ระเห็ดเตร็ดเตร่

Psych-Out 2 Mini Fest

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Archive Project, Nut Phanlunkkarn, มนต์ทิพา วิโรจน์พันธุ์

15 สิงหาคม 2558

กลับมาอีกครั้งกับงานดนตรีสุดเมาที่ฝากความประทับใจไว้แล้วในครั้งก่อน สำหรับ Psych-Out จัดโดยกลุ่ม Archive Project นำทีมโดย คุณตั้ม โตคิณ ฑีฆานันท์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานเทศกาลดนตรีต่าง ๆ ทั้ง Keep On The Grass หรือ Stone Free

Psych-Out ในครั้งแรกจัดที่ ปราชญ์เปรียวสตูดิโอ ซอยปรีดีพนมยงค์ 42 ครั้งที่สองนี้ก็เปลี่ยนบรรยากาศมาจัดกันที่ดาดฟ้าของ HOF Art Space ที่ W District พระขโนง ซึ่งก็ต้องขึ้นลงกันขาลากประมาณนึง เราเลยเลือกที่จะสิงสถิตย์อยู่ข้างบนไปเลย แล้วพอได้มาอยู่ในสถานที่จริง เราก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงว่า บัตรงานรอบนี้ Sold Out ตั้งแต่ยังไม่หมด Early bird แต่พื้นที่จัดงานค่อนข้างเล็กจนเราลุ้นแทนว่าจะจุ 200 คนพอหรือไม่ คิดไปคิดมาพอเอาเข้าจริงเดี๋ยวคนดูก็จัดสรรพื้นที่ให้ตัวเองอยู่ดี หรือไม่กว่าจะถึงตอนนั้นคนดูก็อาจจะเมาไม่รู้เรื่องจนไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ไปแล้วก็ได้

งานนี้เริ่มเวลา 13.15 น. ช้ากว่ากำหนดการเพียง 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งเซอร์ไพรส์เราไม่น้อยเมื่อ Wednesday ขึ้นเล่นทั้งที่ตอนนั้นมีคนดูอยู่บางตา บรรดากลุ่มเพื่อนผู้จัดก็มานั่งให้กำลังใจชมการแสดงกันอยู่บริเวณด้านหน้า ทีแรกเราก็คิดว่าแค่ซาวด์เชค แต่ซาวด์เช็คเดือดเบอร์นี้เราว่าไม่ใช่แล้วแหละ หนนี้ Wednesday เปิดโชว์มาด้วยงาน Guitar loop กับซาวด์ที่ผสมผสานดนตรีหลากแนว ทั้ง Experimental, lo-fi, chill out, shoegazer, dream pop, alternative rock, garage rock, neo-psychedelia ไปจนถึง math rock และโชว์นี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขามีคอมพิวเตอร์ประกอบการแสดง ถ้าใครเคยดูการแสดงของเขาจะพบว่าเขาจะเล่นกับ Effect pedals เท่านั้น ถือว่าเป็นการเปิด Mini festival ได้อย่างมากสีสันและน่าประทับใจกับซาวด์ที่หลากหลายและน่าสนใจ ตอนเล่นจบคุณพุฒิก็เอาปิ๊กกีตาร์ของวงมาแจกคนดูเป็นของที่ระลึกด้วย

Wednesday

Wednesday

วงต่อมาคือคณะเบียร์บูด Strange Brew จากบางแสน วง Surf-psychedelic rock กับเมโลดี้ฟังสบาย แต่ก็มีลูกเล่นเฟี้ยวฟ้าว ให้กลิ่นอายวงยุคบุกเบิกอารยธรรมดนตรีสายนี้ เพลงที่เขาเล่นมีทั้งเพลงที่เป็น Instrumental และที่มีเนื้อร้อง อย่างเพลง แสงดาว เป็น Surf pop ใส ๆ ชวนนึกถึงวงไทยรุ่นเก๋ายุค Oldies อยู่เหมือนกัน

ต่อกันด้วย สนิมหยก วง Folk rock จากเชียงใหม่ กับเนื้อหาตามครรลองเพลงเพื่อชีวิต ผสมผสานแนวเพลงอย่าง Blues, country, hard rock, rock n’ roll เริ่มอุ่นเครื่องด้วยเพลงแรกอย่าง Freebird ที่มีจังหวะสบาย ๆ แล้วพอเครื่องเริ่มติดก็ใส่มาด้วย ชีวิตนักดนตรี ที่โซโล่กีตาร์ฮีโร่มาก เราลองสังเกตเพลงที่หยิบมาเล่นแทบทุกเพลงจะมีไลน์โซโล่บาดจิตกระชากอารมณ์คอยแย่งซีนอยู่เสมอ ต่อด้วย รอวันฟ้าใหม่ ที่กลองมีกลิ่น jazz ด้วยทั้ง Intro และ Outro จากนั้นจึงเป็นเพลง Take Me Away สโลวร็อคที่เลือกให้ท่อนโซโล่กีตาร์มีสุ้มเสียงที่คล้ายเครื่องดนตรีอินเดียอย่างซีตาร์ จากนั้นก็สลับด้วยเพลงคันทรีสดใส อยากเป็นโคบาล หรือเพลง Slide and Roll โซโล่กลองแน่น ๆ ที่ทำให้หลายคนรู้จักสนิมหยก และมีเพลง Our Song เป็นเพลงปิดท้าย

สนิมหยก

สนิมหยก

และถึงคิวของ Tuk Suk ที่ก่อนหน้านี้มีโอกาสได้ดูพวกเขาเล่นสดที่ Moose ตอนนั้นจำได้ว่าวงมาดีแล้วล่ะ แต่ Percussion มีปัญหา ยังเล่นไม่ค่อยเข้ากับคนอื่น ๆ แต่พอมารอบนี้ ได้สมาชิกจาก Philosopher Brothers และ Before Champ มาร่วมแจม ทว่ายังเล่นไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ ซาวด์กีตาร์เอฟเฟคยังโดดไปบ้าง กลองยังไม่เข้าที่ เพอร์คัสชันยังงง ๆ เหมือนต่างคนต่างเล่นมากกว่า แต่ถ้าพยายามฟังผ่านเข้าไปในองค์ประกอบเหล่านั้นแล้วเมโลดี้ของเพลงจัดว่าใช้ได้เหมือนกัน แต่ยังต้องปรับเรื่อง Performance กันมากขึ้น

จากนั้นก็เป็นโชว์ของ Yena อีกหนึ่งวงเพื่อชีวิตที่เลือกถ่ายทอดเป็น Alternative folk กับเนื้อหาของเพลงที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวชีวิตของปุถุชนคนเดินดินและคนรากหญ้า ไปจนถึงช้างที่มาหากินในเมืองกรุง  ซึ่งยอมรับเลยว่า เนื้อเพลงที่พวกเขาเขียนออกมาสะกดคนฟังอย่างมาก เราตั้งใจฟังเสียงที่เขาร้องไปพร้อมกับดนตรีที่เขาเล่น คือมันทรงพลังด้วยกันทั้งคู่แบบที่เอาคนดูอยู่หมัดจริง ๆ สารภาพว่ามีหลายเพลงที่ฟังไปแล้วน้ำตาซึม ทั้ง ๆ ที่หลายเพลงมีชื่อหรือคำร้องที่ฟังทีแรกจะดูตลกมาก แต่ความหมายที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในเพลงนั้นช่างลึกซึ้ง อย่างเพลงที่ชื่อ โถขี้ เราได้ยินชื่อนี้ก็คงสะดุ้ง แต่เนื้อหางดงามมาก ต่อด้วยเพลง ตำรวจ ที่พูดถึงงานศพของนายตำรวจคนหนึ่ง กรุงเทพ ฯ ที่เล่าเรื่องเด็กขายดอกกุหลาบยามค่ำคืน แล้วยังมี เพลงคนรับใช้ Hi, Hello เมโลดี้เพราะมาก ๆ และจบที่เพลงกตัญญู จากที่ได้ดูโชว์หนนี้ขอออกตัวเลยว่าเราอยากให้ทุกคนได้มาดูพวกเขาเล่นสดกันสักครั้ง

Abstraction XL กลับมาแล้วจากที่ห่างหายไปนาน ตอนนี้พวกเขามาแล้วพร้อมกับสองเพลงใหม่ที่เล่นเอาเหวอด้วยความป๊อปใสผิดไปจากเดิม คาดหวังว่าอัลบั้มชุดใหม่จะออกมาในสไตล์ที่ต่างออกไป แต่ก็เป็นเพลงที่ดีทีเดียวเลยล่ะ มีเพลงนึงร้องประมาณวันวานยังหวานอยู่ จากนั้นก็เล่นเพลงในอัลบั้มที่เราคุ้นเคย หนนี้เล่นกันเอามันแบบให้หายคิดถึงเลยทีเดียว ทั้ง No GPS, มองออกไป, ร้อน, ท่องไป และ ที่ผ่านมา

ช่วงนี้สารภาพว่าเริ่มกึ่ม ๆ ไม่ค่อยมีสติแล้ว ในช่วงที่ Chladni Chandi วง Stoner rock ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนฟังเพลงสายนี้เริ่มเล่น สามารถระบุได้เพียงว่า เป็นโชว์ที่ทรงพลังมาก ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริง ๆ กับกลองแน่น ๆ เบสหนึบ ๆ ที่ต้องรับเราด้วยเพลงใหม่ที่มีสีสันมากยิ่งขึ้น และเพลงเก่าทั้ง Karma Loga, Bhrama Bhrama ที่ยังสะกดเราอย่างเช่นเคย

ต่อกันเลยกับอีกวงชวนหัวที่น่าติดตามที่สุดในขณะนี้อย่าง I _ / \ – I _ / \ ที่มาพร้อมกับเพลง ใจเย็น, MOA192b และ รองเท้า ที่ทำเอาเหวอกับซาวด์คว้าง ๆ เหมือนล่องลอยอยู่ในอวกาศ เข้ากับบรรยากาศบนดาดฟ้าลมโกรกในตอนนั้นมาก และเป็น Chinnawess ศิลปินเดี่ยวที่มากับเพลง Folk, blues ด้วยเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ขับกล่อมพวกเรา กับผลงานของเขาและงานคัฟเวอร์จาก Bob Dylan อย่าง Blowin’ in the Wind กับ Hang Me, Oh Hang Me ของ Oscar Isaac ที่จริง ๆ เพลงมาเกือบดีแล้ว แต่บางทีการใช้เสียงแหบในสไตล์เฉพาะตัวมากเกินไปทำให้เพลงนั้นมีความน่าอึดอัดและดูล้นไปหน่อย

ปิดท้ายคืนนี้ด้วยการแสดงจาก Govinda Bhasya ที่ปกติเขาจะเล่น Traditional sitar แต่มาหนนี้เขามากับเพลง Lounge, chill out ที่ผสมผสานเครื่องดนตรีอินเดียชิ้นดังกล่าว แถมมีไลน์เบสหนึบหนับ พริ้มและเพลินมาก เป็นการหลอมรวมกันที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ และจบ Mini festival ครั้งนี้ไปได้อย่างสวยงาม

Govinda Bhasya

Govinda Bhasya

สำหรับงานครั้งนี้โดยรวมแล้วถือเป็นความแปลกใหม่ทั้งตัวสถานที่จัด และวงที่เลือกมาร่วมแสดงในงาน ด้วยอย่างครั้งก่อนก็คิดว่าทีมจัดพยายามจะเลือกสถานที่ที่แตกต่างออกไปจาก Venue ที่เคยจัดงานอื่น ๆ มาแล้ว ส่วนวงรอบแรกก็จะเน้นหนักไปที่ Psychedelic และ Folk เช่นกันกับครั้งนี้ที่เลือกจะจัดบนดาดฟ้าแกลเลอรี ด้าน Installation นี่ได้ยินมาว่าตั้งใจจะให้เป็นภูเขาไฟระเบิดมาเป็นสีรุ้ง แล้วก็เหลือบไปเห็นรอยสีขาวเป็นวง ๆ ด้านซ้ายของภูเขาไฟ ว่าน่าจะเป็นพระจันทร์เต็มดวงที่เห็นเพียงราง ๆ น่ารักดี ทางด้านแนวเพลงก็มีความหลากหลายมากขึ้นทั้ง Experimental, country, surf rock และเป็นวงหน้าใหม่ที่มีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดาอยู่หลายวง ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์การฟังเพลงของคนรัก Live gigs ได้ดีอีกงาน

I _ / \ - I _ / \

I _ / \ – I _ / \

ติดตามข่าวสารอีเวนท์ในแต่ละเดือนกับฟังใจได้ ที่นี่ 

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้