PLUTON/ANS
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: ธิติพัฒน์ ภาคพิเศษ
22 สิงหาคม 2558
มีคอนเสิร์ตอยู่หลายงานทีเดียวในช่วงนี้ที่น่าติดตาม ด้วยการดึงเอาวงดนตรีหลายต่อหลายวงที่ห่างไปจากวงการมาแสดงสดให้พวกเราหายคิดถึง เช่นกันกับงาน PLUTON/ANS คอนเสิร์ตและนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะจัดโดยแฟนเพจ Plutonians ที่ได้รวบรวมเอาผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมาจัดแสดงเพื่อถ่ายทอดความหมายของ “ดาวพลูโต”ในแบบของแต่ละคน ซึ่งงานนี้ก็ไม่ลืมที่จะชวนวงดนตรีที่มีความเป็นดาวพลูโต ในแง่ที่ว่า มีบทเพลงเกี่ยวกับดวงดาวชื่อเดียวกันนี้ หรือเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกของความเคว้งคว้างในอวกาศ โดดเดี่ยว การหล่นหายของบางสิ่ง หรือการมีระยะห่าง อ่านมาเท่านี้ต้องคิดแล้วแน่ ๆ ว่าอะไรมันจะดีพ หม่น ลอย กันขนาดนั้น วงที่ตบเท้ากันมาเล่นในงานนี้ก็สามารถตอบโจทย์ข้างต้นได้เป็นอย่างดี ทั้ง Stoondio, Why Frank, PC 0832/676, White Light, The Photo Sticker Machine, Goose และการกลับมาของวงป๊อปในอดีตที่หลายคนต้องเคยถามหาแน่นอนอย่าง 15th Scenery อีกไม่กี่ย่อหน้าจะได้รู้กันว่าแต่ละวงจะขนเพลงอะไรมาเล่นและมี Performance ที่น่าประทับใจอย่างไรบ้าง
ก่อนหน้าทราบมาว่า “อู่กรุงเทพ” ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานพลูโตเนียน เคยถูกใช้จัดงาน The Great Outdoor Market มาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน และมีกระแสตอบรับดีมากด้วยบรรยากาศ แต่ติดอย่างเดียวตรงที่อุณหภูมิของกรุงเทพ ฯ ไม่เคยเข้าใครออกใคร ครั้งนี้เราก็แอบหวั่น ๆ อยู่ว่าจะร้อนตับแลบอีกหรือเปล่า การเดินทางไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดเพราะแค่จับรถไฟฟ้ามาลงสถานีสะพานตากสินและเดินต่ออีก 500 เมตร เจอธนาคารออมสินอยู่ทางซ้ายมือแล้วทางเข้าตัวอู่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดิบพอดี เรามาถึงงานค่อนข้างเลทเพราะติดภารกิจเล็กน้อย ด้านหน้ามีการรักษาความปลอดภัยและตรวจสัมภาระจากเจ้าหน้าที่ราชการอย่างเข้มงวด อาจมีความไม่สะดวกบ้างแต่เชื่อว่าทำให้ผู้ร่วมงานรู้สึกปลอดภัยไปได้มากทีเดียว ขณะที่เดินเข้ามาบริเวณลานจอดรถ เราก็ได้ยินเสียงดนตรีมาจากที่ไกล ๆ เบื้องหน้าของเราเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา มีลมโกรกตลอดเวลาช่างเข้ากับเสียงเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ตอนนี้ จากที่ฟังคาดว่าน่าจะเป็นเพลงของ PC 0832/676 วง Instrumental, experimental จากเชียงใหม่ ด้วยซาวด์อื้ออึงดุดัน แต่พอฟังมาจากที่ไกล ๆ ก็กลายเป็นแอมเบียนท์เท่ ๆ ที่ดึงให้เรารีบอยากเดินเข้าไปฟังงานของพวกเขาอย่างจริง ๆ จัง ๆ ด้านใน
Eyedropper Fill
เมื่อมาถึงบริเวณที่จัดงาน ก็ถึงช่วงที่ PC 0832/676 กำลังเล่นเพลง 0.5 sec กันแล้ว ระหว่างนั้นเราเดินผ่านร้านค้าต่าง ๆ มากมายที่คัดสรรมาแล้ว รับประกันความอร่อยและคุณภาพวัตถุดิบที่ใช้เพราะส่วนตัวมีโอกาสลองหลายร้านมาก่อนหน้าแล้วเช่นกัน ทั้งสารพัดขนมอบจาก Maison Jean Philippe, ไก่กะทิ Play Yard, ไก่ทอด Fried Flavors, หรือ The Kitchenmess กับเบอเกอร์ที่สร้างสรรค์ออกมาให้ดูเหมือนดาวเคราะห์ต่าง ๆ แต่ตอนนั้นท้องยังอิ่มอยู่ทำให้ไม่ได้แวะซื้อร้านไหนเลย เดินกันต่อมาด้านในหลังจากตรวจสัมภาระกันอีกด่านก็เจอโซนนิทรรศการจัดแสดงผลงานที่มีทั้งภาพถ่าย, ภาพวาด, Installation, visual art หรืองาน interactive ที่ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในงานศิลปะรวมถึงศิลปินของงานนั้น ๆ โดยผู้ที่ร่วมแสดงงานก็เป็นศิลปินอิสระรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่ม Eyedropper Fill, ณฐพล บุญประกอบ, พวงสร้อย อักษรสว่าง, ณัฐภัทร เหลืองรุ่งทิพย์, สิริมา ไชยปรีชาวิทย์, TUNA Dunn, จัง และอีกมากมาย น่าเสียดายที่ Presentation ไม่ค่อยเป็นที่ดึงดูดสายตาเลยอาจทำให้คนมาแวะเวียนไม่ค่อยมาก เทียบกับงานที่เป็น Interactive ทีคนจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเยอะหน่อย
Goose
จากนั้นเราก็เดินเรื่อยมาถึงโซนเวทีจนได้ แต่ก็เป็นตอนที่วงเล่นจบไปแล้วซึ่งน่าเสียดายมากที่ไม่ได้ยืนฟังเสียงแบบเต็มโชว์ แต่ขนาดเราฟังไกล ๆ ก็รู้สึกว่าฝีมือวงนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เคยเขียนรีวิวไปในเห็ดใหม่ช่วงที่เพลงของพวกเขาเพิ่งเข้ามาอยู่บนเว็บไซต์ฟังใจ และจากที่สังเกตกลุ่มคนดูอยู่ไกล ๆ ก็รู้สึกได้ว่าทุกคนดูจะมีอารมณ์ร่วมกับโชว์ คือยืนตั้งใจฟังกันดีมาก บางคนก็สะบัดหัวตามจังหวะอย่างเมามัน น่ายินดีแทนศิลปินกับการแสดงเวทีใหญ่ครั้งแรกของพวกเขาแล้วได้รับการตอบรับที่ดี
ระหว่างที่รอวงต่อไปขึ้นเล่น เราถือโอกาสเดินออกมาสูดอากาศข้าง ๆ ฮอลที่จัดงาน เพราะข้างในอากาศร้อนอบอ้าวมาก ซึ่งด้านข้างนี้เองก็เป็นบริเวณริมน้ำ มีการจัดไฟ และ Happening art โดยมีศิลปินใส่ชุดฟอยล์คล้ายนักบินอวกาศหรือมนุษย์ต่างดาวก็ไม่ทราบได้วิ่งไปรอบ ๆ งาน ข้างกันมีโซน DJ set เปิดเพลงพวก Deep house, chill out ซึ่งบรรยากาศมันได้มาก ๆ เราเลยมานั่งแหมะโยกตัวอยู่ตรงนี้พักใหญ่เลยทีเดียว ได้ทราบมาภายหลังว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง Follows ขอชื่นชมว่าเปิดเพลงได้ดีมากค่ะ
แล้วไม่นานนัก White Light ก็ขึ้นเล่น เราเดินกลับเข้าไปฟังการแสดงด้านใน สำหรับวง Electro ambient วงนี้ที่เราชื่นชอบดนตรีของพวกเขาอยู่แล้ว น่าเสียดายที่ซาวด์ในงานไม่ค่อยอำนวย อาจจะด้วยความอื้ออึงของสถานที่ทำให้ควบคุมคุณภาพของระบบเสียงได้ค่อนข้างลำบาก เสียงกังวานสะท้อนและความดังของเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นทำให้รู้สึกล้นไปบ้าง เราเลือกยืนโซนกลางของฮอลค่อนมาทางหน้า ๆ เพื่อว่าจะได้ยินเสียงในตำแหน่งที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถทนยืนได้นานเพราะเสียงอัดแน่นเกิดไป เราเลยเลือกที่จะออกมานั่งฟังข้าง ๆ เช่นเดิม ซึ่งผลปรากฎว่าซาวด์ด้านนอกฟังแล้วรู้สึกสบายหูกว่าด้านในมาก ซึ่งปัญหานี้ก็ไม่ได้เป็นแค่โชว์ของวงนี้ เพราะวงก่อนหน้าเราเองก็รู้สึกว่ามันแน่นเกินไปหน่อย มีเล่นเพลงของ Sleep Party People ด้วย
15th Scenery
ต่อกันที่ 15th Scenery กันเลย ช่วงนี้คนดูแห่กันกลับเข้ามาดูอย่างล้นหลาม หลายคนร้องตามเพลงของพวกเขาได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ดูพวกเขาเล่นสดหลังจากที่ฟังเพลงของวงนี้มาตั้งแต่เด็ก คือซาวด์อะไรมาดี เล่นแน่น สนุกสนานตามท้องเรื่อง เหมือนแต่ละคนในวงยังรุ่นใหม่ไฟแรงกันอยู่เลย ขนมาทั้งเพลง ดาวพลูโต, เพื่อความไม่ประมาท, รุ้งสีเดียว, อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์, ดอกไม้กับนายกระจอก และ Happy Like A Honeybee ที่เซอร์ไพรส์ผู้ชมสุด ๆ คือการเล่นเพลง Midnight City ของ M83 เสียอย่างเดียวที่ท่อนกลางค่อนไปถึงท้ายที่เบสเสียงดังแกรก ๆ บาดหู อาจจะเกิดปัญหาลำโพงลั่นหรืออะไรอันนี้ไม่ทราบได้ ปิดท้ายด้วยเพลง ก็ทดลองดู แฟน ๆ ที่คิดถึงก็ฟินกันไปเป็นแถบ ๆ
15th Scenery
ถึงเวลาของ The Photo Sticker Machine กันแล้ว หนนี้จัดว่าเป็น Performance ที่ดุเดือดมากกับไซส์เวทีขนาดใหญ่และระบบเสียงที่ยิ่งกว่างานก่อน ๆ ที่เคยดู แล้วรู้สึกว่าปัญหาของซาวด์ที่แน่นจนเกินไปก็หายเป็นปลิดทิ้ง เรียกได้ว่าสมบูรณ์ทีเดียวเลยแหละ มีการเข้ามาแจมของวง Space, fusion jazz ที่มีลีลาน่าจับตามองอย่างมากในขณะนี้อย่าง Space Monkeys + 1 (เดิมชื่อ Space Trio มี ณป่าน กับ เบนซ์ จาก Hariguem Zaboy เป็นสมาชิก) ส่วนกลองของพี่สำลีนี่อย่างแน่น ตื่นหูตื่นตาตื่นใจมาก เท่านั้นยังไม่พอ หัวใจแทบวายพอเห็นตัวแม่อย่าง ริค วชิรปิลันธิ์ มาร่วมร้องด้วยถึงสามเพลง นึกว่าจะเป็น นิมฟ์ หุตาคม เหมือนโชว์อื่น ๆ คือช็อคไม่เชื่อสายตา ก่อนหน้านี้เราน่าจะได้ดูคลิปที่พี่ริคร้องเพลง 134340 (Pluto) มาแล้ว ขอบอกเลยว่าที่ได้ดูสดในค่ำคืนนี้พีคกว่าหลายเท่าตัว เป็นบุญหูที่ได้ฟังเสียงพี่ริคเป็นครั้งแรก กับอีกเพลงก่อนหน้า คือเพลง ไม่แน่ใจ ที่ถ่ายทอดออกมาได้ทรงพลังอย่างยิ่ง บอกเลยว่าน้ำตาซึมเลยจ้า
The Photo Sticker Machine feat. ริค วชิรปิลันธิ์ และ Space Monkeys + 1
โชว์ปิดท้ายจาก Goose ที่คนดูเริ่มกลับเข้ามาอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ทุกคนดูมีทีท่าว่าพร้อมจะกระโดดไปกับเพลงของพวกเขา ที่เลือกมาเล่นวันนี้ไลน์อัพคล้าย ๆ ในงานเห็ดสด 2 ไม่ว่าจะเป็น ทิ้งฉันไว้, ไหม้, ฝุ่นผง, รู้สึก, In My Eyes, เวลาที่มี, สิ่งดีดี มีการให้คนดูอังกอร์เรียกกลับมาเล่นด้วย ก็เป็นโมเมนต์น่ารักของวงที่บันเทิงใจแฟนเพลงทีเดียว ถึงตอนนี้สุ้มเสียงอะไรต่าง ๆ ก็กลับมาอื้ออึงแน่นเปรี๊ยะอีกครั้ง แต่รู้สึกว่าตัวซาวด์ดีกว่าคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งก่อน ทว่าสำหรับพาร์ทการเล่นส่วนตัวรู้สึกว่ายังไม่สุดเท่าไหร่ เหมือนยังอั้นไว้ แต่ไป ๆ มา ๆ รู้ตัวอีกทีคือโดดยับไปแล้ว บิ๊วตัวเองแล้วร้องตามไว้ก่อนก็สนุกได้แล้ว
Goose
ทันทีที่วงเล่นจบก็ถือเป็นอันจบงานอย่างงดงาม เพราะจากที่ดูผู้คนรอบ ๆ ก็ดูจะมีความสุขกับส่วนต่าง ๆ ของงานไม่ว่าจะเป็นพาร์ทร้านค้า นิทรรศการศิลปะ หรือคอนเสิร์ต ขอแสดงความยินดีกับผู้จัดงานที่งานในครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จในระดับนึงเลยทีเดียวแม้ว่าจะมีปัญหาด้านเทคนิคบ้างบางประการ ก็ขอเป็นกำลังใจให้จัดงานอย่างนี้อีกในครั้งต่อ ๆ ไป แต่งานจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าขาดคอเพลงมาช่วยกันสนับสนุนศิลปิน ไว้ถ้าทีม Plutonians จะคลอดงานแบบนี้อีกในโอกาสหน้าก็อย่าลืมชวนเพื่อนมาดูกันอีกเยอะ ๆ นะ