Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

HAVE YOU HEARD? : Homeshake Live! + Soft Pine โชว์สุดปุบปับ ทับใจแฟน ๆ

เกือบสองปีพอดี หลังจากที่ Homeshake มาเล่นที่นี่ครั้งแรก ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นช่วงต้นปีที่อากาศยังไม่ร้อนมากนัก หลายคนน่าจะจดจำบรรยากาศวันนั้นได้ ด้วยโชว์ และวิชวลที่ติดตา กลับมาครั้งนี้ด้วยการชวนของ Have You Heard? เช่นเคย แม้ว่าสเกลของงานจะเปลี่ยนไป แต่คงไม่ใช่ปัญหา เพราะหลังจากที่ออกอัลบั้ม Helium ไปเมื่อปีก่อน ที่มีเพลงอย่าง Like Mariah, Just Like My ที่ฟังแล้วชอบมาก ๆ ทำให้อยากรู้ว่าเราได้เห็นโชว์อะไรใหม่ ๆ จาก Homeshake ในครั้งนี้บ้าง

คืนวันจันทร์ที่รถไม่ติดมากนัก การขับรถจากพหลโยธินไปทองหล่อจึงไม่ได้ใช้เวลานานจนเกินไป ช่วงเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง ด้านหน้าทางเข้าของ De Commune ระหว่างที่ควันบุหรี่กำลังลอยอยู่ในอากาศ เสียงเพลงของ Soft Pine ที่กำลังเล่นอยู่บนเวที ลอดออกมาจากประตูสีแดงบานใหญ่ที่ถูกเปิดออกอยู่เรื่อย ๆ จนต้องเดินเข้าไปดูด้านในด้วยตัวเอง วันนี้ด้านในดูเล็กเป็นพิเศษ อาจเพราะด้วยจำนวนคน แต่ด้วยขนาดสถานที่แบบนี้แหล่ะที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และ ใกล้ชิดศิลปินมากเป็นพิเศษ ส่วนวงที่เล่นอยู่บนเวทีนั้น รู้สึกว่าการเล่นของ Soft Pine ดีขึ้นเรื่อย ๆ ฟังเพลินเหมือนเดิม ซึ่งถือเป็นวงเปิดที่ดูแล้วเข้าขากันมาก ทั้งบรรยากาศของเพลง บรรยากาศของคนฟัง ภายใต้แสงสีนวลตาชวนให้เพลินแล้วโยกตามเบา ๆ ได้ มาพร้อมกับเสียงเครื่องปล่อยควันที่ดังให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ

เบียร์ขวดเล็กในมือหมดแล้ว อยากดื่มเพิ่มอีกสักขวดแต่ก็กังวลว่าจะทำให้ปริมาณแอลกอฮอลเกิน ขับรถมาทีไรต้องห้ามใจทุกที แต่ด้วยความรู้สึกเท่านี้ ก็น่าจะเพียงพอให้เพลิดเพลินไปกับเพลงได้ไม่ยาก มองนาฬิกาในมือถือแสดงตัวเลข 22.25 อีก 5 นาทีวงก็จะขึ้นโชว์ เข้าไปเร็วสักหน่อยคงจะเป็นผลดีมากกว่าในการหาที่ยืนที่เหมาะสม เพราะในบางสถานการณ์ถ้าเลือกที่ยืนผิด เราก็อาจจะไม่สนุกกับโชว์นั้นไปเลย

ด้านใน คนเริ่มแออัดมากขึ้นเรื่อยๆ ดีที่ได้ยืนอยู่ใกล้กำแพงด้านหลัง พอให้มีที่ยืน และ มีอากาศหายใจอยู่บ้าง
สัญญานจากบนเวลาเหมือนจะพร้อมแล้ว อินโทรของ Early ขึ้นมาเบา ๆ และ เรียบง่าย ชวนให้เริ่มจดจ่ออยู่กับโชว์ที่เพิ่งเริ่มขึ้น ต่อด้วย She Can’t Leave Me Here Alone Tonight หนึ่งในเพลงฮิตจากอัลบั้ม In A Shower และ Just Like My จากอัลบั้ม Helium เสมือนเป็นคำทักทายอย่างเรียบง่าย ไม่หวือหวา ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป

แม้โชว์ครั้งนี้จะไม่มีวิชวลให้เห็นเต็มตาแบบครั้งก่อน ๆ แต่ก็ถูกแทนด้วยความเรียบง่ายของไฟ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศของแต่ละเพลงไว้ สีแต่ละสีย้อมหมอกควันบาง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ เพลงจากทั้ง 3 อัลบั้มถูเล่นหมุนเวียนกันไปมา อย่าง Faded, Like Mariah ที่เสียงเบสชัดเจน เหมือนที่ฟังใน audio จังหวะของ Anything at All ที่ชวนให้โยกเบา ๆ หรือ เสียงกีตาร์หวาน ๆ ในเพลง I Don’t Wanna ที่ทำเอาเคลิ้มได้เหมือนเคย และ เพลงจากอัลบั้มก่อนหน้าอีกชุดใหญ่ Other Than, Call Me Up, Khmlwugh และ Fresh Air ชวนให้เพลินกันได้เรื่อย ๆ

เริ่มเข้าสู่เซตหลังๆ ที่บรรยากาศเริ่มสนุกสนานมากขึ้น แม้จะพูดน้อยแต่ Peter Sagar ก็ทักทายกันบ้างเป็นระยะ ด้วยเสียงสังเคราะห์อันทุ้มต่ำของเขา ที่มีเพลง Nothing Could Be Better ที่ได้ยินเสียงปรบมือตามจังหวะอยู่ประปรายในท่อนฮุค หรือ เพลงที่หลายนคนน่าจะชอบอย่าง Give It to Me ที่มีเสียงกีตาร์โซโล่อันเย้ายวน ชวนให้ใครหลายคนแอบโซโล่ปากตาม ต่อด้วย Love Is Only Feeling ที่ชวนให้ซึมกันลงไปอีกหน่อย แต่ก็ยังดึงจังหวะให้กลับมาโยกกันได้ในเพลง Another Thing

สองเพลงสุดท้าย เสียงสังเคราะห์ผ่านไมค์บอกเช่นนั้น เพื่อให้เตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดี เพลง TV Volume ถูกเล่นขึ้นมาอย่างเนิบช้า และเป็นอีกเพลงที่มีเสียงกีตาร์โซโล่แบบเท่ ๆ เข้ามา จนรู้สึกเอี๊ยดอ๊าดไปด้วยทุกตัวโน๊ต ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลงฮิตของวง Every Single Thing ที่แทบทุกคนโยกตาม ร้องตาม โดยพร้อมเพรียงกัน ถือเป็นเพลงปิดโชว์ที่ถูกต้องมาก ๆ

เพลงจบ นักดนตรีเดินลงเวที เสียงเฮ เสียงโห่ร้อง one more song เหมือนจะไม่เป็นผล แต่ก็มีหลายคนยืนรออยู่นานจะเสียงเพลงที่เปิดจากดีเจดังขึ้น ตามมาด้วยไฟสีส้มของสถานที่ที่เปิดตาม จึงถือกันได้ว่าปิดโชว์โดยสมบูรณ์

เปิดประตู เดินออกมาทักทายคนรู้จัก หลายคนยืนสูบบุหรี่ บ้างก็พูดคุยกันว่าจะไปต่อที่ไหน แต่สำหรับตอนนี้รู้สึกว่าเต็มอิ่มแล้ว วันนี้ขอไม่รับฟังเพลงอะไรที่เสียดังหรือโหวกเหวกกว่านี้อีก ขอเอาความรู้สึกที่ผ่อนคลาย อิ่มเอมใจ สงบข้างใน กลับไปนอนพักเพื่อฟื้นฟูจิตใจให้เต็มที่ดีกว่า

Facebook Comments

Next:


warut duangkaewkart

ชื่นชอบการมองหาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ รอบตัว และ สนใจในงานออกแบบมากพอๆ กับการฟังเพลงที่เนิบช้า