ระเห็ดเตร็ดเตร่

happening@house 6 New Indie

  • Writer: Montipa Virojpan

4 ตุลาคม 2558

เป็นอีกวันที่การเดินทางไปโรงหนัง House CA ของเราได้รับการต้อนรับจากฝนที่โปรยปรายลงมาทันทีก้าวเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพชรบุรี ไม่เป็นไร จุดนี้คิดอย่างเดียวว่าต้องไปให้ทันวงแรกแม้ฝนจะเทลงมาหนักแค่ไหน เวรกรรมที่มอเตอร์ไซค์ก็ไม่มีผ่านมาเลยสักคันเลยตัดสินใจจับแท็กซี่เข้าไปแทน บ่ายโมงนิด ๆ เรามาถึงเฮาส์ก็รีบยื่นบัตรให้เขาฉีกพร้อมปั๊มข้อมือก่อนวิ่งเข้าไปในงาน จำนวนผู้ชมในช่วงนี้ถือว่ามีประมาณหนึ่ง คาดว่าส่วนอื่น ๆ คงกำลังเดินทางมาและอาจจะติดฝนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ทำให้พลาดการแสดงของ สิริพรไฟกิ่ง จากเชียงใหม่กำลังสาดเสียงดุดันในเพลง พร้อม ต่อด้วย คงเดิม, Well ที่เราเคยพูดถึงในคอลัมน์ เห็ดใหม่ และเล่นเพลงใหม่ที่เราไม่ทราบชื่อที่เพิ่งปล่อยออกมา และนำมาเล่นที่กรุงเทพ ฯ เป็นครั้งที่สอง หลังจากที่สองคืนก่อนหน้าพวกเขาไปปะทุความเดือดมาแล้วที่ Brownstone Studio อ่อนนุช และเราก็ได้ไปเป็นสักขีพยานความพีคที่งานนั้นอีกเช่นกัน แต่หนนี้พวกเขาเพิ่มความดุด้วยการรัวกลองใหญ่กันสองคนในช่วงท้ายของเพลง อยากบอกทุกคนให้หาโอกาสมาฟังวงนี้เล่นสด เพราะนอกจากเพลงของพวกเขาจะเรียบเรียงมาได้อย่างงดงามตามครรลอง post rock แล้ว โชว์ของพวกเขายังดุดันน่าประทับใจอีกเช่นกัน อะไรมันจะเล่นแน่นเล่นดีขนาดนั้นอะ

พอเล่นจบ ก็มีเวลาให้เราก็แอบมาเดินเล่นหน้างานนิดหน่อย ข้าง ๆ โต๊ะลงทะเบียนสื่อนอกจากจะมี happening ฉบับเก่า ๆ มาขายแล้ว ยังมีเสื้อของ happening กับซีดีวงดนตรีที่น่าสนใจวางจำหน่ายใกล้ ๆ กันด้วย ถัดไปโซนข้างบันไดเลื่อนก็เป็นร้านอาหาร เครื่องดื่ม จาก Steel Rose Cafe ทั้งไส้กรอกเยอรมัน (อร่อยจริง คอนเฟิร์ม) กับพิซซ่าบาแก็ตหน้าฮาวายเอียนหรือผักโขม และสปาเก็ตตี้ขี้เมา กับอีกร้านน้ำมะนาวหลากรสจาก Tammadee Farm Goods & Juicery ไม่นานนักเราก็รีบกลับเข้าไปดู InDeedweNeed แล้วก็ตกใจเพราะเพิ่งรู้ว่า เชียร์ นักร้องนำวง Supergoods ที่เรามักไปดูเป็นประจำที่ SoulBar ก็มาร้องให้วงนี้เหมือนกัน ไหนมาลองดูว่าสไตล์ที่เขาร้องในงานนี้จะแตกต่างกับที่ร้านมากน้อยขนาดไหน เราเคยได้ยินคนพูดถึงวงนี้มาพักนึงแล้วเหมือนกัน ความน่าสนใจของวงนี้คือการผสานเอาความเป็นร็อคเข้ามารวมกับ pattern ดนตรีแบบแจ๊ส ชนิดที่ว่าพอเราฟังเสียงกลอง หรือไลน์กีตาร์แบบนี้แล้วจะได้กลิ่นแจ๊สทันที เนื้อเพลงที่เขียนออกมาก็เพราะสละสลวย ความเท่อีกอย่างคือวงนี้ให้ความสำคัญกับ vocal มาก ๆ นักร้องนำสองคนของโชว์วันนี้ทั้งคู่ต่างมีเนื้อเสียงหนา เรนจ์เสียงกว้าง และโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ถือว่าเป็นอีกวงที่น่าติดตามการแสดงของพวกเขาครั้งต่อ ๆ ไป

ต่อไปเป็นคิวของ Young Man And The Sea ขึ้นเล่น ที่เราได้อยู่ฟังพวกเขาบรรเลงเพลงสไตล์ post folk ได้พักนึงก็โดนเพื่อนลากไปเดินดูของจากร้านค้าต่าง ๆ ภายในงาน ถือว่าหลากหลายแต่น่าจะถูกใจสาว ๆ มากกว่าทั้งหมวกปักลายคิ้วท์ ๆ จาก Little Tim & Mr. Postman เป้สีสดจาก Troopers เครื่องหนังจาก Sumphara งานเซรามิกสุดน่ารักจาก Ce’halo แผ่นเสียงจาก Hidden Tracks Records เครื่องรางนางฟ้าและของกระจุกกระจิกจากหนังสือของทรงศีล ทิวสมบุญ แว่นเก๋ ๆ จาก Void ผลิตภัณฑ์มัดย้อม indigo จาก Studio 26 สินค้าจากค่ายเพลงทั้ง Panda Records, Minimal Records, Summer Disc, What The Duck, Color Code และหนังสือจาก a book, Springbooks, openbooks, สำนักพิมพ์ Salmon และอีกมากมาย จะบอกว่าตอนเดินดูนี่กุมกระเป๋าตังไว้แน่นมากเพราะถ้าเผลอใจนี่ทำแบงค์ปลิวลอยเข้าหลายร้านแน่นอน ร่อนกันแบบพอดี ๆ ก็เดินแวะมาตรงเวทีหลักสักนิด สมเกียรติกำลังเล่นเพลง นิสัย ขนาดได้ฟังแปปเดียวก็สัมผัสได้ถึงความแน่น ไม่ใช่แค่คนแน่น แต่เล่นกันแน่นด้วย จุดนี้ขอปลีกตัววิ่งกลับเข้าไปที่โรงหนัง เพราะตอนนี้มีโปรแกรม Acoustic Cinema ที่จะมีวงดนตรีเล่นในโรงหนัง ตอนนี้เป็นคิวของ จินตะ เราค่อนข้างคาดหวังกับซาวด์ที่จะได้จากการรับชมรับฟังครั้งนี้ ยิ่งเพลงมาแนวแอมเบียนท์ดาร์ค ๆ หนัก ๆ โหยหวน ๆ อยู่แล้ว ถ้าได้มาเล่นในโรงหนังจะต้องพีคแน่นอน

บ่ายสามตรง เราเข้ามาจับจองที่นั่งในโรงหนัง ทุกคนนั่งกันอย่างเงียบสงบตามวัฒนธรรมผู้ชมภาพยนตร์ที่ดี เหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกที่วุ่นวายโดยสิ้นเชิง ขนาดที่แค่คนแถวหน้าขยับตัวก็ได้ยินเสียง เราเคยมีโอกาสดูการแสดงสดในโรงหนังเมื่อตอนฉายเรื่อง 36 แล้วอ๊อฟ Desktop Error ก็เล่น live score ไปด้วย คือมันดีมาก ประสบการณ์การดูหนังของเราถูกยกระดับความสมจริงทางอารมณ์ขึ้นไปอีกขั้น กลับมาที่งานของเรา แค่การที่วงเริ่มซาวด์เช็คก็หนาวแล้ว (ไม่ใช่แค่แอร์เย็น แต่เสียงไวโอลินเขามาจริง) บรรยากาศในโรงหนังก็ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มก้อนอารมณ์ดาร์คทันทีในเพลง ร่างกาย ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลที่ทางวงออกกับ happening พอเครื่องดนตรีทุกชิ้นประสานกัน เสียงไวโอลินหวาน ๆ กีตาร์โปร่งใส ๆ กับเอฟเฟคอีกสองตัวแบบที่ไม่มีกลองทำให้ได้ความรู้สึกอีกแบบหนึ่งจากที่เคยฟังจินตะมา แต่บอกได้อย่างเดียวว่า ขนลุกเกรียว นี่ไม่เว่อ ให้ลองหลับตาฟังแล้วปล่อยให้เสียงของณัฐธีร์พาเราล่องลอยไปยังโลกสีหม่นของเขา เสียงเอื้อนที่กึกก้องในโรงหนังนี่แบบว่า โอ่ยยยยยย รวดร้าววววว จากนั้นก็เป็นเพลง จินตะ ชื่อเดียวกับวง ความเพราะไม่ได้แปรผกผันกับความเศร้าสร้อยที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในทุกเพลงแต่อย่างใด แล้วก็เป็นเพลง เกสรดอกไม้ เสียงไวโอลินกรีดดวงใจไม่ไหวแล้ว คือเพลงนี้เราก็ลุ้นด้วยอีกว่าณัฐธีร์จะร้องขึ้นท่อนพีค ๆ ไหวไหม ทุกทีคือถึงนะแต่วันนี้ดูเสียงรวดร้าวไปแล้ว แต่ปรากฏว่าก็ถึง ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าธีร์เป็นปิศาจรึเปล่าวะ ทำไมทำเพลงเก่งแล้วยังร้องเพลงเก่งขนาดนี้ ต่อไปเป็นเพลงใหม่อย่าง มาร ที่เจ้าตัวบอกว่าจะเปลี่ยนให้โรงหนังเป็นสีดำ แต่จริง ๆ มันเป็นสีดำอยู่แล้ว ก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูขัดกับบรรยากาศกับทั้งโชว์ที่ผ่านมา แต่พอเล่นเข้าจริงก็เล่นเดือดจนสายขาดเลยจ้า ปิดท้ายด้วยเพลง ฝิ่นหนาว ที่ทำเอาหนาวเหน็บเจ็บปวดกันสุด ๆ จบโชว์ เราขอยกให้นี่เป็นโชว์ที่ดีที่สุดในงานนี้ทั้งที่ไม่ทันได้ดูวงอื่น ๆ เพราะด้วยเสียงที่ได้รับจากการฟังในโรงหนังและ performance สุด emotional นี้มันคือที่สุดแล้วล่ะ

พอออกมาเราก็ทันฟัง Kobe เล่นเพลง Here เป็นเพลงสุดท้าย เสียดายมาก ๆ เพราะไม่ค่อยได้ดูวงนี้เล่นสด แล้วเพลงเขาก็ดีด้วยไง จากนั้น Ten To Twelve ก็รอคิวเล่นต่อ ทว่าเพื่อนก็ลากไปดู Wave And So ต่อในโรงหนัง วง surf pop, dream pop งุ้งงิ้ง ๆ กับเซทที่ไม่มีกลองอีกเช่นกันทำให้ดูหนืด ๆ เนือย ๆ ไปบ้าง พวกเขาขนเพลง วันนี้เรานัดกัน, คัฟเวอร์ It’s Real จาก Real Estate, บ้านจัดสรร, เพลงใหม่อย่าง Deal, และ Flower ไม่นานนัก ภูมิจิต ก็ขึ้นเล่นต่อกันเลย ความน่ารักคือพุฒิชวนคนดูโพสต์สเตตัสว่า ภูมิจิตกำลังจะเล่นแล้วให้รีบมาดู ส่วนบอมก็ตบมุขด้วยการบอกว่า ช่วยแชร์ hotspot ให้หน่อย แล้วสักพักก็บอกว่า มีคนแชร์สเตตัสเขาด้วย สงสัยขี้เกียจตั้ง คนดูก็ขำกันสิครับ แต่เราก็อยู่ฟังได้แค่เพลง ชีพจรลงเท้า แบบอะคูสติก กีตาร์สาม เบสหนึ่ง แค่เพลงเดียว เพราะตอนนี้มีโปรแกรมหนังสั้นผลงานนักศึกษาเรื่อง Glowstick และ หู ฉายที่โรงฝั่งตรงข้าม แต่บอกเลยว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ฟังแล้วอินมาก ๆ ตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนหาเช้ากินค่ำบ้านไกลชีวิตสโลวไลฟ์เพราะรถติดได้เป็นอย่างดี แล้วเราก็วิ่งออกมาดูการแสดงเวทีหลักต่อ ตกใจมากคือตอนแรกดูโชว์มายังเล่นตามเวลา เผลอ ๆ ตารางรันไวกว่าที่กำหนดไว้อีก แต่ไป ๆ มา ๆ 17.45 น. วงเล่นเลทไปชั่วโมงนึง Moving And Cut เพิ่งขึ้น คนดูแน่นขนัดแบบแทบไม่มีทางเดิน ก็เล่นเพลงฮิตทั้ง รักที่เธอบอกมา และปล่อยให้ตัวฉันไป ที่คนร้องเพลงกันลั่นสนั่นฮอล

แล้วก็ถึงตาของ Gym And Swim กับโชว์ที่อัดแน่นไปด้วย energy ล้นหลาม บนเวทีก็คลั่งแล้วพาคนดูดีดดิ้นไปด้วยกัน สนุกมาก ทั้ง Iron Man, Bunny House, Yuuwahuu และ Octopussy จากนั้นเราก็ขอตัววาร์ปไปกินข้าวทำให้พลาด Plastic Plastic กับ Superbaker VS Starfish ไป แต่เพื่อนที่อยู่ดูบอกว่า มัน เด็ด มาก คือการเอาเพลงของ Superbaker มาเล่นแบบ alternative rock มันดีงามจนเรารู้สึกเสียดาย หนหน้าจะไม่พลาด ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง พอกลับมาก็เป็น Stoondio เพลงสุดท้าย ต่อด้วย Abstraction XL เรียกว่าเปลี่ยนมู้ดเลยทีเดียวกับโชว์สุดเดือด เพลงแรกเล่นมันราวกับจะเล่นเป็นเพลงสุดท้าย ความฟินคือมีฝูงชนที่พร้อมจะร้องตะโกนไปกับทุกเพลงของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น มองออกไป ที่มีป๊อก Stylish Nonsense มาร่วมแจมเมโลเดียนด้วย หรือเพลงใหม่ที่มีความพ๊อพมากขึ้น ที่ผ่านมา ปิดท้ายด้วย ที่ผ่านมา ที่ตะโกนกู่ร้องคำว่า เวรกรรม กันสนั่น พีคไปหมด แล้วก็ต้องดอดไปทำธุระอีกแปปนึง ก็กลับมาทันฟักกลิ้งฮีโร่ กำลังโชว์เพลงใหม่อย่าง ชูใจ พอดี บรรยากาศตอนนี้ประหนึ่งผับตื๊ด ดิมไฟ คนเต้นกันยับ แต่ถึงตอนนั้นเราก็อ่อนล้าหมดแรง ไม่ทันได้ฟังปู่จ๋าน ลองไมค์ กับ Solitude Is Bliss ที่อุตส่าห์รอมาตลอดทั้งวัน เพราะโชว์เลทไปถึงสี่ทุ่มและสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างเดือดสำหรับเรา ต้องการการพักผ่อน เสียดายมากจริง ๆ พยานพบเห็นบอกว่าเล่นปิดพีคมาก ๆ แต่ตาเราก็จะปิด ยืนไม่ไหวแล้ว ฮือ

จากหลายปีที่ผ่านมาที่มีงาน happening@house นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปสัมผัสบรรยากาศของจริงจากการที่ได้เห็นภาพปีก่อน ๆ คราวนี้รู้ซึ้งเลยว่า คนเยอะมากกกก ได้การตอบรับดีมากจริง ๆ กับโปรแกรมดนตรีจากวงที่กำลัง happening และภาพยนตร์ที่น่าสนใจ กับของขายละลานตาอย่างที่บอกไว้ตอนต้น แต่ด้วยสถานที่อาจจะไม่พอรองรับแฟนคลับจำนวนมหาศาลของบางวงและห้องน้ำที่มีจำนวนจำกัดทำให้มีความไม่สะดวกไปบ้าง แต่โดยรวมถือเป็นงานที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องและครั้งต่อไปเราคงไม่พลาดที่จะไปแวะเวียนอีกอย่างแน่นอน

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้