Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

‘Taiwan x Thailand’ showcase คอนเสิร์ตเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางความมัน

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Photographer: Taiwan Colors Music (TCM)

26 พฤศจิกายน 2561

เราอยู่ในยุคที่ศิลปินเดินทางไปกับเสียงเพลงของตัวเองได้ทั่วโลก ถ้าพวกเขารู้ว่าแฟนเพลงของตัวเองอยู่ที่ไหนเขาก็พร้อมจะตามไป สังเกตได้จากจำนวนคอนเสิร์ตที่ศิลปินต่างชาติเข้ามาเล่นในบ้านเราได้แบบอาทิตย์ชนอาทิตย์โดยไม่เกรงใจเงินในกระเป๋าเราบ้างเลย ฮือ ในทางกลับกัน ศิลปินไทยหลายคนก็สามารถไปเติบโตอยู่ในซีนดนตรีต่างประเทศได้อย่างแข็งแรง บางวงยังทำเพลงเป็นภาษาไทยอยู่เลยด้วยซ้ำ หนึ่งในประเทศที่ศิลปินของพวกเราได้ไปมาหาสู่กันบ่อย ๆ ก็คือ ไต้หวัน ที่มีซีนดนตรีเข้มแข็งมากแถมยังเสพเพลงกันหลากหลายสุด ๆ ศิลปินไทยหลายวงก็ได้ผลตอบรับอย่างอบอุ่น เช่น Yellow Fang ที่สะสมชื่อเสียงมานานก็กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในบ้านของเขา หรือ Lomosonic ที่ได้ไปร่วมงานประกาศรางวัลระดับประเทศกันเลยทีเดียว เรียกว่ามิตรภาพของทั้งสองประเทศนั่นแน่นแฟ้นกันมากผ่านเสียงดนตรี

ศิลปินไต้หวันหลายวงก็มีฝีมือไม่น้อยหน้าคนไทย พร้อมแนวเพลงที่แปลกใหม่จากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันรวมถึงความสร้างสรรค์ที่บ่มเพาะมาอย่างโชกโชน วันนี้พวกเขาก็พร้อมแล้วที่จะมาเติบโตในบ้านเราเหมือนกัน ฟังใจ ก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่อยากแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางดนตรีกับเพื่อนบ้านที่น่ารักเหล่านี้จึงจัดงานร่วมกับกลุ่มธุรกิจหรือเหล่าคนที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมดนตรีไต้หวัน ให้ได้แลกเปลี่ยนผู้คุยกับบุคลากรในอุตสาหกรรมไทย พร้อม Showcase Concert ของศิลปินไต้หวัน 3 วง และวงไทยอีกหนึ่งวงที่เรารู้จักกันดีอย่าง Retrospect ที่ออกแบบโชว์กันสุดความสามารถให้ทุกคนตะลึง นอกจากทุกคนจะได้ซึบซับแนวดนตรีที่หาฟังยากแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ผู้จัดคอนเสิร์ตในไทยได้รู้จักวงจากต่างประเทศเหล่านี้ด้วย มันคืองานที่สร้างขึ้นเพื่อต่อยอดความเป็นไปได้อีกมากมายให้กับซีนดนตรีของสองชาติ

วันนี้เราอยู่กันใน venus ที่แปลกตามากกับ SNOP BAR พระราม 9 ที่เหมาะกับการจัดคอนเสิร์ตอินดี้มากทั้งขนาดและเครื่องเสียง แถมห้องน้ำยังมีเยอะจนรองรับคนได้ทั้งงาน ถ้ามีงานไหนจัดที่นี่อีกก็น่าสนใจมากเลย

ประเดิมด้วยวงแรกด้วยศิลปินจากไต้หวันเลยคือ The White Eyes ด้วยลุคที่จัดจ้านของนักร้องนำสาว Gao Xiao Gao กับน้ำเสียงดุดัน แต่ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์แสนเซ็กซี่ที่สุดในบรรดาวงอินดี้ในไทเป เอกลักษณ์ของเธอคือการสวมชุดบอดี้สูทแนบเนื้อขึ้นไปเฉิดฉายอยู่บนเวทีและฉีกขาโซโล่กีตาร์อย่างเมามัน ยิ่งดนตรีพังก์ของเธอก็เดือดดาดไม่แพ้กับโชว์บนเวทีเลย เธอทั้งร้องทั้งเต้นและโซโล่ไปกับเพื่อนร่วมวงได้อย่างเฉียบขาด หนึ่งในเพลงที่ติดหูมาก ๆ คือ My Bloody Dream ที่อินโทรก็ต้องโยกตัวตามแล้ว

ส่วนวงที่สองก็เปิดโลกแห่งการฟังเพลงของเรามากกับ Matzka ที่ถักเดรดล็อกมาอย่างเท่ แต่เขาทำเพลงเร้กเก้ได้อย่างถึงกึ๋น แถมยังไม่หยุดตัวเองที่แนวทางเดิม ๆ และหยิบจับทั้งร็อก เมทัล ฮิปฮอปเข้ามาผสมในดนตรีตัวเองจนแปลกหูแต่ยังน่าฟังมาก ๆ แล้วยังมีกลิ่นอายของความเป็น world music อยู่หน่อย ๆ จากการใช้เครื่องดนตรีที่หลากหลาย ยิ่งถ้าใครฟังภาษาจีนออกจะยิ่งอินไปกับเนื้อเพลงที่เสียดสีสังคมเรื่องใกล้ตัวด้วยตลกร้ายในแบบของเขา แถมเขายังกวาดรางวัลระดับประเทศมาแล้วหลายรางวัลที่เป็นตัวการันตีความสร้างสรรค์ของเขาด้วย

โชว์ของเขายังจัดเต็มด้วยเครื่องดนตรีแน่น ๆ ทั้งกีตาร์สองตัว เบส กลอง แต่สามารถบรรเลงเพลงออกมาได้ครบทุกรสชาติ มีมือกีตาร์และมือเบสเป็นคอรัสช่วยสร้างมิติในเพลงทุกเพลงได้อย่างสวยงาม เพลง I’m Sorry น่าจะอธิบายอัจฉริยภาพของเขาได้ครบเครื่องที่สุด

มาถึงวงไต้หวันวงสุดท้ายกับ Quarterback ที่ต่อสู้ฝ่าฟันในเส้นทางดนตรีมา 20 กว่าปี ในอุตสาหกรรมที่ทุกวงแข่งขันพยายามสร้างเอกลักษณ์ให้กับวงดนตรีของตัวเอง แต่ทั้งสี่หนุ่มก็ยึดมั่นในทางร็อกที่เข้มข้น ก้าวร้าว ดุดันมาได้ตลอดจนเป็นที่ยอมรับทั้งคนฟังในประเทศและต่างชาติ ด้วยปณิธานที่ว่า ‘พื้นฐานของการทำวงคือต้องทำอย่างมีความสุข’ การที่วงยืนหยัดมาได้ขนาดนี้ไม่ใช่เพราะความเก่าแก่แต่คือ ‘ความบริสุทธิ์’ ที่ผลักดันให้พวกเขาต่อสู้กับบททดสอบนานับประการมาได้

บนเวทีพวกเขากลายเป็นวงร็อกที่ซัดคนดูด้วยความเก๋าเกมล้วน ๆ ทั้งเทคนิคการโซโล่ที่กินขาดทั้งกีตาร์และเบสที่ตบคอร์ดได้โคตรมัน เรียกว่าไม่น้อยหน้าวงแถวหน้าในไทยเลยทีเดียว Gusty Gust คือความกลมกล่อมของร็อกในแบบของพวกเขา

ปิดท้ายค่ำคืนนี้ด้วยวงที่ชาวฟังใจคุ้นเคยกันดี หลายคนคงยังตราตรึงกับโชว์ของเขาใน เห็ดสด 6 อยู่กับ Retrospect ที่ก็ได้ใจทั้งคนไทยและคนไต้หวันในงานไปอย่างล้นหลามกับความมันเกินพิกัด ยังดิบเถื่อนชวนปลอดปล่อยสัญชาตญาณดิบในตัวคนดูได้อย่างน่าสะพรึง เป็นอีกหนึ่งวงที่ช่วยทลายกำแพงของคำว่าอินดี้แมสได้เห็นภาพที่สุด เพราะเพลงของพวกเขาเป็นที่ยอมรับว่าดีดมาก ดูยังไงก็มัน เป็นอีกหนึ่งวงที่เป็นตำนานของซีนดนตรีไทย

เป็นอีกงานที่พวกเขามาแบบมืออาชีพมากและสามารถควบคุมฝูงชนให้เป็นไปตามที่เขาต้องการได้ทันที ให้ทำไรทำหมด คนดูก็ตีวงมอชพิทกันตั้งแต่เพลงแรก แม้แต่เพลง ปล่อยฉัน ยังมอชกันได้ คนดูมัน คนบนเวทีก็ยิ่งมันกว่าเดิม โดดกันยับ แต่ในงานยังมีซีนซึ้ง ๆ ที่ แนฟ เรียก จอห์น คนที่พาวงไปทัวร์ที่ไต้หวันมาหลายครั้งแล้วขึ้นมาพูดขอบคุณ ทำลายกำแพงระหว่างภาษาและเชื้อชาติลงได้อย่างหมดจด ก่อนจะแลกเบียร์คนละประเทศซดกันและซัดความมันกันต่อทันที กลายเป็นคืนที่งดงามอีกคืน

งาน showcase concert อาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่ในบ้านเรา แต่มันเป็นโอกาสสำคัญที่วงดนตรีจะได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของพวกเขาให้คนที่ยังไม่รู้จักได้ฟัง สำหรับนักดนตรีมันประเมินค่าไม่ได้เลย แถมมันยังเป็นโอกาสสำหรับคนฟังด้วยที่จะได้เปิดหูเพื่อหาแนวเพลงใหม่ ๆ ฟัง เรียกว่า win-win กันถ้วนหน้า ถ้ามีงานแบบนี้อีกก็ไม่อยากให้พลาดเลยจริง ๆ เพราะมันเกิดขึ้นมาเพื่อหล่อเลี้ยงซีนดนตรีให้ยังอยู่ต่อไปได้นั่นเอง

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา