Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

สะกดทุกห้วงคำนึงด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและดนตรีผ่อนคลายใน HAVE YOU HEARD? Folk Series : Julie Byrne Live! by MY BEER

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: ILTME

การกลับมาของ Have You Heard? Folk Series ที่ก่อนหน้านี้เราได้พบกับความประทับใจจาก Devendra Banhart ไปแล้ว ปีนี้ Have You Heard? เลยชวนศิลปินโฟล์กคุณภาพ Julie Byrne ที่เคยมาแสดงที่บ้านเราครั้งนึงได้มาลองเปิดประสบการณ์แสดงในโรงภาพยนตร์ลิโด้ที่หลายๆคนคิดถึงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

โรงภาพยนตร์ลิโด้ที่เคยมีเก้าอี้โรงหนังถูกปรับให้เป็น live house และพื้นที่สารพัดประโยชน์โดยยังคงขั้นบันไดต่างระดับเอาไว้ ทางทีมงานเลยจัดแจงเอาเก้าอี้มาตั้งเรียงแถวให้ผู้ชมได้นั่งชม และก็ไม่รู้ว่าที่มาของการมี beanbags ตั้งอยู่แถวหน้า มาจากมุขทีเล่นทีจริงของชาวเราที่มักแซวเวลามีศิลปินโฟล์กก็คงจะดีถ้ามีบีนแบ็กให้ได้เอนกาย คงจะเป็นการรับชมคอนเสิร์ตที่รื่นรมย์น่าดูแล้ว HYH? ก็จัดให้เราจริง ๆ

เวลาเกือบสองทุ่มครึ่ง โชว์ของศิลปินคนแรกก็เริ่มขึ้น เดือน จงมั่นคง กับกีตาร์ของเธอเริ่มบรรเลงเพลงใจ งานที่เคยปรากฏอยู่ภายใต้ชื่อศิลปิน Sasi วงดนตรีที่เธอเคยเป็นสมาชิก นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เธอมานั่งอธิบายที่มาที่ไปของเพลงแต่ละเพลง โดยเพลงนี้พูดถึงภาวะที่ปฏิเสธความรู้สึกผิดหวังหรือเจ็บปวด ต่อด้วย ในวันที่อากาศร้อนจัดฉันคิดถึงเธอ ซึ่งชื่อยาว ๆ นี้ยังไม่เป็นชื่อที่เป็นทางการของเพลงที่เธอเขียนขึ้นในวันหนึ่งในหน้าร้อนที่เธอกำลังอ่านหนังสือเรื่อง ‘Sapiens’ ไปได้ประมาณครึ่งเล่ม ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกระหว่างที่เธอได้ใช้เวลาไปกับคนคนหนึ่ง ซึ่งเนื้อหาในเพลงค่อนข้างส่วนตัวพอสมควร ต่อด้วยงานคัฟเวอร์ Selina and Sirinya ใน Little Boat with Me ที่เธอเปิดแอมเบียนต์คลอไปกับกีตาร์

จนเพลงต่อไปก็ได้ชวน ย้ง Chladni Chandi/ Yaan มาบรรเลงไวโอลินกับเพลง The War ที่พูดถึงการต่อสู้ระหว่างความฝันกับความจริงและความคิดของเธอเอง ตามด้วย นี่ (Surreal) เพลงบัลลาดเพราะ ๆ จากโปรเจกต์ล่าสุดของเธอที่ฟังแล้วต้องขนลุกเป็นระยะ ๆ พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกดีเกินกว่าที่มันจะเป็นความจริงได้ และปิดท้ายด้วยเพลง Bang Bang เมโลดี้เท่ ๆ แต่ฟังแล้วชวนซึมไปไม่น้อยเพราะเนื้อหาพูดถึง การอยากสิ้นสุดความเจ็บปวดในความสัมพันธ์

จนเวลาสามทุ่มสิบห้า วงดนตรีอะคูสติกร็อก Stoic ก็ขึ้นแสดง ปกติเราจะเห็นพวกเขาแสดงเป็น full band เครื่องเต็ม ๆ พลังล้นเหลือพ่วงด้วยเพลง emotional สุดดำดิ่ง คราวนี้ก็มาเป็นเครื่องสองชิ้น แค่กีตาร์อะคูสติกกับเชลโล่ แต่เชื่อไหม เพียงเท่านี้ก็ทำให้โชว์ความยาวหนึ่งชั่วโมงของพวกเขาส่งพลังดิ่ง ทำให้หายใจหายคอไม่ทั่วท้องมาแล้ว เนื้อหาในเพลงร็อกบัลลาดแช่มช้าแต่หนักหน่วงในอารมณ์บีบคั้นให้เราตกอยู่ในห้วงความคิดดำมืด และความเศร้าที่เกินรับไหว ทั้งจากในเพลง Pray จาก EP ของพวกเขา ต่อด้วย วิวรณ์ ที่ต้องชื่นชมว่าแค่สองเครื่องก็เอาอยู่ ไดนามิกพุ่งพล่านมาก เสียงของนักร้องนำคือสะกดคนดูไปเลย อะไรจะรวดร้าวขนาดนั้น

ตามด้วยเพลงที่เขาเขียนให้กับรุ่นพี่ที่เพิ่งเสียชีวิตไป แต่ก็จากไปเพียงร่างกาย เพราะความรู้สึกยังคงเอ่อล้นอยู่กับพวกเขา ต่อด้วย My Ghost ที่เมื่อความสัมพันธ์ยังคงหลอกหลอน ถ่ายทอดออกมาเป็นเพลงในบรรยากาศสุดวังเวง และเป็นเพลง Eye ที่ยังคงความรู้สึกสิ้นหวังและติดอยู่ในความทรงจำ แต่ว่าภวังค์ของเราก็ขาดผึงเมื่อได้ยินเสียงของสายกีตาร์ที่ขาดระหว่างเล่น ทว่าพวกเขาก็ยังไปต่อได้ใน 5 สายที่เหลืออยู่ กับเพลงที่ดาร์กมาก ๆ อีกเพลง ก่อนจะเป็น Lost และ วัฏจักร ที่ถูกเอามาเล่นให้ยืดหนืดกว่าเดิม กว่าจะจบเพลงก็แทบสิ้นลมไปกับพวกเขาด้วยเลย ดิ่งมากจริง ๆ พอเล่นจบเราต้องขอออกไปหายใจหายคอข้างนอกพักนึงเลยทีเดียว

เราเดินกลับเข้ามานั่งที่เมื่อถึงคิวของสาว Julie Byrne ก่อนเธอแสดงก็ได้กล่าวทักทายคนดูและบอกว่าก่อนหน้านี้เธอเคยมาเล่นแล้วรอบนึงที่ Jam เธอดีใจที่ได้กลับมาเล่นที่กรุงเทพ ฯ อีกครั้ง ก่อนเริ่มบรรเลงเพลงดังที่เราคุ้นเคยดีกับ Natural Blue น้ำเสียงอบอุ่นของเธอขับกล่อมเราให้เคลิบเคลิ้มจนลืมความหน่วงหนักจากโชว์ที่ผ่านมา ตามด้วย Sea as It Glides ที่ยิ่งได้ไอเย็นจากกีตาร์ fingerstyle แล้วจึงเป็น Prism Songs ก่อนที่จะขับกล่อมเราในเพลงแอบหม่นเล็กน้อยอย่าง Emeralds จบเพลงนี้เธอก็ขอบคุณเรา และเล่าว่าเป็นเพลงที่มาจากบทกวีหนึ่งของกวีชาวอเมริกัน จนเพลงต่อไปเธอก็เล่นคัฟเวอร์ These Days ในเวอร์ชันของ Nico ที่เราคุ้นเคย แล้วพอนั่งฟังไปก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาเมื่อเนื้อเสียงของเธอคล้ายนิโคอยู่ไม่น้อย เพียงแต่นิโคจะทุ้มกว่าหน่อย

จบจากเพลงนี้เธอก็บอกว่าคงจะเสียใจมาก ๆ ถ้าคอนเสิร์ตจบลงไปและต้องกลับบ้าน เธอรู้สึกขอบคุณ Have You Heard? ที่ชวนมาเล่นในครั้งนี้ แล้วเธอก็บรรเลงเพลง Sleepwalker ที่โรแมนติกและชวนเคลิบเคลิ้มมาก ๆ จบเพลงเธอก็ขอจูนสาย และบอกอีกว่าการจูนสายของเธอประหลาดนิดนึง ถ้าใครเล่นกีตาร์และสนใจอยากแลกเปลี่ยนกับเธอก็ยินดีอย่างยิ่ง ตามด้วยสองเพลงที่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้มไหน Flare และ Lightening Comes Up From the Ground เมื่อเล่นเสร็จเธอบอกว่าเธอยังมีซีดีกับแผ่นเสียงให้เลือกซื้อกัน ซึ่งเธอก็จะออกไปรอพบกับทุกคนด้านนอก เรียกว่ากันเองมาก ๆ โดยปิดท้ายโชว์ไปด้วยเพลง Follow My Voice กับเสียงกีตาร์ที่สะกดเรามาก ๆ ประหนึ่งเป็นเพลงในโบสถ์ที่บรรเลงผสมด้วยเครื่องสาย แต่จริง ๆ มีเพียงแค่เสียงเอฟเฟกต์กีตาร์และเสียงร้องของเธอเท่านั้นเอง

ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ ขอบคุณ Have You Heard? ที่เนรมิตค่ำคืนอันแสนอบอุ่นให้เกิดขึ้นที่ Lido Connect สถานที่ที่เราคุ้นเคยกันดีแห่งนี้ แล้วพบกันอีกครั้งใน Jordan Rakei ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้