Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Grass On The Moon #2 หลุดไปในหุบเขาเย็นเยือก กับวงดนตรีร้อนระอุ ที่จะพาเราทะลุไปดวงจันทร์

  • Writer & Photographer: Montipa Virojpan
  • Lighting installation photos by Autosave

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Fungjaizine ได้ไปร่วมงาน Grass On The Moon #2 มาด้วย ขอเท้าความก่อนเล็กน้อยว่างานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้วหลังจากเงียบหายไปพักนึง และจากชื่องานนี้เราคงเดากันไม่ยากว่าต้องเป็นหนึ่งในทีมเดียวกับที่เคยจัด Stone Free และ Keep On The Grass มาแล้วแน่

ในปีนี้ The World May Never Know เลยกลับมาพร้อมได้ Autosave มาช่วยสร้างสรรค์วิชวลไลท์ติ้งเท่ ประกอบโชว์ที่ภูอุทัย มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ร่วมด้วยวงดนตรีคับคั่ง ทั้งโพสต์ร็อก ชูเกซ เร็กเก้ ไซเคเดลิก experimental, stoner rock, alternative rock สารพันดนตรีทางเลือกสายลอย ได้แก่ Avada, Flowerpeaple, La Nuit, The 389, Malaiman Downtown, Srisawaard, Roots Tone, วิมุตติ, พราบ ปฐมพร ปฐมพร, ดารารัศมี, ผีเสื้อราตรี, The Photo Sticker Machine, ริค วชิรปิลันธิ์, Inspirative, Pisitakun ตบเท้ามาแสดงตั้งแต่เที่ยงวัน ยาวไปจนถึงรุ่งเช้าของอีกวันเลยทีเดียว

15 กุมภาพันธ์ 2563

เรามาถึงที่ภูอุทัยตอนประมาณสี่โมงเย็น เดินทุลักทุเลแบกของจากที่จอดรถลงไปในหุบเขาที่มีเสียงดนตรีเร็กเก้ลอยละล่องอยู่ ตอนนั้นเป็นเวลาที่ Malaiman Downtown กำลังเล่นพอดี พวกเขาเป็นวงเร็กเก้ที่ติดเล่นกลิ่นโซล แจ๊ส มาเป็น rocksteady ก็มี ชิลมาก พอแลกรับริสต์แบนด์เรียบร้อยแล้วก็ไปหาจุดกางเต๊นท์เหมาะ เดินไปพลางฟังเพลงไปด้วย เลยทำให้บรรยากาศตอนที่เริ่มกางเต๊นท์นั้นอบอวลไปด้วยความรื่นรมย์ แต่แม้ว่าใจเราจะเย็น แสงแดดที่ส่องมาเวลานั้นก็ไม่ได้เห็นใจเราเท่าไหร่เลย อว้อยยย รว้อนนนน นักดนตรีนี่ถือว่าต้องต่อสู้แสงแดดกันสุด นับถือใจจริง แล้วนี่ขนาดฟังไกล ยังรู้สึกเลยว่าวงนี้ดีมาก ติดตามเลย

จากนั้นตอนห้าโมงครึ่ง เราก็ยังงมกับการกางเต๊นท์ไซส์ 5 คนนอน (แต่ใช้คนกางแค่ 2 คน มันเลยยังไม่เสร็จซักทีนี่ไง) วง Sriswaad ก็ขึ้นเล่น เราได้ยินเสียงร้องเพราะ มาแต่ไกล แต่กับดนตรีก็เป็นเร็กเก้ที่เมโลดี้มีความละมุนละไม เน้นการทอดเสียงร้องนุ่ม มีบางเพลงที่ก็เป็นโฟล์กสบายผสมผสานอิเล็กทรอนิกด้วย

จนแล้วเราก็จัดการกับเต๊นท์เสร็จ เลยยกเก้าอี้สนามมานั่งดู หลาย คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วบ้างก็นั่งบนเสื้อ บนเก้าอี้พับ มีเครื่องดื่มประจำตัวอยู่ในมือ พร้อมที่จะดูวงต่อไป ตอนเวลาหกโมง วิมุตติมาประจำที่ อาจารย์ต้อมเปิดบีตอิเล็กทรอนิกเป็นลูปอุ่นเครื่อง จากนั้นก็เล่นเป็น instrumental track พร้อมกับมีเสียงพูดบทกวีไปพร้อม กัน จากชื่องานแล้วต้องบอกว่าเพลงของวงนี้เข้ากับงานที่สุดเลยก็ได้มั้ง เพราะทุกคนแต่งตัวใส่เสื้อคลุมเหมือนคนในลัทธิ installation ด้านหลังเซ็ตที่เป็นวัสดุสะท้อนแสงก็ทำให้พื้นที่ตรงนั้นเหมือนจุดรับสัญญาณจากนอกโลก เท่มาก

ตอนนั้นเองที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป ท้องฟ้าที่เคยสว่างพลันมืดแบบที่เราลืมสังเกตไปเลย รู้ตัวอีกทีก็เห็นแสงไฟเล่นกับ reflector ด้านหลังวิบวับ พร้อมกับเล่นเพลงฉันไม่มีปีกบิน ฉันมันแค่คนเดินดิน’ เพลงนี้เป็น alternative rock ผสมกับซินธิไซเซอร์ ลึกลับ ไดนามิกท้ายเพลงพุ่งขึ้นเรื่อย ต่อด้วยซินธ์ป๊อป ‘() สิ่งที่มันผ่านไปเคยดีแค่ไหนก็ต้องปล่อยวาง’ ตามด้วยเพลง slow rock หม่น ประสานเสียงร้องสูง ท้ายเพลงเป็นโพสต์ร็อกหนักหน่วง

หลังจากเพลงนี้เราก็ต้องเบิกตาโพลง ทุกคนปรบมือขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงราวรู้กันว่านี่คือเพลง ‘Reverse’ ของ อัศจรรย์จักรวาล ความรู้สึกตอนนั้นเป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูกจริง คือเราร้องไห้ออกมาเพราะครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้ดู อัศจรรย์จักรวาล คืองาน Stone Free 3 แล้วอาจารย์ต้อม Thom AJ Madson ก็คืออดีตมือกีตาร์ของวงนี้ เรายังจำครั้งที่เขาลงไปที่พื้นและใส่อารมณ์ลงไปในกีตาร์อย่างคุ้มคลั่งได้ดี แล้วในวันนี้เสียงร้องของ พี่ตึ๋ง ก็ถูกแทนด้วยนักร้องนำของวิมุตติ ขับกล่อมความเหงาและสับสนอีกแบบให้เราได้ฟังกัน ขนลุกมาก แล้วพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะเล่นจบเซ็ตด้วยปล่อยให้น้ำตามันไหล และตะโกนออกไปให้สุดเสียง’

แล้วไม่นาน ชายใบหน้าสีน้ำเงินก็ปรากฏตัวท่ามกลางวงวิมุตติ พร้อมเสียงร้องดีใจของผู้ชมเมื่อได้เห็น พราย ปฐมพร ปฐมพร เปิดมาด้วยเพลงแรกจริงเพียงจริง’ ตามด้วยเพลงเก่าของเขาอย่าง พรุ่งนี้ md กีตาร์อีกตัวในเพลงนี้ดีมาก ช่วงท้ายถูกบรรเลงออกมาเป็นเร็กเก้ได้เข้ากันสุด แล้วเขาก็หยิบเพลงจากอัลบั้มล่าสุด ‘Precious’ มาเล่น นั่นคือรอก่อนความตาย’ อินโทรกีตาร์เพลงนี้เท่สุด

พอจบเพลงเขาก็บอกว่ามีคนที่คอยซัพพอร์ตให้เขามาถึงตรงนี้ได้มารับชมด้วย นั่นคือคุณแม่ที่อายุ 80 ปีกว่าแล้ว โดยอินโทรของเพลงต่อไปที่จะเล่นก็ทำให้รู้ว่านี่คือเพลงบางเวลา’ ที่เป็นโปรเจกต์ Pry & May-T ที่อินโทรเพราะมาก เท่านั้นไม่พอยังพ่วงหมัดฮุกด้วยเพลง ‘…ก่อน’ ที่ทำเอาเราต้องเสียน้ำตาอีกระลอก พอจบเพลงนี้ก็มีคนอังกอร์ขึ้นมาทันที พรายพูดติดตลกว่า ทีแรกจะไม่เล่นเพลง สัตว์นรก’ เพราะคนที่นี่เป็นคนดีเกินไป แต่สุดท้ายก็เล่นเอาใจแฟน กันไปถ้วนหน้า

ได้เวลาพักแปปนึง เราก็รู้สึกว่าอากาศเริ่มเย็นจนต้องวิ่งกลับไปเอาแจ็คเก็ตมาใส่ รู้สึกว่าอากาศจะเย็นกว่าปีก่อน มาก แบบนั่งจนสั่นได้ นอกจากหนาวแล้วยังหิว เราเลยลุกไปหาอะไรกินแกล้มเบียร์ เดินไปตรงซุ้มอาหารก็เจอเข้ากับมาม่า โจ๊กคัพ ลูกชิ้นทอด บราวนี่ และ ข้าวไข่เจียว!!! ซึ่งไอ้อย่างสุดท้ายเนี่ย มันเหมาะกับอากาศแบบนี้มาก จัดไปเลย มาม่าต้มยำ กับข้าวไข่เจียว ไม่รู้มันหิวมาจากไหน กินไปพลางดูวงที่ขึ้นเล่นตอนสองทุ่มครึ่งอย่าง Roots Tone เหมือนว่าเขาสลับตารางให้มาเล่นช่วงนี้ เปิดมาด้วยอินโทรแอมเบียนต์ล่องลอย ก่อนโยนเข้า rockstedy ในเพลง ‘Meditation’ แล้วพวกเขาก็ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบเพื่อไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่โคราชเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เสียงคว้าง ของเครื่องดนตรีในมือของนักร้องนำสะกดให้เราอยู่ในสภาวะจิตนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เล่นเพลงจังหวะสนุก ทรัมเป็ตกับกีตาร์ดีมาก ต่อด้วย ‘Just Know’ และ ‘Inside Outside’ ก่อนจะปิดท้ายไปด้วย สุญญตา’ เป็นไซเคเดลิก เวิร์ลมิวสิก ผสมเร็กเก้ที่เท่มาก

สามทุ่มครึ่ง ดารารัศมี ก็ขึ้นเล่น คราวนี้พวกเขามาในเซ็ตที่ไม่มีเชลเล่เหมือนอย่างเคย ซาวด์เลยยิ่งดิบขึ้น กับเพลงแรกในจักรวาล’ ที่มาแบบ stoner rock กันเลย จากนั้นก็เป็นเพลง หมื่นพันปีแสงในตำนาน’ ไซค์ร็อกที่เพิ่งปล่อยมาหมาด ตามด้วย ฉันคือรถไฟ’ อีกหนึ่งเพลงมัน ที่ทำให้มีกำลังใจลุยกันต่อในสิ่งที่ตัวเองเชื่อแต่คนอื่นไม่เชื่อด้วย แล้วก็เป็นเพลง โรงแรมปีศาจ’ ตอนนี้ไลท์ติ้งเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ยิ่งขับความขนหัวลุกของเพลงนี้ขึ้นไปอีก หลังจากนั้นก็เป็นเพลงเร็ว มัน ใน งานกับเงิน กีตาร์หนา เบสหน่วง กลองเร้า ทำเอาหัวโยก ท้ายเพลงดึงหน่วงเอาซะปรับอารมณ์ไม่ทัน และปิดท้ายด้วย เริงราตรี’ ที่เล่นท่อน extended ของ หมื่นพันปีแสงในตำนาน’ จบอย่างสวยงาม

แล้วก็เป็นคิวของ side project ของ จีน มหาสมุทร นั่นคือ ผีเสื้อราตรี มาเป็น looping shoegazer ดิบ เท่ ที่เขาเล่นกับภรรยาของเขาซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกวง trash metal ชื่อ Bobkat จากนั้นก็เป็นเพลง บอกลา’ ที่อยู่ในโปรเจกต์ Ugly Mountain ของเขาด้วย คราวนี้มาเป็นแบบ stoner rock หนืดหนักหน่วงเลย แล้วเขาก็มีเพลงที่เป็นบริตป๊อป ที่มีส่วนผสมของไซเคเดลิก อิเล็กทรอนิก เปิดลูป ใส่เมโลดี้เพราะ แต่ใช้ fuzz เท่ ซาวด์หนา ก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นลูปเป็นเทคโนมินิมัลอยู่พักนึง แล้วก็จบลงไปด้วย สุขใจ’ ที่เล่นแบบเร็กเก้ ใช้ซาวด์กีตาร์เป็น wah wah ได้อีกฟีลที่ไม่คุ้นชินแต่ดีไปอีกแบบ

Grass On The Moon #2

ประมาณห้าทุ่มครึ่ง The Photo Sticker Machine พ่อมดอิเล็กโทรแจ๊สก็มาประจำที่ บรรเลงแจ๊สเพราะ เท่   improvise กันอย่างเมามัน ได้ฟีลแบบ ambient, space jazz ท่องอวกาศ ล่องลอยกันไปดาวอังคาร กีตาร์กับเครื่องเป่า เบสกับคีย์บอร์ด สอดประสานกันอย่างมีชั้นเชิง มีเพลงนึงที่ได้กลิ่นละติน กับกีตาร์ที่หยิบเอามาเล่นแบบฟังก์ เท่เอาเรื่อง ส่วนแซ็กโซโฟนก็บาดจิตเหลือเกิน มาอย่างน้อย แต่หวดได้ถูกจุด และไลท์ติ้งตอนนี้ก็พร่างพราวสวยงาม ดูเพลินมาก ช่วงกลางมีเป็นแจ๊สร็อกขับเคี่ยวกันอย่างเมามัน ส่วนเพลงสุดท้ายพวกเขาก็เล่นเพลงดัง ‘134340 (Pluto)’ ให้คนดูช่วยกันร้องด้วย

ตอนเที่ยงคืนครึ่ง ทีม TPSM ยังอยู่ประจำที่ พร้อมกับได้ ริค วชิรปิลันธ์ิ ขึ้นมาในช่วงโชว์ของเธอ เปิดมาด้วย jazzy dnb เท่ กับเพลง ติชิลา’ เสียงร้องเท่ของเธอขับกล่อมวิญญาณของคนดูให้ได้โลดเต้นไปกับความดำมืดที่งดงามนี้ มีท่อนอิมโพรไวส์ท้ายเพลงที่เธอได้ร้องควบคู่ไปกับวง ก่อนเล่นเพลงต่อไป ริคเล่าที่มาของเพลง คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์’ พูดเปรียบเปรยว่าบางทีการรักใครชอบใครไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรให้มันมากมาย ก่อนจะเล่นเพลงฮิตที่ได้กลิ่นอายแจ๊ส ฟังก์ และร็อกเพลงนี้ ท่อนฮุกที่ร้อง improvise เท่ ก็สะกดเราได้อีกครั้ง ตามด้วยแจ๊สเท่ จากนั้นก็เล่นเพลง หมื่นเหมันต์’ จากอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะได้ฟังกัน มาเป็นอัลเทอร์เนทิฟร็อกพุ่งพล่าน ปอม มือกลองวง Beagle Hug ก็โซโล่กลองอย่างดุเดือด แล้วก็เป็นเพลงสูญ’ ของ Greasy Cafe ที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษและนำมาเล่นสด ก่อนจะจากกันไปในเพลงมัน รัสเซียน รูเล็ตต์ (ซินดองมา)’ ที่ตอนต้นเป็น spoken words พูดคลอไปกับบีตเร็กเก้ ก่อนจะซัดเข้าดนตรีหนักหน่วงให้เราโยกหัวกันหนัก

ตีหนึ่งครึ่ง Inspirative วงโพสต์ร็อกฝีมือระดับแนวหน้าขึ้นอินโทรอันคุ้นเคยในเพลงสุดบาด เพลงส่วนตัว’ จุดนี้เริ่มมีคนลุกขึ้นมาโยกไปกับเพลงเมโลดี้รวดร้าวแต่ไดนามิกชวนโดดกันแล้ว จากนั้นก็เล่น ‘KL Street’ โดยมีเสียงประกาศในสนามบินเป็นกิมมิกหลัก ของเพลงเหงา  เพลงนี้ โดยท้ายเพลงก็มีเสียงลัลลาบายคอยกล่อมตอนจบเพลง ราวกับพวกเขารู้ว่ามีบางคนชิ่งไปนอนก่อนแล้ว จากนั้นก็เป็นเสียงลมพายุโหมกระหน่ำกับเสียงฝีเท้าย่ำกลางหิมะหนาวเหน็บ เข้ากับบรรยากาศหุบเขาตอนนี้มาก คือมันหนาวกว่างานก่อน ที่จัดมาก และนี่คือเพลง อุโมงค์เวลา’ ที่ไลท์ติ้งยิงเป็นเหมือนเงากระทบลอดกิ่งไม้ ริ้วไปกับยอดหญ้า สวยมาก ก่อนจะเล่น ‘Mainland’ สาดกันอย่างดุเดือด ไม่นานนัก พวกเขาก็ขึ้นเป็นอินโทรเพลงเศร้าในดวงใจของชาวโพสต์ร็อกอย่าง ระฆังลม’ ยิ่งฟังเพลงนี้ประกอบกับลมเอื่อย พัดมาเย็นเยือก ใครอกหักอยู่แล้วต้องมาฟังนี่คงเหมือนโดนตอกย้ำ ไม่สงสารกันเลย ก่อนจะเล่นเพลงใหม่สุดไพเราะแต่ซึมเอาเรื่อง กับ พื้นที่ว่าง’ จบเพลงเขาก็บอกว่า “ได้กลิ่นหญ้าเผาเป็นระยะ รู้สึกดีมาก และเป็นครั้งแรกที่ได้มาเล่นงานบรรยากาศแบบนี้” ก่อนจะเล่นเพลงสุดท้าย ‘Why’ เรียกว่าเป็นเซ็ตลิสต์ในดวงใจแฟนเพลง Inspirative ยุคแรกเลยทีเดียว

Grass On The Moon #2

PISITAKUN ขึ้นเล่นตอนตีสาม เขาเปิดเพลงพวก hard techno, happy hardcore, acid techno หนักหน่วง โดยจะมีการมิกซ์เอาเพลงพื้นบ้าน หมอลำ ไทยเดิม เข้ามาใส่ แต่ช่วงหลังพบว่าเสียงจากมอนิเตอร์หายเลยไม่สามารถเล่นต่อได้ ตอนนี้เราก็หมดแรงแล้วจริง เลยต้องขอตัวกลับเต๊นท์ไปนอนขดหนีหนาวด้วยคนเหมือนกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นมาเพราะความร้อนจากแดดเจ็ดโมงเช้าที่ไม่ปรานีเราเท่าไหร่ เทียบกับความหนาวเมื่อคืนแล้วก็รุนแรงพอ กัน เสียงรถห้องน้ำที่เป็นความหวังสุดท้าย (ห้องน้ำสะอาดมาก ๆๆๆๆ อุ่นใจไปเลย) ขับเคลื่อนไปจากจุดกางเต๊นท์ ทำให้เราที่ใจคอไม่ค่อยดี (ตอนนั้นปวดฉี่มาก) เลยต้องรีบเก็บเต๊นท์ เก็บของ รีบหาห้องน้ำเข้าและเดินทางกลับกรุงเทพ โดยปริยาย

Grass on the Moon #2

Grass on the Moon #2 ถือว่าเป็นอีกงานที่เราประทับใจ ขอบคุณ The World May Never Know ที่ชวนวงหน้าใหม่ฝีมือดี และพี่ รุ่นเก๋าที่รับชมคอนเสิร์ตพวกเขายากขึ้นแล้ว หรือหลาย วงที่หยิบเอาเพลงโปรดในอดีตที่ไม่ค่อยได้เล่นกลับมาโชว์อย่างเต็มที่ จะว่าไปก็ไม่ได้มานอนดูคอนเสิร์ตในบรรยากาศป่าเขา พ่วงด้วยคนดูที่เป็นมิตร มีน้ำใจ แล้วก็ดูชิลกันมาก แบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน หายคิดถึงงานแบบ Stone Free หรือ Keep on the Grass ไปได้พอตัวเลย ถึงตารางงานจะยังเลตอยู่ แต่ก็ถือว่าได้ไปนั่ง ๆ นอน ๆ พักหายใจกันระหว่างโชว์ และปีนี้ก็มี Autosave มาเพิ่มสีสันให้กับการแสดงดนตรีด้วย หวังว่าคราวหน้าเราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของ Grass on the Moon อีกครั้งนะ

ขอบคุณภาพ ligthing installation จาก AUTOSAVE

อ่านต่อ
‘Psych Out’ เทศกาลดนตรีไซคีเดลิกที่เรารักและคิดถึงมากที่สุดงานนึงกลับมาแล้ว
ระเห็ดเตร็ดเตร่ Stone Free 4
Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้