Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

ตามไปดู Mild High Club กับวงใหม่ในดวงใจ Sunset Rollercoaster ถึงไต้หวัน

  • Story and photos by Montipa Virojpan

25 พฤศจิกายน 2560

img_5881

กลับจากฮ่องกงได้วีคเดียวก็มีแพลนต้องบินไปไต้หวันกันต่อ เพราะวง hypnagogic pop จากลอสแองเจลิส Mild High Club เขาจะมาเล่นให้เราดูที่ The Wall Live House ชื่อดังของไทเปเขาล่ะ (ทำไมไม่มาไทยน้อ) ยิ่งไปกว่านั้นคือวง local ที่ร่วมโชว์ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น Sunset Rollercoaster นั่นเอง เห็นสองวงอยู่เวทีเดียวกันขนาดนี้แล้วใครจะไปอดใจไหว

img_5876

จนวันที่คอนเสิร์ตมาถึง ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ตะลุยไลฟ์เฮาส์ไต้หวันครั้งแรกของเรา เรามาถึงที่จัดงานประมาณสองทุ่มก็เห็นบรรดาวัยรุ่นไทเปแต่งตัวแรงและดูเพลินมาก มายืนออกันเต็มข้างหน้า The Wall แม้วันนั้นจะฝนตกตลอดทั้งวันเขาก็ไม่หวั่น สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่แถวสถานี MRT Gong Guan เป็นที่คลาคล่ำไปด้วยร้านรวงรวมถึงคาเฟ่ฮิป และตลาดของกินช่วงกลางคืนอันอุดมสมบูรณ์ เพราะมี National University of Taiwan ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล บรรยากาศของบริเวณนี้เลยจะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงที่มืดแล้ว

img_5883

วัฒนธรรมการดูคอนเสิร์ตของที่นี่คือมาก่อนได้เข้าก่อน เลยไม่แปลกที่เราจะเห็นแถวผู้ชมรอคิวเข้าฮอลยาวออกมาจนถึงถนน พอเข้าไปด้านในไลฟ์เฮาส์ก็จะเป็นบันไดให้เดินลงไปยังชั้นใต้ดิน เมื่อถึงด้านหน้าจัดแจงสแกน QR code ผ่านแอปพลิเคชัน KK Box รับบัตรอะไรเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าฮอลที่ด้านหน้ามีบาร์ขายเครื่องดื่มราคาไม่ธรรมดา เบียร์ 150 เหล้าทุกอย่าง 200 อัพ (เดชะบุญที่ดื่มกันมาแล้วจากแฟมิลี่มาร์ต 3 ป๋อง 85 NTD คุ้มเฟร่อ) จากนั้นเราก็เข้ามาจับจองที่ด้านในฮอลที่มีคนเนืองแน่น ไฟสปอตไลต์สีม่วง เขียว ชมพูดีกรีแรงแยงเข้าตา เราเลือกยืนด้านหน้า front of house แบบพอดิบพอดี

img_5885

ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณสองทุ่มสิบนาที ม่านบนเวทีก็ค่อย แหวกออกพร้อมเสียงเฮของคนดู ที่มาพร้อมการปรากฏตัวของวงเจ้าบ้าน Sunset Rollercoaster วงแจ๊ส นีโอโซล กับไลน์ดนตรีหยาดเยิ้มที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักเพลง My Jinji เพลงป๊อปกรูฟ ยุค 80s กั๋ว นักร้องนำทักทายคนดูเป็นภาษาจีน ซึ่งแน่นอนว่าฟังไม่ออกแม้แค่คำเดียว ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงแรก Greedy ที่พากันกรูฟย่องกันแต่ต้น เป็นแจ๊สที่มีไลน์เบสหนึบหนับกับท่อนแซ็กโซโฟนที่เพราะพริ้ง จากนั้นเขาก็คัฟเวอร์เพลงที่เราชอบมาก ได้ยินครั้งแรกจากหนังเรื่อง Fallen Angels ของ Wong Kar Wai ชื่อ Only You โดยออริจินัลเป็นของ The Flying Pickets ท่อนปาดาด๊าดัมขึ้นมานี่ขนลุกเกรียวเลย แล้วต่อด้วยเพลงละมุน จากชุด Bossanova ที่ชื่อ I Know You Know I Love You แล้วเป็น Summum Bolum ที่ขยับจังหวะให้เราได้โยกย้ายกันบ้าง ซึ่งเพลงนี้มีท่อนเท่ ๆ ที่เล่น ๆ อยู่แล้วหยุดกึก ก่อนจะกลับมาบรรเลงใหม่ทั้งวง ขนลุกเลย

img_5899

หลายเพลงที่เขาเล่นไม่ได้ถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้มหรือใน Jinji Kikko ทำให้เราต้องตามหาชื่อเพลงอยู่นานสองนาน เผื่อว่าเพื่อน ๆ จะไปตามฟังกันได้ในภายหลัง แล้วก็เป็นเพลง New Drug ที่เริ่มคุ้นขึ้นมาหน่อย เพลงที่สามจาก EP ที่ให้อารมณ์ล่องลอยชวนฝัน แล้วพวกเขาก็เล่นพาร์ต instrumental ที่ติดไซคีเดลิกยาวนานให้เราได้เลื้อยกันพักใหญ่ก่อนเข้าเพลง Burgundy Red เพลงที่เราชอบที่สุดจากชุดนี้ที่เป็นซินธ์ป๊อปกลิ่น 80s รุนแรง และมีเมโลดี้ที่หวานซึ้งไม่แพ้เนื้อหา ก่อนจะตามด้วยเพลงดังเพลงโปรดของหลาย ๆ คน My Jinji ที่ท่อนโซโล่ตอนท้ายก็ขยี้แบบสุดลิ่มทิ่มประตู และปิดท้ายที่ Slow เพลงสุดเพราะที่มีลูกกลองดุ่ม ๆ ดำดิ่งสุดเท่ตลอดทั้งเพลง

img_5904

ตลอดทั้ง 9 เพลงที่ Sunset Rollercoaster ถ่ายทอดมาให้พวกเราได้ฟังกันเนี่ย พูดได้เลยว่า นี่เป็น performance ที่เข้าขั้นเพอร์เฟกต์ ลูกส่งลูกอิมโพรไวซ์อะไรเหมือนรู้จังหวะที่นัดแนะกันมาอย่างดี นักดนตรีมืออาชีพมาก เล่นแน่นเล่นเป๊ะและเอาคนดูอยู่ทั้งโชว์ แม้ว่าแฟนเพลงชาวไต้หวันหลาย ๆ จะไม่ออกสเต็ปเท่าไหร่ เพราะแฟนเพลงเขาตั้งใจดูแบบเงียบมาก ๆ ถ่ายรูปและวิดิโอกันน้อยมาก มีแค่เรากับพี่ที่ออฟฟิศที่มาด้วยกันและฝรั่งสองสามคนที่โยกกันสุดตัว แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้รับเสียงปรบมือเกรียวกราวและเสียงกรี๊ดดังลั่นทุกครั้งที่เล่นจบเพลง

img_5889

ระหว่างที่รอ Mild High Club คนดูหลายคนเดินออก แต่เราตั้งใจยึดพื้นที่นี้ไว้ไม่ไหวติง ตอนนั้นในฮอลก็เปิดเพลงของ Hiatus Kaiyote วนอยู่หลายรอบ จนกระทั่งสามทุ่มยี่สิบ ม่านก็แหวกออกอีกครั้งพร้อมการปรากฏตัวของสมาชิกวง Alex Brittin เดินมาประจำที่ไมค์โครโฟนกลางเวทีพร้อมพูด ‘หนีห่าว’ เรียกเสียงเฮจากคนดู ก่อนที่จะบรรเลง Club Intro ขึ้นมาเหมือนเปิดรายการที่จะมีแต่พวกเขาดำเนินความสนุกไปตลอดอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า บรรยากาศในฮอลจากที่ซีเรียสกับโชว์สุดเป๊ะของวงเมื่อครู่ก็ดูเริ่มจะผ่อนคลายด้วยบุคลิกของวงที่ดูผ่อนคลาย (และเมา) ซะเหลือเกิน จากนั้นก็นำเข้าเพลง Undinieble ด้วยเมโลดี้กีตาร์สีหวานไล่โน้ตอย่างสดใส แต่เล่นไวกว่าในสตูดิโอเวอร์ชันเพื่อให้เข้ากับไลฟ์เซ็ต ตามด้วยเพลงสุดย้วยทำนองหม่ Weepy Willow ที่เสียงร้องพี่อเล็กซ์มาววววไม่ไหวแล้วววว จนกระทั่งเพลงกุ๊งกิ๊งสดใสจากอัลบั้มใหม่กับอินโทรที่เราฟังปุ๊บแล้วรู้ได้ทันทีว่านี่ Skiptracing ต่อด้วยแทร็คติดกันอย่าง Homage ที่อัดแน่นความเป็น baroque pop ไว้แบบถึงลูกถึงคน

img_5929

มือกีตาร์ทักทายผู้ชม ‘Hello Taipei. I dont speak mandarin or cantonese… this is crazy, nothing compare to this, thanks for joining us.’ แล้วก็เรียกเสียงเฮได้จากคนดู แล้วพวกเขายังคงเรียกตามแทร็คในอัลบั้มโดยต่อกันที่ Cary Me Back, Tesselation, เพลงติดกลิ่นแจ๊สจ๋า ๆ เนิบ ๆ แบบ Head Out หลังจากนั้นนางก็กระแอมอยู่หลายทีก่อนจะไปจิบน้ำแล้วพูดว่า ‘Saturday night… We’re going to have a party tonight… We’re getting lit tonight’ ก่อนจะกลับไปที่งานชุด Timeline ที่เพลงชื่อเดียวกัน

img_5932

พอเล่นจบเขาก็ทำเสียงแมวร้องแล้วเล่นเพลงโปรดของหลาย ๆ คนที่ทำให้รู้จักกับพวกเขาอย่าง Windowpane แล้วกลับไปที่ชุดใหม่กับเพลง Kokopelli ที่เพลงนี้อเล็กซ์เขยิบไปคุมซินธ์ แล้วบิดเอาอย่างเมามันจนเพลงมีความ off tune แบบสุด ๆ แต่เมโลดี้เพลงนี้เพราะมากจนน้ำตาซึม โน้ตคีย์บอร์ดนุ้งนิ้งก็ฟังเพลินเหลือเกิน ส่วนไลน์เบสก็หนึบหนับทำร้ายจิตใจ ตามด้วยเพลง Chapel Perilous ที่กลับมาเป็ยแจ๊สผสม vibes แบบ vaporwave แล้วจึงเป็นอังกอร์ สักพักพวกเขาก็รอให้แฟน ๆ ร้องเรียกจนกลับขึ้นมาแล้วพูดว่า ‘We’re going to play one more song… We don’t know we’re gonna back home… but we’re gonna back home’ พูดไม่รู้เรื่องแล้วววว เมาแล้วแน่นอน ก่อนปิดท้ายกันที่เพลง Everybody Loves the Sunshine ของ Roy Ayers และจากกันไปในค่ำคืนนี้

img_5946

สำหรับโชว์ Mild High Club w/ Sunset Rollercoaster ก็ได้จบลงไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าวงที่ทำให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจตลอดเวลากลับเป็นโชว์จากวงเจ้าบ้าน เพราะพวกเขาอัดพลังงานใส่ลงไปในเพลงอยู่ตลอดและมีไดนามิกที่เปลี่ยนไปไม่อยู่นิ่ง ในขณะที่เรารู้สึกว่า Mild High Club คือต้องเมาแล้วมาดูเท่านั้น มันย้วย มันเนิบ จนเราแอบหาวไปหลายรอบ แต่บางเพลงที่อัพบีทหรือมีลูกอิมโพรไวส์ขึ้นมาแบบเซอร์ไพรส์เราถึงจะว้าวตาม คล้ายว่าวงเลือกจะเอ็นจอยกันเองมากกว่าพยายามถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในเพลงให้กับคนฟัง ก็ไม่แปลกในที่ในงานจะมีฝรั่งมารยาทไม่ดีคนนึงที่ชวนเพื่อนคุยตลอดเวลา แต่มันใช่เรื่องที่ควรทำไหมเนี่ย แล้วเสียงดังมาก ขนาดคนข้าง ๆ เตือนแล้วสามรอบก็ยังคุยอยู่ แล้วแสร้งทำเป็นเต้นสนุกไปกับเพลงแบบกวนโมโห นิสัยแย่มาก แบบ ถ้าคุณไม่อิน ไม่สนุก ก็อยู่นิ่ง ๆ ไม่ก็ออกไปข้างนอกไหม พฤติกรรมของอิตานี่ทำให้ vibes ของโชว์นี้ลดลงไปถึง 3 สต๊อปเลย (เพราะนางยืนอยู่ข้างหน้าฉันจ้าาาา มองไปก็เกะกะลูกตา) เอาเป็นว่าอย่างน้อย ๆ ก็ได้มาฟังวงที่กำลังเป็นที่จับตามองแล้วไม่ผิดหวัง กับได้ฟังเพลงที่ชอบสมัยเอ๊าะ ๆ แบบสด ๆ แหละเนาะ

img_5940

อย่างไรก็ดี เราเตรียมฟังข่าวดีไว้ได้เลยว่าอาจจะมีโอกาสได้ดู Sunset Rollercoaster ที่บ้านเราเด้อ เตรียมเก็บตังกันไว้นะจ๊ะ แต่อยากให้ได้ไปดูกัน ขอการันตีอีกเสียงว่าไม่ได้ดีแค่เพลงแต่เล่นสดเขาเจ๋งจริง เป็นยอดฝีมือคนนึงในซีนดนตรีไต้หวันเลยแหละ อ้อ! แล้วก็รออ่านบทสัมภาษณ์ของทั้งสองวงได้ที่นี่ เร็ว ๆ นี้

img_5888

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้