Nowadays

ท่องจักรวาล Shibuya-kei ไปกับ Yuri’s Nominee

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Nattanich Chanaritichai

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า Yuri’s Nominee จริง ๆ แล้วเป็นชื่อที่ใช้ในวงการของ แม็ก – พีระ สุขอาษา ศิลปินและนักออกแบบมากความสามารถที่อยู่เบื้องหลังอาร์ตเวิร์กต่าง ๆ ที่ถ้าเราเห็นก็ต้องร้องอ๋อ และสำหรับใครที่สงสัยว่าเขาหายไปไหน วันนี้เราชวนเขามาบอกเล่าเรื่องราวในอดีตให้เราได้หายคิดถึงกัน

1

รู้สึกยังไงที่คนคิดว่า Yuri’s Nominee เป็นผู้หญิง

เราไม่ได้ปิดนะว่าเราเป็นเพศอะไร แค่ตอนนั้นสื่อมันน้อยคนเลยไม่รู้ แล้วก็ตลกดีที่คนอื่นหรือเพื่อนที่มหาลัยคิดว่าเอาผู้หญิงที่ไหนมาร้องวะ พอบอกว่าเราร้องเองมันก็ตกใจ (หัวเราะ) เป็นกิมมิกนึงในการตอบคำถามสัมภาษณ์ช่วงนั้นเหมือนกัน

ไม่ได้ใช้เครื่องมืออื่นช่วย

เพราะเราเป็นคนเสียงเล็กพอขึ้นเสียงสูงก็จะเป็นแบบนั้นเลย ไม่ได้ใช้โปรแกรมอะไร แต่ใช้การ EQ เฉย ๆ

จริง ๆ แล้ว Yuri ในชื่อนี้ไม่ใช่ชื่อคนญี่ปุ่น แต่มาจาก Yuri Gagarin

ช่วงที่ทำ Smallroom 003 ตอนนั้นเราฟรีมาก จะได้ทำเพลงแรก Now I’m Fall In Love ก็อยากได้ซาวด์อวกาศ เลยนึกถึงตอนที่ ยูริ กาการิน ได้ออกไปท่องอวกาศ แล้วเราก็ได้เป็น nominee (ผู้เข้าชิงตำแหน่ง) ไปเท่านั้นเอง ซึ่งเวลาสะกดจริง ๆ มันคือ Yuri’s Nominee ไม่ใช่ชื่อ นามสกุล อย่างที่หลายคนเข้าใจ พอเข้าใจกันผิดเราเลยลวงต่อเลยว่าเป็นชื่อคนญี่ปุ่น แล้วพี่รุ่งก็ชอบเพราะกิมมิกมันเยอะดี

แล้วเข้ามาอยู่ใน Smallroom 003 ได้ยังไง

เหมือนพี่รุ่งจะเซตว่าชุด 001 กับ 002 จะให้เป็นกลุ่มเพื่อนเขา หน้าเก่า ๆ มาทำเพลง พวกวงครับ สี่เต่าเธอ อะไรแบบนี้ พอ 003 มันคือชุด The New Colour พี่รุ่งก็ประกาศหาวงหน้าใหม่ยกเซตเลย แล้วตอนนั้นพี่ป๋า Stargazer เขาเป็นรุ่นพี่เรา อยู่ปีสามก็ต้องฝึกงาน เลยจะส่งจดหมายไปฝึกงานที่สมอลรูม ออฟฟิศสมอลรูมตอนนั้นอยู่ที่ The Racquet Club สุขุมวิท 49 ยังมี 3 คน เป็นห้องเล็ก ๆ อยู่เลย คือพี่ป๋าเรียน ม.บูรพา อยู่ชลบุรี แต่บางทีก็ไม่เข้าเรียน ชอบหนีกลับมาอยู่กรุงเทพ ฯ มาทำงานที่บ้าน ตอนนั้นเขาก็มาถามเราว่า เฮ้ย แม็ก มีเพลงมั้ย export มาหน่อยเผื่อเอาให้พี่เขาฟัง แล้วเราก็ไปด้วยกัน พอพี่เจ พี่เชาว์เขาฟังเพลงเขาบอก เฮ้ย มีแวว รสนิยมน่าจะอยู่ในชุดต่อไปได้ แต่ต้องกลับไปพัฒนานะ อันนี้ยังไม่ผ่าน เราก็กลับไปพัฒนามาเป็นปี ทำเดโม่งู ๆ ปลา ๆ ส่งไปแล้วเราก็ได้รับเลือก สุดท้ายพี่ป๋าก็ไม่ได้ฝึกงาน แต่เขาจะให้เรากับพี่ป๋ามาดูโอ้กัน เลยค่อยมาเป็น Stargazer ทีนี้พอพี่ป๋าเรียนจบ เขารู้สึกว่าทำตรงนี้ไม่ไหว ต้องใช้ชีวิต ต้องไปทำงานก่อน ส่วนเรายังเรียนอยู่ ยังสนุกที่ได้ทำเพลง เราก็เลยบอกพี่รุ่งว่าพี่ป๋าเขาขอแยก พี่รุ่งก็เลยว่า งั้นมึงทำคนเดียวแล้วกลับไปคิดชื่อวงใหม่ (หัวเราะ) ชื่อเดิมเราก็ให้พี่ป๋าไปเลย ส่วนเราก็ใช้ชื่อใหม่คือ Yuri’s Nominee พร้อมเพลงใหม่ที่จะอยู่ในชุด 003

2

ตั้งใจทำ electronic pop อยู่แล้วหรือเปล่า

ใช่ครับ ตอนนั้นฟังวงญี่ปุ่นเยอะ มันเป็นยุคที่ Shibuya-kei เริ่มเข้ามา แต่ที่ญี่ปุ่นเขาเริ่มซา ๆ ไปแล้วนะ ปกติแหละที่บ้านเราจะดีเลย์กว่าเขานิดนึง ซึ่งเราก็จะซึมซับ Hideki Kaji, Pizzicato Five, Fantastic Plastic Machine, Cornelius ยุโรปยังมีแค่ Tahiti 80 เป็นช่วงชีวิตที่ฟังแต่อะไรแบบนี้ แต่ไม่ได้หมกมุ่นกับมันขนาดนั้น แค่ไม่มีอะไรสนุกที่จะฟัง เราไม่ชอบฟังที่แมสจัด ๆ เพราะป๊อปในอินดี้มันมีความดีงามของมันอยู่ มีการทดลอง มีความสนุก เราอยากทดลองเยอะ ๆ แบบนั้นบ้าง แล้วก็คิดคอนเซปต์ให้เป็นซาวด์อวกาศเพราะชอบเรื่องดวงดาว ตั้งแต่ตั้งชื่อวง Stargazer แล้ว อยากให้ลอย ๆ เพลงในยุคนั้นมีน้อย

Shibuya-kei คืออะไร

จริง ๆ มันไม่ใช่แนวเพลง แต่เป็น subculture ที่ในนั้นจะมีบางวงเป็นดนตรีแบบ Swedish pop พวก Hideki Kaji, Kahimi Karie หรือที่เป็น lounge อย่าง Pizzicato Five นี่ electro-lounge เลย บางเพลงก็ traditional lounge แบบโบราณ ไม่ก็เปิดลูปกลองเลย บางวงก็มีเป็น hiphop, ska punk ซึ่งมันมีหลากหลาย แต่พอมันอยู่ในซีนนั้นก็เรียกรวม ๆ ว่าเป็น Shibuya-kei เพราะก็เป็นกลุ่มคนดนตรีทางเลือกเหมือนเด็กแนวบ้านเราแหละ ถ้าเคยดูหนังเรื่อง Detroit Metal City ตัวพระเอกทำเพลง Swedish pop ที่มี Hideki Kaji เป็นพ่อ แต่มันก็มีองค์พ่ออีกหลายองค์ ถ้าอย่างเรากับเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่จะเป็น Cornelius มากกว่า เพราะเราไม่ชอบหน่อมแน้ม ชอบซ่า ๆ นิดนึง บางเพลงก็ hiphop แล้วมีความเป็นอวกาศกว่าอย่างเพลง Star Fruits Surf Rider ถ้าเป็น Hideki Kaji มันจะออกแนว Kinfolk, zakka มากกว่า

แล้วมันมีสเน่ห์ยังไง

มันทำให้เรารู้ว่า เพลงป๊อปมันเรียบเรียงแบบนี้ได้ด้วยหรอวะ มันไม่ใช่แค่ verse bridge hook เรียงกัน บางทีอยู่ ๆ ก็วาร์ปไปอีกท่อน วงที่ชอบที่สุดในยุคนั้นชื่อ Plus-Tech Squeeze Box เพราะบางเพลงมันขึ้นมาแบบออเคสตร้าเลย แล้วก็ขึ้นบีทแบบอิเล็กทรอนิก ไม่ได้ตึ๊ด หรือเต้นรำนะ มันฟังแล้วรู้สึกทั้งหรู ซน แล้วสนุก ก็อยากทำแบบนั้นบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะก็อปนะ อยากเกาะแนวทางแล้วลองทำของตัวเองดู

แสดงว่าตอนได้ทำชุด Flipper’s Player ต้องแฮปปี้มาก

แฮปปี้มากเลยครับ ตอนนั้นพี่รุ่งเดินมาหาเราคนแรกเลย ไอ้แม็ก คัฟเวอร์ Flipper’s Guitar (วงสไตล์ Shibuya-kei) ต้องมึงแล้วล่ะ เราทิ้งงานกราฟฟิกตรงหน้าแล้วเข้าไปประชุมเลย (หัวเราะ) เขาให้เราเลือกเพลงแล้วให้ช่วยเลือกให้คนอื่นด้วย เพราะคนอื่นอาจจะไม่ได้ฟังลึกเท่าเราเลยให้เรานำ ก็ดีใจ

หลังจากนั้นก็ทำ EP album ออกมา

เหมือนคนรอเราจากที่ทำในชุด 003 แล้วก็มาคัฟเวอร์วงครับในชุด 004 remix ให้ Cyndi Seui จนโดนถามว่าเมื่อไหร่จะออกอัลบั้ม ก็เลยได้ฤกษ์ออก 5 เพลง มี mv โปรโมท ได้เข้า Fat Radio ได้ไปรายการทีวีช่องต่าง ๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีเลย แทบไม่ได้เล่นสดเลย จริง ๆ เราก็ปิดตัวเองด้วยแหละ ตอนนั้นมีหลายงานที่ถามเข้ามาแล้วเราขอไม่ไปได้ไหม (หัวเราะ) แล้วก็แสดงออกไม่เก่ง ยิ่งเมื่อก่อนยิ่งหนักกว่านี้อีก จะไม่มีการมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้หรอก ตอนนั้นสัมภาษณ์ a day เป็นที่แรก เขาถามเราว่าทำไมพี่นั่งเกร็งจัง ถามคำตอบคำ (หัวเราะ) มานึกกลับไปเราก็ทื่อจริง ๆ แหละ ตอนนี้ทักษะการเข้าสังคมน่าจะดีขึ้นแล้วแหละ ถึงจะยังดูงง ๆ อยู่

3

ตอนอยู่ที่สมอลรูมก็ทำงานเป็นกราฟฟิกดีไซเนอร์ไปด้วย

ใช่ครับ แต่เข้าสมอลรูมมาทำเพลงโฆษณาก่อน เป็นผู้ช่วยประกบพี่ต้า Cyndi Seui สมอลรูมช่วงนั้นยังไม่ค่อยมีงานกราฟฟิก ปีสองปีจะมีปกอัลบั้มนึงให้ทำ แล้วพี่ที่ทำกราฟฟิกของสมอลรูมเขาออกพอดีเราก็ได้ไปช่วย แต่พอถึงยุคงานเยอะแบบที่พี่รุ่งแพลนแล้วว่าต้องทำกี่อัลบั้มต่อปี มีวงต่าง ๆ เข้ามา ก็ขอพี่รุ่งไปทำกราฟฟิกอย่างเดียวแล้วกัน เขาก็ยอม

ช่วงหลังมาก็ทำงานกับพี่ต้าตลอด

เหมือนเจอเพื่อนทางดนตรี แบบ เราพูดชื่อวงนึงไปแล้วพี่ต้าว่า มีแค่มึงกับไอเจ มณฑล นั่นแหละที่พูดชื่อนี้ให้กูได้ยิน เพราะพี่เจ พี่รุ่ง บางวงเขาก็ไม่ฟังเลย ครับ พอมาเจอแบบนี้บ่อย ๆ ก็เริ่มซี้กันแล้ว เหมือนเห็นความดีงามที่ไปเจอวงแบบนี้มาได้ยังไง มีหลายคนที่เจอแล้วพูด keyword ทางดนตรีขึ้นมาแล้วเราสปาร์กกันเลย เพราะยุคนั้นยังไม่มีเน็ตด้วย เจอได้นี่เก่งมาก ตัวจริงอยู่

เคยคิดไหมว่ากระแส Shibuya-kei บ้านเขายังซบเซา แล้วเพลงของเราจะหมดความนิยมในช่วงหนึ่ง

ไม่คิดขนาดนั้น เพราะจากตัวเองเรายังตามฟังเพลงเก่าอยู่เลย ตอนนี้ยังฟังไม่หมดเลยนะ ไม่ว่าจะเพลงไทย เพลงญี่ปุ่น เราไม่ได้ทำเพลงในกระแสอะไรอยู่แล้ว เราก็ปล่อยให้มันลอยอยู่อย่างนั้นให้คนวิ่งเข้ามาหาฟังเอง เหมือนเราฟังเพลงวง Moor ที่จนป่านนี้มันยังไม่เก่าเลยอะ นั่นแหละ แค่คนอาจจะบ่นคิดถึงซาวด์แบบนี้

เคยอยากเปลี่ยนแนวเพลงตัวเองไหม

มันแค่ปรับมากกว่า อย่างตอนทำ Kitsch Cat กับพี่ต้าก็อยากปรับให้มันสนุกขึ้น เป็นแนว club scene แล้ว แต่ก็ยังคงความเป็นโครงสร้างเพลงป๊อปที่สุดในแก๊งอยู่ เพลงจะมีความเป็น verse, bridge, hook ปกติ

4

ทำไมไม่ทำ Yuri’s Nominee ต่อ แต่มาทำ Kitsch Cat

เป็นการรวมแก๊งกันมากกว่า เหมือนตอนนั้นออกจากสมอลรูมแล้วเพราะช่วงนั้นเขาเริ่มมาแมสละ เริ่มมีการแพลนฟอร์มแบบค่ายใหญ่แล้ว จริง ๆ ที่ทางมันก็มีอยู่แหละสำหรับวงที่จะแทรก ๆ เข้ามา แต่เราตัดสินใจมาทำ Kitsch Cat กับพี่ต้าดีกว่า ตอนนั้นพี่ต้าก็ยังไม่ได้ลาออก ก็พรีเซนต์พี่รุ่งทุกอย่างว่าตอนนี้ผมกับไอ้แม็กกำลังทำอันนี้อยู่ เขาก็รับรู้ตลอด เหมือนดู ๆ งานกันว่าน้อง ๆ ทำอะไรถึงไหนกันแล้ว ก็สนุกดี ซึ่งทำออกมาแล้วก็ดีนะ มันชัดกว่าตอนมันเป็น paper disc

แล้ว CLUBPOPP ก็คือคนเดียวกันกับ Yuri’s Nominee

เปลี่ยนชื่อเฉย ๆ ต่อไปนี้คิดว่า CLUBPOPP จะไม่มีเพลงอย่าง ไม่มีอะไรใหม่ แล้ว ที่เป็นเปียโนใส ๆ ภาพแบบแสงแดดอบอุ่นอะไรแบบนั้น ส่วนตัวใน EP นั้น ทั้ง 5 เพลงถ้าดูดี ๆ จะเป็นการทดลองโยนหินถามทางหมดเลย ถ้ามองตามความเป็นจริง ไม่มีอะไรใหม่ เหมือนเป็น acoustic ของเรา เพลงแบบ ก็รู้อยู่แก่ใจ เป็น electronic เพลง รอแปปนึง ก็เป็น พังก์ ๆ หน่อย นอกนั้นเป็น power pop แต่ว่าคนก็ไม่รู้สึกว่า 5 เพลงนี้มัน contrast กันเพราะมันยังมีความเป็นเรา แต่พอมาเป็น CLUBPOPP แล้วเนี่ย เราว่าสิ่งที่เราชอบที่สุดในงานที่ทำมาทั้งหมดคือเพลง ก็รู้อยู่แก่ใจ ซึ่งเป็น club pop อย่าง Moor – แต่งงาน หรืออย่าง P.O.Pอยากหลับตา มันก็คือเพลงป๊อปในคลับแบบมีบีทให้เต้นได้ มันมี compilation ของค่ายเพลงเยอรมันชื่อ Sushi 3003 กับ Sushi 4004 มันจะมีคำโปรยว่า “a compilation of Japanese club pop” ซึ่งในนี้มันจะมีเพลงที่เขาเลือก Shibuya-kei ที่มีความเป็น club pop จากญี่ปุ่นมารวมกัน ซึ่งมันก็คือ Fantastic Plastic Machine, Cornelius ที่มันเป็นประเภทนี้ แล้วเราก็ชอบไอเดียจากคำว่า club pop เนี่ยแหละ เลยคิดว่าสักวันนึงต้องใช้ (หัวเราะ) มันคือคำนำทางมาตลอด กราฟฟิกก็เปลี่ยนจากที่มัน vintage ให้มันมีความเข้ากันกับ keyword club pop ทั้งภาพและเสียง ตอนนั้นทำงานออกแบบก็ใช้ชื่อ Peera ทำงานเพลงก็ใช้ Yuri’s Nominee ก็เลยอยากใช้อันเดียวให้มันจบ ๆ ไปเลยเปลี่ยนชื่อด้วยเลย

5

ตอนหลังก็ไปร่วมงานกับ Superrzaaap

ออกจากสมอลรูมมาเป็นฟรีแลนซ์ได้พักนึง ก็ใช้ชื่อจริงทำปกไป (หัวเราะ) แล้วพอเข้ามาทำ Superrzaaap ประจำก็คิดว่ามันต้องสร้างสไตล์แล้ว เหมือนอยากให้คนจำได้ทั้งแบรนด์ของ Superrzaaap และตัวเราเอง ก็เลยคิดสไตล์ขึ้นมาและจะทำอันนี้ไปตลอด

สไตล์ตรงนี้ได้อิทธิพลมาจากอะไร

มันเป็นกราฟฟิกแบบเกรดบีของยุค 80s สมมติเราเปิดหนังสือ illustration หรือ graphic mannual ปี ’87 มันก็จะอยู่ในหน้าที่เราจะเปิดผ่าน ๆ ตอนสมัยเราเรียน แล้วสมมติในนั้นมันจะมีเป็น portfolio ของนักออกแบบคนนึง เราก็จะเจอมันอยู่แค่ในกรอบเล็ก ๆ ของหน้านั้น พวกเส้นสี ๆ เจอแล้วก็มองผ่าน พอตอนหลังเรามาเจอก็คิดว่าในยุคนี้ไม่ค่อยมีใครทำกันนะ มันไม่ใช่ของใหม่เลย แค่หยิบอดีตที่คนไม่ค่อยเห็นมาทำ มันเลยแตกต่างในยุคนี้ ตอนนี้คนก็โหยหาอดีตกันด้วย แต่เดี๋ยวพอมันเยอะ ๆ ก็จะเกร่อ แต่ช่วงนี้ก็คิดว่ามันน่าจะไปได้เรื่อย ๆ ดี

6

คิดยังไงที่กระแส 80s ฟีเวอร์มากในช่วงที่ผ่านมา

มีการตีความ 80s ได้หลายแบบ บางคนก็ยังอยู่แต่กับคิวบิก สเกตบอร์ดอยู่เลย แต่เราอยากไป 80s อีกทางที่โตกว่านี้ เป็นแบบวัยรุ่นยุคนั้น ส่วนเรื่องแนวเพลงเราชอบนะ คือพอมันย้อนกลับมาเป็นแบบยุคนี้ก็สนุกดี

คิดว่ายังหา originality ในเพลงสไตล์ 80s ได้อยู่ไหม

ตอนนี้เราว่ามันแข่งกันที่ study แล้วล่ะ ทำเพลงแนว 80s ให้ถึงไม่ถึงมันอยู่ที่การศึกษาแนวเพลงละ มันไม่น่าจะสร้างขึ้นมาได้เอง อย่าง นะ Polycat ก็ใช้เวลาทำการบ้าน ฟังแผ่นเสียงอะไรของมันมา 3 ปีนะ น้องมันเก่ง ส่วนตัวคิดว่าแนวนี้ไม่น่าจะอยู่ยาว แต่ตัวจริงจะยังอยู่ไปได้เรื่อย ๆ แหละ เพราะตอนนี้คนเริ่ม 90s กันแล้ว (หัวเราะ)

จะได้ฟังงานใหม่ ๆ หรือยัง

ทำอัลบั้มอยู่ครับ บอกพี่ต้าไว้ว่าน่าจะได้ปลายปี คือยังไม่รู้เลยว่าอยากโปรโมตแบบยุคนี้ดีไหมที่ออกมาทีละเพลง แต่เราเป็นคนยุคนั้นอะ ที่พลังมันมาด้วยความตู้มที่เดียว 10 เพลงรวด เพลงในอัลบั้มก็จะเป็นเพลงประมาณ ก็รู้อยู่แก่ใจ แต่อาจจะมีความ weird กว่าบ้าง เพราะเราก็ทดลองอะไรมากขึ้น

ตั้งใจจะทำอะไรอื่น ๆ อีกในอนาคต

อยากทำ exhibition แสดงงาน ซึ่งเพื่อนก็บอกว่ามึงทำได้อยู่แล้ว แค่คิดขึ้นมาเถอะ เพื่อนซัพพอร์ตเยอะ มีที่ มีอะไร ช่วยหาสปอนเซอร์ อยู่ที่ตัวเราแล้วว่าจะเล่าอะไรดี แต่โปรเจคนี้ไกลกว่าทำเพลงอีก (หัวเราะ) ทุกวันนี้ทำเพลงเยอะกว่า

7

ฝากถึงแฟน ๆ ให้หายคิดถึง

จริง ๆ ถ้าเป็นคนที่ติดตามอยู่แล้วก็จะเจอเราตามอินสตาแกรม เฟสบุ๊กอยู่แล้ว ไม่คิดว่าเราหายไปไหนหรอก แค่ไม่มีเพลงให้ฟัง (หัวเราะ) แต่ทุกวันนี้ยังโพสต์เพลงแบบที่เราชอบให้ฟังอยู่ ยังเห็นงานกราฟฟิกของเราอยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะคิดถึงเราขนาดไหน มันจะมีคนที่ลืมไปเลยว่าเคยมีชื่อนี้อยู่ กับคนที่อยู่ในโซเชียลด้วยกันอยู่แล้ว จะมีด้วยกันสองพวก แค่นั้นเอง งั้นบอกละกันว่า ยังอยู่นะครับ

ติดตามความเคลื่อนไหวของ CLUBPOPP ได้ที่นี่ และอัพเดทอีเวนต์ของ Superrzaaap ได้ทางนี้ ส่วนเพลงของ Yuri’s Nominee บนฟังใจ กดฟังได้จากตรงนี้เลย

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้