Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Big Day Coming การกลับมาเจอกันของ Little Fox และ Yellow Fang กับอีก 4 วงร็อกสุดในรุ่น

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Tas Suwanasang and Montipa Virojpan

ฟื้นแล้วจ้า! พอดีว่าเมื่อคืนไปเป็นหนึ่งในสักขีพยานความระอุที่งาน Big Day Coming ที่ชาว 75th curveball เขาจัด line up วงเด็ดหลากรุ่นหลายแนวมาให้ฟังกัน ตอนประกาศอีเวนต์นี่ตื่นเต้นมาก เรียกว่านับวันรอเลยแหละ มีทั้ง Dogwhine, Folk9, Little Fox, Hariguem Zaboy, Bobkat และ Yellow Fang ร้อนกว่าเดือนเมษาก็วงที่มาเล่นในงานนี้นี่แหละ ได้ดูทุกวงในราคา 350 บาทเท่านั้น แถมยังมีดีเจ ทัต Basement Tape, แป๋ง Yellow Fang และ จ้า Hariguem Zaboy มารอเปิดเพลงใน after party ด้วย

6 เมษายน 2562

Big Day Coming

เรามาถึงที่ De Commune ตอนทุ่มตรงด้วยความชะล่าใจว่าวงน่าจะขึ้นเลตแบบงานอื่น แต่อันนี้มาถึง วงแรกอย่าง Dogwhine เขาก็เล่นเพลง Leader ซิงเกิ้ลแรกที่เราชอบมากไปแล้ว ซึ่งสืบทราบมาว่าเป็นเพลงที่สาม ก่อนหน้านี้พวกเขาเล่นเพลง Destroy the State เป็น interlude ที่จะเล่นให้ซาวด์กีตาร์แตก หน่อย ต่อด้วย Apologise for the Monument ต้องเล่าก่อนว่าวงนี้เป็นวงหน้าใหม่ที่พูดเรื่องการเมืองและสังคมแบบร้อนฉ่า กับสไตล์ดนตรีอัลเทอร์เนทิฟร็อก แจ๊ส experimental บางทีก็มีกลิ่น krautrock ด้วย หรือบางเพลงนี้ใครสายบริตก็โดนตกได้ไม่ยาก จากนั้นก็เป็นเพลงบรรเลงชื่อ Ken’s House เมโลดี้กีตาร์ดุ เท่ มาเลย ตามด้วย Symphony Song เพลงเนี้ยก็เป็นอีกเพลงที่เราชอบมากด้วยความที่ทำนองมันสดใสต่างจากเพลงอื่น ไลน์แซ็กโซโฟนก็สวย แล้วมีกลิ่นบริตป๊อปกับความเมามายของไซคีเดลิกอยู่จาง

จากนั้นพวกเขาก็เล่นเพลงช้าที่เพิ่งปล่อยมา Unemployment คนว่างงานฟังแล้วอาจจะซึมได้กับดนตรีเหงา โหวง ไลน์แซ็กขยี้ ต่อด้วย Masquerade Ball เพลงแจ๊ส กรูฟ ดูสดใสสมวัย แต่ก็มีพาร์ตเป็นเมทัลดุ ซึ่งพวกเขาบอกว่าจะอยู่ในอัลบั้มต่อไป (เย้ย เพิ่งปล่อยมาสองเพลง อัลบั้มแรกเสร็จไปตั้งแต่ตอนไหน๊!? ได้ข่าวว่าคุณดุ่ย Youth Brush/ Two Million Thanks เป็นโปรดิวเซอร์และมิกซ์ให้ด้วยเด้อ) ตามด้วย Democrazy เราชอบมากที่ร้องว่า ‘My democracy is disturbed by tear gas. My democracy is disturbed by rifle.’ อินเหลือเกินอะช่วงนี้ มีความร็อกดุ ไล่สเกลกีตาร์ experimental จัด อีกแล้ว ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลง DogofGod เป็นการาจร็อกเมา ที่จบเพลงแล้วต้องยกนิ้วให้จริง เพลงก็เรียบเรียงมาได้สร้างสรรค์สุด การแสดงในวันนี้ถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจแม้จะเล่นหลุดไปบ้าง แต่วงเล่นแบบมั่นใจขึ้นมากกว่าครั้งแรก ที่ได้ดู ฟรอนต์แมนกระโดดปั่นกีตาร์ไปรอบ รอติดตามเลย

จากนั้นตอน 19.40 ก็เป็นคิวของ Folk9 วงดรีมป๊อป เซิร์ฟป๊อป อินดี้ร็อก ที่มาแรงอีกหนึ่งวงหลังจากเพิ่งปล่อยอัลบั้มสอง Chinese Bangquet ไปก็ดูเหมือนว่าแนวทางดนตรีของวงในชุดนี้ชัดเจนขึ้นมากกับการใส่ซาวด์เลียนเสียงเครื่องดนตรีจีนเข้ามาได้ถึงจนเราขอเรียกเป็น oriental surf ได้ไหมนะ เปิดมาเพลงแรกกับ Plant เพลงที่ไลน์คีย์บอร์ดน่ารักยุกยิกจนอยากปลูกต้นไม้ตามวิธีในเพลง ตามด้วย ฉันจะไปพายเรือ งานเก่าที่เราไม่ได้ฟังนานมากแล้วของวง ได้ความรู้สึกแบบอเมริกันอินดี้ร็อกปี 2010s ต้น ดีด้วยไลน์ซินธ์เด่น กลองมัน และเป็น Morning Day จากอัลบั้มชื่อเดียวกัน ตามด้วย The Waiter ที่กลิ่นเซิร์ฟร็อกผสมสไตล์จีนลงตัวมาก จนน่าตกใจ และเป็นเพลง Chinatown จากชุดที่แล้ว (วงนี้ดูมีความผูกพันกับอะไรจีน อยู่ตลอดเลยแฮะ) ซึ่งก็ทำให้เรานึกถึงวง Craft Spells อยู่บ้าง

ต่อกันที่เพลงดังจากชุดล่าสุด แว่นกันแดด ที่เพิ่มจังหวะจะโคนให้ได้โยกกันมากขึ้น และเป็น Mermaid เพลงซึม พูดถึงคนที่จากไปแบบที่เราก็ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลสุดติสท์ของเขาสักเท่าไหร่ ต่อด้วย Lavender ให้ยวบย้วยกันอีกเพลง รวมถึงคอมโบ Romantic Scene และ Erotic Scene ที่เพลงดูจะเป็นสถานการณ์โลกคู่ขนานกัน เพราะอยู่ในซีนฝนตกเหมือนกัน แต่เพลงแรกจะดูซึม กับการตั้งคำถามในความสัมพันธ์ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง และสักวันมันอาจจะต้องจบลง ส่วนอีกเพลงก็เล่าเป็นภาษาอังกฤษในทำนองที่เป็นฟังก์กรูฟเซ็กซี่ เห็นภาพบรรยากาศในเพลงเป็นไฟแดง มาเลย

ได้เวลาของพี่ใหญ่ของงาน Little Fox หรือ จีน มหาสมุทร ที่นาน ทีจะมีโอกาสมาเล่นกรุงเทพ (แต่ช่วงนี้เริ่มบ่อยแล้วเหมือนกัน) จากคราวที่แล้วเราประทับใจมาก ที่เขาขนเพลงชุดล่าสุด Big Sur มาเล่นที่งานของผู้จัดเดียวกันนี้ แต่คราวนี้สารภาพว่าพลังงานในการรับชมของเรามีจำกัดจากภาระหน้าที่ในวันก่อน ยิ่งจากวงที่แล้วที่ค่อนข้างฟังเพลิน สบาย ที่ก็เกือบวูบไปบ้าง แล้วในโชว์นี้คนส่วนใหญ่ก็นั่งฟังกันเราเลยเผลอเคลิ้มไปในบางเพลง แต่คิดว่าเก็บมาครบนะ ฮื่อ เริ่มกันที่อินโทรลูปบีตนุ่ม ของเพลง Can’t Help จากอัลบั้มล่าสุดนี่แหละ เพลงแรกมาถึงก็กล่อมเราด้วยความโฟล์กละมุน เลย ตามด้วยเพลงกีตาร์เสียงแตกได้กลิ่นบลูส์เท่ อย่าง Sweet Lovin’ ที่เราต้องโยกหัวตาม ต่อด้วย Way Too Late จากรอบก่อนที่มีเพื่อนมือเบสมาช่วยเล่นงานนี้เขาลุยเดี่ยวทั้งเพลงเลย เป็นอีกงานที่ผ่อนคลายมาก

ตามด้วยเพลงที่ชื่อ Magic Carpet กับคอร์ดเท่ กับเสียงบีตเป็นกลองแบบอินเดีย มีความไซคีเดเลียสูงมากในเพลงนี้ และเป็นเพลงสุดหวานอย่าง ชวนเธอ ไปเที่ยวเล่นด้วยรถไฟต่อนยอนกัน โอ้ย อยากจะเอนหลังจริง จุดนี้ พริ้มไปหมด แต่แล้วเขาก็เสิร์ฟเพลงดาร์กหม่นให้เราฟังกันใน Mr. Weird อันนี้น่าจะเป็นงานที่อยู่ในชุดใหม่ ยังไงก็รอติดตามกัน จากนั้นเขาก็ให้คนดูช่วยตบมือในเพลงทำนองน่ารัก เพลงต่อไป Sad n’ Tired แต่เนื้อหาก็ตามชื่อ แค่ฟังแล้วรู้สึกว่ามีเพื่อนคอยช่วยปลอบเวลาเราเหนื่อยเศร้าแหละนะ ตอนแรกก็งง กับจังหวะที่ต้องตบมือ แต่สุดท้ายก็ประคองกันไปได้จนจบเพลง แล้วก็เป็นเพลงมัน อย่าง Where’s the Party ความนีโอไซคีเดเลียกับบีตลูปนี่มาเต็ม เท่มาก เลยจ้า จนเดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายใน Monster ที่ใช้บีตเป็นซาวด์ลึกลับ เสียงเคาะทุ้ม กับเสียงร้องยาน กับเสียงซินธ์กังวาน ประหนึ่งอยู่ในฉากหนังไซไฟเขย่าขวัญยุค 80s ใครที่รอมาฟังเพลงโฟล์กยุคเก่า ๆ ก็ไม่ต้องเศร้าไปนะ ลองเสพอะไรใหม่ ๆ กันดู

เดินทางมาถึงครึ่งหนึ่งของงานแล้ว ยาวนานจริง เพราะทุกวงแทบจะเล่นเป็น full show สิบเพลงเน้น คราวนี้ก็เป็นคิวของวงเจ้าภาพ Hariguem Zaboy พร้อมกันหรือยังที่จะรับความหูพร่าระดับรุนแรงกว่าอัลบั้มแรก Thick Mink และอัลบั้มสอง Kart ของพวกเขา เราะแอบสืบมาว่าจะได้ฟังอัลบั้มสามกันยังน้อ ก้ได้คำตอบว่ารอไปก่อนนะ ถ้าอยากฟังต้องมาดูสด แต่มันสะใจมาก ในทุกครั้งที่ได้ดู เอ้า เริ่มกันที่ซิงเกิ้ลแรกที่วง sneak ออกมาให้เราได้ฟังกันนั่นคือ Broken Facial Scene น่าจะเล่นกับชื่อวง Broken Social Scene มาเป็นเพลงบ่น ตะโกน ซึ่งในความเดือดดาลพังก์ การาจ ปลาย 80s ของพวกเขาก็ได้ซ่อนเมโลดี้เพราะ ไว้ ต่อด้วย No Services กับความเป็นพังก์อังกฤษสมัยก่อน ณป่านมือกีตาร์ก็เปลี่ยนมาเล่นซินธ์ เป็นอีกเพลงที่เดือดจนเราต้องโยกแรง ตาม ต่อด้วยเพลง Pier No.41 ที่เป็น reversed guitar เล่นย้อนกลับแบบเท่เกินไปแล้ว เบสดรัมทุ้ม แล้วเป็น Say Goodbye to Margot กับซาวด์กีตาร์ตอนท้ายที่ต้องใช้คำว่าแสบดาก ตามด้วย Try Not to be Hurt ซึ่งเป็นเพลงออกจะการาจ สโตนเนอร์ ซาวด์กีตาร์ไม่ปรานีกันอีกแล้ว แต่มีทำนองไพเราะสวยงามซ่อนอยู่อีกเหมือนกัน

จากนั้นก็เล่น Southpole เพลงที่มีกิมมิกคือการเคาะขวด น่ารักมาก นึกถึงฮูลิแกนพังก์ ขี้เมาอยู่ในผับสกอตแลนด์ยังไงยังงั้น การร้องก็ทำเสียงเมา ไปด้วย กลับมาที่พังก์หนัก แต่มีความหูพร่าในท่อนดรอปแบบเพลงกึ่มอัลบั้มก่อนหน้าในเพลง My Teenage Letter ตอนท้ายมีความ avant garde มาก เท่มากกก และเพลงต่อไป เรียกว่าความเดือดถึงจุดขีดสุดเมื่อทุกคนเข้าไปมอชกันในเพลง (She Loves Her) Expenzive Hairstyle ด้วยความที่จ้า ฟรอนต์แมนขึ้นกีตาร์มาดุ เลย เป็นนอยซ์ร็อกที่ดีงามมาก และเพลงสุดท้ายก็ยังมอชกันต่อเนื่องใน Christine Tompson ส่งท้ายโชว์นี้กันไปแบบมีคนเจ็บตัวแน่นอน

เวลา 22.50 สองสาว Bobkat ชอบที่ใน bio ของพวกเธอใช้นามแฝง มือกีตาร์ชื่อ Cream Pop (Bess) และมือกลองชื่อ Snatch Delight (Ra Ra) ร็อกเกอร์มาก พวกเธอมาจากเชียงใหม่ พร้อมแล้วที่จะรับหน้าที่ส่งมอบความมันกันต่อ ไม่ได้ดูพวกเธอนานมากตั้งแต่งาน Stone Free หรือสักงานแถว Jam สุรศักดิ์เลยมั้ง  ต้องสารภาพว่าเราไม่รู้จักชื่อเพลงของพวกเธอเท่าไหร่ แต่สามารถอธิบายระดับความมันได้เป็นเปอร์เซ็น คือตลอดทั้งโชว์ของพวกเธอมันจะสตาร์ทที่ 80% แล้วขึ้นลงไม่ต่ำกว่า 75-90% แต่บางเพลงก็ดุเกินจน 100%+ ไปเลยก็มี นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องเข้าไปกระโจนในวงมอชกับเขาด้วยในหลาย เพลงแบบไม่กลัวเจ็บตัว

ตอนหลังก็มีคนบอดี้เซิร์ฟด้วย แต่แอบเศร้าที่ตอนวงนี้เล่นมีคนมายืนดูกับพวกเราน้องกว่าวงอื่น (แต่คนที่ยังอยู่คือพวกคุณสุดมาก มอชกันเสร็จนี่รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่หน้า) ความ thrash punk ที่สุดลิ่มทิ่มประตู บวกกับบางเพลงที่มีกลิ่นของสโตนเนอร์ร็อกทำให้เราโยกแบบรู้แน่ ว่าตื่นมาพรุ่งนี้เช้าจะคอเคล็ด (แต่ตอนนี้รอดว่ะ สงสัยจะ head bang จนชินแล้ว แหะ ) บางเพลงนี่เราก็ฟังไม่รู้เรื่องนะว่าเธอร้องว่าอะไรกันบ้างแต่ก็เผลอตะโกนตามที่พวกเธอโหวกเหวกแบบช่วยไม่ได้จริง สนุกมากกกกกก

มาถึงวงสุดท้ายกันแล้วในเวลา 23.45 ตอนนี้ผู้ชมกลับมาอุ่นหนาฝาคั่งอีกครั้งหลังจากก่อนหน้านี้หายไปไหนกันก็ไม่รู้ อะแง Yellow Fang กลับมาเล่นในกรุงเทพ เป็นครั้งแรกหลังจากไปเล่นในงาน showcase ที่ SXSW เท็กซัสมาจ้า วงอินดี้ร็อก การาจ ดาวค้างฟ้าแห่งสยามประเทศที่มีซิงเกิ้ลออกมาให้ได้ไปตามร้องกันเรื่อย และล่าสุดก็ได้มาร่วมโปรเจกต์ Crossplay 3 ของฟังใจด้วย เอาล่ะ ตอนนี้ขอยึดพื้นที่ด้านหน้า ติ่งจะร้องเพลง! เริ่มกันที่ Morning งานสุดซ่าที่เป็นรสชาติใหม่ หลังจากที่พวกเธอออกอัลบั้ม Greatest Hits มาได้สักพัก ก็จัดความไซคีเดเลียกันให้ยกนึง จบเพลงแป๋งบอกว่าเป็นครั้งแรกที่มาเล่นที่นี่แล้วคนเยอะมากขนาดนี้ น่าชื่นใจแทนวงจริงฮะ แล้วก็เล่นเพลงที่ลดความมันลงมานิดนึงใน เอาแต่ใจ ต่อด้วยเพลงที่มีอายุครบ 10 ปี ในปีนี้ ก่อนเล่นแป๋งก็ถามว่ามีใครฟัง Yellow Fang ตั้งแต่มัธยมบ้าง โอ้โห พอยกมือทีนี่เขินเลย ย้อนวัยมาก และเพลงนี้ก็คือเพลง เลี้ยง นั่นเองแหละฮะ แล้วก็เป็นเพลง I Don’t Know ที่ทุกคนช่วยกันร้องได้เสียงดังฟังชัด

แล้วก็ได้เวลาของเพลงที่พวกเธอหยิบเอาซินธิไซเซอร์มาเป็นองค์ประกอบในเพลงช้าอย่าง แค่เพียง แล้วตามด้วย พลั้ง ที่ตอนแรกก็เล่นเป็นเวอร์ชันอิเล็กทรอนิก ก่อนที่ครึ่งหลังจะสลับไปเล่นร็อกสาด แบบออริจินัล ซึ่งช่วงหลังมาในโชว์ของพวกเธอจะยึดวิธีเล่นเชื่อมแบบนี้ไปแล้ว ก่อนจะเล่นเพลงต่อไป แพรวาก็ถามว่ามีใครฟังเพลงใหม่หรือยัง และเล่าถึงที่มาของเพลง Gang งานคัฟเวอร์ใน Crossplay 3 ที่เอาเพลงของ Young Bong มาทำ จากความประทับใจที่เคยได้เล่นงานนเดียวกับแร็ปเปอร์กลุ่มนี้ก็เลยเลือกเพลงนี้มาทำนั่นเองแหละค่า และถึงเพลงจะปล่อยไปได้ไม่นานก็มีคนร้องกันได้บ้างแล้วเฮ่ย เพลงต่อไปก็ได้ จีน มหาสมุทร ขึ้นมาแจมใน ดูซิลอง เป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้มที่พวกเขาแต่งร่วมกัน เป็น rare moment มาก เพราะเดี๋ยวนี้สองวงเขาไม่ได้มาเล่นด้วยกันบ่อย แล้ว ตอนท้ายจีนก็โซโล่ซินธ์พุ่งพล่านมาก ตามด้วยเพลงกึ่งเบากึ่งหนักอย่าง ห่มผ้า ที่ตอนแรกพวกเธอร้องเบา เน้นประสานเสียงให้คนดูได้ร้องเป็นหลัก ส่วนท่อนท้ายก็โดดกันยับ แล้วแป๋งก็บอกว่าเพลงต่อไปไม่มี mv แต่อยากเห็นทุกคนสะบัดหัวแรง ใน Unreal ได้ค่ะ จัดให้ แล้วก็มาถึงเพลง หมึกใหม่ปิ๊กโก้ เป็นเพลงสุดท้ายที่มีท่อนดรอปเมา ให้เรานิดนึงด้วย ถือเป็นการจบโชว์อย่างสวยงามและคอแตกไปตามระเบียบ

จากตรงนี้ไปเราก็อยู่เต้นกับเพลงที่ดีเจทัต แป๋ง จ้า ขนมาเสิร์ฟ มีหลายเพลงที่เราไม่รู้จัก แต่ก็ออกแรงเต้นเฮือกสุดท้ายเหมือนจะไม่มีพรุ่งนี้ ก่อนจะจบกันจริง ที่ New Order เต้นกันจนไฟเฮาส์เปิดเป็นสัญญาณว่าต้องแยกย้ายกลับบ้านได้แล้วจริง

ถือว่างาน Big Day Coming นี่ตอบโจทย์ทุกสาย ช่วยชาร์จพลังวัยรุ่นให้กลับมาลุกโชนและมีความหวังในเพลงร็อกอีกครั้งนึงมาก บางคนก็ได้ฟังเพลงที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในงานนี้และอาจจะกลายมาเป็นแฟนเพลงของวงเหล่านั้นในอนาคต (เช่นกันกับหลาย คนที่มางานนี้จากที่รอบก่อนได้ดูพวกเขาเล่นนี่แหละเอ้อ) เอาเป็นว่างานหน้า 75th curveball จะจัดอะไรอีกก็รอติดตามกันด้วยนะ ไม่ผิดหวังแน่นอน

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้