Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

LA จะลุกเป็นไฟ เพราะ Camp Flog Gnaw Carnival ฮิปฮอปเฟสติวัลโดย Tyler, the Creator (ตอนแรก)

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Converse_X_, hear and there, and Montipa Virojpan

Camp Flog Gnaw Carnival ฮิปฮอป r&b มิวสิกเฟสติวัลสุดยิ่งใหญ่ของ Tyler, the Creator ที่จัดขึ้นที่ Dodger Stadium โดยงานเปิดให้เข้าได้ตั้งแต่บ่ายโมงตรง เราก็ไปถึงงานตั้งแต่เนิ่น เพื่อที่จะได้เดินสำรวจข้างในซักหน่อย

แต่ปรากฏว่าคิดผิดมากกก เพราะพอไปถึงแล้ว แดดร้อนมากจนจะละลาย เพราะที่จัดเป็นสนามกีฬาที่อยู่บนเขา เหมือนเราวิ่งหาพระอาทิตย์อะ แล้วแดด LA ช่วงฟ้าเปิด นี่คือแสบตัว แสบตา แว่นกันแดด ครีมกันแดด และน้ำดื่มเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ มาลุ้นกันว่าน้องจะอยู่รอดใน Camp Flog Gnaw ตลอดทั้งงานหรือไม่

Camp Flog Gnaw

9 พฤศจิกายน 2562

พอเราเดินตามแก๊งเด็กมาถึงบริเวณตรวจกระเป๋าหน้างาน ความช็อกอย่างแรกคือมิวสิกเฟสติวัลที่นี่เขาให้เอาขวดน้ำเข้าได้จ้า (ไม่เห็นเหมียนบ้านเราเลยแก) ขอแค่เป็นขวดเปล่าหรือน้ำเปล่าธรรมดา เพราะคนที่นี่เวลาอากาศร้อนแล้วคนเป็น heat stroke อะไรงี้เยอะ เขาเลยให้ความสำคัญเรื่อง dehydrate มาก เอาน้ำมาได้เลยจ้ะ แล้วก็มีจุดบริการน้ำดื่มฟรีในงานให้เติมกันด้วย พอผ่านด่านตรวจกระเป๋าไปแล้วก็เจอกับด่านสแกนริสต์แบนด์ มีแยกแถวสำหรับบัตรปกติ (general admission) แล้วก็ VIP ซึ่งทีม Converse_X_ จะได้บัตรแบบหลัง พอผ่านตรงนี้ไปก็มีบูธตรวจบัตรประจำตัว เพราะเขาจะมีริสต์แบนด์อีกอันให้ใส่เพื่อบอกว่าคนนี้อายุเกินแล้วซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ คือ Camp Flog Gnaw เป็นงานที่เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์เป็นประชากรส่วนใหญ่ โซนขายเหล้าเบียร์ก็จะถูกกั้นเป็นคอกไว้เล็ก ให้พี่แก่ เข้าไปดื่มไปดูโชว์ไปอะไรแบบนี้

Camp Flog Gnaw

แต่ไม่ทันได้เริ่มอะไร ความควายก็เข้ามาแทรกจ้า เพราะพอเดินเข้าไปอีกนิด สัญญาณมือถือหาย!!! ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยเท่านั้นค่ะ แล้วนี่ก็ห้าวไง มาถึงงานคนเดียวไม่เจอใครเลย แถมงานนี้คนเป็นมด ใหญ่ยิ่งกว่าเฟสติวัลใดในโลกหล้า ก็หลอนไปดิคับว่าจะเจอเพื่อนหรือเปล่า จะกลับบ้านได้ไหม ติดต่อใครไม่ได้เลยยยย ระหว่างที่ไม่รู้จะทำยังไงก็เดินสำรวจกันต่อ แล้วก็ได้ยินเพลงแมธร็อกปั่น จากวง Elephant Gym แห่งไต้หวันประเทศลอยมาไกล จาก Flog Stage แต่เวทีนี้มันอยู่ตรงไหน ได้ยินแต่เสียง ปรากฏว่ามันอยู่ข้างล่างของที่ที่อิฉันยืนอยู่นึกภาพพื้นที่หุบเขาหลั่นกันไป มีเวทีเล็ก Gnaw Stage อยู่ฝั่งซ้ายมือใกล้ทางเข้า อีกเวทีเล็ก Flog Stage อยู่ที่ราบล่างเขาที่ต้องเดินอ้อมลงไป ส่วนเวทีใหญ่ Camp Stage อยู่ที่ราบอีกฟากนึง แต่วี่แววของทางที่จะเดินไปถึงตรงนั้นแทบจะมองไม่เห็นเลย สิ้นหวังแล้วแม่ ทำไงดี จน Elephant Gym เล่นจบไปแล้ว ก็เดินเศร้า ร้อน ต่อไปจนหาทางลงเจอสักทีว้อยยยย

Camp Flog Gnaw

ซ้ายมือใกล้ Gnaw Stage ก็มีโซนที่เรียกว่า Golf World เป็นเหมือนอาณาจักรของ Tyler, the Creator ซึ่งปีนี้ถูกทำเป็นธีม IGOR หรือ alter ego ร่างไทเลอร์ใส่วิกกับแว่นดำแบบอัลบั้มชุดล่าสุดของเขา มีของประดับตกแต่งจี้ ฮา มีช็อป Golf Wang ร้าน Converse รวมถึงสไลเดอร์รูปรองเท้า GIANNO คู่ยักษ์ให้ได้ไปลื่นไถลกัน พอเดินต่อไปอีกหน่อยก็เจอ OKAGA National Park ซึ่งเป็นโซนขาย official merchandise กับ fun fair และมีเครื่องเล่นสวนสนุก ซึ่งต้องซื้อบัตรไปต่อคิวขึ้นเล่นได้หลายเครื่องด้วยกัน

พอเดินต่อไปอีกนิดเราก็จะเจอกับโซน VIP ให้ได้นั่งหลบร้อนกับสถานีชาร์จมือถือ ซึ่งโซนนี้ก็มีอาหารและชิงชาสวรรค์ให้ขึ้นไปชมวิวทั่วงาน และถ้าเดินต่อไปอีกก็จะเจอทางเดินไปยัง Flog Stage และ Camp Stage (ซักที!!!!) โอยใหญ่มากพี่จ๋า ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายสองครึ่ง เราก็เลยไปหยุดที่เวทีเล็กที่มี Juto กำลังแสดงอยู่ เป็น r&b รุ่นใหม่ลองฟังดูก็เพลิน ดี ดนตรีเขามีบีตเท่อยู่หลายเพลง แต่ด้วยจิตใจว้าวุ่นและร้อนเหลือเกิน ทำให้ตัดสินใจเดินวนขึ้นทางลัดไปยัง Gnaw Stage ที่อยู่ใกล้ทางเข้างานที่สุดเพื่อดู Mike G และนั่งเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะมีคนรู้จักเดินผ่านมา ฮือ (ความเศร้าคือมันมีแต่ทางลัดให้เดินขึ้นไปหน้างาน แต่ไม่มีทางลัดลงมาเวทีนี้ ก็ต้องจำยอมขาลากกันไปเด้อ)

ก่อนหน้านี้เราก็ไม่รู้จัก Mike G หรอก แต่พอลองฟังเพลงดูก็กลายเป็นอีกโชว์ที่น่าติดตามสำหรับเรา เพราะเขามีดนตรีกรูฟ สำเนียงโฟลวแร็ปสบายหู เป็น old school อยู่หลายเพลง สืบไปสืบมาพบว่าศิลปินที่กำลังมาแรงจากค่าย Odd Future ค่ายเดียวกับพวก Tyler, the Creator กับ The Internet นั่นแหละ แล้วในโชว์นี้เขาเท่มากกับการเล่นไปพร้อม กับ live band คนดูก็เหมือนจะเอากับโชว์ของเขาด้วย บางเพลงของเขาทำให้เรานึกถึง Kanye West เหมือนกัน ซึ่งเพลงที่เขาเอามาเล่นในงานนี้ก็มี Purchase, Everything That’s Yours Pt. II แล้วก็มีเพลงที่เขาบอกว่าแต่งให้แฟนเก่า แต่เธอคนนั้นไม่น่าจะได้ยินเขาเล่นเพลงนี้ให้เธอฟังหรอก ‘So fuck her’ เขาพูดแล้วเรียกเสียงเชียร์จากคนดูได้เต็ม แล้วก็เรียกเพื่อนมาแจมเต็มเวที ดนตรีจากกรูฟ ก็เปลี่ยนไปเล่นเป็นร็อก แล้วมีทีมงานขึ้นมาโยนเสื้อให้คนดู ก่อนจะเล่นเพลงดาร์ก ชวนเลื้อยใน Forest Green

แดดร่มลมตก เราก็ลุกขึ้นไปยืดแข้งยืดขาเล็กน้อย แล้วระหว่างทางที่เดินก็เจอกับ Seri สาว Converse_X_ จากมาเลเซีย รวมถึงคุณ Chooe แล้วก็พี่เจน Preduce ทีมงานช่างภาพของ Streething ที่เป็นอีก media partner พอดี น้ำตาแทบไหล แล้วก็เข้าไปโวยวายกับเขาว่าสัญญาณโทรศัพท์ไม่มีเลยยยยย เจอแก๊งนี้คือเป็นบุญมาก ขอเกาะไปด้วยจ้า ไม่ซ่าลุยเดี่ยวแล้ววว ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจาก Flog Stage ที่มี Slowthai กำลังเล่นอยู่ เราได้ยินชื่อของคนนี้บ่อยมาก ตั้งแต่ช่วงที่ไป Primavera และดูเหมือนว่าเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังเป็นที่จับตามอง ด้วยสำเนียงแร็ปดุดัน มีความกวนประสาท น่าจะถูกใจวัยรุ่น จากนั้นเราค่อย เดินเพื่อไปรอดูเขาถ่ายสกู๊ปของเซรีที่เวทีที่ว่า เพราะอีกไม่นาน Yuna ศิลปินป๊อป r&b ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับเซรีกำลังจะขึ้นเล่น

Yuna มีชื่อเสียงมาก ในเวทีโลก (นี่ก็ได้ยินชื่อบ่อย แต่ไม่เคยได้ดู) เธอเคยร่วมงานกับ Jay Park, Usher และ Tyler, the Creator มาแล้วซึ่งนี่เป็น Camp Flog Gnaw ครั้งที่สองของเธอ แต่กับในประเทศเธอถูกวิพากษ์วิจารณ์บ่อยครั้งเพราะมาเลเซียเป็นประเทศมุสลิม และการร่วมงานกับศิลปินชายของเธอก็ไม่เป็นที่ยอมรับ ทำให้เราสังเกตว่าตอนที่เธอเล่น ทั้งแดนเซอร์และนักดนตรีแบ็กอัพของเธอล้วนแต่เป็นผู้หญิง อาจจะเป็นการสื่อสารเชิงสัญญะของเฟมินิสต์แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการปกป้องตัวเองจากคำครหาของชาวมุสลิมที่เคร่งครัดในบ้านเกิดของเธอนั่นเอง

เวลาใกล้สี่โมง อากาศเริ่มเย็นสบายและพวกเราก็มาพร้อมกันหน้าเวที เซรีดูตื่นเต้นมาก ความรู้สึกภูมิใจคงประมาณ Phum VIphurit ออกไปเฉิดฉายต่อสายตาชาวโลกนั่นแหละ เปิดมาที่เพลงแรก Forevermore วิชวลสีสันสดใส ดูเพลินมาก ต่อด้วย Does She ที่การเต้นของเธอและแดนเซอร์แข็งแรงมาก ดนตรีอย่างแน่น ต่อด้วย Lights and Camera ซึ่งมีคนมาช่วยแร็ป ขออภัยจริง ไม่ทราบว่าใคร แต่วัยรุ่นดูกรี๊ดกร๊าดกัน ต่อด้วย Amy เพลงที่เธอเขียนให้เพื่อนสนิทของเธอ แล้วก็มีมือแซ็กโซโฟนมา featuring ต่อด้วยเพลงดัง Crush ที่หลายคนร้องได้ ก่อนจะปิดท้ายกันไปด้วย Pink Youth

เราอยู่กันต่อยาว ที่ Flog Stage พร้อมดู Thundercat ตอนที่เขามาไทยเราโดนเขาและเพื่อนอัดคลื่นพลังโซล แจ๊ส เข้าหน้าไปจัง มาแล้วรอบนึงจนเหนื่อย คราวนี้เขาเล่นในเฟสติวัลซึ่งเป็นสถานที่เปิด ทำให้ดนตรีของเขาไม่หนักหน่วงจนเกินไป เต้นยุกยิกแบบกำลังสนุกได้ที่ เปิดมาด้วย Rabbot Ho กำลังเคลิ้มอยู่ดี ก็เร่งจังหวะอย่างรัว หัวโยกเลย แล้วก็เป็น Captain Stupido แจ๊สพุ่ง อย่างไว ขอเรียกว่าสเต็ปเถิดเทิงลั่นทุ่งมาก จบเพลงพี่แกจิบน้ำแล้วดันสำลักใส่ไมค์แบบจงใจ จากนั้นก็เล่น Uh Uh กับเบสวิ่งว่อนต้องทำหัวยุกยิกตามเพราะเต้นไม่ถูก ตามด้วย A Fan’s Mail (Tron Song Suite II) เพลงนี้ทำให้เรานึกถึง Unknown Mortal Orchestra ด้วยเสียงเบสของพี่เขานั่นแหละ พอเข้าท่อน ‘Cool to be a cat’ คนดูก็ช่วยกันร้องเหมียว เหมียว เหมียว เหมียวอย่างพร้อมเพรียง พอเข้าท่อนโซโล่ กล้องก็จับไปที่เบสสีชมพูของเขาแล้วซูมจนเห็นสติ๊กเกอร์แปะว่า ‘Don’t over think shit’ เห็นแล้วก็รู้สึกว่าเฟี้ยวดี แล้วเพลงต่อไปเขาก็บอกว่าขออุทิศให้ลูกของเขา กับ Tron Song ตามด้วย Heartbreaks + Setbacks ที่ฟังแล้วทำให้นึกถึง The Fall ของ Rhye จากนั้นก็เล่น Friend Zone, Lotus and the Jondy เพลงต่อไป Show You the Way มี Michael McDonald นักดนตรีรุ่นเก๋าขึ้นมาแจมเปียโน ต่อไปก็เป็นเพลงของไมเคิลคือ I Keep Forgettin’ ก่อนจะลุยต่อกันในเพลงดัง Them Changes โดยมี Kamasi Washington ขึ้นมาร่วมเล่นแซ็กโซโฟนด้วยอีกคน โอ้โห ไลน์อัพพระกาฬมาก ไม่ได้หาดูง่าย เลยจริง เป็นบุญญญญ

แล้วเราก็เดินกลับมายังเวทีใหญ่หรือ Camp Stage ที่อยู่อีกฟาก ตอนนี้ The Internet กำลังเล่นอยู่ คนรอดูเยอะมาก ตอนที่เดินมาถึงก็เป็นเพลง Special Affair พอดี แล้วก็เป็นเพลงที่เบสเท่มากอย่าง Gabby ซึ่งวันนี้ Syd นักร้องนำสุดเท่ของเราก็ยังฮอต เท่ เหมือนเดิม โอย ยังติดใจจากที่มาเล่นบ้านเราไม่หาย ก่อนจะเล่น Under Control เพลงสุดเซ็กซี่ของแก๊งนี้เขาล่ะ แล้วก็เป็นเพลง Hold On มีช่วงนึงที่กล้องจับไปที่มือกีตาร์ที่ใส่หน้ากากกลิตเตอร์สีทอง แต่ไม่เนียน! เพราะใคร ก็รู้ว่าต้องเป็น Steve Lacy แน่ กีตาร์แดงแจ๋ขนาดนั้น แต่พอน้องดังแล้วก็ต้องสงวนท่าทีเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่พ้นสายตาคนดู พอถอดหน้ากากปุ๊บก็ไม่ผิดคนค่ะ เสียงกรี๊ดถล่มทลาย แล้วก็จัดงานเดี่ยวของน้องให้ฟังกันกับ Playground วิชวลน่ารักมากเข้ากับเมโลดี้เพลงสดใสของน้องเขา แล้วก็เป็นอีกเพลงสนุก ของ The Internet ใน La Di Da จบเพลงนี้ ซิดก็บอกว่า มา ได้เวลาของเพลงรักกันบ้าง เลยส่ง Wanna Be กับเมโลดี้หวาน มีวิชวลเป็นพระจันทร์เต็มดวงกลมโตใหญ่ข้างหลัง แล้วเธอก็มานั่งห้อยขาที่เวที โอ้โห หลงเลย ท่อนที่ร้อง ‘Do you wanna be my girl?’ นี่อยากตอบว่า ‘Yes I want’ ไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด แล้วก็เป็นเพลง Girl ตามด้วยเพลงดูเอตที่ซิดร้องคู่กับสตีฟใน Curse ก่อนจะปิดท้ายกันไปใน Come Over กับท่อนโซโล่กีตาร์ของสตีฟที่ซาวด์แปร่งได้เท่กินใจแม่มาก

แล้วก็ได้เวลาที่สายเมารอคอยนั่นคือ Yasiin bey หรือ Mos Def แร็ปเปอร์รุ่นใหญ่มาเล่นที่ Gnaw Stage (เดินย้อนขาลากกันไปเลย) แล้วตอนนั้นเองเราก็เติมไปด้วยนิดหน่อย ก็เริ่มหนืด พร้อมดูพี่เขาแล้วล่ะฮะ ตามธรรมเนียมฮิปฮอปก็บิลด์กันด้วยดีเจเปิดเพลงก่อน แล้วพอยาสซินขึ้นมา คนก็เฮและพร้อมโยกไปกับ Casa Bey แต่เล่นไปได้ครึ่งนึงก็ได้ยินเสียงรีเวิร์สแผ่น วื้ด ๆๆๆ ก่อนจะกลับเข้าเพลงอีกรอบ แล้วก็มีเพลงดั๊บหนักหน่วงโอ้ย ดุมาก ต่อด้วย Auditorium เพลงที่มีความออเคสตร้าแต่เป็นทรง อาหรับผสมหนักมาก บีตละเอียดมาก อย่างหนึบ แล้วก็เป็นเพลง Love แล้วก็เป็นเพลงที่ผสมเอาเทคโนกับฮิปฮอป old school ไว้ด้วยกัน กับอีกเพลงก็ได้ฟีลแบบแคริบเบียนบีต แปลก ดี กับอีกเพลงสลับส่วนจังหวะกับดนตรีอาหรับ พร้อมย่านเบสที่หนักหน่วงมาก เพลงต่อมาก็เป็น triphop หนัก มีเสียงก๊อกแก๊งประหนึ่งเพลง muzak เครื่องพี่แกเริ่มติดขึ้นเรื่อย จัดดั๊บหน่วง ใส่ไดนามิกดังเบาทำให้ดูมีมิติ ไหนจะเพลงที่ได้ความรักกามัฟฟินโยกอย่างหนืดดดดด โอ้ย เห็นใจคน high ด้วยพี่ แล้วก็ปิดท้ายด้วย Fresh เพลงเบสหนักแต่มีความ soulful สุด เพราะมากกกกก รู้สึกมีความสุข ได้ฟังรุ่นเก๋าเล่นเพลงหลากสไตล์ขนาดนี้ ฮือ ๆๆๆ จบจากตรงนี้เราก็เดินไปพักตรง VIP เพื่อรอดู Tyler, the Creator แล้วก็แอบได้ยิน Juice WRLD จากเวทีใหญ่ บางเพลงเท่าที่ได้ยินมีความเมทัลแร็ปอยู่ อย่างเดือด

Camp Flog Gnaw

จนเวลาประมาณสองทุ่มสิบห้าไทเลอร์ก็พร้อมแล้วที่ Camp Stage เรากับ Converse_X_ จำนวนนึงก็มาเกาะตรงโซนที่คนไม่แน่นหนานัก แต่เห็นตาไทเลอร์แบบชัดแจ๋ว เปิดมาด้วย IGOR’S THEME ซึ่งพี่แกก็มาในชุดคอสตูม IGOR แบบในมิวสิกวิดิโอนั่นแหละ วิกทองผมม้าหน้าตัดทรงบ๊อบ กับแว่นกันแดดและสูทสีพาสเทล ยืนอยู่นิ่งมาก ต่อด้วยอินโทร RUNNING OUT OF TIME ก็ยังยืนนิ่งอยู่ แต่พอมีท่อนต้องร้องจ๊าก! ไทเลอร์ก็โดดโหยงสุดตัว คนดูก็ตกใจไปด้วย คนบ้า! จบเพลงเขาก็กรี๊ดอีกทีแล้วก็ยืนทำหน้าเอ๋อนานมาก คนดูยังคงส่งเสียงร้องกรี๊ดไม่มีหยุด จนเขาเริ่มนับ 4 ซ้ำ ก็เข้าเพลง I THINK กับบีตกลองสนุก ที่เราต้องเต้นตามแบบห้ามไม่ไหวจริง แล้วท้ายเพลงรีอะเรนจ์อย่างเพราะ ก่อนจะกลับมานับ 4 ซ้ำ อีกครั้ง เพื่อเข้าเพลง A BOY IS A GUN* ซึ่งในเพลงนี้ต้องบอกว่าไฟบนเวทีสวยมาก

Camp Flog Gnaw

ตามด้วย NEW MAGIC WAND ที่ก่อนเริ่มเพลงมีรถกอล์ฟวิ่งตรงผ่านฝูงคนดูเข้ามาที่เวที มีไฟพุ่งพวยบนเวทีกับบีตที่โคตรดุดัน แล้วก็ดรอปความเดือดลงมาด้วยเพลง PUPPET เสียงเครื่องสายบรรเลงประหนึ่งเพลงยุค 70s กับไทเลอร์เริ่มไปโซโล่เปียโนโชว์สกิลสุดโหดของเขา ก่อนเข้าเพลง EARFQUAKE เพลงเท่ที่ใครก็ต้องร้องตาม และเพลงสุดชิล 911 ตามด้วย IFHY และ Tamale แร็ปเท่ แอบมีท่อนดรอปสุดหน่วง ได้ฟีลเม็กซิกันมิวสิก โอ๊ย turnt ขึ้นเรื่อย เอาคนดูอยู่หมัด ตามด้วยเพลงดุ Yonkers กับ She จากชุด Goblin เช่นกัน แล้วกลับมาเดือดใน Who Dat Boy คือช่วงนี้ไม่ต้องหายใจหายคอกันเลย จากนั้นก็ได้โยกต่อใน Boredom และ RUNNING OUT OF TIME

ช่วงนี้เรากับเพื่อน เห็นด้วยว่าควรรีบออกจากงานก่อนไม่งั้นจะเจอกับมรสุมคนรอเรียกรถกลับที่ต้องรอนานและลำบากแน่ แต่ระหว่างที่เดินออกมาคือเขาเล่นเพลง See You Again พอดี น้องนี่แทบร้อง แล้วขนาดเดินไกลออกมาเป็นโยชน์ เรายังได้ยินเสียงคนร้องตามได้แบบทุกท่อน ‘20/20, 20/20 vision Cupid hit me, cupid hit me with precision I….’ คือไม่ได้จริง นี่ถึงกับหันไปร้องตาม อยากอยู่ใกล้ ตรงนั้นมาก แต่ไม่ขอเสี่ยงจริง แล้วก็ได้ยินเขาเล่น ARE WE STILL FRIENDS? เป็นเพลงสุดท้ายสำหรับวันแรก Camp Flog Gnaw

Camp Flog Gnaw

ถามว่าเสียดายไหม ไม่ได้ดู Solange ซึ่งเป็น headliner อีกคนของวันแรก คำตอบคือเสียดายมาก แต่คุ้มแล้วที่กลับก่อนเพราะวันต่อมา ลองอยู่จนจบงาน ก็พบว่าหายนะมีจริง

ขอบคุณภาพ Tyler, the Creator จาก hear and there

อ่านต่อ
Converse_X_ บุก Los Angeles ชวน Fungjai และ วัยรุ่น 38 ชีวิตช่วยโลกอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้