ระเห็ดเตร็ดเตร่

Deep Space Ambient

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Montipa Virojpan

21 ธันวาคม 2559

15252530_373428179675616_9095662112161437375_o

เมื่อคืนมีงานชื่อไม่คุ้น จัดโดยโปรโมเตอร์ที่ไม่คุ้น และบางวงที่ไม่คุ้นและคุ้นเคยกันดี ทั้ง SØAR FLIT, Third Person, Sasi และ Jinta ใน Deep Space Ambient ที่ Play Yard ซึ่งความคาดหวังต่องานนี้ของเราค่อนข้างมีอยู่ประมาณนึงหลังจากที่เคยฟังหลาย ๆ วงแบบ audio มาแล้วก็รู้สึกว่าต้องเวิร์กแน่นอน คราวนี้เราจะมาพิสูจน์กันค่ะ

img_7104

เวลาสามทุ่ม เมื่อมองไปรอบร้านสังเกตได้ว่าผู้ชมยังบางตาอยู่ แต่ SØAR FLIT ก็ขึ้นเล่น ซึ่งเลทกว่าที่ตารางระบุไว้ไปชั่วโมงนึง นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ดูพวกเขา และเราเพิ่งรู้ว่าสมาชิกวงนี้เขามีกัน 7 คน ซึ่งถือว่าเยอะเหมือนกัน ถ้าให้อธิบายแนวเพลงก็ยากอยู่ เพราะมีส่วนผสมหลากหลายจนซาวด์ของวงนี้เขาล้ำไปแล้ว ทั้งอัลเทอร์เนทีฟร็อก แอมเบียนท์ อิเล็กทรอนิก ส่วนเพลงแรกที่พวกเขาเลือกมาเล่นคือ ดอกไม้ เป็นเพลงที่ทำให้เรารู้จักพวกเขาเลยมั้ง ชอบที่ใช้ทรัมเป็ตสร้างซาวด์แอมเบียนท์ที่พุ่งขึ้นมา หลังจากจบเพลงนี้ความรู้สึกที่ได้คือเปิดมิติใหม่ในการฟังของเรามาก ต่อกันด้วย ช้า ช้า เพลงที่เริ่มต้นได้ช้าสมชื่อ เหมือนว่าจะน่าเบื่อ แต่พอฟังไปเรื่อย ๆ แล้ว เชี่ย เพลงโคตรล้ำ มีกลิ่นอายทวิสต์กันของทรัมเป็ตและซาวด์ซินธ์ทำให้นึกถึง I Can’t Give Everything Away ของ David Bowie อยู่ราง ๆ เวอร์ชันที่เล่นสดก็เหมือนจะดึงให้ยาวกว่า studio version ด้วยมั้ง ซึ่งเพลงนี้กลายเป็นเพลงโปรดของเราไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงเป็นเพลง Loops ที่ทางวงเขาบอกว่าเป็นเพลงที่ป๊อปสุดของตัวเองแล้ว ปิดท้ายด้วย In the Dark เพลงซาวด์เท่ล่าสุดที่ปล่อยออกมา ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็พิสูจน์ความสามารถของพวกเขาในขั้นต้นได้แล้ว คาดว่าครั้งต่อ ๆ ไปถ้าพวกเขาได้เล่นอีกก็คงจะดีกว่านี้อีก สู้ ๆ ฮะ

img_7108

ต่อกันด้วยวงที่สอง ThirdPerson เหมือนเราเคยดูพวกเขาที่งานบนดาดฟ้าของร้าน 1979 Vinyl and Unknown Pleasures ที่มี Hariguem Zaboy และ Sea Babies ไปเล่นด้วย พวกเขาคือวง surf rock, indie lo-fi ที่ทำให้นึกถึง Beach Fossils แบบดิบ ๆ วัยรุ่นตัวจี๊ด ร็อกกว่า และเราเพิ่งมารู้ว่า นี่คือร่างสามคนของ Philosopher Brothers นั่นเอง (ก็ว่าหน้าคุ้น ๆ) ซึ่งวันนี้เรารู้สึกว่าพวกเขาสาดพลังใส่ในดนตรีจนล้นไปเสียหน่อย ที่เซอร์ไพรส์คือการรวมตัวอีกครั้งของวงเดิม และหยิบเพลง เครื่องจักร-ฝุ่นเมือง มาเล่น คือไม่ได้ฟังมานานมากแล้ว แต่สำหรับเพลงนี้เรารู้สึกว่าการถ่ายทอดอารมณ์กลับมาในแบบที่คุ้นชินและกำลังดี

img_7110

จากนั้นก็ถึงคิว Sasi เป็นอีกวงที่น่าจับตามอง หลังจากที่เคยดูเขาเล่นสดกันมาแล้วที่ Moose เอกมัยในระยะห่างไกล รอบนี้เราได้อยู่ในพิกัดที่ค่อนข้างกำลังดีทั้งภาพและเสียง เดือน จงมั่นคง นักร้องนำมาในชุดพยาบาลแบบที่เราไม่คาดคิดมาก่อน พร้อมกับบรรเพลง intro ของโชว์อย่างดุเดือด กับความโดดเด่นของสองกีตาร์ สองกลองชุด แล้วจึงเริ่มด้วยท่อนร้องฮัมแสนคุ้นเคยจากเพลง ใจ ก่อนที่จะเปิดมาด้วยเพลงที่เราไม่ค่อยคุ้นนัก แต่ให้ความรู้สึกที่อ่อนละมุน แต่เข้มแข็งในคราวเดียว เหมือนกำลังพาเราไปรู้จักเพลงที่เหลืออย่างช้า ๆ ต่อด้วยแทร็คเปิดตัวอย่าง ใจ ด้วยกลองจังหวะเร้าที่ประทับใจเรามาก แล้วเป็นเพลง ละเมอ สุดแสน emotional ต่อเนื่องด้วย เมนส์ อีกเพลงที่แสดงความ feminine ออกมาแบบไม่เคอะเขิน และเป็นเพลง ไปวันวัน ที่ผสมจังหวะเร็กเก้ โยกย้วยไปตลอดเพลง ส่วนเพลง evening เราเพิ่งฟังที่นี่หนแรก เป็นเพลงที่เพราะเชียวล่ะ แต่ฟังไปฟังมากลับเป็นเพลงเศร้าซะงั้น ปิดท้ายด้วยเพลง ถ้า ที่เวอร์ชันดั้งเดิมของ Humming Bert โดย Sasi นำมาเรียบเรียงและเพิ่มท่อนเข้าไปใหม่จึงยิ่งให้ความรู้สึก intense เข้าไปในเพลงมากกว่าที่จะมีแต่ความบางเบาล่องลอยอย่างต้นฉบับ

img_7115

ปิดท้ายกันด้วยโชว์จาก Jinta ที่หลายคนเห็นพ้องกันว่าคราวนี้วงเขาเล่นเข้ากันมากขึ้น นิ่งมากขึ้น แต่ได้ยินว่าธีร์ นักร้องนำมีอาการป่วย ทว่าความขลังในโชว์ครั้งนี้กลับไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปเลย ความน่าเสียดายอย่างนึงที่เกิดขึ้นคือ ปกติโชว์ของจินตะจะดำเนินไปในบรรยากาศทีเงียบเชียบ และเพลงของพวกเขาจะดังกังวานในความเงียบนั้น แต่รอบนี้ แม้ธีร์จะพูดอยู่เสมอก่อนเล่นว่าควรจะให้โชว์เงียบเป็นพิเศษ แต่กลับมีคนคุยกันตลอดเวลา ย้ำ ตลอดเวลา ถ้าไม่สนใจดนตรีตรงหน้าก็ให้เกียรติศิลปินหรือเคารพการฟังของคนอื่นหน่อยก็ยังดี โอเค กลับมาที่โชว์กันต่อ วันนี้พวกเขาเล่นเพลง เด็กผู้หญิงกับฝนมวลเบา เป็นเพลงแรก แต่จากเสียงร้องของธีร์ ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าเขาป่วย ต่อด้วย เกสรดอกไม้ และ ร่างกาย ที่ถ่ายทอดออกมาเสียจนเราขนลุก แล้วเป็นเพลง ผู้วายชนม์ (ตอนนี้แหละที่รู้สึกว่าคนดูไม่ได้ใส่ใจศิลปิน แม้กระทั่งเนื้อหาของเพลงที่เขียนให้วีรบุรุษที่เสียสละชีวิต ทิ้งไว้แต่วีรกรรมให้คนรุ่นหลังได้พูดถึงก็ตาม) กับเพลงใหม่ที่พูดถึงความไม่จีรังยั่งยืนของสรรพสิ่ง ซาวด์ไวโอลินโดดเด่นมาก ตามมาด้วยมาร และฝิ่นหนาว ที่ธีร์พยายามเค้นพลังออกมา เรารอลุ้นกับท่อน ‘ฉันถูกยิงตาย’ ที่เป็น signature ของเพลง ที่เหมือนว่าเขาจะไม่ร้อง เนื่องด้วยสุขภาพแหละ แต่สุดท้ายเขาก็ร้องออกมา ความดีงามของโชว์ทำให้ทุกคนขออังกอร์ด้วยเพลง Reverse ของ อัศจรรย์จักรวาล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้ฟังเวอร์ชันของพวกเขา และช่างน่าประทับใจสมคำร่ำลือ ระหว่างที่ฟังก็นึกถึงโชว์สดของอัศจรรย์จักรวาลในงาน Stone Free เมื่อหลายปีก่อน เป็นภาพจำที่ลืมไม่ลงจริง ๆ

img_7129

สิ้นสุดลงไปแล้วกับงานดี ๆ ที่ขนศิลปินคุณภาพแต่ไม่ค่อยได้ออกแสดงผลงานที่ไหนมารวมตัวกันไว้ที่นี่ ไม่ผิดหวังจริง ๆ สำหรับตัวศิลปิน ขอบคุณที่ทุกคนสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ออกมาให้เราได้ดูได้ฟังกัน แต่ผิดหวังมากกับกลุ่มคนดูบางคนที่ไม่หลงเหลือน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงานที่ตั้งใจฟังก็ทำให้บรรยากาศของงานเสียไปเยอะ อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า คุณอาจจะไม่ชอบเพลง ไม่สนใจวงที่อยู่ตรงหน้า แต่พอเป็นท่อนที่เขาเล่นเบา ๆ หรือใช้อารมณ์ในการสื่อบทเพลงที่จะต้องเงียบเนี่ย ช่วยเข้าใจด้วยว่ามารยาททางสังคมก็เป็นเรื่องจำเป็นเหมือนกัน

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้