Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Tom Odell เดี่ยวเปียโนบทเพลงแสนอบอุ่น ทรงพลัง ใน Jubilee Road 2019 Tour

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Tas Suwanasang

มีไม่กี่ครั้งที่เราจะมีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ตที่สกาล่า โรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนใจกลางสยามที่อยู่คู่กับวัยรุ่นมาหลายยุคหลายสมัย ก็ได้บรรยากาศขลัง แบบที่หาไม่ได้ที่ไหน การตกแต่งแบบเก่า เวทีตระหง่าน มีม่านเป็นฉากหลัง โถงสูง ระบบเสียงเซอร์ราวด์ เบาะนั่งสบายเป็นขั้นหลั่นกันไป คนที่ได้ไปดู Jake Bugg ตอนมาเล่นที่บ้านเราก็คงจะพอนึกออก ซึ่งบรรยากาศแบบนั้นกำลังจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับคอนเสิร์ตของนักร้อง นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ Tom Odell ที่มาเปิดการแสดงครั้งแรกในประเทศไทยสำหรับโปรโมต Jubilee Road อัลบั้มชุดที่สามของเขา ใน Tom Odell Jubilee Road 2019 Tour

27 มีนาคม 2562

เราเข้ามานั่งประจำที่นั่งของตัวเอง ช่วงประมาณกลาง โรง ฟังเสียงเพลงโฟล์กที่เปิดคลอไปเรื่อย ความสบายของที่นั่งทำให้เราเกือบผลอยหลับไป จนกระทั่งเวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง ไฟเฮาส์ค่อย ดิมลงและสปอตไลต์ก็ฉายไปยังแกรนด์เปียโนที่ตั้งตระหง่าน ชายหนุ่มปรากฏตัวและนั่งลงหลังเปียโนตัวนั้นและทักทายผู้ชม ‘Hello everyone’ เสียงกรี๊ดของแฟนเพลงดังกึกก้องไปทั้งโรงหนัง นิ้วเรียวบรรจงพรมไปบนคีย์ ทำนองของเพลงไม่คุ้นหูดังขึ้น แต่พอตั้งใจฟังดี ก็พบว่านั่นคือเพลง Go Tell Her Now ในเวอร์ชัน one man show แค่เพลงแรกก็โชว์พลังเสียงให้เราขนลุกกันได้แล้ว

สิ้นเสียงขอบคุณ ทอมก็เล่าว่า นี่เป็นโชว์แรกของเขาในไทยและรู้สึกดีใจมาก ที่ได้มาเล่นที่นี่ เขาเลยอยากให้โชว์ในคืนนี้เป็นอะไรที่พิเศษมาก ด้วยการเล่นแค่เปียโนอย่างเดียว และเอาองค์ประกอบอื่น ที่จะทำให้หัวใจของเพลงหายไป เขาอยากให้ทุกคนได้รู้สึกคล้ายว่ามานั่งอยู่กับเขาตอนที่เขาเริ่มเขียนเพลงในอัลบั้มชุดที่สามขึ้นมาครั้งแรกด้วยเปียโนตัวเดียว และเพลงที่กำลังจะเล่นก็เป็นเพลงจากอัลบั้ม Long Way Down ซึ่งเป็นเพลงรักเพลงแรกที่เขาเขียนขึ้นมา ทันทีที่อินโทรบรรเลง คนดูก็ยิ่งส่งเสียงกรี๊ดและตบมือดีใจให้กับเพลง Grow Old With Me ซึ่งกลางเพลงเขาก็กระทืบเท้าเข้าจังหวะ ผู้ชมก็ตบมือตามไปด้วย

ขอบคุณครับ ตอนนั้นผมอยู่เมืองไบรตัน เมืองชายฝั่งของอังกฤษ ผมเขียนหลาย เพลงในอัลบั้ม Long Way Down ขึ้นที่นี่…’ ทอมหยิบฮาร์โมนิก้าขึ้นมาลองเป่า ‘…อันนี้ไม่ใช่เซ็กซ์ทอยนะครับ…’ เรียกไปหนึ่งฮาจากผู้ชมผมไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเป่าฮาร์โมนิก้า คือผมไม่ค่อยได้เล่นมันเท่าไหร่ แล้วผมก็เป่าแย่มาก หลาย คนที่เล่นเป็นพอมาฟังผมเป่าอาจจะลุกหนีไปเลย ส่วนเพลงที่จะเล่นต่อไปนี้เป็น B side หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่ผมเขียนขึ้นมาเพราะช่วงนั้นผมฟัง Bob Dylan บ่อยมาก เพลงนี้ชื่อว่า Behind the Rose ครับเสียงเปียโนนุ่มนวล เล่าเรื่องอีโรติกให้กลายเป็นเรื่องโรแมนติกในความทรงจำหอมหวานที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งได้อย่างงดงาม แม้เขาจะเล่นฮาร์โมนิก้าได้ไม่เพอร์เฟกต์นัก แต่พวกเราก็ลุ้นเอาใจช่วยเขาไปตลอดเพลง ซึ่งมวลรวมของเพลงที่เขาถ่ายทอดออกมาก็ทำให้เราประทับใจอยู่ดี

เพลงต่อไปเป็นเพลงที่เขียนขึ้นมาตอนผมอยู่ที่ลอนดอน ตอนนั้นผมอัดเพลงในอาร์ตแกลเลอรี่ มันก็แปลก ดี เป็นเพลงอกหักนะ เขียนขึ้นในจังหวะชีวิตหนึ่ง ตอนผมอายุ 21 มีแฟนที่น่ารักมาก ผมคบกับเธอนานพอสมควร แต่หน้าหนาวปีนั้นเป็นหน้าหนาวที่ยาวนานที่สุด แต่ผมรู้ครับมันเป็นเพลงสุขปนเศร้าสำหรับผมเขาเกริ่นก่อนเล่นเพลง I Know เมโลดี้ของเขาช่างอบอุ่นสดใสแต่เนื้อหาสุดโศก อธิบายความรู้สึกที่เขาเล่ามาได้ดีมาก เพลงต่อไปมาจากอัลบั้มชุดที่สอง Wrong Crowd ครับ ผมรู้สึกว่าช่วงชีวิตตอนนั้นแตกต่างไปจากเดิม รู้สึกแปลกแยกที่สุด แต่การเขียนเพลงนี้ผมก็หวังว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกว่าได้กลับมาอยู่ที่บ้านของผมอีกครั้งและเขาก็เล่นเพลงสุดเปล่าเปลี่ยวหัวใจที่ชื่อว่า Concrete ซึ่งพอเพลงนี้ถูกนำมาเล่นเป็นเปียโนเดี่ยว แล้วยิ่งรวดร้าว

ทอมรินน้ำจากเหยือกและยกขึ้นจิบ ก่อนจะบรรเลงอินโทรเพลง Magnetised ที่แฟนเพลงส่งเสียงเฮตั้งแต่ต้น ซึ่งเขาก็ได้โชว์สไตล์การร้องเท่ ในเพลงนี้ พลังเสียงพุ่งพล่านฉุดไม่อยู่แล้วจริง ก่อนจะขึ้นเพลง Constellations ที่ผู้ชมร้องกรี๊ดตั้งแต่โน้ตตัวแรก ของเพลง โห เราไม่คิดว่าการได้ฟังเพลงนี้แล้วต้องร้องไห้ออกมาจริง คือนอกจากเมโลดี้จะเพราะมาก แล้ว การเล่นเปียโนเปล่า มันทำให้เราได้ตั้งใจฟังเนื้อเสียงของเขา กับเนื้อหาในเพลงนี้คือเป็นการต้องยอมรับความจริงอันน่าปวดใจ รวดร้าวมาก

ขอบคุณครับ อัลบั้มใหม่ของผมชื่อ Jubilee Road นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมได้มาอยู่ที่นี่กับพวกคุณในวันนี้ ตอนนั้นผมอายุ 26 ก็ตั้งใจจะลงหลักปักฐานอยู่ที่ถนนจูบิลี เป็นครั้งแรกที่ผมรื้อกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมา เดินไปซื้อขนมปังอบใหม่ที่เบเกอรี่ได้ทุกเช้า เรามีชุมชนเล็ก ที่อบอุ่น มีคนหลากหลายวัยอยู่ด้วยกัน การเขียนเพลงของผมในอัลบั้มนี้คือการนั่งมองออกมาจากหน้าต่างของห้องนั่งเล่นที่บ้าน แล้วผมก็บันทึกภาพบนถนนทั้งสายนั้นผ่านสายตาของผม ซึ่งทำให้ผมค้นพบคำใหม่ และวัตถุดิบที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เอามาเขียนเพลงพวกนี้คุณคงเบื่อที่ผมจะเล่าแล้วมั้งเนี่ย นั่นแหละครับ ผมเขียนเพลงขึ้นมาที่ห้องนั่งเล่น เพลงนี้ชื่อ Jubilee Roadโห พอได้ฟังสด แล้วเราพยายามนึกภาพของถนนจูบิลี่ที่เขารัก รู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก

ที่ลอนดอนมีบ่อนเยอะมากครับ เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจจากบ่อนเล็ก  บนถนนจูบิลี่ แต่ทุกคนที่เข้าไปนี่รู้สึกเหมือนไปเล่นพนันที่ Casino de Monte-Carlo รวมถึงสถานที่หลาย ที่ที่ฉวยโอกาสจากคนที่ติดเหล้า ติดพนัน เพราะคนติดพนันที่ยังคงเล่นพนันเพื่อความพึงพอใจของตัวเองและคนรอบข้าง เพียงเพราะเขาคิดว่ามันจะช่วยทำให้ตัวเองรู้สึกดี เพลงนี้ชื่อ Queen of Diamonds ครับและ If You Wanna Love Somebody คือเพลงที่เขาเล่นต่อจากเพลงที่ว่า ซึ่งท้ายเพลงเขาก็อัพบีตด้วยการกระทืบเท้าตามจังหวะ ส่วนคนดูก็ช่วยตบมือเข้าจังหวะด้วยขอบคุณครับ เหลืออีกไม่กี่เพลงที่จะเล่น หนึ่งในนั้นอาจจะไปอยู่ในอัลบั้ม 4 หรือ 5 ค่อนข้างใหม่มากทีเดียว เป็นเพลงเศร้าอีกแล้ว (หัวเราะ)’ เพลงนี้ชื่อ Tears that Never Dry คือทันทีที่เขาขึ้นอินโทรมา คอร์ดสวยมากกกกกกก ฟังแล้วขนลุกเกรียวเลย ทั้ง dynamic และ resonant ของเพลงคือดีงาม ลงตัว รวดร้าวมาก เหมือนเพลงบัลลาดเปียโนบรรเลงปี 90s ประกอบหนังชีวิต รอฟังเวอร์ชัน audio แล้วว่าเขาจะปั้นมันออกมาเป็นรูปแบบไหน

Jubilee Road

แล้วก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของโชว์ขอบคุณมากครับที่มาดูผมในคืนนี้ หวังว่าผมจะได้มาเล่นที่นี่อีกกับวงของผม ผมรักที่นี่เพลงฮิตของเขา Another Love ถูกเล่นเป็นเพลงปิด หลายคนร้องตามเพลงโปรดของตัวเองไปเบา เพราะเกรงว่าจะทำลายมนต์ขลังในคอนเสิร์ตครั้งนี้ แต่ช่วงท้ายเขาก็กระทืบเท้าสร้างสีสันให้เพลงเช่นเคย เมื่อจบเพลง ทุกคนตบมือและส่งเสียงกรี๊ดให้เขาเกรียวกราว ทอมลุกขึ้นมาโค้งขอบคุณและบอกลาทุกคน น่าเสียดายที่จบจากเพลงนี้หลายคนคาดหวังจะได้อังกอร์เพราะมีอีกหลายเพลงที่เขาไม่ได้เล่น หวังว่ารอบหน้าเราจะได้ดูเขาเล่นเพลงที่อยากฟังที่เหลือกับ full band อย่างที่เขาสัญญาไว้นะ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้