Mumford & Sons interview ฟังใจซีน Bangkok Fungjai Fungjaizine

Article Import

สนทนากับ Marcus และ Ted จาก Mumford & Sons ก่อนจะไปฟังดนตรีโฟล์กร็อกของพวกเขาเป็นครั้งแรกในไทย!

  • Writer: Malaivee Swangpol
  • Photographer: Chavit Mayot

หลังจากครองใจแฟน ๆ โฟล์กร็อกทั่วโลกด้วยอัลบั้ม Sigh No More ในปี 2009 Mumford And Sons ก็ได้เป็นหนึ่งในศิลปินแฟน ๆ ชาวไทยถามหามาตลอด วันนี้เมื่อพวกเขาได้มาเยือนไทยเป็นครั้งแรกใน Mumford & Sons Live in Bangkok ทีม Fungjaizine เลยขอชวนทุกคนตามมาพูดคุยอุ่นเครื่องกับ Marcus Mumford (นักร้องนำ/กีตาร์) และ Ted Dwane (มือเบส) สองสมาชิกก่อนความฝันที่จะได้ดูพวกเขาสด ๆ จะเป็นจริงคืนนี้!

กรุงเทพ ฯ เป็นยังไงบ้าง

มาร์คัส: เยี่ยมมาก ร้อนดีครับ ที่อังกฤษตอนนี้กำลังอยู่ในฤดูหนาวเลยครับ

อะไรคือแรงบันดาลใจของ EP Johannesburg

มาร์คัส: อื้ม คำถามนี้ดี เราสนิทกับ Baaba Maal แล้วครั้งแรกที่เราไปทัวร์แอฟริกาใต้ เราชวน Baaba มาด้วยเพราะเราอยากร่วมงานกับศิลปินแอฟริกัน แต่จริง เขาไม่ได้มาจากแอฟริกาใต้ เขามาจากเซเนกัลซึ่งเป็นคนละประเทศกัน ซึ่งเขามากับทัวร์กับเรา หลังจากที่เราอัดเพลง There Will Be Time ด้วยกัน แล้วเราก็รู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะร่วมงานกับศิลปินอื่น อีก เราเลยได้ทำเพลงกับอีกสองศิลปินที่ไปทัวร์กับเรา ทั้ง The Very Best และ Beatenberg ซึ่งเราทำอัลบั้มนั้นในสองวัน มันวุ่นมาก แต่ก็สนุกดี ส่วนชื่อได้มาหลังจากที่เราก็ได้ไปทัวร์ที่โยฮันเนสเบิร์กแล้วเราได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองและผู้คนที่เราเจอ ทำให้ออกมาเป็น EP นี้ครับ

ยินดีด้วยที่อัลบั้ม Sigh No More มีอายุครบ 10 ปีแล้ว เพลงไหนคือเพลงที่ Mumford And Sons ชอบเล่นสดมากที่สุดจากอัลบั้มนั้น

เท็ด: ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพลงที่คนดูตอบรับกับมันอย่างดี ซึ่งเหมือนเป็นจุดไคลแม็กซ์ของโชว์ สำหรับผมเลยคิดว่า The Cave น่าจะเป็นเพลงนั้น แถมเรายังเล่นเพลงนี้ในทุกโชว์จนต้องเริ่มย้ายตำแหน่งมันไปมาในเซ็ตลิสต์ในทัวร์นี้

มาร์คัส: Little Lion Man แล้วก็ The Cave เป็นเพลงที่เล่นแล้วสนุกมาก แล้วก็ได้เล่นทุกคืนเลย (ยิ้ม)

เท็ด: ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ (ยิ้ม)

แรงบันดาลใจของเพลง Blind Leading The Blind

มาร์คัส: หลาย อย่างเลย นี่คือเพลงแรก ที่เราเขียนช่วงก่อนทำอัลบั้ม Delta แต่เราก็ทำเพลงนี้เสร็จไม่ทันสำหรับอัลบั้ม เพลงนี้เป็นเหมือนแรงกระตุ้นสำหรับการเขียนเพลง แต่มันก็เหมือนบทสรุปและความท้าทายที่ทำให้เราได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านของเรา แล้วก็เป็นความท้าทายในช่วงสองสามปีมานี้ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคน ความแตกต่างทางวัฒนธรรมของเราและคนจากที่ต่าง ๆ ความแตกต่างทางการเมือง ซึ่งส่วนหนึ่งของประเด็นนี้มันถูกแบ่งแยกด้วยการที่คนอยากอยู่ในความสัมพันธ์กับคนอื่นแบบในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ก็พาคนอื่นพายเรือวนในอ่างในโลกออนไลน์ตลอดเวลา มันมีหลายอย่างที่ให้แรงบันดาลใจกับ Blind Leading The Blind

รู้สึกอย่างไรที่ในที่สุดก็ทำเพลงนี้เสร็จ

มาร์คัส: (หัวเราะ) โล่งอกมาก

เท็ด: มันตลกดีที่เราทำเพลงนี้เสร็จหลังจากเราเริ่มเล่นเพลงนี้ไปแล้วตอนที่เรายังทัวร์อัลบั้ม Wilder Mind อยู่ เราพยายามหลายครั้งแล้ว แต่การทำมันให้เสร็จสมบูรณ์ในแทร็คเป็นความท้าทายมาก เพราะเราตั้งใจให้มันครบถ้วนสมบูรณ์จริง ๆ ซึ่งเสร็จแล้วเราก็ดีใจที่คนจะได้รู้จักเพลงนี้แล้ว ตอนที่เราเล่นสดคนดูก็จะได้แบบเอ้อ เคยฟังแล้ว’

พวกคุณรู้สึกยังไงกับการอยู่ด้วยกันสี่คนมาตลอด 12 ปี

มาร์คัส: มันเยี่ยมมาก มันเยี่ยมมากจริง นะ (หัวเราะ) มันรู้สึกเหมือนว่าเรากลายเป็นครอบครัวไปแล้ว ความรู้สึกของเราในฐานะเพื่อนมันกลายเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับเราจเหมือนการแต่งงานไปแล้ว แล้วเราพยายามสื่อสารกันตลอด เราเพิ่งกินข้าวกลางวันด้วยกันมา มันดีนะสำหรับเราทั้งสี่ เราพยายามฟังความต้องการของแต่ละคน และพยายามตอบรับให้ได้มากที่สุดเพื่อการที่จะทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว คือการทำงานกับเพื่อนของคุณเป็นเรื่องท้าทาย แต่เราก็ระวังให้มากที่สุด ผมคิดว่านั่นน่าจะเป็นเพราะเรารับรู้ความคุณค่าในการอยู่ร่วมกัน และคุณค่าในความสัมพันธ์ที่ยืนยาวนี้ ซึ่งมันก็ออกมาดี เพราะปกติการที่เพื่อนจะมาร่วมกันทำงานในด้านการสร้างสรรค์และด้านธุรกิจนั่นยากมาก แล้วเราก็พยายามอย่างมาก ผมคิดว่าเราได้แรงบันดาลใจจากวงที่ดูแลความสัมพันธ์ได้ดี อย่าง U2 พวกเขาทำได้ดีมาก เราทัวร์กับพวกเขาเมื่อปีที่แล้ว เราดูว่าพวกเขาทำงานอย่างไร แล้วก็ยังมีวงอย่าง Coldplay, The Rolling Stones, Arcade Fire ดังนั้นเราก็สามารถดูพวกเขาเป็นแบบอย่างว่าพวกเขาทำได้อย่างไร

เท็ด: เรียนรู้จากมืออาชีพ (หัวเราะ)

Mumford & Sons interview ฟังใจซีน Bangkok Fungjai Fungjaizine

ทัวร์กับ U2 เป็นอย่างไรบ้าง

มาร์คัส: เยี่ยมมาก! เราได้ไปเล่น 3 โชว์ใน Joshua Tree Tour เอาจริง เราแทบจะไม่ปฏิเสธทัวร์นั้นเลยเพราะเรารักอัลบั้มนั้นมาก เราดีใจที่ได้ไปทัวร์ มันเยี่ยมมาก

ทำงานกับโปรดิวเซอร์ Paul Epworth เป็นอย่างไรบ้าง

เท็ด: มันเยี่ยมมาก เราพยายามรวมแรงบันดาลใจหลาย อย่างลงมาในอัลบั้มนี้ ส่วนหนึ่งเป็นอินดี้ร็อก อีกส่วนหนึ่งเป็นดนตรีที่ออกโมเดิร์นหน่อย และส่วนหนึ่งก็เป็นแนวดนตรีที่เรายังท่องไปไม่ถึง เขาเป็นคนที่เรารู้สึกว่าเหมาะกับเรามาก เขาทำงานกับวงอินดี้มากมาย เขาถนัดดนตรีอิเล็กทรอนิก เขาเชี่ยวชาญในทุกแนวที่เราสนใจใน Delta แล้วมันเยี่ยมมาก เขาเหมือนลูกหมา เขามีพลังมากมาย มีความสงสัยใคร่รู้และความขี้เล่น เมื่อไหร่ที่เราพยายามจะปีนไปให้ถึงจุดสูงสุด เขาก็จะอยู่ที่ขอบแล้วช่วยบิลด์ให้เราปีนไปให้ถึง ที่สำคัฐคือเขามีพลังงานกระตือรือร้นที่ยอดเยี่ยมมาก

Mumford & Sons interview ฟังใจซีน Bangkok Fungjai Fungjaizine

ทำไมถึงเลือก Paul Epworth

เท็ด​: เขาคือคนที่มีความสนใจในการลงมือทำงานร่วมกับวง ผมคิดว่าเราไม่ชอบการที่โปรดิวเซอร์มีโลกส่วนตัวอยู่ในสตูดิโอ นั่นเหมือนตีกรอบให้เราเกินไป ซึ่งไม่ว่าเราจะทำอะไร เราก็อยากให้มันเป็นการสื่อสารสองทาง ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ของเขาและเครื่องไม้เครื่องมือสุดพิเศษที่เขามี ซึ่งเป็นพื้นที่อันสวยงามในโบสถ์เก่า ทุกอย่างทำให้รู้สึกเป็นธรรมชาติมาก พวกเราเองก็ชอบผลงานของเขามาก

คืนนี้แฟน ชาวไทยจะได้เจอกับอะไรในโชว์ของ Mumford & Sons

เท็ด: เราจะเล่นเพลงจากทั้ง 4 อัลบั้มของเรา แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกของเราในไทย เราเลยอยากแนะนำให้ผู้คนรู้จักทุกแง่มุมของผลงานของเรา แล้วเราก็ถือว่าโชว์เป็นโอกาสที่ดีในการรวบรวมผู้คนมาอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องสนเหตุผล ไม่ต้องสนอะไรนอกจากการที่เราได้มาอยู่ด้วยกันแล้วร้องเพลง แล้วเราทำมันมาทั่วโลก และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้มาสร้างบรรยากาศแบบนั้นให้กับผู้คนเป็นครั้งแรกในประเทศ มันน่าตื่นเต้นมาก มันจะเป็นคืนที่สนุกแน่

Mumford & Sons interview ฟังใจซีน Bangkok Fungjai Fungjaizine

ทักทายแฟน ชาวไทยหน่อย

มาร์คัส: ว่าไง เราตื่นเต้นมากที่ได้มาเล่นที่นี่ เรารอนานเกินไปแล้วที่จะมาเยือนที่นี่ นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของเรากับแฟน ชาวไทย เราหวังว่ามันจะเป็นไปด้วยดี แล้วเราก็รอไม่ไหวแล้วที่จะได้กลับมาที่นี่

อ่านต่อ

Mumford & Sons ชวนส่องโลกไปกับ National Geographic ใน mv ใหม่ October Skies

ฝันเป็นจริง! — Bon Iver ออกจากกระท่อมแล้ว พร้อมพา i,i มาทัวร์ไทย 15 มกราคมปีหน้า

Facebook Comments

Next:


Malaivee Swangpol

มิว (เรียกลัยก็ได้)​ โตมาข้าง ๆ วงมอชแต่ตอนนี้ฟังทุกแนว ชอบอ่านหนังสือ ตามหาของกินอร่อย ๆ และตอนนี้ก็คงกำลังวางแผนเที่ยวรอบโลกอยู่