Fungjai Crossplay 3

Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

LEO x Crossplay 3 Festival ครอสกันมันกว่ากับ 15 วงเด็ดและเพลงโปรดที่เราคิดถึง

  • Writer: Montipa Virojpan and Nattapat Suthapornpat
  • Photographer: Tas Suwanasang, Montipa Virojpan and Nattapat Suthapornpat

Fungjai Crossplay 3 จากโปรเจกต์ที่ ฟังใจ ชวนเพื่อน พี่ น้องศิลปิน ให้มาแลกกันทำเพลงกันสนุก ๆ จนได้เป็นเพลงเวอร์ชันแปลกใหม่ของเพลงโปรดจากศิลปินที่เราคุ้นเคย จนวันนี้ Crossplay ก็กลายมาเป็นอีกคอนเสิร์ตใหญ่ของฟังใจที่หลาย ๆ คนรอคอยไม่แพ้ ‘เห็ดสด’

และในปีที่ 3 Crossplay ก็รวบรวมเอาศิลปินหลากหลายแนวที่กำลังมีผลงานที่น่าสนใจให้มาจับคู่กันทำเพลง ทั้ง Zweed n’ Roll, SLUR, Greasy Café, Moving and Cut, Max Jenmana, Phum Viphurit, Young Bong, Yellow Fang, Bomb at Track และ Srirajah Rockers ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเพลงที่ออกมาก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ จากทุกคน ทำให้คอนเสิร์ต LEO x Crossplay 3 Festival ขายบัตรได้หมดแล้วหมดอีกในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังมีโชว์จากศิลปิน Crossplay ปีก่อน ๆ ทั้ง Safeplanet, electric.neon.lamp, Summer Dress, The Whitest Crow, Solitude is Bliss จนคนที่มีบัตรแล้วถึงกับกอดบัตร นอนฟินล่วงหน้ารออยู่ทุกคืนไป

8 มิถุนายน 2562 – คอนเสิร์ต Fungjai Crossplay 3

บรรยากาศของ Voice Space ในเวลาบ่ายโมงครึ่งคึกคักเนืองแน่นไปด้วยผู้ชมที่ต่อคิวแลกรับริสต์แบนด์เข้างาน ระหว่างที่คิวยาว ๆ นั้นเราเลยมาเดินสำรวจหน้างานสักนิดว่ามีอะไรบ้าง ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าไปยังฮอลก็มีป้ายโลโก้ Crossplay พร้อมด้วย artwork ที่เหล่านักออกแบบได้ตีความเพลงจากโปรเจกต์นี้ออกมาเป็นภาพได้มีเอกลักษณ์และยังสิ่อสารถึงเนื้อหาของเพลงและวงนั้น ๆ ได้ดี ข้าง ๆ กันก็มีบูธขายของของทั้ง What I Wear shop by Fungjai  ที่เริ่มมีสินค้า official merchandise  ออกมาให้แฟน ๆ ฟังใจได้จับจองกันแล้ว และมีร้านค้าของศิลปิน รวมไปถึงบูธดูดวงของ aดวง ที่แม่นมากจนขนลุก ส่วนด้านหลังก็มีเต็นท์ขายอาหารจากร้านที่ผ่านการ audition มาอย่างดิบดีจากทีมงานฟังใจ แต่แอบเศร้าที่บางร้านทำช้ามากจนรอไม่ได้เพราะอยากรีบเข้าไปดูวงที่เล่นด้านใน ซึ่งแต่ละเวทีมีช่องว่างเพียง 10 นาทีในการเซ็ตอัพเปลี่ยนวงทั้งสิ้น ก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่างานฟังใจจัดแทบจะไม่เลต วงขึ้นตรงเวลามาก ๆ ก็เลยต้องยอมกินเบียร์ต่างข้าวประทังชีวิตไปก่อน ฮ่า อีกอย่างคือรอบนี้งานเรามีสองเวทีนะจ๊ะ โดยเวทีใหญ่ทีมงานฟังใจและ Autosave จัดหนักจัดเต็มมาก ส่วนเวทีเล็กก็ได้ทีมน้องใหม่ Donboy มาประเดิมงานใหญ่ เตรียมพบกับประสบการณ์อลังการตระการตาได้ในบรรทัดถัดไป

เวลา 14.10 เสียงระฆังเหง่งหง่างกับบรรยากาศวังเวงใต้ไฟสลัวบนเวที พัดเริ่มร้องทำนองในช่วง intro สะกดอารมณ์ผู้ฟังที่มารวมตัวกันอย่างเนืองแน่นในฮอลแม้เวลานี้จะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยปกติสำหรับคอนเสิร์ตในบ้านเรา จากความเงียบงันก็เกิดการแผ่ซ่านของความเกรี้ยวกราด เหมือนเครื่องดนตรีทุกชิ้นกำลังต่อสู้กันและประคองกันไปในเวลาเดียวกัน จนเมื่อจบเพลง ทุกอย่างเงียบกริบแม้แต่คนดูเพราะทุกคนกำลังตกอยู่ในมนต์ขลังของ Zweed n’ Roll แต่แล้วความมืดก็พลันมีแสงสว่างทันใดเพราะเพลงต่อไปที่เล่นคือ Always เมโลดี้สดใสและความหวานเยิ้มของเพลงนี้ทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นมาทันที เสียงเอฟเฟกต์ของเม็ดฝนชุ่มฉ่ำตามมาด้วยอีกเพลงที่เราไม่แน่ใจว่าชื่ออะไรแต่ร้องประมาณว่า ‘อยู่กับฉันก่อน’ ความรู้สึกที่ได้ฟังคล้าย ๆ Always แต่โซโล่เพราะมาก มีความอัลเทอร์เนทิฟร็อกอัดแน่น ท่อนโซโล่เพราะมาก ทำเอาขนลุกกับน้ำตาไหลไปพร้อม ๆ กันโดยไม่มีเหตุผล

จากนั้นพัดก็ทักทายคนดู ‘ตื่นกันแล้วใช่ไหม’ ทำเอาฮากันทั้งฮอล คือด้วยความที่คอนเสิร์ตเริ่มไวมาก แล้ววงนี้ก็สายเล่นกลางคืน มันก็คงเป็นเวลาที่แปลกสำหรับทุกคนแหละ และนี่เป็นปีแรกที่ Zweed N’ Roll ได้มาเล่นที่งานของฟังใจ ก็จัดเพลง โปร่ง ในโปรเจกต์  Crossplay ที่คัฟเวอร์ SLUR ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง คือต้องขนลุกให้กับความเงียบและเสียงกีตาร์โปร่ง ไม่น่าเชื่อว่าสเปซในเพลงจะส่งผลกับเราขนาดนี้ จนเป็นเพลง Linger ที่ขลังหนักกว่าเก่าด้วยไฟแดงฉานและเสียงไวโอลินและเชลโล่จาก ฟลุ๊ก Stoic Quartet แล้วก็สังเกตเห็นว่ามือคีย์บอร์ดวันนี้คือ เฟม Shadow Flare กับได้ วิว กึมดากึม มาเล่นกีตาร์อีกตัวให้ ต่อด้วย ธันวาคม ขึ้นมาแค่เสียงไวโอลินคือทำเอาขนลุกเกรียวอีกแล้ว ความบาดลึกในเพลงนี้ทำเอากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แม้มันจะเป็นเพลงรักก็ตามแต่มันให้ความรู้สึกเศร้ามาก ๆ เพลงต่อไป ด้วยความที่มินมีอาการบาดเจ็บอยู่ในช่วงพักรักษาตัว แต่เขาก็ได้ฝากเพลง bonus track ไว้ให้เล่นในงานนี้กับเพลง Diary ที่ทุกคนช่วยร้องกันเสียงดังฟังชัด กีตาร์โปร่งกับเครื่องสายในเพลงนี้โหดมากกกกก ตายไปเล่ย สังเกตว่าซาวด์โดยรวมคือดีงามมากด้วยแหละ จบเพลง พัดยังพูดติดตลกอีกว่า ‘ไม่คิดว่าบ่ายสองคนจะเยอะขนาดนี้’ แต่ทุกคนก็มารอดูวงนี้แหละ แหม่ แล้วพัดก็ร้องท่อน ‘ช่วยจับมือฉัน…’ แค่นั้นก็ได้เสียงกรี๊ดจากคนดูและปลุกพลังความเศร้ามารวมตัวกันที่นี่ ส่งท้ายกันไปด้วยเพลง ช่วงเวลา ทำเอาทั้งประทับใจและซึมไปตาม ๆ กัน

จากนั้นเวลาประมาณ 15.20 ก็ถึงคิวของวงรุ่นพี่ที่แลกเพลงครอสกัน SLUR เปิดตัวมาด้วยกราฟิก LED สีสันสดใสเข้ากับสไตล์เพลงชวนเต้นของพวกเขา แต่ที่ต้องกรี๊ดมาก ๆ คือเพลงที่หยิบมาเรียกได้ว่ามีความแรร์และความฮิตปะปนกันประมาณนึง เริ่มที่ ห้อง เพลงจากอัลบั้มแรก Boo! ที่ทำให้เราคิดถึงเสียงของทรัมเป็ตแบบสุด ๆ และพวกเขาก็ได้เปิดแทร็คทรัมเป็ตคลอไปกับเพลงนี้ด้วย แต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้คนดูนิ่งมาก เครื่องน่าจะยังไม่ติดกัน (เดี๋ยวรออีกแปป เพราะ LEO เขามีโปร ซื้อเบียร์ 6 กระป๋อง แถมกระเป๋าผ้า Crossplay สวย ๆ ไปเลยจ้า หัวทิ่มแน่แก) พอจบเพลงก็เล่น อย่าหวัง ซิงเกิ้ลล่าสุดที่ออกมาจากอัลบั้ม Bin กับจังหวะเท่ ๆ ทำเอาเราต้องย่ำเท่าอยู่ไม่สุก แล้วจึงเป็นเพลงแบ็กกี้สุดเฟี้ยวจากอัลบั้ม B เพราะทุกครั้ง ที่ดูเหมือนว่าจะมีคนเริ่มโดดไปกับเราบ้างแล้ว

ตามด้วย โลกสอง อีกเพลงฮิตของสเลอที่ชาวฟังใจติดกันงอมแงมอยู่ช่วงนึง จากนั้นพวกเขาก็เล่นเพลงจากโปรเจกต์ Crossplay นั่นคือ ช่วงเวลา ของ Zweed N’ Roll โดยได้ เอิง Summer Stop มาร่วมร้องประสานและเล่นกีตาร์ ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนพวกเขากำลังอัดเพลงนี้อยู่แล้วเอิงก็เดินผ่านมาพอดี ฮ่า โดยบู้บอกว่าตอนที่จะเลือกเพลงมาทำก็พบว่ามีศิลปินที่น่าสนใจในยุคนี้เยอะมาก ๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ไปตกอยู่ที่เพลงที่เลือกมานี่แหละ จนเมื่อเพลง หรือ อีกหนึ่งแทร็คฮิตตลอดกาลบนฟังใจดังขึ้น ท่าทีของคนดูเหมือนจะเปลี่ยนไปทันที เสียงตะโกนมาจากทุกทิศทางในเพลงนี้ มีท่อนที่ให้คนดูช่วยร้องกันเองด้วย เสียงดังฟังชัดมาก

 

และแล้วเสียงเมโลดี้คุ้นเคยก็ดังขึ้น นี่เป็นเพลงที่ทำให้เรารู้จักกับสเลอเลยก็ได้ โรคจิต บรรเลงออกมาอย่างสะดีดสะดิ้ง แต่ไม่มีใครดิ้นไปกับเราด้วย แง แล้วส่งท้ายกันที่เพลง ภาพเก่า สุดซึมจากอัลบั้มล่าสุด ที่สามารถคิลใครหลาย ๆ คนที่กำลังเศร้าได้อย่างง่ายดาย

เมื่อโชว์จบแล้ววงต่อไปก็ไม่ปล่อยให้เรารอกันนานนัก 16.10 เป๊ะ ๆ พี่เล็ก Greasy Café และวงของเขาก็มาประจำการบนเวที พร้อมกับเสียงเพลงอินโทรบรรเลงไปได้สักพัก จากนั้น พี่เล็กก็เริ่มนับถอยหลังและคนดูก็ช่วยนับต่อ ซาวด์ดนตรีพลังพุ่งพล่านในอินโทรของเพลง ระเบิดเวลา ถาโถมใส่เราอย่างรุนแรง เสียงดรัมแมชชีนก้องหูราวกับเสียงระเบิดเป็นอะไรที่สุดมากในเพลงนี้ ต่อด้วยเพลง bitter sweet อีกเพลงจากอัลบั้ม Technicolor อย่าง รอยกระพริบตา ที่เสียงประสานช่วยขับกล่อมเราได้ดีมาก รายละเอียดดนตรีของเพลงนี้เต็มไปด้วยความสวยงาม แต่น่าเสียดายที่เบสบวมไปหน่อย พอจบเพลง พี่เล็กก็พูดขึ้นมาว่า ‘เป็นไปได้ไหมที่เราจะลืมคนคนนึงไม่ได้ แต่ที่เราลืมคนนั้นไม่ได้เพราะเราเลือกจะจดจำไว้เอง’ โอ้โห จึ๊กเข้าไปกี่แผลดี แล้วเพลงเท่ ๆ ที่ชื่อ ยามวิกาล ความเป็นอิเล็กทรอนิกผสมกับร็อกในอัลบั้มนี้ทำให้เรื่องราวในเพลงและสีสันที่เราได้รับมีเสน่ห์มาก ๆ และตอนนี้ซาวด์ก็ดูจะเข้าที่เข้าทางแล้ว จบเพลง พี่เล็กก็พูดว่า ‘4 โมงเย็นจะมีใครมามั้ยน้อ แต่คนก็เต็มฮอลเลย’ เล่นมุขกันไปพักนึงก่อนจะดึงเข้าห้วงอารมณ์ที่เราต้องพรั่งพรูน้ำตาออกมาในเพลง หมุน แบบ เฮ้ย ไฟบนเวทีสวยมาก ดนตรีทุกอย่างก็ขั้นทำลายล้าง เป็นวงที่ทั้งเพลงและภาพมีความ  emotional มาก

หรืออย่างเพลงต่อไปก็เป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนตามมาฟัง Greasy Café เราก็ได้ยินแฟนเพลงร้องตามกันในเพลง ฝืน ได้อย่างดังตั้งแต่ท่อนแรกที่ร้องว่า โอววววว รักของเรา พลังจริง ๆ พักจากเพลงนี้ พี่เล็กก็ชวนคนดูคุยอีก ‘ตอนแรกที่งาน Crossplay ติดต่อมา ก็คิดนะว่าต้องแต่งตัวยังไง’ วันนีพี่เล็กดูอารมณ์ดีมากกก ปล่อยมุขกระจาย คือคอนเสิร์ตเราชื่อ  Crossplay มันก็ไปพ้องกับ ‘cosplay’ ที่เป็นการแต่งตามคาแร็กเตอร์ต่าง ๆ ในเกม หนัง หรือการ์ตูนพอดี ก่อนจะเล่นเพลง อย่าเลย อย่าทรมาน ซึ่งในอินโทรพี่เล็กก็ลองกดคีย์บอร์ดดู แล้วพอเล่นไปได้ท่อนนึงก็พลาด แต่คนดูก็ร้องเชียร์ให้กำลังใจตลอด ‘นี่เล่นครั้งแรกเลยนะ ก่อนออกจากบ้านมาก็ซ้อมมาแล้ว ทำไมเล่นไม่ได้น้อ’ เอาไปอีกหนึ่งฮา แล้วหลังจากนั้นพี่เล็กก็เล่นได้โฟลวแล้ว กลายเป็นเพลงของ Moving and Cut ที่โฉบเฉี่ยวขึ้นมาก จนเพลงสุดท้าย ‘เธอจะรักเขาหมดลมหายใจ และจะยังรักแม้โลกจะหยุดหมุนไป’ ขึ้นมาแค่ท่อนแรกก็ได้เสียงกรี๊ดตอบรับเกรียวกราวให้กับเพลงที่จะไม่เล่นไม่ได้เลยก็คือ สิ่งเหล่านี้ แน่นอนว่าทั้งฮอลก็พร้อมใจกันร้องดังลั่น

หลังจากจบโชว์นี้เราก็เห็นเมสเสจทาง Line ของฟังใจบอกว่าเวลาห้าโมงจะมี secret gig ที่เวทีเล็กนำทีมโดย พัด Zweed N’ Roll เราก็เลยรีบเข้าไปจับจองที่ก่อนที่ฮอลจะเต็มอย่างรวดเร็ว (ต้องเข้าใจว่าเวทีเล็กจัดตรง canteen ของ  Voice Space ซึ่งค่อนข้างพื้นที่จำกัด) หลังเพลงสรรเสริญพระบารมี พัด กับ ปูน ก็จับจองพื้นที่บนเวทีและเริ่มเล่นสไตล์อะคูสติก กับเพลงคัฟเวอร์สุดฮิต ตั้งแต่ All I Want ของ Kodaline หรือ Yellow ของ Coldplay ที่ทุกคนช่วยกันร้องตาม บรรยากาศอบอุ่นมาก ก่อนจะเล่นเพลงที่พวกเขาเคยมาแจมกับ Summer Dress ในงานเห็ดสด กับ เหตุผล ของ Buddhist Holiday จนประมาณห้าโมงครึ่ง วิว กึมดากึม ก็มารับช่วงต่อ เล่นเพลง โถขี้ ของ Yena และ หนีห่าง ของ เขียนไขและวานิช ที่คนดูช่วยกันร้องอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งหลังจากนั้นก็มี Daniel Didyasarin มาเล่นต่อด้วย บรรยากาศเวทีเล็กตอนนี้กันเองมาก ๆ

หลังจบเซอไพรส์ secret gig ไปได้ไม่นาน เวลาประมาณหกโมงกว่าก็ได้เวลาของหนุ่ม ๆ  Safeplanet ที่เคยแวะเวียนมาเล่นในงาน Crossplay 2 มาแล้ว ในวันนี้ทางวงเลือกที่จะเปิดด้วย แสงสว่าง เพลงที่ชวนขยับแข้งขยับขา จากนั้นเสียงกรี๊ดดังลั่นสนั่นไปทั้งเวที Leo Stage เพราะทางวงได้หยิบ ห้องกระจก มาเล่น แล้วก็มาเต้นตามเสียงกีตาร์พริ้วไสวใน กอดความเจ็บช้ำ ก่อนจะเซอไพรส์แฟน ๆ กันต่อด้วย เท่ากับที่เดิม ของ Yokee Playboy ต่อมาเป็น ดินแดน เพลงที่ทางวงอยากชวนทุกคนไปหาความสุขให้กับตัวเอง แล้ว คำตอบ ก็ตามมาติด ๆ แถมยังมาพร้อมโซโล่เนียนกริ๊บ และปิดด้วย ข้างกาย เพลงที่ทางวงเพิ่งปล่อยออกมาไม่นาน พอจบโชว์นี้ ทางวงก็กล่าวขอบคุณแฟนเพลงที่คอยสนับสนุนพวกเขามาโดยตลอด ส่วนเราที่ได้ดูจนจบโชว์ก็เชื่อแล้วว่าแฟนเพลงของวงนี้เหนียวแน่นกันจริง ๆ ดูจากการที่คนดูร้องตามกันได้ทุกเพลง แถมคนยังล้นออกมานอกเวที Leo Stage ยาวไปจนถึงเกือบสระน้ำของ Voice Space

Safe Planet - Fungjai Crossplay 3

ถ้าฟังเพลงจาก Greasy Cafe แล้วยังดิ่งไม่พอ งั้นมาต่อกันด้วย Moving and Cut ที่เซ็ตลิสต์ในวันนี้จะบิลด์คนดูให้จมลงไปเรื่อย ๆ จากนั้นสมาชิกทั้งหมดตบเท้าขึ้นมาบนเวทีพร้อมเปิดด้วย เรี่ยวแรงครั้งสุดท้าย เพลงเร้า ๆ ที่ในตอนนี้วิชวลจะเป็นลายตารางตัดสลับกับไฟสีแดงบนเวที แล้วก็ต่อด้วย พอแล้วใจ ที่มีจังหวะกีตาร์ยุกยิกชวนให้โยกตัวตามกันได้แบบเบา ๆ ต่อมาเป็นคิวของเพลงสำหรับคนถูกบอกเลิกอย่าง รักที่เธอบอกมา ก่อนจะเล่น นิรันดร์ เพลงในโปรเจกต์ครอสเพลย์ที่ถ่ายทอดออกมาได้ถึงอารมณ์มาก แค่เสียงกีตาร์โปร่งกับเสียงร้องเศร้า ๆ ของ มีน ในเพลงนี้ก็กินขาดแล้ว จากนั้นพวกเขาก็หยิบ ฉันยอม เพลงใหม่ล่าสุดที่นำมาเล่นเป็นที่แรกในงานนี้ ต่อมาคือ Escape ที่ทางวงอยากพาคนดูหนีจากเรื่องร้าย ๆ ไปให้ไกล ซึ่งเพลงนี้คนดูร่วมใจกันเปิดแฟลชจากมือถือจนออกมาเป็นภาพที่ประทับใจมาก ๆ แล้วก็บรรเลงอีกหนึ่งเพลงฮิตอย่าง ปล่อยให้ตัวฉันไป และปิดด้วย อย่าเลย…อย่า (ทรมาน) ที่ทำเอาคนดูในวันนี้ชอกช้ำกันไปเป็นแถบ ๆ ใครที่อกหักแล้วมาดูทั้งคู่ จมปลัก x หลุดพ้น นี่ต้องมีน้ำตาซึมกันบ้างล่ะ

หลังจากที่ฟังเพลงเหงาเศร้าซึมกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาเป็นคิวของ Max Jenmana ที่ออกมาในลุคมาดเนี๊ยบ พร้อมเล่น ถ้าพระอาทิตย์ ปรับมู้ดคนดูให้สนุกไปกับโชว์ของเขา ต่อด้วยไบโพลาร์ เพลงที่ทำคู่กับ Gena Desouza เสียงคีย์บอร์ดฉ่ำวาวเตะหูเราสุด ๆ จากนั้นท่วงทำนองดนตรีลึกลับก็ดังขึ้น เป็นอันรู้กันว่าเพลงต่อไปคือ Demons หรือ ปิศาจ แน่ ๆ แต่จังหวะนี้คือกรี๊ดมาก ๆ  เพราะแม็กซ์เอามาเล่นเป็น alternate เวอร์ชั่นที่มีเนื้อร้องภาษาอังกฤษ ตามมาด้วยการหยิบอินโทรของ Ain’t No Sunshine มาบรรเลง พร้อมขยี้ในท่อนที่ร้องว่า ‘I know’ รัว ๆ ก่อนจะตัดเข้า Wine ที่อินโทรขึ้นมาได้แป๊บเดียวก็ต้องหยุดเพราะเจ้าตัวดันเผลอเตะสายแจ็คหลุด ฮ่า ๆ พอเอาใหม่ทีก็เปลี่ยนจากเสียงฮาเป็นเสียงกรี๊ดได้ดังสุด ๆ และพอจบเพลงนี้ก็มีเซอไพรส์สายเขียวด้วยอินโทรเพลง The Next Episode ที่คนดูเต้นกันอย่างมัน เซอไพรส์กันสุด ๆ  จากนั้นก็เข้าเพลง วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า ที่ฟังจบแล้วก็ต้องยอมเขาหล่ะ ผู้ชายคนนี้นี่เสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ ต่อมาเป็นเพลงฟังสบาย ๆ อย่าง ชัดเจน แล้วก็ตามด้วย Lover Boy แบบเวอร์ชั่นมาดขรึม ไฟในตอนนี้เป็นสีน้ำเงินแบบใน mv เลย รวม ๆ แล้วออกมาเท่ระเบิด แล้วก็ปิดด้วย ดารา เพลงซึ้ง ๆ ที่คนดูร่วมใจกันเปิดแฟลชมือถืออีกรอบ

Max Jenmana Fungjai Crossplay 3

แล้วก็เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่หลายคนจับตาดูจากที่เขาไปทัวร์ต่างประเทศมาหลายเวที ตอนนี้ก็กลับสู่อ้อมอกอ้อมใจแม่ยกชาวไทยกันแล้ว Phum Viphurit และผองเพื่อนบอกว่ามาเล่นงานครอสเพลย์ ก็ต้องแต่งคอสเพลย์มาสิครับ! มือคีย์บอร์ดมาเป็น DJ Marshmallow ส่วนปอม Part Time Musicians มือเบสก็กลายมาเป็นแอนนาเบล ตุ๊กตาผี อิคคิว Mamakiss มือกีตาร์ กับมือกลองเป็นนินจาจากเรื่องนารุโตะ ส่วนตัวภูมิเองเป็น แช็กกี้ ตัวละครฮิปปี้หน้าเมาสูงยาวจากเรื่อง Scooby Doo ซึ่งเขาก็มีเจ้าสกู๊ปมานั่งเป็นเพื่อนบนเวทีด้วย น่ารักมากกกก ในเพลงแรกพวกเขาเปิดมาที่อินโทรสุดฟังกี้ มีท่อนดรอปกรูฟ ๆ ชวนโยกและเมามายก่อนจะกลับไปกระฉับกระเฉงมีจังหวะอีกครั้ง แล้วเล่น Paper Throne เป็นเพลงแรก แล้วตามด้วย Strangers in a Dream เพลงน่ารัก ๆ ที่แถมท่อนฟังก์สุดเท่ให้ได้หัวฟัดหัวเหวียงกัน ก่อนจะเป็นเพลงช้าสุดเหงาใน Sweet Hurricane ที่ได้ยินฟีดแบ็กจากผู้ชมท่านหนึ่งว่าเป็นเพลงช้าที่ฟังแล้วต้องยืนนิ่ง ๆ แล้วกอดตัวเอง จากที่เพลงก่อนหน้าก็เต้นยับอะเด้อ

แล้วก็ได้เวลาที่เขาจะเล่นเพลงจากโปรเจกต์ นั่นคือ Wine ของ แม็กซ์ เจนมานะ ซึ่งก็ได้เจ้าตัวขึ้นมาร้องแจมบนเวที เรียกพลังทำลายล้างจากแฟนคลับได้ถล่มทลายคูณสอง แม็กซ์ บอกว่า เขินเลยที่ภูมิเอาไวน์ไปทำซะสดใส ฮ่า จากนั้นเขาก็เล่นอีกเพลงฮิตที่ทำให้หลาย ๆ คนทั่วโลกรู้จักคือ Long Gone โดยปอมก็จัดโซโล่เบสเท่ ๆ ให้เป็นบุญหู รวมถึงอีกเพลงฮิตพลุแตก Lover Boys ที่มีท่อนช้า ๆ เปิดมาปรับอารมณ์ก่อนจะกลับไปเป็นเวอร์ชันยุกยิกตามปติ ที่เว้นช่วงให้คนดูช่วยร้อง ซึ่งก็ร้องกันได้เป๊ะทุกท่อน แล้วจึงปิดท้ายด้วยเพลงล่าสุด Hello Anxiety ที่คนดูก็ไม่แพ้ ร้องได้เป๊ะอีกเช่นกัน ของเขาดีจริง ๆ

และความสนุกยังไม่ได้จบลงเพียงแค่นี้ เพราะวงต่อมาที่ LEO stage คือ electric.neon.lamp. ที่วันนี้ขนเพลงสนุก ๆ มาให้แบบจัดเต็ม เปิดโชว์ด้วย Employee Of The Month เพลงรุ่นเก๋าที่ทำเอาคนดูดีดดิ้นกันเกลียว ต่อด้วย รถไฟแห่งความฝัน ชวนให้โยกตัวตามจังหวะกีตาร์ แถมท่อนฮุกกับท่อนสับกลองในเพลงนี้ก็จัดจ้านซะเหลือเกิน จากนั้น เจน ก็พูดว่า ‘สิ่งหนึ่งที่มีค่ามากกว่าเงินทองก็คือเวลา ผมเชื่อว่าทุกคนเสียเวลามาแล้วกว่า 4-5 ปี’ จังหวะนี้คนดูเฮกันให้ลั่น แล้วทางวงก็จัด เสียเวลาว่ะ มาให้ฟัง พอจบเพลงนี้ก็ต่อเนื่องด้วยเพลงโจ๊ะ ๆ อย่าง เจ็บแล้วไง? ที่แม้จะไม่มี Maiyarap แชมป์ The Rapper 2 มาด้วย แต่เจนก็ลงมือแร็ปอย่างเท่ ๆ มาถึงตอนนี้บอกได้เลยว่าสนุกจนเหงื่อโชก ต่อมาทางวงก็เลยดร็อปจังหวะลงมาด้วยการเล่น บางครั้งแค่บางครั้ง เพลงเศร้าที่เล่นได้ถึงอารมณ์มาก แล้วเพลงฮิตอย่าง ภาวินี ก็ตามมาติด ๆ เสียงร้องนี่ดังลั่นเวที แล้วก็เป็นเพลง ความทรงจำ ที่เอาของ Musketeers มาทำในโปรเจกต์ Crossplay 2 แล้วก็มันกันต่อด้วย นางรอง เพลงโจ๊ะ ๆ ที่มีเมโลดี้สุดติดหู ก่อนจะปิดด้วย โทรจิต ไปได้อย่างงดงาม คนดูนี่โดดกันยับ เป็นอีกหนึ่งโชว์ของ ENL ที่สุดมาก ๆ

กลับมาที่เวทีใหญ่ตอนนี้เองที่คนเริ่มทยอยเดินออกจากฮอลโดยหารู้ไม่ว่า วงที่กำลังจะขึ้นเล่นต่อไปน่ะดุมาก โหดและแหวกสุดในบรรดาไลน์อัพของวันนี้ที่เราไม่อยากให้พลาดกันจริง ๆ นะไอ้น้อง ประมาณสองทุ่มนิด ๆ ดีเจขึ้นมาประจำเซ็ตและเปิดเพลงฮิปฮอปบิลด์อารมณ์คนดูตามสูตรโชว์ฮิปฮอปที่เห็นกันบ่อย ๆ เราเขยิบไปที่โซนหน้า ๆ เวทีเพื่อรอปะทะกับความ turnt จาก YOUNGBONG เปิดมาด้วยเอเนอร์จี้พุ่งพล่านของ Ngaz และ Jahman ที่เริ่มกระโดด เต้น และวิ่งพล่านไปทั่วเวที วิชวลบนจอ LED ตอนนี้ก็จี๊ดมาก ๆ ซาวด์หนัก ๆ ของอิเล็กทรอนิกบีตกระแทกกระทั้นทำเอาเราเริ่มโดดไปพร้อมกับเพลงแรก AEY OUU ที่ต้องร้อง เอ๊อู!  ตามแบบช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาก็ได้ชาวแก๊งอย่าง BONGPTON มาร่วมสร้างความ hyped ในเพลง GANG กับวลีฮิต ‘อยู่กับแก๊ง กินกับแก๊ง’ ไซเฟอร์กันดุมากตอนท้ายเพลง ตามต่อเลยกับ YETI GANG ที่ตอนแรกเหมือนวงจะให้ทุกคนแหวกเพื่อทำ wall of death แต่ไม่แน่ใจว่ามีคนทำไหม เพราะตรงเราเต้นกันยับแบบไม่สนสิ่งรอบข้างกันแล้ว ฮ่า

ตามมาด้วยเพลง กัญและกัญ ที่พอจะลดความเดือดจากเพลงอื่น ๆ ลงมา ใส่ความป๊อปเข้าไปให้ฟังง่ายขึ้นนิด แล้วกลับมาโหด ๆ แกงสตาอีกทีใน ควัน ที่ตอนแรกวงบอกว่าให้เราหาอะไรที่มีควันขึ้นมาจุด แต่ก็ต้องแอบเบรกเพราะว่าในฮอล Voice Space ห้ามสูบบุหรี่และกัญชลีนะจ๊ะ (อุปส์) ซึ่งเพลงนี้เขาก็มีคารมคมคายในการบอกว่าอยากให้ลองโยกกันคิดซะว่ากำลังเล่นเพลงอะคูสติก โอ้ย พ่อคุณ และก็ได้เวลาของเพลงครอสเพลย์นั่นคือ แค่เพียง ของ Yellow Fang มีการแซวเพื่อนตัวเองที่ชอบเรียกชื่อเพลงนี้ผิดเป็น ‘เพียงเธอ’ ฮ่า แล้วก็มีการทำท่าเขินก่อนร้องเพลงนี้ด้วยนะ โอ๊ย กวนมาก จบเพลงนี้ก็ต่อกันเลยที่ ให้โอกาส เพลงที่มันมีท่อนไฮป์ ๆ ว่า ‘พวกมึงใช้ช้อนพวกกูใช้ตะเกียบ พวกมึงหัวร้อนแต่หัวกูเย็นเฉียบ’ ที่ทุกคนรอบ ๆ ตัวเราร้องกันได้หมด โอ๊ยยยย สนุกมาก แล้วก็เป็นเพลง Morning ที่มีคนขึ้นมาช่วยบีตบ็อกซ์ด้วย เท่ไปหมด และที่เซอร์ไพรส์สุด ๆ เลยคือเพลงสุดท้าย พวกเขาหยิบงานของ DIAMOND ที่ featuring YOUNGOHM และ YOUNGGU ที่กำลังฮิตสุดแล้ว นาทีนี้ นั่นคือ Gucci Belt ‘งูมันเลื้อยเข้ามา อยู่ที่เอ’ว แล้วประทับใจมากเล่นถึงแค่ท่อนของโอมเพราะเนื้อหาในท่อนยังกูอาจจะต้องเซ็นเซอร์ แต่ความสนุกไม่ได้ลดลงไปเลย เดือดมาก ๆ แร็ปกันได้ทั้งฮอลจนคอแตก ขอยกให้เป็นหนึ่งในโชว์ที่ดีที่สุดในงานนี้เลย

มาต่อกันด้วยสามสาว Yellow Fang ที่เปิดโชว์ด้วย Morning พร้อมจังหวะกลองล่อง ๆ ประกอบกับแสงไฟบนเวทีที่เปลี่ยนเป็นสีส้มเข้ากับเพลงได้เป็นอย่างดี พอจบเพลงนี้ทางวงก็ทักทายชาวฟังใจ ก่อนจะถามด้วย้ำเสียงขี้เล่นว่ามีใครเอาแต่ใจบ้าง แน่นอนว่าเป็นคิวของ เอาแต่ใจ จากนั้นก็ไปล่องลอยกันต่อกับ เลี้ยง ที่ซัดดนตรีกันได้นัวสุด ๆ ต่อด้วย I Don’t Know อีกหนึ่งเพลงโปรดของเรา ท่อนสับกีตาร์ในตอนท้ายของเพลงคือที่สุดของที่สุดแล้ว เรานี่โยกตัวเป็นผีบ้าข้างเวทีอยู่คนเดียว แล้วก็ผ่อนจังหวะลงมาเล่น แค่เพียง เพลงซึม ๆ ที่สะกดคนดูได้อยู่หมัด จากนั้นทางวงก็ถามว่า YB เล่นเป็นยังไงบ้าง พร้อมบอกว่าพวกเธอก็ชอบฮิปฮอปเหมือนกัน แล้วก็เล่น Gang ที่มาพร้อมซาวด์กีตาร์เมา ๆ Yellow Fang ก็มากันแบบแก๊ง ๆ นะ เอากับเค้าเซ่ เชื่อว่าใครที่ไม่เคยดูวงนี้มาก่อนต้องโดนเพลงนี้ตกแน่ ๆ จากนั้นลุยกันต่อด้วย ห่มผ้า อีกหนึ่งเพลงช้าที่ไฟในตอนนี้ dim ลง ชวนให้บรรยากาศเหงาหงอยและล่องลอยเข้าไปอีก แล้วก็ปิดด้วย Unreal เพลงมัน ๆ ที่ตอกย้ำความเท่ของสมาชิกทั้งสามได้เป็นอย่างดี

Yellow Fang - Fungjai Crossplay 3

ทางฝั่งเวทีเล็กที่ขึ้นชนกันโครมกับ Yellow Fang  ทำให้ต้องแบ่งหน้าที่ปฏิบัติภารกิจกันอีกครั้ง เรามาประจำการที่ Summer Dress ขณะที่พวกเขากำลังเล่นเพลง บ้านของหัวใจ ของ Superbaker จากโปรเจกต์ครอสเพลย์ปีแรก ซึ่งการอะเรนจ์รอบนี้ทำให้เพลงมีความเป็นแบนด์เครื่องไม้กว่าในออดิโอที่อิเล็กทรอนิกจัด ๆ จบจากเพลงนี้ พัด Zweed N’ Roll ก็ขึ้นมาแจมใน Sunny Talk ซึ่งต้องเรียนตามตรงนะคะว่า ด้วยอะไรก็ไม่รู้ โชว์ Summer Dress เดือดมากกกกก จุดไฟกันตั้งแต่เพลงนี้ ทั้งพลังพัด พลังวง ตีกันอุตลุด ไอ้เราก็ร้องตามคอแตก คนหน้าเวทีมันกันมาก ๆ บรรยากาศแตกต่างจากเวทีใหญ่วงก่อน ๆ โดยสินเชิง (ยกเว้น YB) ต่อกันด้วยเพลง The Beatles Fever ที่มีแฟนเพลงร้องตามกันเสียงดัง เก็บทุกเม็ดยันเสียงกีตาร์ โยกกันหัวแทบหลุด และไม่น่าเชื่อว่าเพลงจังหวะบอสซาโนว่าแบบ 1-10 จะโหดร้ายกับคนดูในตอนท้าย โคตรเดือดดดด เต้นปวดตัวไปเลย

พอจบเพลง เต็นท์ ฟรอนต์แมนก็บอกว่าขอเล่นเพลงใหม่ นั่นคือเพลง ฝันดีฝันเด่น เพลงสุดกวนและสุดฮาจากอัลบั้มใหม่ที่น่าจะได้ฟังกันช่วงปลายปีนี้ (กรี๊ด) มีความหลอนปนเท่ที่น่าสนใจมาก ระหว่างเล่นก็มีบางท่อนที่เป็นการร่ายกวี ซึ่งเต็นท์ก็เอาสมุดที่จดเนื้อขึ้นมาชูร้องกันสด ๆ บนเวทีนั่นแหละ เรียกเสียงเฮจากคนดูที่กำลังสนุกได้ที่ไปมากมาย แล้วความเดือดยังไม่จบเท่านี้เพราะเพลงต่อไปที่เล่นคือ Synthesizer กับความชวนหัวของซาวด์ดนตรีที่ประเดประดังกันเข้ามา แล้วเชื่อมเข้า Soundscape เพลงนุ่ม ๆ (แค่ในตอนแรก) ราวกับจะเป็นเมดเลย์ มีท่อนนึงที่แนททำซาวด์กีตาร์แปลก ๆ จนมันได้กลายเป็นเพลง avant-garde ในที่สุด ซึ่งตอนท้ายก็โหดร้ายทารุณมากเมื่อดนตรีเปลี่ยนไปเป็นฮาร์ดคอร์โคตรร็อกเดือดดาล แล้วความ  turn up ของทั้งคนดูและวงก็ทำให้เกิดเสียงอังกอร์ขึ้นมา เป็นไม่กี่โชว์ในงานนี้ที่เกิดการอังกอร์ขึ้น คือต้องเล่นแล้วแหละคนเรียกร้องขนาดนี้ จัดไปเลยกับ ดีออก ที่ก็มี ลี่ Abstraction XL กับ ต่อ Waltz ขึ้นไปเฮกับสมาชิกวง แล้วจบเพลงนี้ยังมีคนจะขอต่อเพลง แพ้ทอม อีก คืออยากให้ต่อเหมือนกัน แต่เวลาไม่พอแล้ว วงต่อไปจะต้องขึ้นแล้ววว

เวลาเกือบสี่ทุ่ม ที่เรายังคงอยู่ที่เวทีเล็กเพราะวงต่อไปที่จะเล่นคือ The Whitest Crow หนึ่งในวงที่ได้เล่นงานของฟังใจเยอะมาก ๆ และงานนี้อาจจะเป็นงานฟังใจงานสุดท้ายของพวกเขาที่จะได้เล่น เราก็ต้องมาร่วมเป็นกำลังใจให้พวกเขากันหน่อยก่อนการเดินทางครั้งต่อไปจะเริ่มขึ้น เปิดกันด้วยเพลง Feather Bureau งานเซ็ตใหม่ของวงที่มีซาวด์ดนตรีฮึกเหิมชวนให้ลุกฮือ โดดกันได้สักพักพวกเขาก็เร่งไฟใส่น้ำมันกันในเพลง ฉันออกไปเต้นกับเพลงที่ไม่คิดจะฟัง คือเท่มาก ไม่ไหวแล้ว บอกตรง ๆ ว่าถ้าไม่ตั้งใจฟังก็แทบจะฟังไม่ออกว่านี่เป็นงานที่มีต้นฉบับเป็นเพลงของ เป้ อารักษ์ คือต่างกันมากโดยสิ้นเชิง แล้วอันนี้ก็เดือดจังเลยโว้ย ระหว่างนั้นก็มีคนตะโกนเรียกชื่อสมาชิกบนเวที แต่เรียกแค่เติ้ล จนเติ้ลบอกว่า วงมีสี่คนโว้ย เรียกให้ครบเลย เอ้า ไล่ชื่อ อ๋อง เบน แบงค์ แถมด้วยแอ๊ป Mattnimare ที่มาช่วยเล่นคีย์บอร์ด

The Whitest Crow - Fungjai Crossplay 3

แล้วพวกเขาก็เริ่มเล่นเพลง รู้ก็เหมือนไม่รู้ จังหวะเร้า ๆ ตามด้วยเพลง I.C.S.T.O.Y อัดแน่นไปด้วยความร็อกแอนด์โรลสุดดุเดือด และลดความเกรี้ยวกราดลงมานิดนึงที่ Give Up On Love ตามด้วย Little Fox แล้วเติ้ลก็เรียกให้แอ๊ปมาเล่นคีย์บอร์ดให้ในเพลงต่อไปคือ Forever Hide and Seek เพลงสุดเศร้าสุดซึมของวงที่ก็มีคนอินอยู่ไม่น้อย และเมื่อซาวด์ดนตรีคุ้นหูดังขึ้น เพลงที่เคยเป็นกำลังใจให้เราในวันแย่ ๆ และมันก็จะยังช่วยเราได้ในวันต่อ ๆ ไป รวมถึงในวันนี้เราก็ขอร่วมร้องเพลง ไม่เป็นไร ให้กับ The Whitest Crow ดีใจที่ได้ดูวงในงานครอสเพลย์วันนี้มาก ๆ จบเพลงสมาชิกทุกคนโผกอดกัน จากสายตาเองเราก็พอเข้าใจ แต่คงไม่สามารถบรรยายความรู้สึกในใจของพวกเขาบนเวทีออกมาเป็นตัวหนังสือได้ดีไปกว่าตัวพวกเขาเอง

มาถึงตอนนี้เริ่มปวดเมื่อยเท้า เมื่อยหลัง แต่พอรู้ว่าวงต่อไปของเวทีใหญ่เป็น Bomb At Track แล้วจะหยุดอยู่แค่นี้ได้ไง คนมัน ๆ อย่างเราก็ต้องไปเดือดกับเค้าต่อสิ แค่วงเปิดมาด้วย ฉวย ก็ทำเอา Voice Space แทบแตกแล้ว ดุเดือดกันตั้งแต่เพลงแรกจริง ๆ ต่อมาเป็น สันติภาพ ที่ เต้ สำรอกได้ถึงลูกถึงคนสุด ๆ จากนั้นก็ชวนอาละวาดกันต่อด้วย อำนาจเจริญ  กับ ราชา ที่ทางวงขอเสียงชาวร็อก พร้อมให้แหวกตรงกลางออกเพื่อมอชกันอย่างเมามัน ฮ่า ๆ โคตรสะใจ จบสองเพลงนี้นี่คนดูน่าจะโยกกันคอเคล็ด  จากนั้นก็แจกจ่ายความมันกันต่อด้วย เจ้าหน้าที่ ที่มีเสียงกีตาร์หวีด ๆ แสบสะท้านก่อนระเบิดพลังอีกในท่อนฮุก แล้วทางวงก็ให้คนดูพักหายใจหายคอ พร้อมเล่าว่าอยากเขียนเพลงเกี่ยวกับความรักสักเพลง ซึ่งเพลงที่ว่าก็คือ จด ที่ได้ เมษ มาช่วยร้อง ส่วนเต้สวมบทเป็น ริม Silly Fools พอจบเพลงนี้ก็มีคนตะโกนถามหา ปุ้ย จากนั้นเต้ก็เลยชวนให้มาจับไมค์ร้องใน เสือกทำไม ซะเลย แล้วต่อมาทางวงก็เล่าถึงที่มาของเรื่องราวของพวกเขากับ Srirajah Rockers พร้อมเล่น Destroy Babylon ในแบบฉบับคนพันธุ์เดือด หลังจากนั้นก็มีท่อนโซโล่กลองกับเบส ก่อนจะตัดเข้า ฆาตรคีย์บอร์ด อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน และคนดูพร้อมใจกันขยี้ในท่อน ‘เพราะความคิดคนมันห่วย สังคมเลยห่วยแตก’

Bomb At Track - Fungjai Crossplay 3

ช่วงสุดท้ายก็มาถึง สำหรับวงปิดของเวทีเล็ก LEO stage นี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวงร็อกจากเชียงใหม่ Solitude is Bliss ที่มาไกลแต่ก็สร้างความประทับใจให้ชาวฟังใจได้ทุกครั้ง ทั่วพื้นที่เนืองแน่นไปด้วยแฟนเพลงที่มารอดูพวกเขา ความเงียบงันถูกทำลายลงด้วยเสียง looping guitar ของเบียร์ที่สะกดคนดูให้อยู่ในภวังค์เมามาย แล้วพวกเขาก็เริ่มเล่นเพลง สตรี ที่ทุกคนร้องได้ดังมาก ท่อนโซโล่ดึงหน่วงแต่สาดความมันเข้าไปในที่สุด ต่อด้วยเพลง เพียงสิ่งเดียว งานใหม่ของพวกเขาที่จะมาอยู่ในอัลบั้มใหม่ทีได้ เจ Penguin Villa เป็นโปรดิวเซอร์ให้ แม้จะเป็นเพลงใหม่แต่ก็มีคนร้องตามได้แล้ว ต้องบอกว่าเพลงนี้ทำนองเพราะมาก ๆ มีทั้งความหนับหนับและสวยงาม ซาวด์กลองไฟฟ้าที่แทรกขึ้นมาก็ทำให้เห็นอีกมุมของวงนี้ที่เท่ไม่แพ้แบบก่อน ๆ จากนั้นก็เป็นเพลง กระดาษ ที่แทบจะเป็นเพลงชาติของวัยรุ่นยุคเรา คนดูเริ่มร้องคอแตกกันตั้งแต่เพลงนี้จนถึง 04.00 แค่เสียงคีย์ขึ้นมาก็ได้ยินเสียงเกรียวกราว เป็นเพลงที่พูดถึงความคิดถึงได้รุนแรงมาก ท้ายเพลงเบียร์ก็เอาเบียร์ราดเฟรตกีตาร์ตัวเอง แต่พอจบเพลงก็เอาเซ็ตลิสต์มาเช็ดให้แห้ง ฮ่า

Solitude is Bliss - Fungjai Crossplay 3

เพลงต่อไปก็ยอดฮิตอีกเหมือนกันกับ Vintage Pic ที่แค่สมาชิกร้องพร้อมกันทุกคนว่า ‘ภาพที่ทำให้ฉันไม่รับไม่รู้ถึงวันเวลา’ เป็นอะไรที่ขนลุกมาก ๆๆๆ ทุกคนร้องได้โดยอัตโนมัติ บวกกับโซโล่เดือดเลือดพล่าน ตอนมีท่อนที่ให้คนร้องเปล่า ๆ โดยไม่มีดนตรีคือทุกคนพร้อมใจประสานเสียง ราวกับกำลังท่องคำสวดในศาสนา ภาพที่ทุกคนล้อมวงอย่างอุ่นหนาฝาคั่งมันขลังประมาณนั้นแหละ ตอนหลังรีอะเรนจ์เป็นฟังก์ได้เท่สุด ๆ จบเพลงนี้เฟนเดอร์ก็ให้สปีชที่ดีอันนึง ‘มีคนชอบบอกว่าโซลิจูดเป็นวงการเมือง ศิลปินหลายคนถูกคาดหวังว่าจะต้องมีมุมมองทางการเมืองที่เป็นกลาง แต่เขาก็เชื่อว่ามันผิดที่จะเลือกข้าง ถ้าเลือกในสิ่งที่เชื่อว่าถูก แม้ในอนาคตเราอาจจะคิดผิด แต่ตอนนี้ก็ขอแค่ได้ยึดมันในอุดมการณ์ ได้เลือกในทางของตัวเองก่อน’ แล้วเล่นเพลง ย้ายรัง ทำให้ความรู้สึกฮึกเหิมมาก เพลงก็เดือดตามเนื้อหาไปด้วย ต่อไปก็เป็น ระบายกับเสียงเพรียก โอ้ย มาตรฐานของวงนี้คืออัพเลเวลขึ้นทุกครั้งที่เล่น ท้ายเพลงก็ติดความฟังกี้มาอีกเช่นกัน ก่อนจะเล่น ออกไปข้างนอก กับซาวด์เวิ้งว้างอันไกลโพ้นที่ทำให้เราต้องร้อง เอาอีก ในอังกอร์ พวกเขาก็จัดเพลง Lost In Jane ที่เรารอจะให้เล่นมาตลอดทั้งโชว์ไว้เป็นเพลงสุดท้าย ความล่องลอยในเพลงนี้ช่วยขับกล่อมให้วันคืนอันยาวนานของเราทุเลาลงไปได้ดีจริง ๆ

Solitude is Bliss - Fungjai Crossplay 3

แต่ที่เวทีใหญ่ยังไม่หมดความสนุก หลังจบวงนี้เราก็รีบตามไปสมทบที่ Srirajah Rockers ที่เป็นวงปิด พวกเขาเล่น ตากแดด ชวนให้คนดูรื่นเริงกันตั้งแต่เพลงแรก ต่อด้วย ฆาตรกรคีย์บอร์ด แบบเร็กเก้ที่คนดูโยกตามจังหวะกันได้อย่างไม่เคอะเขิน จากนั้นเป็น พรรณลำพัง ที่มากับซาวด์เร็กเก้เยิ้ม ๆ อีกทั้งยังได้เครื่องเป่ามาเติมความรสชาติอร่อยให้กับเพลง พร้อมร้อง ‘กูไม่เอาหรอก…คนใหม่ มาพันลำตัวใหญ่กันดีกว่า’ พอได้ยินงี้ เสียงเฮก็ดังลั่น แล้วบนเวทีก็ถูกฉาบไปด้วยแสงไฟสีเขียว อันเป็นสัญญาณของ ดงกัญชาบาน เพลงเร็กเก้จังหวะช้า ๆ ที่มีเสียงร้องคอรัสไพเราะเสนาะหู มาถึงช่วงนี้คนเริ่มเต้นกันสนุก ทางวงก็จัด Karma Sound System มา dub มาโยกกันให้ร่างแหลก แถมยังมีวิชวลหลอน ๆ เพิ่มความเมามายแบบคูณสอง แล้วก็ประเคนความสนุกกันต่อด้วย Destroy Babylon ที่ตอนท้ายมีร้องว่า ‘เราจะทำตามสัญญา’ ฮ่า ๆๆ ขนาดขึ้นมาแป๊บเดียว นี่ก็รู้เลยนะครับว่าหมายถึงอะไร ช็อตนี้ได้ใจคนดูไปเต็ม ๆ พอจบเพลงนี้ทางวงก็กล่าวร่ำลาให้ชาวฟังใจ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ แต่คนดูไม่ยอมให้ค่ำคืนนี้จบง่าย ๆ แถมยังช่วยกันตะโกนร้อง เอาอีก ๆ กันให้ลั่น เอ้า มาถึงขนาดนี้แล้ว ทางวงก็ไม่น้อยหน้าคนดู เลยหยิบเมดเลย์ Hi-Speed Love กับ ฤดูแล้ง มาเล่นปิดงานนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ และพอจบงานตอนคนกำลังเดินออก อยู่ดี ๆ Doo White จาก YOUNGOHM ก็ดังขึ้น คนก็ hype กันต่อเฉย สนุกสุด ๆ จริงคืนนี้

จบลงไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ Fungjai Crossplay 3 ขอขอบคุณผู้เข้าร่วมงานทุก ๆ คนที่ให้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและเข้ามาเติมเต็มความสนุกในงานนี้ มีความคิดเห็นติชมอย่างไรก็มาแชร์กันได้ แล้วเจอกันใหม่ใน Fungjai Crossplay 4 หรืองานต่อ ๆ ไปของ ฟังใจ อีก

ฟังเพลงทั้งหมดจาก Fungjai Crossplay 3

สิ้นสุดการรอคอย FUNGJAI CROSSPLAY2

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้