Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Minimal Life in Bangkok คอนเสิร์ตใหญ่จากใจมินิมอล ขนพลพรรคเชียงใหม่มาเขย่ากรุง

  • Story and photos by Nattawoot Nimitchaikosol

6 มิถุนายน 2561

23519199_2083010861933551_5302233318710637747_n

พอพูดถึงจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะนึกถึงความรุ่มรวยทางศิลปะที่มีอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นฝั่งจิตรกรรม วรรณกรรม หรือจะเป็นภาพยนตร์ รวมถึงดนตรีเอง หนึ่งในสิ่งที่เรานึกถึงเชียงใหม่ นอกจากร้านเล่า, ร้าน North Gate, สาวเชียงใหม่ (เย้ย!) ก็จะมีค่าย Minimal Records เป็นค่ายที่ปั้นศิลปินมากฝีมือมาทั่วเชียงใหม่แล้ว แต่บางทีศิลปินบางกลุ่มในค่ายก็ไม่ได้มาเล่นที่กรุงเทพ ฯ ทั้งที่บางวงเราก็อยากดูใจสิขาด พอเห็นคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็ไม่รอช้า รีบหาเวลาว่างมาดูงานนี้ทันที คอนเสิร์ตนี้มีแค่ Solitude Is Bliss วงเดียวเท่านั้นที่เราเคยได้ดูเล่นสด เพราะฉะนั้นถือเป็นคอนเสิร์ตที่ใหม่มาก ๆ สำหรับเรา และตื่นเต้นที่จะได้ดูเกือบทุกวงทีเดียว

26735248_10155493830914285_805916223_o

เราเข้ามาถึง Voice Space ประมาณ 19.40 น. ก็เริ่มได้ยินเสียงเพลงที่เหมือนกับดนตรีเล่นสดดังอยู่ข้างในแล้ว ก็เริ่มคิดในใจว่า อ้าว Vega เล่นแล้วเหรอ พวกเขาเล่นก่อนเวลาอีกนะ (ฮา) ซึ่งเขาบอกว่า เพลงที่ทางวงจะเล่นนั้นเป็นเพลงใหม่เกือบทั้งหมด และเพลงที่เราคุ้นเคยน่าจะมาเป็นเพลงสุดท้าย ถึง Vega จะเป็นวงใหม่ แต่ฝีมือดูเจนจัดเหมือนคนผ่านมาหลายเวทีมาก ๆ ซาวด์แน่นดีมาก ๆ แถมเพลงยังค่อนข้างชวนล่องชวนลอยดูดวิญญาณออกไปหลาย ๆ เพลง ซึ่งเพลงที่เล่นก็เป็นเพลงที่เขาล้วนแต่ยังไม่ได้ปล่อยอย่าง ชายชุดดำShine For Shine (จากการแกะชื่อเพลงผ่านหูของเราเอง) เป็นเพลงที่ให้กำลังใจด้วยจังหวะเท่ ๆ ฟังแล้วนึกถึงวงญี่ปุ่นที่เราชอบเลย ลงมาอย่างเพลงที่เรารู้จักหลงรักอย่างเมามายอย่าง เคมีระบำ และปิดท้ายด้วยเพลงสุดท้ายที่เราได้ยินชื่อไม่ชัดนัก แต่เนื้อร้องแปลกประหลาดคล้ายกับเพลงเคมี แต่ทำนองนั้นเราว่าไปไกลมาก มีส่วนผสมของ progressive rock เข้ากับเสียง synthesizer แค่วงแรกก็ระเบิดพลังกันรุนแรงแล้ว แทบไม่ต้องห่วงกับวงอื่นแล้วแหละคืนนี้

26693164_10155493831064285_1895715936_o

หลังจากได้พักหายใจหายคอกันนิดหน่อย อินธนูและพู่ถุงเท้า ก็ขึ้นเวที พร้อมซาวด์อัลเทอร์เนทิฟนี่แสบไปถึงทรวง เสียงกีตาร์ฟุ้ง ๆ เบสที่เดินมาอย่างเท่ ๆ และเสียงนักร้องที่พลังดีไม่มีตก เพลง ร่างไร้วิญญาณ นี่ทำให้คนที่อยู่แถวหน้าร้องได้กันเป็นแถบ ๆ ตามมาด้วยเพลงในโปรเจกต์ นกกระจอก อย่าง Utopia พอพวกเขาก็เริ่มเล่นเพลงในอัลบั้ม Long Way Down คือ ย้อนเวลา ซึ่งเราชอบเพลงนี้มาก เลยยืนแหกปากจากข้างหลังอย่างเต็มเหนี่ยว ประสาคนที่อินกับการดูวงดนตรีเล่นครั้งแรก ยิ่งท่อนสุดท้ายนี่โซโล่โคตรมัน เลยดิ้นกินพื้นที่ข้างหลังมาก ๆ ถัดมาเป็นเพลงที่ทางนักร้องนำบอกว่า เป็นเพลงที่พิเศษเพลงหนึ่ง เพราะได้แขกรับเชิญที่จะขึ้นมานี้แต่งไว้ให้ และเพลงนี้จะได้อยู่ในอัลบั้ม แต่ว่าอัดไม่ทัน เลยโดนตัดทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย (ฮา) และแขกรับเชิญคนนั้นก็คือพี่มีน นักร้องนำ Moving and Cut เพลงนี้ได้พี่มีนขึ้นมาร้องเอง ซึ่งปกติเพลงของวง Moving And Cut นั้นจะเป็นเพลงจังหวะกลาง ๆ และเสียงร้องของของพี่มีนที่ค่อนข้างเรียบและบาดลึก แต่พอเป็นเพลงนี้แล้วสุดเดือด ต่างจากลุคในวงอย่างแรง! พี่มีนร้องแหกปากจนกลายเป็นวงร็อกไปแล้ว แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเจ็บปวดแบบลึก ๆ ซึ่งเป็นจุดเด่นของพี่มีนเอง ตามมาด้วยเพลงใหม่ล่าสุดของ Moving and Cut อย่าง เรี่ยวแรงครั้งสุดท้าย ที่ยังคงกราฟอารมณ์ความร้อนระอุไว้สูงเหมือนเดิม ก่อนที่จะกลับมาอินธนู ที่เล่นเพลง รู้อยู่ ปิดท้ายด้วยเพลงโปรโมทเพลงแรก คนที่ลืมทุกอย่าง คนนี่ดิ้นกันในงานอย่างกับเซิ้งหน้าฮ้าน ถือว่าเป็นโชว์ที่น่าประทับใจอีกวง

26694919_10155493831059285_1651922868_o

วงถัดไปเป็นวงที่น่าสนใจมากที่สุดอีกวงหนึ่งในซีนดนตรีของเชียงใหม่ อย่าง มัชฌิมา ที่ โอชิน นักร้องนำ เปิดตัวขึ้นมาอย่างกับนักร้องบรอดเวย์อย่างทรงพลังและอลังการ เปิดตัวมาด้วยเพลง Tangible ที่เป็นเพลงภาษาอังกฤษของวง จังหวะที่สปอตไลท์ส่องไปที่โอชินนี่บอกเลยว่ารู้สึกขนลุกเบา ๆ อาจจะเป็นเพราะความขลังก็เป็นได้ เราค่อนข้างประหลาดใจนิดหน่อยที่โอชินพูดน้อยกว่าที่เราคิด แต่ก็มีเสน่ห์บางอย่างที่น่าดึงดูด โอชินเกริ่นบอกว่าเพลงต่อไปที่จะเล่น เป็นเพลงน่ารัก ๆ อย่าง Jungle จากโปรเจกต์นกกระจอก ที่ถ้าเทียบความน่ารักจะเป็นความน่ารักแบบนางพรายที่เชื้อเชิญเราเข้าป่า (ซึ่งไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่นะ) และร้อง ความรัก ความรู้ ความตาย ที่เท่เอามาก ๆ สิ่งที่ทำให้เราอึ้งกับวงมัชฌิมา คือเสียงของนักร้องนำที่มีพลังรุนแรงยิ่งใหญ่มาก ๆ แข็งแกร่งเข้มข้นสุด ๆ ถึงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทิฟร็อกอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราชินชาไปบ้าง แต่พอได้ฟังเล่นสดแล้ว ของที่มันถึงยังไงมันก็ถึง เราก็ลืมสิ่งที่เราเคยคิดไปหมด แล้วเอนจอยกับการแสดงของวงได้อย่างเต็มอิ่ม ตามมาด้วย High และ ได้โปรด เราชอบมัชฌิมาตรงที่พวกเขามีเนื้อเพลงที่เหมือนคนที่ค่อนข้างเข้าใจโลกจากเนื้อเพลงที่ค่อนข้างปรัชญาประมาณหนึ่ง และร้องเหมือนคนที่เข้าใจมันจริง ๆ ทำให้แต่ละเพลงถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี ปิดท้ายด้วย ไม่มีวันธรรมดา ที่ฟังกี่ครั้งก็ไม่เคยรู้สึกว่าธรรมดาจริง ๆ ถือว่าเป็นโชว์ที่เซอร์ไพรส์มากที่สุดในคืนนี้

26648720_10155493831094285_17071505_n

ขบวนรถจากเชียงใหม่ยังเดินทางตามเวลามาต่อเนื่อง วง The Bandit Boy ขึ้นมาที่เวที ในตอนแรกเรายอมรับเลยว่าไม่ได้ฟังเพลงของวงนี้มาก่อน เราเคยฟังแค่เพลงโปรโมตของพวกเขา และเราไม่ใช่สายฟังเพลงแนวพังก์หรืออีโมเท่าไหร่ แต่พอได้ฟังสด ๆ แล้วก็ได้แต่โยกหัวเหมือนฟังวงดนตรีอีโมเดือด ๆ มากฝีมือ และสิ่งที่ทำให้โชว์ของวงอัพระดับขึ้นมาอีกคือการยืมมือกีตาร์มาจากวง Annalynn ด้วย โหดสัสรัสเซียไปเลย! วงเปิดตัวด้วยเพลงโปรโมต หมื่นล้านคำคม ซึ่งเป็นเพลงที่เรารู้จัก ด้วยซาวด์กีตาร์ที่แสบดากสะท้านจิต น่าจะเป็นวงร็อก พังก์ อีโม หนึ่งเดียวในเชียงใหม่ที่เราเคยได้ยิน ตามมาด้วย เผด็จการ, พ่น (Spit On Your Grave) ที่พาแขกรับเชิญขึ้นมานั่นก็คือพี่นะ Polycat ผู้แต่งตัวมาในคอสตูมชาวเขา แต่ในขณะที่คนอื่นแต่งตัวกันเข้ม ๆ สไตล์วงร็อก เลยไม่แน่ใจแล้วว่า อ้าว นี่พี่นะโดนแกล้งอะไรมาหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้น เพลงต่อไปที่พี่นะร้องก็เป็นโปรเจกต์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว เมื่อพี่นะถามทุกคนว่า “มีใครรู้จักวงแก้มหมีมั้ยครับ” ก็มีเสียงเฮขึ้นมา และพวกเขาก็เล่นเพลง อู๊ด ที่พวกเขาทำเพลงร่วมกัน เนื้อเพลงเกี่ยวกับเด็กเนิร์ดที่ไม่มีหญิงแล เลยต้องใส่กางเกงให้รัด (ตามสไตล์เด็กอีโมขาเดปยุคนั้นอะนะ) ระหว่างเพลงพี่นะบอกให้ทุกคนทำท่าเอามือกำไปที่เป้าแล้วดึงลงมา แสดงถึงความติดของกางเกง กลายเป็นความบ้าบอในงานขึ้นมาเสียอย่างนั้น พอจบคิวพี่นะแล้วก็เริ่มเล่นเพลงของทางวงปกติ อย่าง รอยยิ้ม, รางวัล และสิ่งเลวร้ายเป็นเพลงปิด มีการสร้าง wall of death ให้ทุกคนแหวกออกมาเป็นพื้นที่โล่ง และพร้อมกระแทกกัน จบกันเป็นวงเมทัลมันตับแตกไปเลย ถึงแม้จะมีจังหวะที่อาจจะหลุดไปอยู่นิด ๆ แต่ก็ถือว่าเอนเตอร์เทนคนได้ดี สร้างพลังงานและอารมณ์เดือด ๆ ร่วมได้ทั่วงาน

26692229_10155493831159285_1229047498_o

พอ The Bandit Boy จบไปแล้ว เราเปิดดู lineup ของคอนเสิร์ตนี้ดูอีกรอบ และพบว่าวงที่กำลังจะขึ้นเป็นหนึ่งในวงที่อยากดูมากที่สุดในคอนเสิร์ตนี้ อาจจะเป็นเพราะเขามีโอกาสที่จะมาเล่นที่กรุงเทพ ฯ น้อยด้วยแหละ กับ Migrate to the Ocean ที่พอพวกเขาขึ้นมาก็มีออร่าประหลาดมาก ๆ สำหรับเราที่ไม่เคยเจอในวงไหนมาก่อน พอเล่นแล้วเราไม่เคยผิดหวังเลย อาจารย์ขลุ่ยมีออร่าแห่งความประหลาดบางอย่างที่น่าเคารพและน่าขนลุกไปพร้อม ๆ กัน เวลาที่เขาร้องเพลงออกมา เหมือนนักปราชญ์กำลังให้ความรู้กับฝูงชนที่โง่เขลาประมาณนั้น รู้สึกประทับใจมาก ๆ มาด้วยเพลง ปฏิทิน, อากาศยาน, ข่าวร้ายในทีวี, ไฟ (Daenerys) มีพลังงานความขลังออกมาจากร่างกาย แต่กลับโดนเบรกความคิดนี้เอาไว้ เมื่ออาจารย์ขลุ่ยถามคนในงานว่า “มีใครเล่น ‘Overwatch’ มั้ยครับ” พร้อมกับเปิดตัวเพลง Mercy เล่นเอาเรามองอาจารย์เปลี่ยนไปเลยครับ (ฮา) วงนี้เชิญแขกรับเชิญออกมาคุ้มมาก คุ้มกว่าทุกวงที่เล่นมาอีก ไม่ว่าจะเป็นการเชิญพี่ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า ขึ้นมาแร็ปสาดกวีกันในเพลง อีกา หรือเพลง คนนอก ที่เชิญคุณปิ๊ก ซึ่งเป็นคนทำ mv ให้กับวง และยังเป็นแอดมินเพจ ’ภาพละเพลง’ ด้วย (กรี๊ดมาก ขอติ่งแป๊บ) ขึ้นมาเกริ่นนำเข้าเพลงซึ่งพอเข้าโหมดจริงจังแล้วเขาดูเท่มาก ผิดกับลุคของเพลงในเพจภาพละเพลงไปเลย และพี่เจน แห่ง Electric.Neon.Lamp ขึ้นมาร่วมร้องคอรัสในเพลง เหตุผลที่ทุกคนสวดมนต์ และปิดท้ายด้วยเพลง มินิมอล ด้วยภาคดนตรีที่เข้มข้นดื่มดำกับความจริงจัง พร้อมกับเนื้อร้องและเสียงร้องที่เหมือนต้องมนต์ เราถือว่าเป็นโชว์ที่คุ้มค่าสมกับที่รอคอยมานาน

26638310_10155493831179285_1994097899_n

เวลาเริ่มล่วงเลยมาประมาณ 22.00 น. วงที่ขึ้นมาเป็นวงต่อไปก็ถือว่าเป็นดาวเด่นของ Minimal Records เช่นเดียวกัน คือ สภาพสุภาพ ซึ่งเป็นวงที่เราชื่นชอบจากการฟังอัลบั้ม The Deepest State of Mind และรอคอยการเล่นสดของเขาอีกวงหนึ่ง เล่นเพลงแรกก็เล่นเพลง เพียงแค่เรา ที่เราชอบมากที่สุดอีกเพลงหนึ่ง กรี๊ดดดดด เอาใจไปเลย! ที่เราชอบเพลงนี้มากเพราะเป็นเพลงที่แสดงอารมณ์ออกมาได้พลุ่งพล่านมากที่สุดเพลงหนึ่งของวงนี้ และมันทำให้เราแหกปากตามได้ไม่อายใคร ตามมาด้วย จม อีกเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม ก่อนจะพาแขกรับเชิญที่เป็นมือเบสรูปร่างน่ารักตามที่วงเกริ่นไว้ในอีเวนต์อย่างพี่เพียวจาก Polycat (นี่มากันจะครบวงแล้วนะเนี่ย) ที่ไม่ได้ขึ้นมาร้อง แต่ขึ้นมาเล่นเบสในเพลง ภาพสะท้อน และร่องรอยที่ล่องลอย จากโปรเจกต์นกกระจอก และปิดท้ายด้วย เราเอง ซึ่งจังหวะนั้น เรามันกับการเต้นอยู่ข้างล่างแล้ว เหมือนมีพื้นที่เป็นของตัวเอง ดิ้นแบบไม่สนใคร ไม่ต้องรับรู้อะไรกันอีกต่อไป เลยสรุปจากสติ ณ ตอนนั้นได้ว่าดีมาก ดีมากมาก

26655052_10155493831419285_1158294841_o

พอมาถึงประมาณ 23.00 น. พวกเขาก็มาแล้ว วงที่เราได้เห็นการแสดงสดทุกครั้งก็ไม่เคยผิดหวังทุกครั้ง กับ Solitude Is Bliss คราวนี้มาพร้อม interlude เพลงสุดล้ำ วอร์มการกรี๊ดของคนดูด้วยเสียงนกกระจอกพร้อมเสียงพูดออกจากลำโพงแบบแยกเลเยอร์พร้อมกับเปิดตัวด้วยเพลง Rich Man’s War Poor Man’s Blood, สตรี, Sex ที่เราไม่เคยฟังเพลงนี้ฉบับเล่นสดมาก่อน การเปิดตัวด้วยเสียงกระเส่าของผู้หญิงแบบอีโรติกอาจจะทำให้มีการเหวอก่อนได้ ตามมาด้วยเพลงใหม่ล่าสุดในโปรเจคท์นกกระจอกคือ Lost In Jane ที่เชิญแขกรับเชิญขึ้นมาเป็น พัด แห่ง Zweedz n’ Roll ขึ้นมาร้องเพลงคู่กัน เพิ่มอารมณ์ความดำดิ่งของน้ำเสียงมากขึ้นไปอีก ต่อด้วยเพลง cover ห้องสุดท้าย สุดขลังของ เอ้—รงค์ สุภารัตน์ ที่ได้เปลี่ยนจากแนวโฟล์กที่เหงาและหลอน กลายเป็น progressive rock สุดเดือดการเล่นของพวกเขา และยังมีเพลง เพียงสิ่งเดียว ซึ่งเป็นเพลงใหม่ที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน บอกได้แค่ว่าเป็นเพลงที่ดีตามมาตรฐาน Solitude Is Bliss แน่นอน ระหว่างที่ดูทำให้เรานึกถึงตอนที่เราดูฟังใจเห็ดสดครั้งแรกเลย ตอนนั้นยังเป็นวงหน้าใหม่มาแรงมากฝีมืออยู่เลย แต่ในตอนนี้นั้น ความมากฝีมือนั้นยังมีอยู่เหมือนเดิม แต่ที่มากขึ้นคือประสบการณ์และความเก๋าในการวางเซ็ตลิสท์ที่เปิดตัวได้อย่างน่าสนใจ หลังจากนั้นก็เล่นเพลงสุดฮิต 4:00 am ที่มีแขกรับเชิญขึ้นมาอีกหนึ่งคนคือ ปุ้ย มือกีตาร์จาก Bomb At Track ขึ้นมาร้องเพลงและว้ากแสดงความอัดอั้น สร้างอารมณ์เหงาและเคว้งกันไปทั่วงาน ก่อนที่เต้ นักร้องนำ Bomb At Track จะถูกเชิญขึ้นมาพร้อมกับเล่นเพลง อำนาจเจริญ ซึ่งความร้อนระอุนั้นก็ไม่แพ้เวอร์ชั่นของ Bomb At Track เลยทีเดียว ยังไม่พอ ยังมี Don’t Expect Me ซึ่งเป็นเพลงที่เราคิดถึงมาก อยากฟังสดมาก ๆ พอได้ปุ้ยขึ้นมาเล่นกีตาร์ให้ด้วยก็เพิ่มความรุนแรงของเพลงขึ้นไปอีกหลายเลเวล จังหวะนั้นก็โดดเหยง ๆ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่กลัวการชนคนข้าง ๆ เช่นเคย ก่อนที่จะปิดด้วยเพลงอลังการเสมอมา Vintage Pic ที่เรียกได้ว่าแหกปากกันไปทั่วงานแล้ว ดูกี่ที ๆ ก็ต้องซูฮกให้กับ Solitude Is Bliss อีกครั้งว่า พวกเขายังคงสร้างมาตรฐานดีไม่มีตกจริง ๆ เป็นการปิดโชว์อย่างสมบูรณ์แบบในค่ำคืนนี้

ต้องขอบคุณทาง ฤทธิ์เฮด และ Minimal Records ที่ยกทัพศิลปินจากเชียงใหม่มาสร้างความสุขให้กับคนที่อยู่ในกรุงเทพ และพวกเราก็ยังรอคอยครั้งต่อไปของทุกวงดนตรีที่ได้มาเล่นในคืนนี้ และถ้ามาจริง ๆ เราจะไม่พลาดอย่างแน่นอน

Facebook Comments

Next:


Nattawoot Nimitchaikosol

นักอยากทำหนัง นอกจากชอบดูหนังประหลาด ชอบฟังเพลงไปทั่ว ล่าสุดชอบ BNK 48 และ เคยากิซากะ 46