Bad Witch งานชุดล่าสุดจาก Nine Inch Nails สองเทพแห่ง Industrial Rock
- Writer: Montipa Virojpan
เมื่อเดือนก่อน วงร็อกในตำนานอย่าง Nine Inch Nails นำทีมโดย Trent Reznor และ Atticus Ross ศิลปินและนักทำเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกดนตรี industrial rock ได้กลับมาพร้อมกับมินิอัลบั้มที่อัดแน่นไปด้วยเพลงจังหวะเร้ารุนแรง หลากอารมณ์ แต่ดิบกร้านท้าทายโสตประสาทกันสุด ๆ จำนวน 6 เพลงถ้วน ใน Bad Witch ซึ่งนับเป็นชิ้นสุดท้ายของไตรภาค ร่วมกับสองอัลบั้มก่อนหน้า Not the Actual Events และ Add Violence
งานชุดนี้เป็นมินิอัลบั้มชุดที่สามในรอบสองปีของพวกเขาที่ปล่อยออกมาให้เราได้ฟังกัน และแทบจะเป็นเซอร์ไพรส์ในทุกครั้ง โดยเฉพาะกับครั้งนี้ที่ทั้ง 6 เพลงเป็นการสลับอารมณ์แบบคาดเดาไม่ได้ มีทั้งเพลงที่เป็นเสียงร้องนุ่ม ๆ สะกดทุกสรรพสิ่งแต่ไม่ลืมที่จะฝากบีตหนัก ๆ ไว้ด้วย ไปจนถึงเพลงที่เป็น instrumental เพียว ๆ ทั้งแบบท่วงทำนองย่องพอให้โยกได้และแบบบ้าคลั่ง แทรกเอเลเมนต์ของเครื่องเป่าและซินธ์เพื่อเพิ่มความพิศวงให้กับตัวเพลง หรือการมีลูปอิเล็กทรอนิกเท่ ๆ ในเบสและกัตาร์หนักหน่วง ก็เป็นสีสันที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับ Bad Witch หากใครชอบความเป็นลูกผสมของดนตรีอิเล็กทรอนิก ร็อก และแจ๊ส หลงใหลในบรรยากาศดำมืดลึกลับ แต่มีเศษเสี้ยวของความมีรสนิยมซุกซ่อนอยู่ในความป่าเถื่อน อัลบั้มนี้คงเป็นอีกงานชุดโปรดของคุณ
เริ่มกันที่เพลงแรกของอัลบั้ม Shit Mirror การตะโกนร้องอย่างกราดเกรี้ยวและเสียงดนตรีแตกพร่า กับรายละเอียด lo-fi ที่ถูกบีบและระเบิดออกในท่อนคอรัสพร้อมด้วยท่วงทำนองสว่าง ๆ ความสนุกของเพลงนี้คือเสียงตบมือกับบีตกลองที่จะได้ยินอยู่เป็นพัก ๆ กับท่อนเวิร์สสองที่จะมีเสียงกีตาร์พุ่ง ๆ สอดแรกอยู่เป็นช่วง ๆ ก่อนจะตัดจบให้อารมณ์ความมันของเราค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น เหมือนหลอกว่าเพลงจบแล้วแต่ก็เริ่มท่อนเคาะหนัก ๆ กันอีกรอบพร้อมการบิดเอฟเฟกต์สุดปั่นป่วนในตอนท้าย
เชื่อมมาที่เพลง Ahead of Ourselves แบบแทบจะไร้รอยต่อ เหมือนจะเป็นลูกครึ่งระหว่างพังก์ร็อกกับดรัมแอนด์เบสด้วยความหนักของดนตรีในท่อนฮุกกับเพลงที่ใช้ลูปกลองเป็นจุดเด่น เป็นการร้องกึ่งแร็ปและมีท่อนจำเป็นชื่อของเพลง เพิ่มลูกเล่นการส่งกลองในเวิร์สสองก่อนเข้าฮุกพุ่งพล่านกันอีกรอบชนิดที่ว่าทำเอาใจเราตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
จุดระเบิดกันต่อที่ Play the Goddamned Part กับเสียงโครมครามของโมดูลอนาล็อกดิบกร้าน ทำนองเบสเร้าอารมณ์ผนวกเข้าไว้กับซาวด์ซินธ์สร้างบรรยากาศเคว้งคว้าง และเพิ่มมาด้วยไลน์เมโลดี้ของแซ็กโซโฟนที่ Reznor บรรเลงเอง กับไลน์ต่าง ๆ ของสารพัดเครื่องเป่าสอดประสานกันและบิลด์อารมณ์อย่างค่อยเป็นค่อยไปให้เรางงงวยกับการอิมโพรไวส์ในช่วงท้าย ก่อนจะกลับมาเน้นที่พาร์ตเครื่องเคาะพร้อมกับให้คีย์บอร์ดเป็นตัวเดินทำนองหลักสุดจะติดหู
ถึงคิวของเพลงโปรโมตอัลบั้มสำหรับ God Break Down the Door เพลงนี้เหมือนเป็นส่วนผสมของแทร็คที่สองและสาม อาจเรียกได้ว่าเป็น space jazz ที่มีการใช้เสียงเครื่องเคาะคล้ายไซโลโฟนกับเสียงของเครื่องเป่าทุ้มต่ำ แน่นอนว่าลูปกลองสุดเร้าอารมณ์นี้จะทำให้เราเผลอผงกหัวตาม ไลน์กีตาร์เท่ ๆ โผล่มาทักทายเป็นพัก ๆ ปะปนไปกับเสียงซินธ์สุดว้าวุ่นจนจบเพลง แต่หักล้างกันด้วยการร้องด้วยเสียงเนิบนาบสะกดอารมณ์ การประสานเสียงกันและไลน์เบสแตก ๆ ช่วงท้ายเพลงที่มีลีดกีตาร์แหลมขึ้นมาด้วยนี่เซ็กซี่ชะมัด
I’m Not From This World ใช่ พวกคุณไม่ได้มาจากโลกนี้แน่ถึงสามารถเขียนเพลงพวกนี้ออกมาได้ เปิดกันด้วยอินโทรเหมือนกำลังท่องอวกาศในภารกิจสุดอันตราย ทุกสิ่งที่คุณน่าจะได้ยินในหนัง thriller sci-fi มาปรากฏรวมกันที่นี่ ตั้งแต่เสียงเครื่องรับสัญญาณ เสียงคลื่นรบกวน เสียงวัตถุบินโฉบผ่านเบื้องบน จังหวะเร้าทุ้มต่ำประหนึ่งการโจมตีจากนอกโลกที่เป็นอันตราย
ปิดท้ายกันด้วยเพลงที่อาจเรียกได้ว่าฟังง่ายสุดในบรรดาหกเพลงนี้แล้ว Over and Out เพลงจังหวะกลาง ๆ กึ่ง ๆ ดั๊บ ด้วยการใช้เบสเป็นทำนองหลักและมีไลน์กรูฟ ๆ ชวนโยก กับบีตดรัมแมชชีนที่ทำให้กระดิกเท้าตามและเสียงซินธ์ใส ๆ ง้องแง้งผลุบโผล่มาสร้างสีสันระคนเสียงเครื่องเป่าที่ดูจะเป็นพระเอกของอัลบั้มนี้ เมื่อท่อนร้องที่ร้องว่า ‘Time is running out…’ ขึ้นมาในรอบสองและการประสานเสียงคนละไลน์อันนี้ก็ทำเอาเราไปไม่เป็นกับความทรงเสน่ห์ตรงนี้ ยังไม่รวมถึงเสียงคอรัสเมา ๆ ที่คลอไปตลอดช่วงกลางเพลงเป็นตัวเติมเต็มให้เพลงนี้ออกมาดูมีมาด แต่ไม่ลืมที่จะซัดนอยซ์เพิ่มความดิบให้ไม่ทิ้งลายความ industrial จนเกินไป
ถ้าใครฟังจบอัลบั้มนี้แล้วยังไม่หนำใจ หรือติดใจจนอยากดูโชว์อันทรงพลังของพวกเขาสด ๆ ไปเจอกันได้ที่ Singha Music presents Nine Inch Nails Live in Bangkok 14 สิงหาคม 2561 ที่ Moonstar Studio บัตรราคา 3,000 จำหน่ายแล้ววันนี้ที่ www.ticketmelon.com
