Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

กระทบไหล่ Ezra Miller และวง Sons of an Illustrious Father ที่สิงคโปร์

  • Story and photos by: Visansaya Loysawai

Sons of an Illustrious Father เป็นวงดนตรีนอกกระแสที่เรียกตัวเองว่า ‘queer genre’ ภาพลักษณ์ของวงได้แสดงออกและยืนหยัดถึงความหลากหลายทางเพศและความหลากหลายของมนุษย์โดยไม่ปกปิดและไม่เขินอาย สมาชิกวงประกอบไปด้วย Lilah Larson, Josh Aubin และ Ezra Miller ตั้งแต่บรรทัดนี้เป็นต้นไป เราจะแทนสรรพนามพวกเขาว่า Sons

ด้วยดนตรีสไตล์อินดี้ร็อก ผสมโฟล์กร็อก มีเทคนิคลูกเล่นของเสียงสังเคราะห์ที่เป็นเอกลักษณ์ เนื้อเพลงที่เสมือนบทกวี และจังหวะดนตรีที่เหมือนองก์ละคร ทำให้ Sons เป็นอีกวงที่ไม่เหมือนใครและน่าจับตามองเป็นอย่างมาก และที่น่าสนใจอีกอย่างของวง คือเราจะได้เห็น Ezra Miller นักแสดงวัย 26 ปีชื่อดังที่มีผลงานจาก We Need To Talk About Kevin, Perks of Being a Wallflower, Fantastic Beasts และ Justice League ในอีกบทบาทหนึ่งคือการเป็นนักดนตรี เหล่าแฟน ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นเอซราในมุมนี้จะต้องตกหลุมรักเขาขึ้นมากกว่าเดิมอีกแน่นอน

ตลอดทั้งปี 2019 นี้ Sons ได้จัดเอเชียทัวร์ ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และเกาหลีใต้ ต่อด้วยบินไปทัวร์ยุโรป และกลับไปทัวร์อเมริกา ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าพวกเขาจะมาที่สิงคโปร์ด้วย เราจึงไม่รอช้าที่จะกดตั๋วรอบ early bird และตั๋ว VIP meet and greet ซึ่งโชว์จัดขึ้นในวันที่ 25 เมษายน และปิดเอเชียทัวร์ที่ประเทศเกาหลีใต้ไปเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ก่อนที่เราจะได้เห็น Ezra ไปเดินเฉิดฉายแบบที่คาดไม่ถึงที่งาน Met Gala ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง

Sound Check

ภายในฮอลล์ของ SCAPE Ground Theatre ย่าน Orchard มีขนาดพอ ๆ กับ Live Arena RCA ในเวลาห้าโมงเย็น เราจะได้เห็นผู้ถือบัตร VIP ที่มีไม่ถึง 40 คนทยอยกันต่อคิวเข้าฮอล ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ต่างคนต่างกรีดร้องตื่นเต้นที่จะได้เจอสมาชิกวง บางคนก็ใส่เสื้อวง บางคนก็คอสตูมจัดเต็ม และบางคนเป็นแฟนคลับเอซราระดับฮาร์ดคอร์ชนิดที่ว่า เธอไปออกคอนที่ไหน ฉันจะตามเธอไปทุกที่ บางคนก็มาจากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และคนไทย (ที่มีอยู่ทั้งหมด 6 คน ฮ่า)

เมื่อเข้ามาข้างในฮอล เกือบทุกคนมีอาวุธติดตัวก็คือกล้องถ่ายรูป ไม่ว่าจะเป็นกล้องมือถือ กล้อง mirrorless หรือแม้กระทั่ง DSLR และส่วนใหญ่จะรอโฟกัสไปที่เอซราและจะถ่ายเก็บกันไว้กรี๊ดกร๊าดกันตลอดทั้งโชว์

เสียงกรี๊ดกระหน่ำดังขึ้นเมื่อเอซราเดินออกมาในโค้ทลายหินอ่อนสีดำตัวโปรดกับรองเท้าหนังสีดำคู่ประจำ ไลลาในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สบาย ๆ และจอชที่ใส่เสื้อเชิ้ตฮาวายและรองเท้าผ้าใบสีแดงแสนน่ารักเอซราได้ทักทายแฟนคลับอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะไปประจำตำแหน่งที่คีย์บอร์ด จอชจับกีตาร์ ไลลานั่งรอที่กลองชุด และเริ่มซาวด์เช็กด้วยเพลง Unarmed เรียกน้ำจิ้มด้วยเสียงของเอซราหลังจากนั้นทุกคนก็สลับตำแหน่งกลับไปที่ตำแหน่งหลัก เอซรากลับไปที่กลอง ไลลากลับมาจับกีตาร์ และจอชเดินกลับมาสแตนบายที่คีย์บอร์ด ต่อด้วยเพลง No Mercy ที่มาพร้อมกับเสียงหวาน ๆ แต่ทรงพลังของไลลา มีการจูนกีตาร์ และเครื่องดนตรีอื่น ๆ นิดหน่อย เอซราก็แซวติดตลกกับพวกเราว่าซาวด์เช็กมันเป็นแบบนี้แหละ

Meet & Greet

หลังจบซาวด์เช็ก ก็ถอยออกมาจากเวทีมาต่อคิวรอ meet and greet กับวง แฟนคลับ VIP จะได้ใกล้ชิด พูดคุย ขอลายเซ็น ให้ของขวัญกับมือ และถ่ายรูปกรุ๊ปชอตกับวง ไม่ว่าแฟนคลับจะขออะไร ชวนคุยเรื่องอะไร ทั้งสามคนก็แฟนเซอร์วิสให้สุดตัวอย่างไม่มีการถือเนื้อถือตัวใด ๆ เอซราและไลลาจะเป็นคนที่คุยเก่งมาก เอซราจะชอบชวนคุยและพูดไม่หยุด ส่วนจอชจะเป็นคนพูดน้อย แต่จะแสดงออกที่ท่าทางและสีหน้าทางอารมณ์มากกว่า สมาชิกวงทั้งสามคน รวมไปถึงทีมงาน การ์ด และรูบี้ (ผู้จัดการเอซรา) มีความเป็นมิตร น่ารัก ขี้เล่น เป็นกันเอง พวกเราชาวบัตร VIP ต่างได้รับอ้อมกอดอันอบอุ่นจากทั้งสามคนก่อนที่จะได้ไปเกาะหน้าขอบเวทีดูวงในรอบแสดงจริงในเวลาสองทุ่ม

When The Show Begins

ทั้งสามคนค่อยๆเดินออกมาด้วยชุดเดรสทรงกระบอกยาวแบบเดียวกันของ Thombrowne กับปากที่ทาด้วยลิปสติกสีเมทัลลิก เริ่มอุ่นเครื่องด้วยเพลงที่เราไม่รู้จัก ก่อนจะเข้าสู่เพลง Extraordinary Rendition กับสกิลการฟาดกลองชุดและดรัมแพดอย่างสุดเหวี่ยงของเอซรา หรือเพลง History และ Crystal Tomes จากอัลบั้ม Deus Sex Machina; Or, Moving Slowly Beyond Nicola Tesla

กลิ่นของความเป็น Sons เริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งลูกเล่นการตีกลองของเอซรา การโซโล่กีตาร์ของไลลา และสเต็ปการหมุนข้อเท้าระหว่างเล่นคีย์บอร์ดของจอช ทั้งสามคนได้ปล่อยของออกมาอย่างทรงพลัง ถึงอารมณ์ ประกอบกับแสงไฟในฮอลที่รับกับอารมณ์ของเพลงได้เป็นอย่างดี และจะได้ฟังเสียงร้องของเอซรา ไลลา และจอชสด ๆ ตลอด 60 นาทีของโชว์นี้

ในช่วงที่เปลี่ยนเพลงบางเพลง พวกเขาจะสลับตำแหน่งเครื่องดนตรีกัน จนถึงเพลง EG ทั้งเสียงร้องของจอช ลายประสานของไลล่าและเอซร่า บวกกับพลังจากกลอง เบส และกีตาร์ไฟฟ้าฟาดฟันกันอย่างดุเดือด หรือเพลง Don’t Cha ของ Pussy Cat Dolls ก็เล่นได้เผ็ดร้อนในแนวทางของตัวเองไม่แพ้ต้นฉบับเลย

แม้ว่าทั้งเวทีมีแค่เพียงสามคน ไม่มีวงแบ็คอัพ แต่พวกเขาคุมเราให้อยู่ในบรรยากาศการแสดงอย่างอยู่หมัด

ทั้งฮอลได้เงียบลงชั่วขณะ Sons ค่อย ๆ วางเครื่องดนตรีแล้วก้าวเดินออกมาชิดขอบเวทีอย่างช้า ๆ กับเสียงร้องอะแคพเพลล่า สด ๆ ในเพลง All Apologies ของ Nirvana พร้อมถือดอกกุหลาบจากแฟนคลับที่ยื่นให้ในตอนนั้น

Sons of an Illustrious Father

ในช่วงสุดท้ายของโชว์ เสียงกีตาร์คอร์ด E นำขึ้นมา ตามเสียงร้องจากไลลา ‘If I don’t die tonight, I’m gonna dance until I do’ จากเพลง U.S. GAY ที่เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์ก่อการร้ายกราดยิงในเกย์ไนต์คลับที่ Orlando จนมีผู้เสียชีวิตถึง 50 คน เมื่อปี 2016 นับเป็นการก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดในสหรัฐ

ทุกคนตะโกนร้องเพลงนี้และเต้นไปด้วยกันอย่างสุดเสียงกับ Sons of an Illustrious Father ตั้งแต่ต้นจนจบท่อนสุดท้ายว่า ‘To be gay in the USA is not feeling light and gay… Who knows how long we’ll live anyway’ ตามด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราวและตะโกนอังกอร์ให้พวกเขากลับมาเล่นอีกครั้ง

เอซรา ไลลา และจอชเดินกลับมาที่หน้าเวทีอีกครั้ง พวกเขาดีใจมาก ๆ ที่ได้มาโชว์ที่สิงคโปร์ และปิดคอนเสิร์ตในอีกไม่นาทีสุดท้ายด้วยซิงเกิลใหม่ที่ชื่อ Sons of an Illustrious Father ที่เพิ่งปล่อยบน YouTube ให้ฟังในวันเดียวกัน

ถึงแม้ว่าวง Sons of an Illustrious Father จะยังไม่ใช่เป็นวงอินดี้ร็อกที่เป็นที่รู้จักในวงการ หรือเป็นวงท็อปชาร์ต  และคนที่มาดูในฮอลล์มีประมาณเพียงแค่สองร้อยกว่าคน บรรยากาศร่วมจากคนดูด้วยกันอาจจะยังน้อยไป แต่การแสดงของพวกเขาควรค่าแก่การได้ดูสด และไม่ทำให้ผิดหวังเลย

ซึ่งไม่แน่ เหล่าหญิงสาวแฟนคลับชาวไทยได้ไปชักชวนให้ทั้งสามคนมาที่ไทยบ้าง เราอาจจะได้เจอเอซร่า ไลลา และจอชที่กรุงเทพ ฯ ในปีหน้าก็ได้ 🙂

Facebook Comments

Next: