Article Nowadays

เพราะคิดถึงจึงกลับมา บทสัมภาษณ์แรกในรอบ 15 ปีของ B5

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

31 มกราคม 2561 พวกเราทีมงาน Fungjaizine อยู่ภายในห้องแต่งตัวของศิลปินในตำนานอีกหนึ่งวงอย่าง B5 กับการเตรียมตัวก่อนที่จะขึ้นไปแสดงในงานแถลงข่าวการกลับมาของพวกเขา คิว สุวีระ, เบน ชลาทิศ, มาเรียม เกรย์, โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ และเค้ก อุทัย ทั้ง 5 คนกำลังจะให้สัมภาษณ์กับพวกเราเป็นที่แรกเกี่ยวกับการกลับมาครั้งนี้ว่าตลอดระยะเวลาที่หายไป 15 ปี พวกเขาไปทำอะไรกันมา และสาเหตุที่แท้จริงในการกลับมาในครั้งนี้คืออะไร ทั้ง 5 คนพร้อมแล้วที่จะให้คำตอบเราเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้

img_0100

เหตุผลของการกลับมา

คิว: เอาง่าย ๆ คือเราโหยหาช่วงเวลาในอดีตกันครับ แต่ที่ผ่านมาพวกเราเจอกันตลอดนะ กินข้าวทำอะไรร่วมกันบ่อย แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้ร้องเพลงด้วยกันสักเท่าไร เพราะต่างคนก็ต่างมีโปรเจกต์ มีแนวทางของตัวเองกันไป ผมลองคุยเล่น ๆ กับเบนมาหลายครั้งมาก ตั้งแต่ตอนเล่นละครเวที Miss Saigon มโนกันอยู่ตรงบันไดหนีไฟของที่พักของกันว่า เออเว้ย! เพลงนี้น่าจะเอามาทำในแบบฉบับ B5 ดูเนอะ

เบน: ใช่ ช่วงนั้นเรามโนกันกับคิวบ่อยมาก เพลงนี้น่าทำนะ เอ๊ะ! หรือเพลงนี้ก็น่าทำนะ แต่ช่วงเวลามันไม่เคยตรงกันเลย ตารางชีวิตแต่ละคนมันยุ่งกันมาก ๆ รวมไปถึงเสียงเรียกร้องจากตัวเองรวมไปถึงแฟนเพลง ทุกคนถามกันตลอดว่าเมื่อไหร่จะกลับมาทำกัน จนสุดท้ายเขาก็เลิกถามไปแล้ว หนีไปมีลูกมีผัวกันหมด (หัวเราะ) เราคิดเสมอว่าถ้าเวลามันลงตัวเมื่อไหร่เราจะกลับมาแน่ ๆ และตอนนี้มันลงตัวแล้ว ทุกคนรวมตัวกันได้ แต่มันก็ล่วงเลยมา 15 ปีแล้วอะ ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้ทำอีกครั้งเมื่อไหร่

วินาทีที่ได้อยู่ด้วยกันครบ 5 คนอย่างเป็นทางการ

เบน: ทุกอย่างมันง่ายมาก มันเป็นระบบออโต้ไปหมดเลย อย่างวันที่เราเข้าไปอัดเพลงกันที่ Karma Studio เรารู้สึกว่า ทุกอย่างมันไหลสบายมาก มีเปียโนตั้งอยู่ตัวนึง ทุกคนมาเอาไอเดียโยนใส่กัน ร้องอะไรดี เล่นอะไรดี พอเราพูดเพลงนี้มา โต๋เล่นขึ้นมาเลย ทุกคนมันเป็นออโต้มาก

การกลับมาทำงานร่วมกันครั้งนี้ต้องปรับตัวมากน้อยแค่ไหน

คิว: ไม่มีคำว่ายากอยู่ในนี้เลยครับ (หัวเราะ) มันเหมือนเป็นเพื่อนที่มาเข้าค่ายด้วยกันอีกครั้ง

เค้ก: เราอาจจะโตขึ้น มีความเข้าใจในตัวเองมากขึ้น ความเข้าใจในกันและกันมากขึ้น มันง่ายกว่าตอนแรกอีกนะสำหรับผม

img_0008

B5 เมื่อ 15 ปีที่แล้วกับตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมเยอะไหม

เบน: สำหรับเบนก็ขนาดตัวที่เพิ่มขึ้น เท่ากับเบนตอนนั้น 2 คนอ่ะ (หัวเราะ)

เค้ก: แดกตัวเองเข้าไปแน่ ๆ นอกจากเรื่องไซส์ร่างกายแล้ว ส่วนตัวเรารู้สึกว่าทุกคนมีความโอเคกับตัวเองมากขึ้น เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ เราจะค่อยตำหนิติเตียนตัวเอง ยังหาตัวเองไม่เจอ บางทีตอนนี้เราแก่แล้ว เวลาทำอะไรมันก็จะสบายมากขึ้นกว่าเดิมหน่อยนึง

คิว: ไม่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนอะไรไปสักเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าเราเปิดตัวเองมากขึ้น สมัยก่อนเราจะมีโลกส่วนตัวสูง เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ เราก็จะรู้จักหรือสนิทกับใครแค่ในกลุ่มนั้น ๆ ไม่เปิดไม่รับอะไรเพิ่มเติม

โต๋: เดี๋ยวนี้เข้ากับคนอื่นได้ไหมครับคิว

เค้ก: มันเข้าไปเขาก็โดนเขาไล่ออกมา (หัวเราะ)

คิว: ใช่ (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ เรารู้สึกว่าเราคิดงานละเอียดขึ้น เห็นโลก เห็นความจริงเยอะขึ้น อันไหนที่ไม่ควรทำก็ไม่ทำอยู่แล้ว แต่อันไหนที่ควรทำก็เปิดใจกับมันมากกว่าเดิม เรียกได้ว่าลองผิดลองถูกมา สุดท้ายก็กลับมาเป็นตัวเองที่ดียิ่งขึ้นครับ

โต๋: ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาเจอเพื่อน ๆ มันสนุกสนานดี

คิว: เอ้า เราเป็นเพื่อนกันเหรอ (หัวเราะ)

โต๋: ใครเพื่อนมึง (หัวเราะ) คือผมมีความสุขมากในการอยู่กับเพื่อน พอเราอยู่ข้างนอกแต่ละคนก็มีโปรเจกต์ของตัวเอง เราเลยคิดว่าตอนนี้มันยิ่งโครตสนุกเลย ทุกคนเริ่มมีตัวตนที่ชัดเจนมากขึ้น เราได้ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ มันไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าเราต้องทำอะไรบ้างตรงไหนบ้าง ทุกอย่างมันรู้ใจกันมาก อย่างตัวผมเองตอนนี้ก็มีความสุขนะ ตอนเด็ก ๆ เราต้องมาคิดว่า จะเตรียมตัวยืนบนเวทียังไง ขึ้นไปต้องร้องให้เป๊ะนะ แล้วพอเราโตมาเรื่อย ๆ เรารู้สึกว่า สุดท้ายสิ่งที่ดีที่สุดมันก็คือการมีความสุขอยู่กับเพื่อน ๆ นี่ต่างหากคือความสนุกของการได้อยู่บนเวที มีความสุขตรงนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะออกมาดีเอง

img_0023

เบื้องหลังในการทำอัลบั้มนี้สนุกสนานขนาดไหน

โต๋: อย่าใช้คำว่าสนุกสนานเลย (หัวเราะ) มันเป็นแนวอยู่กับเพื่อนอะ เวลาพวกคุณอยู่กับเพื่อนคุณเป็นยังไง เวลาผมอยู่กับ B5 ผมสามารถพูดกูมึงได้ปกติเพราะเราเป็นเพื่อนกัน อยู่ข้างนอกมันพูดแบบนี้ไม่ได้ อยากจะเล่นโน่นเล่นนี่เราก็เล่นได้กับวงนี้ มันเหมือนเพื่อนที่เรียน ป.1 มาด้วยกัน ป.1 ในทีนี้คืออยู่ในวงการมา 15 ปีนะครับที่เราเริ่มก้าวแรกด้วยกัน

เบน: สนุกมาก สนุกสุด ๆ มันมีแต่ความตื่นเต้นที่แบบ พรุ่งนี้เราจะเอาไอเดียอะไรไปเสนอกับเพื่อน ๆ ดี มันเป็นความรู้สึกเหมือนเด็กได้ของเล่นอะ มันคือความสุขครับ

เค้ก: มันไม่เหมือนทำงาน ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ค่อยได้ร้องเพลงอาชีพในระยะช่วงหลัง ๆ คือเราก็ยังร้องในห้องน้ำของเรา แต่พอกลับมาทำตรงนี้ มันไม่ได้รู้สึกว่าเรากลับมาทำงานอะ งานที่ผมทำมันคืองานร้านอาหารที่บางทีมันก็มีความเครียดบ้าง การได้เจอเพื่อนมันเหมือนเป็นการผ่อนคลายแล้วเหมือนได้ไอเดียความคิดสร้างสรรค์บ้าบอคอแตก พวกเราก็เปิดรับกัน มันสนุกดี

แสดงว่าที่ผ่านมาทุกคนในวงก็เจอกันและติดตามผลงานของแต่ละคนกันตลอด

เบน: ใช่ พวกเราไม่ได้ห่างกันเลยนะ แค่ไม่ได้ทำเพลงด้วยกันเฉย ๆ

โต๋: วง B5 เป็นคนกลุ่มแรกนะที่กล้าวิจารณ์งานเรา (หัวเราะ) ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมันก็จะมีมุมมองตรง ๆ ให้กัน ข้อดีของการเป็นเพื่อนกันคือเราพูดกันตรง ๆ ได้ จะรู้กันว่า ไม่โกรธกันนะ เวลาคิวเล่นคอนเสิร์ตผมก็จะตามไปดู เวลามีท่าอะไรแปลก ๆ เราก็จะแซวกัน แซวทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องชีวิต อย่างเรื่องที่คิวพลาดมอเตอร์ไซด์ตีลังกา 360 องศา เราก็ติดตามกันตลอด มันคือเพื่อนกันอะครับ

คิว: อย่างหน้ากากไก่ฟ้าของมึงอะนะ (หัวเราะ)

เบน: ตั้งแต่ช่วงที่ปล่อยเพลง รักเธอ อะไรแบบเนี้ย แล้วมันจะมีช่วงที่โต๋ไปโฆษณาแบรนด์ ที่ทรงผมเป็นยุคเรเนซองขอโต๋อะ คือทุกอย่างมันเต็มที่มาก ติ่งโน้นติ่งนี่เต็มไปหมด อีโต๋มึงเช็กผมมึงหน่อย อีกนิดเดียวก็จะโหนเถาวัลย์บนหัวมึงแล้วนะ (หัวเราะ) แล้วพอยิ่งช่วงหลังโต๋ออกเพลงใหม่ ๆ เราก็ฟังแล้วแบบ อีโต๋ เมื่อไรมึงจะเลิกร้องเพลงจีบสาวสักที เราไม่ได้เป็นสาว ๆ ที่ฟังแล้วเขินอะ เมื่อไรโต๋จะดาร์กบ้างว่ะ

โต๋: ผมก็เลยไปถามพ่อแม่ว่าดาร์กคืออะไร เพราะว่าเบนมันพูดมาผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร (หัวเราะ)

img_0006

ให้โต๋รีวิวผลงานการแสดงละครของเบนหน่อย

โต๋: เล่นเป็นตัวเองเลยครับ มันไม่ได้แสดง มันเป็นตัวเอง รวมถึงรายการของมันด้วยนะ มันไม่ได้ถ่ายรายการ จริง ๆ เบนก็จะมีมุมนั้นนานแล้ว คิวก็มีมุมตลกนะครับ แต่เราหลาย ๆ คนไม่ได้เห็น คิวจะเป็นคนที่ฮา ใช่ปะคิว

คิว: ใช่ไหมครับ (หัวเราะ) พอก่อน

ที่ผ่านมาเค้กหายไปไหน

เบน: เอาจริง ๆ เค้กมีผลงานมากกว่าเบนอีกนะ ช่วงที่ออกอัลบั้มเนี่ยเยอะกว่าผมอีก ของกู 15 ปีนี่เพลงยังน้อยกว่ามึงเลย

โต๋: เค้กเขาจะเป็นคนที่เขียนเนื้อเพลงไว้เยอะมากเลยครับ พวกเนื้อกลอนต่าง ๆ

เบน: ปุยเมฆน้อยอะไรของมันเนี่ยแหละ

เค้ก: จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้อยากจะออกจากวงการหรืออะไร แต่หลังจากที่ทำอัลบั้มเดี่ยวเราก็ไปเรียนต่อ ทีนี้มันก็เลยลากยาว พอกลับมาทำธุรกิจเพิ่มไปอีก มันก็เลยเถิดไปจนไม่ได้ทำเพลงเลย แต่เราก็ยังชอบร้องเพลง ฟังเพลง ยิ่งเพลงเพื่อนตั้งแต่เบนออกโอ๊ย โอ๊ย ก็ฟังมาตลอด แต่ไม่ได้รู้สึกว่าฉันต้องกลับมาทำนะ ขอโฟกัสอยู่กับงานที่เราทำทุกวันนี้ก่อนดีกว่า

img_0005

วงการเพลงไทยสมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันขนาดไหน

เบน: เรามีความรู้สึกว่า การฟังเพลงของคนฟังตอนนี้มันเปลี่ยนไป อย่างเราสมัยก่อนฟังเพลงอัลบั้มนึงเราก็อยากจะฟังให้ครบทุกเพลง แต่ปัจจุบันนี้เรายังเลือกฟังเขาเป็นแทร็ก ๆ แทนเลย มันเลือกฟังเพลงจากที่ระบบดิจิทัลง่ายมากแล้ว เลื่อนฟังเฉพาะที่ตัวเองอยากฟัง ถ้าย้อนไป 15 ปีที่แล้ว การซื้ออัลบั้มนึงมันฟังไปเรื่อย ๆ จนมันครบแล้วมันรู้สึกอิ่มพอดีตามหน้าที่ของมันทำไว้ เรารู้สึกว่าไอ้ความรู้สึกการฟังเพลงแบบสมัยก่อนมันหายไป

โต๋: ผมว่ามันมีพื้นที่ให้เราได้ฟังแนวเพลงอะไรใหม่ ๆ เยอะมาก มีเพลงหลายแนวเกิดขึ้น ผมมองว่ามันเป็นข้อดีนะ ทุกคนได้ปล่อยของกัน แต่พอของมากขึ้นในตลาดเนี่ยสิ่งที่มันจะอยู่ได้ สิ่งที่มันจะโดดเด่นเนี่ย มันต้องมีอะไรจริง ๆ ไม่งั้นมันจะไม่โผล่ขึ้นมาแน่ เพราะสินค้ามันเต็มตลาดไปหมดเลย ระบบหรือกำลังของคนฟังมันก็มีมากขึ้น เมื่อก่อนศิลปินออกเพลงมาแล้วมันมีตัวเลือกจำกัด มันก็เลยต้องฟังไปตามนั้น เลือกไปตามที่มันมีในตลาด แต่ตอนนี้มันเหมือนทุกอย่างมันเปิดหมดเลย กลายเป็นว่าแทนที่ศิลปินจะเลือกกลุ่มคนฟัง กลุ่มคนฟังตั้งหากที่เลือกศิลปิน แล้วก็เลือกเป็นแค่บางแทร็กของศิลปินบางคนด้วยซ้ำ

เค้ก: จริง ๆ แล้ว เราเป็นคนไม่ค่อยได้ฟังเพลงอะไรมากมายเท่าไร แต่เราจะเป็นคนที่ชอบฟังแนวนอกกระแสมากกว่า ไม่ค่อยรู้ว่าในกระแสเขาฮิตอะไรกันอยู่ พูดตามตรงว่าไม่ได้ฟังเพลงไทยเท่าไรด้วย ก็เลยไม่ค่อยรู้ แต่เท่าที่รู้มันก็เป็นแบบที่โต๋พูดอ่ะ มันดูมีอะไรใหม่ ๆ เยอะขึ้น อย่างล่าสุด พอเรากดดูเพลย์ลิสต์ของ Apple Music ที่แนะนำเพลงใหม่ ๆ มันก็จะมีเพลงไทยที่แบบ เฮ้ย ขึ้นต้นมาไม่เหมือนเพลงไทยเลย แต่พอร้องมามันคือเพลงไทย ซึ่งมันก็ดี เด็กสมัยใหม่ก็ร้องเพลงเก่ง เล่นเก่ง มีความคิดสร้างสรรค์กันเยอะเลย

มาเรียม: ความแตกต่างเราว่าเยอะมากนะ ในยุคนั้นมันจะมีแนวดนตรีที่ดังเป็นแนว ๆ กำหนดเอาไว้เลย แต่ตอนนี้มันมีหลายแบบมีทั้งแนวย้อนยุค มีทั้งแนวยุคใหม่เกิดขึ้น อย่างเช่น อิเล็กทรอนิก มีเอาแนวย้อนยุคมาทำเป็นยุคใหม่ มันมีหลายอย่างเลย ซึ่งในตอนนี้ตลาดมันมีความกว้างขึ้น แต่ความชัดเจนมันน้อยลง

img_0056

ความพิเศษในอัลบั้มใหม่ Now 15 ที่กำลังจะออก

เบน: เรามีความรู้สึกว่า คนที่เป็นแฟนเพลงเก่าเขาจะได้รับความรู้สึกเดิมกลับมาของความเป็น B5 แล้วก็สำหรับคนใหม่ที่เพิ่งจะมารู้จักกับพวกเรา ก็น่าจะเปิดใจรับกับเพลงของพวกเราได้ง่าย คือมันเป็นเพลงที่เพราะแล้วฟังง่ายครับ

เค้ก: ในขณะเดียวกัน แม้ว่าเราจะเอาเพลงเก่ามาทำ แต่เราก็ใส่อะไรใหม่ ๆ ไปหลายอย่างมาก ซาวด์ใหม่ ๆ วิธีการเรียบเรียงดนตรีใหม่ ๆ มันจะมีเพลงนึงที่เรายังทำไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่เนื้อหาของมันค่อนข้างที่จะมีสีสันสดใส เราเองยังตื่นเต้นเลย อย่างผมตอนที่เราเป็นเด็ก เราไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก ให้ร้องให้ทำอะไรก็จะทำไปตามนั้นเลย แต่ตอนนี้เราตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในการเสนอและสร้างไอเดีย ทำเสียงประหลาด ๆ มา แล้วเขาก็โอเคกับเรา ผมว่ามันสนุกกว่าชุดที่แล้ว

คิว: อาจจะด้วยวัยของแต่ละคนที่โตขึ้นอย่างที่ผมบอก แต่ก่อนพวกเราจะเป็นเด็กที่ชอบร้องเพลงเสียงดัง ๆ ตะโกนใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่วัยของพวกเราจะทำได้ แต่พอตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันไม่ต้องเยอะ มันน้อยแต่เล่าเรื่องได้ ในมุมผมนะ ผมรู้สึกว่าสมัยนี้ผมไม่ค่อยได้ฟังเพลงที่เล่าเรื่องจากหัวใจเท่าไร มันก็จะมาในรูปแบบเนื้อเพลงดี โดนตลาดแน่ มีท่อนที่จำได้ แต่มันก็จะเป็นลักษณะฟาสต์ฟู้ด ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะ แต่ว่ามันไม่ได้มีคุณค่าสำหรับผม เราก็ไม่ได้บอกว่า อัลบั้มนี้มันจะลึกซึ้ง ผมว่าแต่ละคนร้องออกมาแล้วเสียงอาจจะเปลี่ยนจากเดิม แต่มันมีวิญญาณบางอย่างซ่อนอยู่ในเพลง

เบน: เหมือนมันตกตะกอนมากขึ้น

คิว: ใช่ มันผ่านอะไรมาจริง ๆ อันนั้นที่ผมรู้สึกว่ามันเปลี่ยน เราคุยกันมากขึ้น คือแต่ละคนผ่านชีวิตมา เจอแนวทางที่เราชอบ ก็เอามาใส่กัน มาหาตรงกลางกัน อย่างสมมุติคนก็จะนึกภาพผมว่าเป็นนักร้องเพลงร็อก ตะโกนเสียงดังแต่ในอัลบั้มนี้เราเลือกเอาเพลง Happy Aniversary ของพี่นาเดีย มาร้องเป็นภาษาฝรั่งเศสแล้วเอามาทำเป็นแจ๊ส ร้องไปในแบบที่ เออ กูอยากร้องแบบนั้นมากเลย มันไม่มีโอกาสได้ไปร้องที่ไหน ก็เลยเอามาทำ แล้วระหว่างที่ทำเรารู้สึกว่า B5 เนี่ยละมันคือที่ของเรา ที่ที่เราไม่ต้องทำตามโจทย์ใคร ทำตามคำสั่งใครว่า มึงต้องร้องอย่างนี้ คิดอย่างนี้ ตรงนี้เราทำด้วยความสุข ทำงานกับคนพวกนี้ไม่มีคำว่าเครียดเลย มีแต่ อะ เมื่อไหร่จะมาเจอกัน เมื่อไหร่จะมาสนุกด้วยกัน

เบน: มึงถามพี่ไก่ (สุธี แสงเสรีชน) ยัง (หัวเราะ)

คิว: พูดถึงเราก่อน ยังไม่พูดถึงโปรดิวเซอร์ คือส่วนใหญ่มันมาด้วยมวลความสนุกมากกว่า กลับบ้านไปทีเสียงแหบเสียงแห้งนี่ไม่ใช่ร้องเพลงเยอะนะ ขำเยอะมากกว่า

โต๋: ขำจนปวดกระโหลก

คิว: ซึ่งสำหรับผม เพื่อนที่อยู่ในวงการเราไม่ค่อยได้เจอใครเปิดใจและเป็นนักร้องเหมือนกัน มันมีไม่เยอะ พออยู่กับคนพวกนี้มันชินแล้วอะ มันสนุก

โต๋: ถามคำถามว่าอะไรนะครับ

คิว: มึงฟังบ้างไหมเนี่ย

โต๋: อินคำตอบมึงอยู่อะคิว (หัวเราะ) ผมว่าอัลบั้มนี้ส่วนที่ผมชอบมันคือตัวเพลง เพราะว่าซาวด์ที่ทำมันเป็นซาวด์ที่ทุกคนรวมพลังกันสร้างมันขึ้นมาครับ

คิว: ขอเสริมนิดนึง เรื่องซาวด์มันจะมีความสดกว่าชุดที่แล้วเสียอีก เพราะเราไปอัดด้วยเปียโนจริงอะไรจริง นั่งฟังมันว้าวมาก เหมือนเราอยู่ในที่ตรงนั้นเลย เนี่ยมันก็เป็นสิ่งนึงที่มันหายไปจากวงการ

โต๋: มันเหมือนกับชุดนี้ เราได้ทำเพลงกันจริง ๆ ไม่ใช่แบบถึงคิวคนนี้ร้องเพลงแล้วค่อยเข้าไปอัด แต่ทุกคนมานั่งด้วยกัน ได้มาถุยไอเดียใส่กัน แล้วมันสนุก มันได้สร้างสรรค์จริงจัง เรื่องซาวด์ในมุมของดนตรีมันจะมีหลาย ๆ อย่างเข้ามา มันเป็นความพิเศษของเราเนี่ย อัลบั้ม Now 15 เสียงหลาย ๆ อย่างที่เข้ามาเนี่ย มันจะมีองค์ประกอบเข้ามาเยอะมากและที่ผมชอบความกลมกล่อมของมัน สิ่งที่ผมชอบในมุมของซาวด์ทั้งหมดก็คือความเปลี่ยนแปลงของ 5 เสียงที่มันไม่ซ้ำกันเลย พวกเบน คิว เค้ก มาเรียม วิธีการใช้เสียงร้องก็ไม่เหมือนเดิม วิธีการเล่นเปียโนของผมก็ไม่เหมือนเดิม ผมเองก็ค้นพบตัวเองมากขึ้น มันเหมือนเป็นอาหารจานเดิม แต่ผ่านมา 15 ปีมันอร่อยไปอีกแบบแล้ว

มาเรียม: เหมือนชีสที่ราขึ้นใช่ไหมโต๋

โต๋: มันมีความซับซ้อนมากขึ้น

เบน: เรามีความรู้สึกว่า เพลงวีนัส มันมีความบ่งบอกถึงที่มาที่ไปของ B5 ได้ทั้งหมดเลยว่า อดีตที่ผ่านมากับปัจจุบันมาเจอกันมันเป็นยังไง เรารู้สึกว่าเพลงนี้มันเป็นบทสรุปเลย

img_0065

ถ้าเอาเพลงของ B5 ไปเปิดในตลาดหรือที่ที่คนไม่รู้จักวงได้ อยากเอาเพลงอะไรไปให้ฟัง

คิว: ไม่ต้องไปตลาดหรอก แค่เดินไปข้างนอกคนก็ไม่รู้ละ (หัวเราะ)

เบน: เพลงไหนก็ได้เลย เพราะทุกเพลง

คิว: ถ้าในมุมผมเลยก็อยากให้ฟังทั้งอัลบั้มใหม่เลยดีกว่า เพราะว่าแน่นอนจริตของแต่ละคน B5 มี 5 คน นิสัยมันไม่เหมือนกัน แล้วในอัลบั้มนี้มันจะบอกเล่าเรื่องที่มันไม่ซ้ำกัน เหมือนคุณดูหนังที่มันไม่ได้มีตัวเอกแค่คนเดียวอะ บางช่วงอาจจะเศร้า บางช่วงตลก บางช่วงก็ดีพ

เบน: แต่ละเพลงมันจะทำหน้าที่ของมัน มันจะมีเพลงให้กำลังใจ เพลงเศร้า เพลงสนุก เพลงรัก แล้วพอรวมกันมันเป็นชีวิตคนนึง ๆ เลย

ความพิเศษของมิวสิกวิดีโอเพลง วีนัส ที่ B5 อยากให้ทุกคนจับตาดู

เบน: (หัวเราะ)

โต๋: เอ็มวีนี้พีคมาก อยากจะบอกเลย

คิว: หน้าอกหน้าใจของมาเรียมครับ

โต๋: มันมีความตลกในความจริงจังอยู่ครับ

เบน: มันเป็น parody นิดนึงนะในเอ็มวีนี้ เขาเรียกว่าการล้อเลียนพวกเอ็มวียุค 80s

โต๋: เราใช้พวกเทคนิคเงาสะท้อนจากน้ำ เอากล้องมาเลื่อนตาม

เค้ก: เราพยายามทำให้มันขำ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ขำอะ มันเป็นฟีลจริงจังจนขำ (หัวเราะ)

เบน: บอกเลยเพลงนี้มีมาเรื่อย ๆ ดูมาเรียมให้ดี

คิว: คุณจะลืมเพลงคุกกี้เสี่ยงทายไปเลย มันจะเป็นภาพมาเรียมที่แบบ เฮ้ย เอาแบบนี้จริง ๆ เหรอ

โต๋: แต่ผมชอบช็อตที่มาเรียมจิกตานะ

มาเรียม: อย่าเพิ่งบอกเขาสิ

คิว: เขาถามอยู่

คอนเสิร์ตใหญ่ปีนี้จะมีไหม

เบน: เมืองไทยมันใหญ่ที่สุดได้ที่ไหนอะ

โต๋, คิว: ทะเลหรอ

เค้ก: เราจะลงเรือไปกลางเกาะเหรอวะ (หัวเราะ) มีแน่นอนครับ คอนเสิร์ตนะ

โต๋: ผมว่าเสน่ห์ของ B5 มันคือการเล่นสด ฟังในอัลบั้มแล้วก็ระดับนึง แต่เล่นสดมันจะสนุกมากกว่า ผมว่ามันคือการดูความเป็นเพื่อนของคนทั้ง 5 คนที่ร้องเพลงทำกิจกรรมทุกอย่างด้วยกัน การเป็นเพื่อนกันของพวกเรามันมีคาแร็กเตอร์ที่น่าสนใจอยู่ รวมไปถึงการเล่นเปียโนคนเดียวกับเสียงร้องมันทำให้รู้สึกใกล้ มันจับต้องได้ เหมือนนั่งเล่นอยู่หลังบ้านอะ เพราะฉะนั้นแล้วอยากให้มาดูกันครับ

คิว: ต้องมานั่งลุ้นว่ามันจะร้องเพี้ยนกันไหม ลืมไลน์ประสานไหม

เบน: เรารู้สึกว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันเหมือนเป็นความฝันนะ แล้วมันก็ไม่ใช่ความฝันของพวกเราอย่างเดียวด้วย มันเหมือนความฝันที่เราไปแบกรับความคาดหวังจากแฟนเพลงที่รออยู่นะ มันเหมือนกับว่า วันนี้เราทำฝันนี้สำเร็จนอกจากตัวพวกเราเองแล้ว แฟนเพลงที่รออยู่เขาก็น่าจะรู้สึกยินดีและดีใจไปกับพวกเราเช่นกัน รวมไปถึงคอนเสิร์ตใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ มันจะเป็นการปิดฉากความฝันที่สมบูรณ์แบบสำหรับพวกเรา

เค้ก: จริง ๆ แล้วเรามีกลุ่มใน Facebook ชื่อ I Support B5 Concert ที่เราตั้งไว้นานแล้วอยู่ด้วยนะ ใครที่มาเจอบทสัมภาษณ์นี้ก็เข้าไปได้นะครับ

ในบรรดา 5 คนใครตามตัวยากที่สุด

เค้ก: ที่นัดมายากน่าจะเป็นเพราะงานมันเยอะ

คิว: อย่างผม เค้ก มาเรียม จะเจอกันบ่อย ร้านเขาจะอยู่ใกล้บ้านผม เราก็จะมากินข้าว กินก๋วยเตี๋ยวอะไรที่บ้านบ่อย

เค้ก: อย่างเบนและโต๋ก็จะงานเยอะ

เบน: ส่วนเบนก็จะอยู่ห้องติดกันกับมาเรียม

เค้ก: เบนก็จะชอบสั่ง LineMan ร้านผมไปกินที่ห้อง

โต๋: เอาจริง ๆ แค่นัดกินข้าวครบ 5 คนก็ยากแล้ว เพราะฉะนั้นการที่โปรเจกต์นี้มันเกิดขึ้นมามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ดูอย่างวันนี้สิมันคืองานแถลงข่าวแล้ว แค่นัดจะกินข้าวด้วยกันมันยากมาก การเจอกันให้ครบมันเลยพิเศษมากสำหรับพวกเราครับ

img_0061

อยากบอกอะไรกับแฟนเพลงที่รอคอยเราอยู่บ้าง

เบน: มาแล้ว มาดู มาดู

คิว: เก็บเสียงไว้ก่อน

โต๋ : คุณคิวมีอะไรจะฝากถึงพวกนักวิจารณ์ไหมฮะ

คิว: พอก่อน ฟังเพลงก่อนเว้ย

เบน: จริงๆ เราว่าพวกแฟนเพลงคนที่ถามคำถามนี้เขาไม่รอแล้วนะ เขาไปมีลูกมีผัวกันหมดละ

คิว: เริ่มจากแฟนเพลงแท้ ๆ เลยที่โตมาด้วยกัน ขอบคุณที่ยังนึกถึงกัน ยังจำกันได้ว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น เคยจำได้ว่า คนอย่างพวกเรา 5 คนได้เคยให้ความสุขแก่พวกเขา 15 ปีผ่านมา บางคนเพิ่งเรียนจบ บางคนมีลูกแล้ว ผมรู้สึกดีใจที่เพลงของเรามันไปอยู่ส่วนนึงในชีวิตของเขาในวันที่ดีที่สุด เขาก็ได้ยินเพลงของเราในหัว ช่วงที่สุขหรือช่วงที่เศร้าที่สุดเพลงของเราจะเป็นกำลังใจให้เขา อะไรแบบเนี้ย อันนั้นที่ผมรู้สึกขอบคุณที่ยังจำกันได้และยังรอกันอยู่ ก็เชื่อว่าวันนี้มากันในงานหลายคนแน่นอน ฝากถึงคนที่จะเป็นแฟนเพลงใหม่ของพวกเราด้วย อาจจะมีจากการรู้จักผมจากวง Flure มาก่อน หรือรู้จักโต๋ เบน มาก่อน เราก็ทำให้คนกลุ่มเหล่านี้ได้มาเจอมาสนุกกันสร้างสังคมใหม่ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันน่าสนใจ

โต๋: ผมว่าผมพูดถึงแฟนเพลงตลอดนะ ขอบคุณที่ทุกคนโตมาด้วยกัน ผมว่าคำนี้เป็นคำที่สำคัญ

คิว: ตายไปด้วยกัน

โต๋: ยังดิ มึงใจเย็น (หัวเราะ) สำหรับตัวผมเองอย่าง B5 คือ จุดเริ่มต้นก้าวแรกในวงการนี้ของพวกเรา วันที่เราเป็นเด็ก 5 คนที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ยุคที่ไม่มีใครรู้จัก ขึ้นไปบนเวทีด้วยกัน เรายังจำความรู้สึกนั้นได้ ผมว่ามันเป็นการรำลึกถึงสิ่งที่เราเคยผ่านมา สมัยนี้เราอาจจะโตแล้ว บางทีเราคิดเยอะไป เราลืมไปว่าความสุขจริง ๆ มันคือวันแรกที่เราเล่นดนตรีสนุกสนานกับเพื่อน ๆ

คิว: ใช่ นั่นแหละคือเหตุผลหลัก ๆ ที่เรากลับมารวมกันเลย มันไม่ใช่ว่าเราอยากกลับมาเพราะอีเบนก็ดัง อีโต๋ก็ดัง มาสิกูมาเกาะแม่งแดกกัน มันไม่ใช่ คือเรามาเพื่อได้ร้องเพลงร่วมกันเถอะ คือให้กู 10 บาทกูก็สนุกแล้ว

โต๋: มันเป็นการกลับมาย้ำเตือนเราด้วยว่า แว้บแรกที่เราขึ้นมาเราอยู่บนเวทีเพราะอะไร แล้วผมว่ามันเป็นเหตุผลเดียวกันสำหรับคนดูด้วย ว่าคุณรู้สึกอะไรกับเรา อยากให้โตไปด้วยกันแบบนี้เรื่อย ๆ

เค้ก: เราไม่ได้มองว่า การกลับมามันคือช่องทางในการทำเงิน ทำชื่อเสียง เรารู้สึกว่ามันมีความสุขอะ เราอยากให้คนที่ฟังได้รับความสุขนี้ไปด้วย มันเป็นช่องทางในการส่งพลังอะไรบางอย่าง

คิว: จริง ๆ โอกาสในการหาอะไรทำในชีวิตของพวกเรามันน้อยมากแล้วนะ บางคนอาจจะหาเงินแทบตายแต่กว่าจะได้ใช้เงินนั้นไปเที่ยวไปซื้อความสุขอะ ผมว่ามันไม่ใช่ทุกคนทำได้ ผมว่าเรา 5 คนโชคดีที่ ตอนนี้กูรู้แล้วว่าตรงไหนที่ไปทำแล้วมันมีความสุขแล้วมันได้ตังค์ด้วย

เค้ก: เมื่อกี้พูดถึงเรื่องอะไรนะครับ

คิว: เอ้า มึงไม่ฟังอีกแล้วเนี่ย

เค้ก: ถ้าเป็นแฟนเพลงเก่า ๆ ต้องขอบคุณที่โตมาด้วยกัน เรายังได้เห็นเขาอัพเดตรูปใน Facebook เห็นการเติบโตตั้งแต่เขามีแฟนมีลูก อะไรแบบนี้ เราก็ยังเห็นเขามาคอมเมนต์ในโพสของ B5 อยู่ เรารู้สึกว่า มันไม่ใช่แค่เป็นแฟนเพลงที่มากรี๊ด ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เหมือนกับเขาอยากโตไปด้วยกันอะ

เบน: 15 ปีเรายังเจอน้องคนที่เคยมาดูเรา ทุกวันนี้เขาก็โตแล้ว แต่เขาก็ยังมาอยู่นะ ยังอยู่ในชีวิตเรา อยู่มาวันนึงก็มากดไลก์รูปเรา

คิว: จริง ๆ มันมากกว่าการเป็นศิลปินกับแฟนเพลงด้วยซ้ำ เราไปนั่งกินข้าว เจอกันทักทายกัน บางคนก็ซื้อของมาฝาก หรือแม้แต่บางคนก็อาจจะจากพวกเราไปแล้ว เรายังรู้สึกเสียดายที่บางคนมาไม่ได้ มันก็เสียดายจริง ๆ นะ

เค้ก: ส่วนแฟนเพลงใหม่ ๆ เราก็ไม่รู้ว่ามีใครรู้จักพวกเรากันอยู่รึเปล่า เราขอเป็นทางเลือกนึง อยากให้ลองฟังดูวิธีการทำเพลงแบบนี้ร้องเพลงแบบนี้ คุณชอบกันไหม เราหวังว่าคนที่ไม่เคยรู้จักก็อยากจะสนุกไปกับเราด้วย

img_0096

ความรู้สึก ณ ตอนนี้ ตื่นเต้นไหมที่จะได้ไปกลับขึ้นเล่นบนเวทีอีกครั้งแล้ว

เบน: ตื่นเต้น เพราะเมื่อไรจะสัมภาษณ์เสร็จสักที จะได้แต่งตัวแล้ว

โต๋: มันไม่ได้ตื่นเต้นว่าจะเล่นเป็นยังไงนะ มันตื่นเต้นที่เรารู้สึกว่า สุดท้ายมันได้เล่นแล้ว 15 ปีจริง ๆ แล้วใช่ไหม วันนี้สิ่งที่เราเล่นคือ เพลยลิสต์เดิมเหมือน 15 ปีที่แล้วเป๊ะเลย

คิว: ก่อนหน้านี้จะเป็นเราไปโผล่ตามอีเวนต์ ร้องเพลงใหม่บ้าง แต่อันนี้มันคือที่ของเราแล้ว เรากลับมาแล้ว เหมือนพาเขามาเที่ยวบ้านของเราจริง ๆ แล้ว ชิบหายพอเขาเข้าบ้านพวกเราแต่งบ้านสวยรึยัง เขามาแล้วเขาจะมีความสุขไหมอันนี้คือเราไม่รู้เลยว่า หลังจากวินาทีนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

img_0095

ฝาก B5 หน่อย

เบน: แง ไม่น่าพูดประโยคนั้นเลยน้องเขาเลยรีบตัดบทสัมภาษณ์เลย (หัวเราะ) เราทำอัลบั้มนี้ด้วยความสุขครับ เรามีความรู้สึกว่าเวลาทำเพลงตลอดมา สุดท้ายเซนส์เรามันจะบอกว่าเรามีความสุข คนที่เรารับฟังงานของเราจะมีความสุขเช่นกัน ซึ่งอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่มีความสุขมาก ๆ

โต๋: วันนี้เราได้กลับมาร่วมกัน มันไม่ใช่แค่การเจอกันของพวกเรา มันเป็นการเจอกันของกลุ่มที่เราโตมาด้วยกัน

คิว: แม้แต่ทีมงานที่โตมาด้วยกันในงานที่กำลังจะเกิดขึ้นวันนี้ หลาย ๆ คนที่เคยอยู่กับเราตั้งแต่สมัย Bakery Music มันเหมือนเรากลับไปวันนั้น วันที่เราเริ่มต้นกันครั้งแรก

โต๋: อยากให้ทุกคนได้มาเจอกันครับ เพราะว่าอย่างที่ผมบอก ผมว่าความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินและแฟนเพลงมันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก ๆ นะครับ บางคนอาจจะมองว่าการที่เป็นแฟนคลับของวงโน้นวงนี้มันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่จริง ๆ แล้วมันคือ เส้นทางที่คุณมีเพื่อน มีเพื่อนร่วมงาน แฟนเพลงก็คือเพื่อน เป็นส่วนนึงของพวกเราจริง ๆ วันนี้กลับมาแล้วก็อยากให้ทุกคนได้มาเจอกันครับ

เค้ก: ฝากผลงานนี่ล่ะ ทุกคนแฮปปี้ที่ทำมันออกมา ทุกคนตั้งใจว่าจะทำให้มันออกมาสนุก ก็อยากให้แฟนเพลงรับพลังงานดี ๆ เหล่านี้ไปครับ

มาเรียม: ก็ฝาก…..

คิว: ฝากครีมตบนม

มาเรียม: (หัวเราะ) ฝาก B5 ด้วย ฝากติดตามผลงานพวกเราด้วยแล้วกันค่ะ

img_0101

สิ้นสุดหลังการตอบคำถามจบหลังสมาชิกทั้ง 5 คน รีบไปต่อเพื่อแต่งตัวและเดินทางเข้าสู่งานแถลงข่าวของพวกเขาในทันที ทิ้งไว้แต่เพียงความทรงจำดี ๆ และเสียงหัวเราะที่งดงามไว้ให้แก่พวกเราทีมงาน Fungjaizine สุดท้ายนี้สำหรับใครที่ติดตาม B5 อยู่ก็อย่าลืมไปฟังเพลง วีนัส และเตรียมพบกับคอนเสิร์ตใหญ่ของพวกเขาในปีนี้กันนะครับ

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง