Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

ระเบิดพลังไปกับขาร็อกรุ่นเก๋า Slash feat. Myles Kennedy & The Conspirators

  • Story and photos by Nattapat Suthapornpat

10 มกราคม 2562

หลังจากที่ Slash กับ Myles Kennedy เคยมาเยือนบ้านเราไปแล้วเมื่อปี 2011 และได้กลับมาอีกครั้งเมื่อสองปีก่อนในฐานะมือกีตาร์แห่ง Guns N’ Roses ก็ถึงเวลาที่ชาวร็อกได้เฮกันอีกครั้งกับงาน Slash feat. Myles Kennedy & The Conspirators ซึ่งจัดขึ้นที่ GMM Live House เรียกได้ว่าเปิดปีกันแบบมัน ๆ กันเลยทีเดียว

งานในวันนี้มีทั้งขาร็อกรุ่นใหญ่รุ่นเล็กหรือแม้แต่ชาวต่างชาติเองก็มีให้เห็นอยู่พอสมควร และมีวงเปิดเป็นศิลปินเจ้าบ้านอย่าง The Sun ที่บรรดาชาวร็อกรุ่นเก๋าคุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดี แต่ทว่าเราเข้าฮอลมาประมาณสองทุ่มครึ่ง ได้ทันดูแค่เพลงสุดท้ายเพราะมัวแต่เถลไถลนานไปหน่อย ประกอบกับวงเล่นจบเร็วกว่าที่เราคาดคิดไว้ ต้องขออภัยจริง ๆ ครับ แต่ดูจากปฏิกิริยาของผู้ชมในฮอลแล้ว คาดว่าเหล่าน้า ๆ น่าจะทำเอาคนดูเครื่องร้อนแล้ว บรรยากาศกำลังคุกรุ่นได้ที่เลย

รอได้ไม่นาน ก็มาถึงคิวของวงหลักที่ตบเท้าเข้ามาบนเวที นำทัพโดย Slash ที่มาพร้อมกับชุดประจำตัวอย่างหมวกทรงสูงและแว่นดำ ก่อนจะเปิดโชว์ด้วย The Call of the Wild ซาวด์กระหึ่ม ๆ ดุดันแบบนี้ บอกได้เลยว่างานวันนี้เดือดแน่นอน จากนั้นทางวงไม่รอช้าโดยหยิบเอา Halo มาเล่น เพลงที่มีท่อนอินโทรกับริฟฟ์เร้า ๆ ให้โยกหัวตัวตามกันได้อย่างเบา ๆ ก่อนจะต่อด้วย Standing In The Sun ที่มีไลน์กีตาร์ประสานแบบเท่ ๆ กับโซโล่อย่างดุเด็ดเผ็ดมันจากน้าสแลช


ต่อมาเวทีก็ถูกฉาบด้วยไฟสีแดงสลับเหลืองพร้อมเล่น Back From Cali แล้วก็ประเคนความมันกันอย่างต่อเนืองด้วยสามเพลงจากอัลบั้มใหม่ Living The Dream ที่จั่วหัวมาโดย My Antidote กับ Serve You Right และตบท้ายด้วย Read Between Lines ชุดสามเพลงนี้นี่ดนตรีเดือดมาก เสียงของไมลส์คือขึ้นคีย์สูงได้เพราะมาก น้าสแลชนี่ก็โซโล่ได้เนียนหูจริง ๆ ลูกล่อลูกชนมาครบ ลีลาเหลือร้ายมาก ๆ จากนั้นก็เบรกจังหวะลงสักเล็กน้อยด้วยการเล่น Fall To Pieces ของ Velvet Revolver กับท่อนโซโล่เสียงแหลมปรี๊ดที่หลาย ๆ คนคุ้นหูกันดี หลังจากนั้นทางวงก็ให้ไมลส์ไปพักสักครู่ก่อนที่ Todd Kerns มือเบสจะมารับไม้ต่อแทน พร้อมบรรเลงเพลงเดือด ๆ อย่าง We’re Gonna Die และ Doctor Alibi เพลงร็อกดิบ ๆ ที่ทางวงจัดให้พิเศษสำหรับแฟนวง Motörhead ยิ่งไอ้ท่อนที่ได้ตะโกนว่า ‘ด็อกเตอร์! ด็อกเตอร์!’ คือเป็นอะไรที่สะใจโคตร ๆ ไปเลย

จากนั้นไมลส์ก็กลับมาอีกครั้ง แล้วเสียงท่อนริฟฟ์ปั่น ๆ ก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณของ Too Far Gone คือชอบเสียงไมลส์ในเพลงนี้มาก เป็นนักร้องที่แผดเสียงแล้วมีเอกลักษณ์สุด ๆ แล้วก็ต่อด้วย Mind Your Manners ที่ทางวงขะมักเขม้นสับคอร์ดกันอย่างเมามัน แถมเป็นอีกเพลงโปรดที่เราใส่ในเพลย์ลิสต์ไว้ระบายอารมณ์ในวันหัวร้อนไปแล้ว ถ้าใครไม่เชื่อ ลองฟังดูได้ ฮ่า ๆ จากนั้นไปสนุกกันต่อด้วย Driving Rain เพลงโทนสว่างไสว มู้ดของเพลงนี้ทำเอาเรานึกถึงฉากในหนังอเมริกันเก่า ๆ ที่พระเอกขับรถวินเทจคันโปรด เปิดเพลงร๊อคมัน ๆ แล้วซิ่งไปที่ไหนสักแห่ง คืออินมากกกก แล้วทางวงก็แจกจ่ายความอย่างต่อเนื่องด้วย Wicked Stone ริฟฟ์พุ่ง ๆ กับท่อนรัวกลองอย่างเท่ แถมช่วงท้ายน้าสแลชโชว์โซโล่ยาวเหยียดหลายนาที จนผมนี่ร้องโอโหเลยครับ คือสุดจัดไปเลยน้า ขยี้แล้วขยี้อีก ช็อตนี้คือใครเป็นคอกีตาร์นี่ตายตาหลับแน่นอน

ถึงคิวของ Nightrain ที่แค่ท่อนส่งกลองขึ้นมาได้แป๊บเดียวก็ทำเอาสาวก Gun N’ Roses ส่งเสียงเฮกันลั่น ตามด้วย The Great Pretender เพลงบัลลาดร็อกช้า ๆ ที่มีท่อนโซโล่เสียงกรีดกรายและบาดลึก ให้ผู้ชมได้พักหายใจหายคอกันสักครู่ ก่อนจะเล่น By The Sword ที่สแลชทำท่ากระโดดหยอง ๆ ขาเดียวสุดคลาสสิค เรียกเสียงเฮฮากันไปอีกหนึ่งครา แล้วก็หยิบ Starlight เพลงฮิตสุดกระชากอารมณ์ ทำเอาบรรดาชาวร็อกจุดไฟแช็คพร้อมโบกไม้โบกมือจนไมลส์ถึงกับเอ่ยปากชมว่าสวยงามมาก เพลงต่อมาเป็น You’re A Lie กับริฟฟ์หน่วง ๆ ชวนสะบัดหัวตามจังหวะ ก่อนจะต่อด้วย World On Fire ดนตรีเร้า ๆ แบบนี้แหละฮาร์ดร็อกขนานแท้

แล้วก็เข้าสู่ช่วงอังกอร์ที่ทางวงลงไปได้ครู่เดียวก็ขึ้นมาซัดกันต่อด้วย Shadow Life ที่มีริฟฟ์ดุ ๆ กับท่อนโซโล่จนมือเป็นระวิง ทำเอาเราขนลุกซู่ซ่า และปิดโชว์ด้วย Anastasia พร้อมโซโล่ส่งท้ายไปอีกหนึ่งชุดอย่างสมบูรณ์แบบ

Slash

ปิดฉากลงไปแล้วกับงานนี้ เรียกได้ว่าเซตลิสต์ 22 เพลงที่ขนมาเล่นตลอด 1 ชั่วโมงกว่านั้นเต็มอิ่มจุใจขาร็อกกันอย่างแน่นอน ทางวงเล่นกันได้แบบสมกับเป็นรุ่นใหญ่ สแลชนี่โชว์โซโล่ได้ถึงลูกถึงคน เก็บรายละเอียดทุกเม็ดและสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์แบบนี้แหละที่ทำให้เขาเป็นแรงบรรดาลใจให้ใครหลาย ๆ คนจนถึงทุกวันนี้ ไมลส์เองก็เสียงดีไม่มีตกเลยยันจบงาน ส่วนสมาชิกที่เหลือก็รับส่งกันได้เป็นอย่างดี ขาดไปไม่ได้แน่นอน นอกจากนี้งานหน้ายังมี Sugizo Live in Bangkok จากทางผู้จัด OVD ด้วย ใครเป็นสาวก J-rock กับวง Luna Sea และ X-Japan ไปติดตามกันได้จ้า

 

Facebook Comments

Next: