ระเห็ดเตร็ดเตร่

Ultra Singapore 2016

  • Writer and photographer : Montipa Virojpan

11 กันยายน 2559

ต้องขอโทษจริง ๆ ที่ ‘ระเห็ดเตร็ดเตร่’ รอบนี้มาช้ากว่าที่ควรจะเป็น เพราะเราเพิ่งกลับถึงไทยและสารภาพว่ายังไม่หายเมื่อยตัวเมื่อยเท้าดีเลยจากการเต้นยับเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในงาน Ultra Singapore นั่นเอง

อย่าเพิ่งตกใจว่า ‘ตี๋ EDM’ มาแพร่ลัทธิใส่ Fungjaizine จนเปลี่ยนไปสายตื๊ดแล้ว พอดีว่าเราได้รับโอกาสจาก Mercedes-Benz Thailand ที่เปิดโอกาสให้เราได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศของเฟสติวัล EDM ที่ใหญ่ที่สุดเป็นครั้งแรกในชีวิตก็เลยขอไปลองเปิดโลกดนตรีอีกฝั่งดูบ้าง โดยงาน Ultra Singapore เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 10-11 กันยายน ที่ผ่านมา แต่เราได้ไปแค่งานวันอาทิตย์นะ เอาล่ะ ก่อนที่จะมูฟไปย่อหน้าถัดไป เราขอเรียกวิญญาณ ‘หมวย EDM’ น้องสาว ตี๋ EDM ที่เดินเมาอยู่ในงานมารับหน้าที่เล่าประสบการณ์ตื๊ดลืมโลกครั้งนี้กันก่อน….

เฮ้ โย่วทุกโคนนนนน สบายดีม้ายยยยย พร้อมจะมาสนุกกันรึยังกับเก็บตกบรรยากาศ Ultra Singapore ที่เราไปแดนซ์กันมา วู้ฮู้ววววว โอวเค เรามาเริ่มตั้งแต่ขาข้างแรกที่ก้าวออกจากโรงแรมกันเลย!

ห้องอาหาร Colony ที่ The Ritz-Carlton Millenia 

ห้องอาหาร Colony ที่ The Ritz-Carlton Millenia

คือที่พักของเราในทริปนี้คือ The Ritz-Carlton Millenia ลองเซิร์ชรูปดูก็ไม่ต้องบอกอะนะว่าพี่ Mercedes เขาใจป้ำขนาดไหนที่ให้เราไปกิน ๆ นอน ๆ ในโรงแรมหรูย่าน Marina Bay (ถ้าไปเองนี่ไม่มีทางเฉียดไปแน่นอน) แต่อย่าเพิ่งฝันหวานค่ะ ความจริงมันไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น เพราะกว่าเราจะได้ห้องพักก็ปาเข้าไปแล้ว 15.20 น. คือคนอื่นเขาได้ห้องกันหมดแล้ว เรายังไม่ได้ห้องคนเดียวก็นั่งรอไปดิ๊ แล้วงานเขาเริ่มไปนานแล้วไง ซึ่งพอได้ห้อง กว่าจะเตรียมตัว เก็บของ รอเพื่อนคนอื่น ๆ เพื่อจะเดินจากโรงแรมมาที่งานพร้อม ๆ กันก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง บวกกับใช้เวลาก้าวขา 15 นาที ก็เป็นเวลาประมาณ 5 โมงที่ได้เข้างาน

Ultra Singapore ปีนี้จัดที่ Ultra Park, Bayfront Avenue ใกล้กับสถานี MRT Bayfront พอดี ซึ่งงานปีนี้เขาเริ่มบ่าย เลิกสี่ทุ่ม เพื่อที่จะให้คนที่มาร่วมงานได้กลับบ้านทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายนั่นเองล่ะ ดีจัง และระหว่างทางที่เรากำลังจะเดินไปถึงงานนั้น มีสิงคโปเรียนจำนวนมากตั้งแต่เด็กยันวัยกลางคนมายืนออกันหน้าห้างแห่งหนึ่ง… เปล่าค่ะ พวกเขาไม่ใช่กลุ่มคนหลากวัยที่มีใจรักในดนตรีอิเล็กทรอนิกซ์และการแดนซ์ที่กำลังรอเข้างาน Ultra แต่อย่างใด พวกเขามาจับ Pokemon กันค่ะ!!!

Pokemon Go รัว ๆ

Pokemon Go รัว ๆ

จริงแก คือทุกคนก้มหน้าก้มตาดูจอ ไอเราก็เลยขอเผือกนิดนึงก็เห็นเป็นแมปที่เต็มไปด้วยเสา ซากุระ และโปเกมอนมันชุมจริง ๆ คุณ อยากจะหยิบมือถือขึ้นมาจับบ้างแต่ดันไม่ได้เปิด roaming ก็เลยอดไป… ระหว่างทางเดินเข้างานที่แอบไกลเพราะประตูที่เราเจอเป็นประตูแรกคือทางเข้าของ VVIP เด็ก general access อย่างเราก็ต้องเดินกันไกลหน่อยเพราะพี่เขากั้นรั้วไว้ยาวมากกก แล้วตลอดทางก็ได้ยินเสียงตื๊ด ๆ มีคนยืนออกันเต็ม บางคนโผล่หน้าจากรั้วด้านในตะโกนออกมามาทักทายคนที่เดินผ่านไปมา บางคนยืนเติมเบียร์กันแบบรัว ๆ เพราะได้ยินว่าเบียร์ข้างในกระป๋องละ 10 SGD (เป็นคาร์ลสเบิร์ก ประมาณ 250 บาท ว่อท!!!) ส่วนตอนนี้รีบจ้ำเข้างานกันก่อน เพราะเสียงที่เบสกระหึ่มมาแต่ไกลกำลังเชื้อเชิญให้เราก้าวเข้าไปในโลกใบใหม่กันแล้ว

ขอชื่นชมอย่างนึง คือคนที่นี่จะถ่ายรูปกับป้ายยังยืนต่อแถวกันเป็นระเบียบยาวเฟื้อย

ขอชื่นชมอย่างนึง คือคนที่นี่จะถ่ายรูปกับป้ายยังยืนต่อแถวกันเป็นระเบียบยาวเฟื้อย

พอผ่านด่านตรวจ wristband ตรวจอาวุธ สัมภาระกันเรียบร้อย เราก็เริ่มสำรวจ vibes รอบ ๆ ตอนนี้เองที่ทำให้เรานึกถึงหนังใน Netflix เรื่อง “XOXO” ที่เป็นหนังเกี่ยวกับเทศกาล EDM (ออ ใช่ เราดูเรื่องนี้เป็นการบ้านก่อนจะมางานนี้อะ ไม่งั้นเดี๋ยวงง เพราะเอาจริงว่าดีเจที่มาเล่นงานนี้ก็ไม่รู้จักเลยสักคน) คือเชื่อไหมว่าพอก้าวเข้ามาปุ๊บ ภาพในหนังมันแว่บเข้ามาในหัวเลย อาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะ ๆ แต่ก็เห็นคนเต้นสนุกไปรอบ ๆ งานในชุดสไตล์มิวสิกเฟสติวัล อย่างพวกแบรนด์ Forever XII, H&M ผู้หญิงใส่เสื้อกล้าม สายเดี่ยว ขาสั้น บิกินี แปะกลิตเตอร์ เพนท์หน้า ผู้ชายใส่เสื้อกล้าม หมวกแก้ป กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ไรงี้ กับอีกสิ่งที่สังเกตคือ งานนี้เขามีธงชาติหลาย ๆ ประเทศที่เป็น Ultra Edition อย่างของเกาหลีใต้ ตรงกลม ๆ ตรงกลางพี่แกก็ทำเป็นโลโก้ Ultra น่าร้ากกก แล้วพวกคนดูก็จะเอาธงชาติไปชู โบก ห่อตัว ขี่คอกันแล้วกางออก เป็นภาพที่เราชอบภาพนึงในงานนี้ มันดูเป็น people of the world ดี

ถ้าให้พูดถึงร้านค้าภายในงานก็มีพวกร้านอาหาร เครื่องดื่ม มีบูธและ area ของสปอนเซอร์ งานนี้ Mercedes เขาให้สิทธิพิเศษกับพวกเรา ด้วย wristband ที่สามารถแลกอุปกรณ์ยังชีพ นั่นคือ กระเป๋าว่ายน้ำที่ข้างในมี power bank, กำไลไฟวิบวับ, หมวกแก๊ป แล้วยังมี token ให้เราแลกเครื่องดื่มได้ฟรีคนละ 5 แก้วที่เต๊นท์ของ Mercedes ที่มีห้องน้ำ บาร์ ที่นั่งพักพร้อมเครื่องปรับอากาศในตัว และมีสไลเดอร์กับบ่อบอลให้เล่นกันด้วย แต่เราเด๋อมากเพราะขาไปเขาบอกให้เอาของไปน้อยที่สุด กระเป๋าใหญ่ห้ามเอาเข้า เราเลยเทของทุกอย่างออกจากกระเป๋าแล้วเอาไปแค่แบงค์ 50 กับมือถือและ wristband เข้างาน แต่ไม่ยอมเอา wristband ของ Mercedes ไปด้วยเลยต้องดอยเหล้าเพื่อนกินเอาในช่วงแรก แล้วตอนหลังก็มีเพื่อนที่ตามมาเอา wristband มาให้ น่ารักมาก กราบบบบ

Mercedes-Benz lounge

Mercedes-Benz lounge

โอเค พอสำรวจคร่าว ๆ ก็ถึงเวลาที่เราจะไปลุยกันแล้ว แต่ด้วยความที่ไม่รู้จักซักวงเลยต้องรบกวน เมย์ ชูชีวา นักร้องนำวง Fwends กับกร มือเบส หรือดีเจ Kova O’ Sarin เป็นคนนำทัวร์เปิดโลกเพลงแดนซ์ในครั้งนี้ ซึ่งจากที่ไปลองยืนแถวเวทีใหญ่ที่เล่นแต่เพลง EDM สายหลักได้พักนึงก็พบว่า เชี่ย เข้าไม่ถึงเลยว่ะ คนที่กำลังเล่นอยู่คือ MARSHMELLO ดีเจที่แต่งตัวเป็นมาร์ชเมลโลหน้ายิ้มตาบอด ทั้งชื่อและ appearance กวนขนาดนี้แต่เพลงของพี่แกจะเป็นเบสหนัก ๆ ตื๊ด ๆ โจ๊ะ ๆ เอามัน หรือบางเพลงที่เอาเพลง mainstream แบบที่ทุกคนร้องได้มามิกซ์อย่าง Hello ของ Adele แล้ว mute ท่อนฮุกเพื่อให้คนดูร้องตามกันกระหึ่มสนาม โอเค มันอาจจะสนุก แต่ความเพราะและความลื่นไหลของเพลงที่ฟังอยู่ก็ถูกทำลายไป เราก็เลยเลือกจะเขยิบมาที่เวทีเล็กที่ชื่อ R Ξ S I S T Λ N C Ξ (Resistance) แทน

Main Stage

Main Stage

จะพูดว่า Resistance เป็นเวทีทางเลือกในงาน Ultra ก็ได้ เพราะเป็นการรวบรวมดีเจหน้าใหม่และดีเจชื่อดังมือฉมังที่เปิดเพลงพวก underground house, techno แบบที่คัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี (แน่นอน เราไม่รู้จักซักคนแต่ก็จะลองฟังดู) ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว เวทีนี้ก็กลายเป็นที่ที่เราสิงสถิตอยู่เกือบตลอดทั้งงาน

Resistance

Resistance

จำได้ว่าช่วงเวลาที่เราไปยืนอยู่ในเต๊นท์ Resistance เป็นตอนที่ฟ้ายังไม่มืดดี พวก visual graphic ที่ฉายไปบนจอหลังเวทีหรือบูธดีเจเลยไม่ได้ว้าวเท่าไหร่ เชื่อว่าพอมืดแล้ว แสง สี เสียงจะครบทุกอารมณ์กว่านี้ ซึ่งดีเจคนแรกที่เราได้ลองฟังเขาชื่อว่า RioTGeaR เพลงของเขาค่อนข้างจะเป็น deep tech, tech house ที่โยกได้แบบยังไม่เปลืองแรงขนาดนั้นตลอด 2 ชั่วโมง ระหว่างที่เต้นไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่าต้องได้ booze กันหน่อยไม่งั้นวิญญาณสายเทคโนจะยังไม่เข้าสิง เมย์ก็เลยไปแลกว้อดก้ามาให้แบ่งกันกิน (ฮือ กราบ)

จากนั้นก็เป็นคิวของ Shaded Live ที่เพลงพี่แกเพลงแรกหน่วง หนืดมาก แต่พอเข้ากลางเพลงเท่านั้นแหละ เต้นเอาเหนื่อยเลยโหวยยย แบบ เพลงหนักมาก มันมาก เมย์เล่าให้ฟังว่า บางทีมันก็เป็นมารยาทที่ดีเจจะไม่เล่นเพลงให้เหนื่อยจนเกินไป เพราะถ้าคนดูเต้นเหนื่อยในเพลงของเขาแล้ว ก็จะไม่มีแรงไปเต้นเพลงของดีเจคนที่ขึ้นต่อ อันนี้ใหม่มาก ไม่เคยรู้มาก่อน น่าสนใจทีเดียว และตอนนี้ก็มีความโป๊ะเกิดขึ้น เมื่อฝ่ายวิชวลฉายชื่อศิลปินผิดเป็น Matador เจ้าตัวที่ยืนอยู่ข้างหลัง Shaded Live ถึงกับเหวี่ยง ฮ่า ๆๆ แล้วเขาก็รีบแก้กลับมาเป็นชื่อ Shaded Live แบบทันควัน ช่วงนี้มีผู้ชมกลุ่มนึง คือเขาใส่ชุดอ่าวหญ่าย กับหมวกนอนลา เป็นชุดประจำชาติที่เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นคนเวียดนามแน่ ๆ เต้นแบบไม่แคร์โลก น่าร้าก

เสียใจ ไม่โฟกัส คือตอนถ่ายรีบมาก เขาเต้นจนเลิกเต้นกันแล้ว แง
เสียใจ ไม่โฟกัส คือตอนถ่ายรีบมาก เขาเต้นจนเลิกเต้นกันแล้ว แง

พอเริ่มเหนื่อย เราก็เริ่มรู้สึกมึนนิด ๆ กรก็หิว เลยลองไปหาอะไรกินกัน ทีนี้พวกเราเดินผ่านร้านนึง เป็นร้านขาย Rainbow Burger อ่านไม่ผิดค่ะ เบอเกอร์สายรุ้งจริง ๆ คือภาพที่โชว์มันเหมือนแป้งโดที่เราเล่นกันตอนเด็ก ๆ หลาย ๆ สีเอามาขยุ้ม ๆ รวมกันอย่างนั้นอะ กรเห็นก็ตาลุกวาวแล้วพุ่งปรี่ไปสั่ง เรากับเมย์ก็มานั่งพักเหนื่อย พอของกินมาเท่านั้นแหละ ข้อแรกคือตลกมากที่พนักงานเขียนชื่อกรเป็น John แล้วคุณผู้ชมคะ เบอเกอร์เหมือนในรูปเลย แต่สีสดกว่าและน่ากลัวกว่ามาก แต่พอลองกินมันก็อร่อยดีไม่มีพิษภัย ขนมปังนุ่มแต่ไม่หอมเท่าไหร่ เนื้อก็ฉ่ำน้ำดี ส่วนเฟรนช์ฟรายส์ที่เคียงมาถือว่าสอบตก เป็นมันทอดชั้นเลวแบบเหี่ยว ๆ ไม่เกรียมไม่สุก เหมือนเขารีบอะ แล้วเค็มมาก สิริราคาทั้งสิ้น 14 SGD จนเมย์คุ้ยหาเจอซากที่เกรียมที่สุดเจอไซส์เท่าขี้เล็บ แล้วพบว่ามันคือส่วนที่อร่อยที่สุดแล้ว ระหว่างที่รอกรกินหมด เราก็แอบมองไปที่ Resistance ก็เห็นว่าคนหายไปกว่าครึ่ง สงสาร Shaded Live ที่กำลังเล่นอยู่มาก เพราะทุกคนพุ่งตัวไปที่เวทีใหญ่ที่ Kygo กำลังเล่นอยู่นั่นเอง

ไม่รู้จะน่ากินหรือน่ากลัวดี แต่กินได้และรสชาติโอเคนะพิสูจน์แล้ว

ไม่รู้จะน่ากินหรือน่ากลัวดี แต่กินได้และรสชาติโอเคนะพิสูจน์แล้ว
ขอเล่าก่อนว่า ก่อนที่เราจะมา เราได้ถามรุ่นพี่ผู้เชี่ยวชาญวงการ EDM ท่านหนึ่งว่า “นี่ ๆ เลาจะไป Ultra วันอาทิตย์ เลาควรฟังอะไรไปก่อน” นางก็จัด Kygo มาให้เรา แล้วพอลองฟังก็รู้สึกว่า ยังไม่อินง่ะ… แต่พอเอาเข้าจริง เราก็ลองแวบไปฟังตอน Kygo เล่น คือเวทีใหญ่ เรามองอยู่ไกล ๆ เพราะคงไม่เข้าไปเบียดกับฝูงชนที่แดนซ์ยับและเมาเละ (กว่าเรา) เพราะเกรงจะต้านทานความหนาแน่นไม่ไหว บนเวทีก็ยิงพลุ ยิงกระดาษกันอลังมากเด้อ ส่วนเพลงพี่แกก็จะซอฟต์กว่าชาวบ้านหน่อย เป็น tropical house ชิว ๆ เพลงติดหูประมาณนึง อย่างเพลงที่ชื่อ Stole the Show ขึ้นนี่เราจำได้เลย หรือ Firestone นี่รุ่นพี่เคยส่งมาให้ลอง น่าจะเล่นเป็นเพลงสุดท้ายนะ เพื่อนที่ไปด้วยกันอีกกลุ่มบอกว่าเห็นแก๊งนึงใส่ห่วงยางหัวเต่า แล้วมีพร็อพเป็นที่คีบขยะ เต้นเรื้อนมาก อยากเห็นเลย
Kygo
Kygo

แต่ตอนนั้นเรายืนต่อแถวแลกดริงค์อยู่ที่เลาจน์ของ Mercedes คนเยอะมากแบบการ์ดต้องจำกัดจำนวนคนขึ้น แล้วปกติที่ให้แลก token ละชั่วโมง แต่พอคนเยอะ ๆ ก็ต้องฝากกันมาแลกแล้ว บางคนแลกที 9 แก้ว โหดมากจี ๆ แล้วพอ Kygo เล่นเสร็จ พิธีกรก็ชวนคนในงานร้อง Happy Birthday ให้พี่แก ดีจัง วันเกิดตัวเองมาเล่นที่เฟสติวัลแล้วแฟนเพลงร้องเพลงให้กระหึ่มนี่คงหัวใจพองโตกลับบ้าน ระหว่างนั้นแถวแลกดริงค์ก็ยังไม่ขยับไปไหน จนอีกคนนึงขึ้นเล่นต่อ เพลงของคนนี้ค่อนข้างที่พอจะฟังได้ น่าจะชื่อ Above & Beyond แล้วที่เรากรี๊ดมาก ๆ คือเขาเอาเพลง Porcelain ของ Moby ไปรีมิกซ์แบบตื๊ด EDM นะ แต่มันจะมีท่อนจำในเพลงต้นฉบับท่อนนึง คือเสียงเปียโนและซินธ์ในอินโทรที่เพราะมาก ๆ เป็นพาร์ทที่งดงามที่สุดในออริจินัลซึ่งเขาไม่ทำอะไรกับมันเลย ฮ่า ๆๆๆๆๆ ประทับใจ ยาวมาจนถึง verse แรกแล้วก็เริ่มเข้าท่อนที่วงเขาใส่ element ของตัวเองเข้ามาอีกนิดหน่อย ที่ตรงนี้เราว่ามันไม่มากไม่น้อยไป เพราะแบบอิเล็กทรอนิกกำลังดี จนบีทเพลงเริ่มเร็วขึ้นก็ขอบายละจ้า

พอได้เครื่องดื่มแล้วก็รีบวิ่งกลับมาที่ Resistance เหมือนเดิมเพื่อดู Matador ที่กรกับเมย์บอกว่าเป็นคนที่ควรดู เวลาไปเล่นงานที่ยุโรป ตาคนนี้จะได้ขึ้นเวทีใหญ่ เราก็เอาวะ ต้องพิสูจน์ พอถึง โอ้โห ดีงามมาก แบบ เพลงเขาเต้นได้เรื่อย ๆ ค่อย ๆ ไล่ระดับความพีคได้เรื่อย ๆ แม้ว่าจะรู้สึกว่าเมื่อยล้าขาแล้วแต่ก็ยังอยากเต้นไปกับเพลงของเขาอยู่ อีกอย่างที่เป็นจุดเด่นของตาคนนี้คือชอบให้ผู้หญิงไปเต้นอยู่ข้างหลังเยอะ ๆ พี่แกอาจจะชอบเอง แต่ที่ดีคือมีรีมิกซ์ Blue Monday ของ New Order ด้วย แต่เต้น ๆ ไปสักพักเราก็เริ่มเมาหนักจนหมดแรง ต้องขอออกไปนอนทิ้งตัวบนสนามหญ้าข้างหน้า จากนั้นพักนึงพอเมย์กับกรดู Matador จบ พวกเราก็นั่งให้สร่างเมาสักพักแล้วรีบเดินออกงานเพราะถ้าออกพร้อมกันกับคนอื่นจะแออัดแน่นอน ระหว่างที่เดินอยู่ก็เห็นเขาแจกไอศกรีมฟรี โอ้โห การกินไอติมตอนเมานี่เป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ คือกินแบบไม่กลัวอ้วนเพราะหยุดกินไม่ได้นั่นเอง

Shaded Live
Shaded Live

หลังจบงาน ได้ยินว่าจะมี after party กันที่ไนต์คลับที่ชื่อ Kyō อยู่บน Cecil Street ที่ไม่ไกลมากจากตัวงาน ปกติร้านนี้จะเก็บค่าเข้าเกือบ ๆ 500 บาท แต่สำหรับคนที่ไปงาน Ultra เพียงแค่แสดง wristband ก็จะได้เข้างานฟรี ๆ พอเข้าไปถึง คนยังไม่แน่นฟลอร์เพราะงานใหญ่ยังไม่เลิก แต่ไม่ทันไรเมย์กับกรก็พุ่งตรงไปหน้าบูธดีเจและเต้นรำแบบอินสุด ๆ เมย์กับกรฟินมาก บอกว่าประทับใจกว่าที่ Resistance อีก คือคนเปิดเพลงที่ดูเป็นผู้หญิงวัยกลางคนแล้วประมาณนึง จริง ๆ แล้วเป็น booker ของไนต์คลับแห่งนี้ กรถึงกับเอ่ยปากว่าเป็น booker ที่เปิดเพลงได้เก่งมาก หรือที่จริงแล้วเขาเป็นดีเจอาชีพมาก่อนล่ะ ส่วนเราเองที่ไม่ใช่คนสายนี้ก็คิดว่าเขาเปิดเพลงไม่เลวนะ แต่พอสร่างเมาความที่จะ blend in ได้ก็จางไปตามเวลา เลยขอตัวกลับก่อนให้เพื่อน ๆ ได้สนุกกันไปในคืนนั้น

Matador

Matador

เขียนยาวเหยียดมาจนถึงตรงนี้ก็หวังว่าหลายคนคงจะเก็ตคอนเซปต์ของ EDM หรือ underground dance music กันพอประมาณ แต่ถ้ายังไม่เคยลองก็อยากจะให้ลองไปสัมผัสกันเองมากกว่าไม่ใช่จะรีบปิดหูปิดใจไปหมด พอฟังแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งถามว่าถ้าให้เราไปอีก จะไปไหม ขอบอกว่า ไม่ไปแล้ววว เหนื่อยเกิ๊นนนน ฮ่า ๆๆๆๆ น้องมีความพยายามแล้วแต่น้องไม่อินจริง ๆ จ้า แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี ต้องขอขอบคุณ Mercedes-Benz Thailand อีกครั้งที่เป็นผู้สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ด้วยค่ะ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้