวด์คีย์บอร์ดของ Kerri MacLellan ตอนช่วงท้ายเพลงมาก ก่อนจะตามมาติด ๆ ด้วยเพลงสุดคลาสสิกอย่าง Next of Kin พอจบเพลงทางวงก็ลงจากไปเวทีไปเป็นช่วง Encore แต่คนดูช่วยกันปรบมือส่งเสียงเรียก จนสมาชิกทั้งหมดขึ้นเวทีมาอีกรอบ ก่อนจะเล่น Saved By A Waif ปิดโชว์ไปได้อย่างงดงาม

อีกอย่างที่อยากชมคืองานนี้จัดตารางเวลาได้ดีเลย ทำให้งานเลิกค่อนข้างไว ประมาณสี่ทุ่มนิด ๆ ใครที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถกลับบ้านด้วย MRT หรือ BTS กันได้ตามสะดวก และสำหรับใครที่สนใจงานจากผู้จัด Be Here Now อีก งานหน้ายังมี Two Door Cinema Club วันที่ 13 สิงหาคม ซื้อบัตรไปดูกันได้จ้า 

Facebook Comments

Next: