Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

ย้อนรอยความพีคจากไลฟ์แรกในหลายปีของ ไปส่งกู บขส. ดู๊ พร้อมแขกรับเชิญพิเศษ อิมเมจ สุธิตา

  • Story and photos by Krit Promjairux

27 พฤษภาคม 2560

bks9

น่าจะเรียกได้ว่าเป็นอีก “ปรากฎการณ์” ทางดนตรีพิเศษอีกครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับ headliner โชว์ครั้งแรกในกรุงเทพ ฯ ของวง ไปส่งกู บขส. ดู๊ จากจังหวัดขอนแก่น เป็นคอนเสิร์ตที่รวบรวมเอาทั้งความสนุก โปกฮา ความคัลท์ และความมันเข้าไว้ด้วยกัน วงดนตรีที่แจ้งเกิดมาจากการทำเพลงเนื้อหาเพี้ยน ๆ บวม ๆ จนเราสงสัยว่าคอนเสิร์ตของพวกเขาจะออกมาในรูปแบบไหนและแฟนเพลงของพวกเขาคือใครกันแน่

bks8

คอนเสิร์ตครั้งนี้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2017 ที่ PLAY YARD By Studio Bar ลาดพร้าวซอย 8 และมีการเปิดจำหน่ายล่วงหน้าเป็นเวลาร่วมสองอาทิตย์ก่อนวันแสดง ซึ่งมีแฟนเพลงให้การตอบรับอย่างล้นหลาม เมื่อเข้าไปในร้านเราก็พบว่ามีแฟนเพลงของวงกระจายตัวจับจองพื้นที่ในบริเวณร้านกันค่อนข้างเยอะแล้ว ผู้ชมวันนี้ส่วนใหญ่ต่างถือโปสเตอร์ของวงอยู่ในมือ แสดงว่าผู้ชมที่นั่งอยู่ในนี้เกือบทั้งหมดเป็นผู้ที่จองบัตรกันมาล่วงหน้าทั้งสิ้น ด้วยวง ไปส่งกู บขส. ดู๊ เป็นวงที่หาโอกาสที่จะได้สด ๆ ยากมาก เพราะพวกเขาคือ “วงร็อกหน้าใหม่ฐานะร่ำรวย” นึกอยากจะเล่นก็เล่น และนี้ก็เป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกในรอบหลายเดือน และรอบหลายปีในกรุงเทพ ฯ ถ้าพลาดรอบนี้ก็ไม่รู้จะได้ดูอีกเมื่อไหร่

bks7

ประมาณ สองทุ่ม สี่สิบ บูม และ อ๋อง สองสมาชิกจาก ไปส่งกู บขส. ดู๊ ก็ขึ้นมาทักทายแฟนเพลงบนเวทีกันอย่างเฮฮาและเป็นกันเอง ก่อนจะยกเวทีให้กับวงเปิดที่พวกเขาเลือกสรรกันมาอย่างนี้นั้นก็คือ Lord Liar Boots วงร็อกอีกวงที่มาแรงมาก ๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา สมาชิกวงทั้งหมดเดินขึ้นมาประจำตำแหน่งด้วยชุดมนุษย์ป้าอีกเช่นเคย จิมมี่ ฟรอนต์แมนของวงพูดออกไมค์ด้วยอารมณ์หงุดหงิด “ไหนใครอ่านดูข่าวที่มีการลงโทษเกย์ที่อินโดนีเซียบ้าง แม่งโคตรทุเรศเลยว่ะ” ก่อนจะเริ่มเล่นเพลงใหม่ที่ชื่อเพลงว่า เพศทางเลือก ที่ทางวงเพิ่งแต่งกันเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ บรรยากาศเริ่มเดือดตั้งแต่เพลงแรก เป็นเพลงสไตล์ฮาร์ดคอร์พังค์ที่รุนแรงและรวดเร็ว ก่อนจะทิ้งท้ายหลังจบเพลงว่า “เป็นตุ๊ดแม่งไม่ผิดหรอก คนที่เที่ยวไปชี้ถูกผิดคนอื่นต่างหากล่ะ”

llb4

การที่วงเลือกที่จะเล่นเพลงนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอีกด้านหนึ่งของ Lord Liar Boots ที่แม้จะดูเป็นวงเฮฮา แต่ก็ยังเป็นวงที่ซีเรียสในเรื่องประเด็นทางสังคมและใส่ใจความเป็นไปในโลก ก่อนจะตามมาด้วย มนุษย์ป้า, Can I say (เพลงใหม่), สายสี่ ที่คนดูร้องตามกันกระหึ่มร้าน เรื่องฝีมือการเล่นสดของพวกเขาคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เป็นวงที่ทำซาวด์ได้และเคลียร์กันอยู่แล้วแม้จะออกท่าออกทางกันเยอะ สิ่งใหม่ที่ค้นพบในการดูพวกเขาเล่นสดครั้งนึ้คือ เพลงใหม่ที่เขียนเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษซึ่งทางวงเล่นในวันนี้ (Can I say, Untitled) มีความเท่และอินเตอร์มาก ซึ่งเดาว่าทางวงคงต้องขยายฐานแฟนเพลงเข้าไปสู่กลุ่มคนฟังใหม่ ๆ รวมทั้งกลุ่มแฟนเพลงชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยของ LLB ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ทางวงซัดกันไปเกือบ ๆ ชั่วโมงก็ลาเวทีไปด้วยเพลงขี้งอน ก่อนที่คนดูตะโกนอังกอร์ให้เล่นต่อ เรียกได้ว่าพีคกันตั้งแต่วงเปิดเลยทีเดียว ทางวงสนองด้วยการแถมให้อีกเพลงในอันจบเซ็ตอย่างสวยงาม

llb3

หลังจากพักเบรกกันประมาณครึ่งชั่วโมง สี่ทุ่มตรง ก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ไปส่งกู บขส. ดู๊ เริ่มการแสดง เปิดโชว์ด้วย No Car และต่อด้วยซิงเกิ้ลประจำวันพืชมงคล ฉันเจอวัวป่าโคโรโวเก้  นี่คือจุดเริ่มต้นของช่วงเวลามหัศจรรย์และเหนือการคาดเดาที่จะดำเนินต่อไปอีกสองชั่วโมง ถ้อยคำและเนื้อหาต่าง ๆ ในเนื้อเพลงที่ฟังดูตุ่ย ๆ ตลก ๆ จากการฟังในรูปแบบ audio กลายมาเป็นบทเพลงฮาร์ดร็อกที่ทุกคนในร้านต่างร่วมใจกันตะโกนกันสุดเสียงและโยกหัวตามจังหวะแบบคำต่อคำ “โคโรโวเก้ โคโรโวเก้ โคโรโวเก้” ตามมาด้วย วันสำคัญทางศาสนา ที่หยิบยืมดนตรีของเพลง Hotel Califonia ของ The Eagles มาใส่เนื้อใหม่ที่บูมมือกีตาร์เล่าถึงที่มาของเพลงว่า แต่งเพลงนี้เพื่อเอาไปส่งพรีเซนต์งานหน้าห้องในวิชาพุทธศาสนาสมัยมัธยม และยังพูดติดตลกอีกว่าตอนแรกทางวงจะเชิญ The Eagles มาเป็นแขกรับเชิญ แต่เขาไม่ยอมมาเลยบอกว่า งั้นพวกกูเล่กันเองก็ได้ สร้างเสียงฮาให้กับกับคนดูกันไป ก่อนที่คนดูทั้งร้านจะได้ร่วมร้องเพลงนี้กับวงแบบคำต่อคำกันทั้งร้าน

bks10

หลังจากนั้นก็เป็นช่วงสนทนากับแฟนเพลงโดยอ๋องและบูม ที่เรียกเสียงฮาและรอยยิ้มจากคนดูได้ตลอดจริ งๆ ก่อนที่เสียงเฮจะดังขึ้นไปอีกเมื่อทางวงเชิญแขกรับเชิญคนแรกขึ้นมาบนเวทีซึ่งก็คือ อิมเมจ สุธิตา ที่ทางวงอ้างและประกาศผ่านทางแฟนเพจของวงว่า เธอคือเหตุผลสำคัญที่สุดที่พวกเขารวมตัวกันเพื่อเล่นคอนเสิร์ตครั้งนี้ จากการอ่านค้นพบว่าน้องอิมเมจ ใส่เพลง ถังน้ำแข็ง ของวงลงไปในลิสต์เพลงโปรดจากการให้สัมภาษณ์ใน Fungjaizine (คลิกอ่าน ที่นี่) จนนำไปสู่การเชิญมาร่วมแจมกันในงานครั้งนี้

bks1

อิมเมจโชว์ความเป็นแฟนเกิร์ลของวงด้วยการบอกให้ทุกคนเงียบก่อนจะร้องเพลง ถังน้ำแข็ง (ซึ่งเอาจริง ๆ ทุกวันนี้เราก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเสียงร้องในเพลงนี้จะเรียกว่าเป็นการร้องเพลงได้รึเปล่า) อิมเมจให้สัมภาษณ์ในบทความว่า เป็นเพลงที่เธอชอบเปิดฟังเพลงเวลาเครียดจัด ๆ ก่อนจะร่วมแจมกับทางวงในเพลง ม้าลายอยากขับรถจี๊ป ซิงเกิ้ลล่าสุดของทางวงที่มีภาคดนตรีที่ไพเราะและเมโลดี้ร้องป๊อปที่สุดของวง ถ้าเราไม่ได้สนใจเนื้อเพลง เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงไพเราะทีเดียวเลยล่ะ ช่วงกลางเพลงบูมถอดกีตาร์ยื่นให้น้องอิมเมจ ก่อนจะกล่าวกับน้องว่า “น้องอิมเมจ โซโล่ โซโล่!” อิมเมจรับกีตาร์จากบูมและกรีดนิ้วลงบนกีตาร์แบบมั่ว ๆ เรียกเสียงเฮฮาจากคนดูไปอีก หลังจากจบเพลง อ๋องฟรอนต์แมนของวงเดินลงเวที ให้อิมเมจโชว์พลังเสียงในเพลง Not A Goodbye ซิงเกิ้ลแรกของเธอเอง

bks6

นอกจากอิมเมจแล้ว ทางวงยังแขกรับมาร่วมสนุกอีกสามท่าน พุฒ และ บอมม์ สองสมาชิกจาก ภูมิจิต เป็นการปรากฎตัวบนเวทีคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกของพวกในรอบหลายเดือน ทั้งคู่รวมแจมกับวงด้วยเพลงของพวกเขาเองให้แฟนเพลงได้หายคิดถึงในเพลง ลุมพิณี และ Nobel ถือเป็นโมเมนต์ที่ดูจริงจังที่สุดของคอนเสิร์ตครั้งนี้ แฟน ๆ ของ ไปส่งกู บขส.ดู๊ให้การตอบรับเป็นอย่างดี

bks5

หลังจากนั้นทางวงเอาลิสต์เพลงขึ้นมาถกกันเล็กน้อยว่าจะเล่นเพลงอะไรกันต่อดี ซึ่งถ้าเป็นคนคอนเสิร์ตอื่นอาจจะทำให้บรรยากาศกร่อยลงได้ แต่สำหรับคอนเสิร์ตของ ไปส่งกู บขส.ดู๊ มันคือสเน่ห์อย่างหนึ่งของการดูวงนี้เล่นสด มีสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้เกิดขึ้นมาเซอร์ไพร์สคนดูไปตลอด เช่นเดียววีรกรรมห่าม ๆ และท่าทีกวน ๆ ของทางวง ที่จะกลายมาเป็นเรื่องเล่าปากต่อปากต่อไปไม่รู้จบ หลังจากถกกันสักพักทางวงเลือกเล่นเพลง เห็นชุดชั้นใน อย่างชัดเจน ต่อการ cover เพลง Rollin’ ของ Limp Bizkit ในแบบฉบับของวง ซึ่งแฟน ๆ ก็ยังร้องตามกันได้ คนดูคอนเสิร์ตในวันนี้สุดยอดจริง ๆ

bks3

และอีกไฮไลท์หนึ่งอยากจะพูดถึงในคอนเสิร์ตครั้งนี้คือการมาของแขกรับเชิญคนที่สาม นั่นคือ วิน ฟรอนต์แมนของวง The Ginkz มาร่วมร้องในเพลง ยามอ่อนล้า และ พนักงานสวนสัตว์ ที่เมื่อร้องเสร็จทางวงยังไม่ยอมให้วินลง คะยั้นคะยอให้วินเล่นต่อ วิน จึงต้องงัดเพลงที่ฮิตที่สุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นคือเพลง แอบปลื้มสาวมุสลิม ม.1/5 บทเพลงที่เกิดจากการนำเอาเนื้อเพลงที่น้องออเดิร์ฟลูกเพจ แปลงซะเสีย เอาเนื้อเพลงที่ต้นฉบับเขียนบอกเล่าความในใจต่อเพื่อนร่วมชั้นมาให้วินดู เป็นการแสดงสดครั้งแรกของเพลงนี้ไปโดยปริยาย ทุกคนร่วมกันร้องตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะในท่อนฮุค “ต่างกัน ต่างกัน ต่างกัน” ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์จะจดจำช่วงเวลาดังกล่าวไปอีกนาน

bks4

มาถึงช่วงท้ายของคอนเสิร์ต ขณะที่ทางวงยังสรุปไม่ได้ว่าจะเล่นอะไรกันต่อก็มีเสียงจากคนดูตะโกนขึ้นไปบนเวทีว่า ผมรู้ดีผมคนแถวนี้ เป็นการนำไปสู่ช่วงรวมมิตรเพลงฮิตของวงในยุคแรก (ใครไม่เคยฟังแนะนำให้ลองไปเสิร์ชหาฟังกันใน YouTube) ไล่ไปตั้งแต่ ผมรู้ดีผมคนแถวนี้, เธอทิ้ง, รุ่นน้องตีปาก ที่เรียกเสียงฮาและถือว่าเป็นบุญหูสำหรับผู้ชมในวันนี้มากที่ได้เห็นวงเล่นเพลงเหล่านี้สด ๆ สักที

bks12

ถึงแม้ว่าทางวงจะโปรโมตตัวเองออกไปในทางวงสายตลก แต่ถ้ามาดูในส่วนของ performance จริง ๆ วงนี้ก็ถือได้ว่าเป็นที่รวมนักดนตรีเก่ง ๆ มาไว้ด้วยกันอีกวงในเวลาที่เล่นเพลงอย่าง นักการ, หมีโตขึ้นสี่มิล และอื่น ๆ แม้ซาวด์ในวันนั้นจะไม่ค่อยดีนัก แต่ทุกอย่างก็ออกมาสนุกและถึงอารมณ์มาก ก่อนที่ทางทางวงประกาศออกไมค์อีกครั้งว่าเพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายแล้วนะ เหนื่อยแล้ว ก่อนจะเล่น พ่อผมเป็นสุลต่าน แต่คนดูก็ยังไม่ยอมแยกย้าย ตะโกนบอกให้เล่นต่อ ทางวงจัด ฉันเจอวัวป่าโคโรโวเก้ อีกรอบ ตอนนี้ไฟในร้านเปิดแล้ว แต่คนดูก็ยังไม่เลิกอังกอร์ เลยจัด พนักงานสวนสัตว์ ให้อีกรอบ ก็ยังไม่ยอมออกจากร้านกัน เราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะความเฟรนลี่เป็นกันเองของวงที่มีให้กับคนดู รวมถึงความไม่เป็นทางการใด ๆ ของโชว์นี้ทำให้คนดูรู้สึกมีความเป็นพวกเดียวกับศิลปิน มองกันเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้อง บรรยากาศดูอบอุ่นอย่างประหลาด ทางแถมให้อีกเพลงสุดท้ายคือเพลง กลับมา ของ 2 Days Ago Kids ที่อยู่ ๆ นึกขึ้นแล้วก็เล่นกันออกมา ทางวงเลยทิ้งท้ายไว้ว่าออกไปกินเหล้ากันดีกว่าถือเป็นปิดงานจริง ๆ ในที่สุด

llb1

คอนเสิร์ตของ ไปส่งกู บขส. ดู๊ ครั้งนี้จบลงอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง สมกับที่แฟนเพลงในกรุงเทพ ฯ รอคอยโอกาสนี้มาอย่างยาวนาน และคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นอีกบทพิสูจน์ของความหลากหลายในซีนดนตรีอิสระของบ้านเรา มันไม่มีเกณฑ์หรือกฎใด ๆ จริง ๆ ว่าจะทำเพลงยังให้โดน ให้ประสบความสำเร็จ เราจะรู้ก็ต่อเมื่อเราทำสำเร็จแล้วเท่านั้นแหละ เช่นเดียวกับวง ไปส่งกู บขส. ดู๊ ที่ประสบความสำเร็จจากการทำเพลงในแบบฉบับของตัวเอง เป็นวงที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์ของวงการดนตรี การที่ได้ร่วมตะโกนแหกปากร้องเพลงที่ไม่ค่อยเป็นภาษา เนื้อหาไม่รู้ฟังเรื่อง กลับทำให้เรารู้สึกปลดปล่อย และคลายทุกข์ใจออกมาได้ดีอย่างประหลาดจริง ๆ

“โคโรโวเก้”

Facebook Comments

Next:


Krit Promjairux

kicking and screaming in Pistols99 อยากใช้ชีวิตเหมือน William Miller ในหนังเรื่อง Almost Famous.