Awkward Relationship with Stylish Nonsense and Plern Pan Perth
- Writer and photographer : Montipa Virojpan
7 ตุลาคม 2559
น้อยครั้งมากที่เราจะมีโอกาสไปงานเปิดนิทรรศการแสดงงานศิลปะ เพราะปกติก็จะไปช่วงกลาง ๆ ของงานที่จัดแสดงไปแล้ว นี่ก็นับเป็นครั้งที่สองได้ หลังจากที่ครั้งแรกไปงานของ Practical Studio ที่ The Jam Factory หวังจะได้ดูโชว์สดของ The Black Codes ประกอบการเต้นบัลเลต์ร่วมสมัยแต่ก็พลาดหวังไป
จนรอบนี้ได้แก้มือที่นิทรรศการ Awkward Relationship งานแสดงผลงานครั้งแรกของ เต้ – ภาวิต พิเชียรรังสรรค์ ศิลปินหน้าใหม่อีกคนที่น่าจับตามอง (สารภาพว่าเราเพิ่งฟอลโลวอินสตาแกรมของเขาเมื่อวานนี้เอง และได้รู้ว่าเขาเคยเป็นศิลปินสาย street art มาก่อนด้วย) กับงานที่เลือกสีสันมาใช้ได้น่ารัก ภาพของเขาดูสนุก เปี่ยมสุข มีอารมณ์ขัน หรือบางภาพก็ให้อารมณ์เงียบเหงา มึนงง เฉื่อยฉา ผ่านลายเส้นสไตล์ doodle อันมีเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตประจำวันหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพวาด งานเพนต์ อนิเมชัน หรือลายมือของเขาเอง โดยเจ้าตัวใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการสร้างงานเซ็ตนี้ขึ้นมา
ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจในงานเปิดนิทรรศการครั้งนี้คือมีการแสดงดนตรีจาก Stylish Nonsense, Plern Pan Perth และ MM Kosum รับหน้าที่ดีเจ โดยโชว์ที่สองจะมีการวาดภาพประกอบเพลงด้วย
เวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง คนที่ขึ้นไปดูนิทรรศการชั้นบนก็เริ่มเดินลงมา ประกอบกับคนที่เข้ามาใหม่ก็ตามมาสมทบจนแน่นร้านวงแรกอย่าง Stylish Nonsense ก็ขึ้นแสดงพอดี พวกเขามาพร้อมกับดนตรีแนวทดลองชวนหัวแบบที่แฟน ๆ วงนี้คงคุ้นเคย แต่โดยส่วนตัวเรารู้สึกว่าโชว์ของ Stylish Nonsense เข้าถึงง่ายขึ้นมาก ความมีจังหวะและทำนองที่ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก เต้นตามได้ บางเพลงมีบีทฮิปฮอปเท่ ๆ ลูปกลองและซินธ์ที่มีสัดส่วนแน่นอนขึ้น รวมถึงเพลงที่เป็นอิเล็กทรอนิกฟุ้ง ๆ ลอย ๆ เมโลดี้สวย ๆ ก็มีให้ฟังกัน หรือบางเพลงก็ทำให้รู้สึกถึง Thom Yorke หรือ Damon Albarn
แต่ในความฟังง่ายขึ้นนี้ก็ยังไม่ทิ้งความดิบของคีย์บอร์ดซินธ์คู่ใจพี่ป๊อกหรอกนะ อ้อ หนนี้พี่จูนหันมาเล่นดรัมแมชชีนแทนกลองชุดล่ะ ช่วงที่โซโล่เพอร์คัชชันก็ยิ่งเท่ขึ้นเป็นพิเศษ เลยเป็นสีสันที่ค่อนข้างใหม่สำหรับเราในการดูโชว์ของวงนี้ ซึ่งเพลงสุดท้ายพวกเขาก็เซอร์ไพรส์เราด้วยซาวด์แบบดนตรีเทคโน เต้นสนุกมาก แต่คนดูยังเหมือนเครื่องไม่ติดดีคงต้องรอให้กึ่ม ๆ กันอีกสักพัก
รอได้สักพักนึง จอโปรเจกเตอร์ก็ทำงานพร้อมกับ Plern Pan Perth หรือ พีท จริญตนาใก เริ่มปรับจูนคลื่นวิทยุแบบแรนด้อมสุด ๆ ทั้งเสียงโฆษกรายการที่ทิ้งท้ายช่วงด้วยเพลงเมกกะแดนซ์ ผู้ประกาศข่าวที่รายงานลวดลายของนักเตะไทย-อิหร่าน ตอนนั้นเองที่เต้ ภาวิต ก็ live painting ไปพร้อมกับเสียงคลื่นแทรก ซาวด์วุ่นวาย เกรี้ยวกราด ภาพที่ออกมาจากปลายดินสอของเขายุ่งเหยิงไปหมด จนจบช่วงนี้คนดูบางคนอาจจะยังปรับตัวไม่ทัน แต่กลับกัน เรารู้สึกตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ ในโชว์ของพวกเขา จนมาต่อที่เพลง Love From Northeast ที่ร้องวนว่าคึดฮอดเจ้าหลาย ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพคนกำลังยืนพายเรือ ให้ความรู้สึกชนบทตามฟีลของเพลง แล้วจึงเป็นเพลง Vela เพลงสุดละมุนในอัลบั้มของพีท ที่เต้บรรยายมันออกมาผ่านภาพของห้วงแห่งรัก พาร์ตนี้ของโชว์เลยดูโรแมนติกเอามาก ๆ
ต่อด้วย Baan ที่คราวนี้ภาพค่อนข้างจะดูหลากหลาย ทั้งบ้าน คนถือต้นไม้วิ่งเข้าหามวลเมฆ คู่รักนอนกอดกัน หรือคำที่เขียนว่า Be As You Are จากนั้นพีทก็เริ่มเปลี่ยนคลื่นวิทยุไปเรื่อย ๆ จากเพลงจีน ไปจนถึงคลื่นเพลงป๊อปที่ดึงเอาท่อนโซโล่สุด cheesy มาใส่ลูปเข้าไป แล้วปรับคลื่นความถี่เสียงสูงต่ำของเพลงจนหนืดย้วยเป็นที่พอใจ ก่อนที่เขาจะอิมโพรไวส์ด้วยเสียงร้องแหลมสูง พาร์ตนี้ประทับใจเรามาก กวนประสาทดีมาก แล้วพีทจึงหยิบกีตาร์มาบรรเลงพร้อมกับบีทดนตรี chill out ภาพที่วาดออกมาก็เป็นครอบครัวสามคน พ่อ แม่ ลูก หญิงสาวทัดดอกไม้เอนกายสบายใจ
จนมาถึงช่วงที่พีคสุดในโชว์ที่เราได้ดูคือเหมือนตอนนี้โปรเจกเตอร์ดับไปพอดี ช่างภาพเลยต่อกล้องเข้ากับจอแล้วถ่ายงานของเต้ออกมาในมุมที่แปลกออกไป ในแง่ดีคือเท่มากเพราะสามารถปรับโหมดแสดงผลของกล้อง หรือสามารถปรับโฟกัส หมุนกล้องได้ตามใจชอบ ด้านพีทก็สุ่มเอาการออกอากาศวิทยุรายการหนึ่งมาเป็นลูป เนื้อความที่จำได้ไม่ค่อยแน่ชัด ประมาณว่า “เพลงของเขาน่าสนใจและคงดีถ้าได้หยิบไปทำเป็นเพลงออเคสตร้า” แต่สิ่งที่พีททำออกมาเหมือนเป็นการยั่วล้อที่ดีมาก ๆ เอามาทำเป็นนอยซ์ เหมือนคนพูดพล่าม แล้วพีทก็เริ่มคำราม
ภาพที่วาดอยู่คือพีทแหกปาก ยิ่งคำรามดังขึ้น ลายเส้นยึกยือที่เหมือนพีทกำลังพ่นไฟก็ยิ่งพุ่งมากขึ้น จนถึงจุดพีคสุดคือกระดาษขาด ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมาเพราะมันดูเป็น expression ที่สะใจดี จนเพลงท้ายสุดที่เราได้ฟังก่อนจะกลับก่อนคือเพลงที่มีทั้งแคน ขลุ่ย และกีตาร์ เล่นออกมาในแนวฮิปฮอป เต้ตรงมาหาคนดูพร้อมโกยกระดาษให้ บอกว่า “ช่วยกันฉีกแล้วโยนเลยครับ” เราก็ทำแต่โดยดี และรู้สึกว่าโชว์สนุกขึ้นเรื่อย ๆ ตามบีทของเพลงและภาพที่เขาวาด เหมือนทั้งสองคนสามารถสื่อสารผ่านเสียงเพลงและภาพวาดถึงกันได้อย่างดี
สิ่งดีงามในงานนอกจากผลงานของเต้และโชว์ของศิลปินมากฝีมือทั้งสองวงก็คือ มีการจำหน่ายภาพวาดของเต้ที่จัดแสดงอยู่ในขนาดและราคาที่แตกต่างกันไป และที่ประทับใจที่สุดจริง ๆ เลยคือใครมาก่อนก็จะได้คราฟต์เบียร์ homebrew Australian Summer Ale ไปจิบกันคนละแก้ว เบียร์บอดี้เบา รสเข้ม กลิ่นดอกฮอปจาง ๆ มาพร้อมความขมสัมผัสทั่วลิ้น แต่เมื่อกลืนลงไปแล้วกลับไม่หลงเหลือรสชาติเบียร์อยู่เลย อาจจะไม่ดีในแง่ความสุนทรีย์ของการละเมียดจิบเบียร์ แต่ก็เหมาะกับการดื่มให้สดชื่นในเวลาหลังเลิกงานมากทีเดียว
ระเห็ด เตร็ดเตร่ รอบหน้า เตรียมพบกับเห็ดสด 4 กันได้เลย!