Article Story

เจ้าหญิงคนต่อไป เพลงเปลี่ยนประวัติศาสตร์ป๊อปต้นยุค 2000s จาก Blissonic

  • Writer: Montipa Virojpan

ตอนประมาณ .6 ที่ตอนนั้นก็ไม่น่าจะรู้จักแนวเพลงอะไรมาก วันนึงก็มีโอกาสได้ฟังเพลง เจ้าหญิงคนต่อไป ของวง Blissonic ซึ่งในการฟังครั้งแรกมันทำให้เราเกิดนึกสนุกอะไรขึ้นมาไม่รู้พยายามท่องเนื้อเพลงให้ได้ และกลายมาเป็น challenge ระหว่างเรากับเพื่อน ในห้องว่าใครจะร้องเพลงนี้ได้เป๊ะกว่ากัน

จนโตขึ้นมาอีกหน่อย เราพบว่าเรายังสามารถจำเนื้อเพลงเพลงนี้ได้อย่างแม่นยำ และเอาไปร้องต่อกับเพื่อน ในชั้นเรียนที่โตขึ้น พลางนึกสงสัยว่าอะไรที่ทำให้เพลงแปลก เพลงนี้ยังติดอยู่ในหัวเราแบบแกะไม่ออก จะว่าด้วยความที่เป็นเนื้อเพลงที่เหมือนเล่านิทานไปเรื่อย ให้เราคอยตามต่อว่าเหตุการจะเป็นยังไงและไปสิ้นสุดอยู่ตรงไหน แล้วสะพรึงกับพล็อตทวิสต์ที่ตอนเด็ก น่าจะคิดว่าจบแบบนี้ก็ได้หรอรวมถึงมิวสิกวิดิโอที่เป็นแอนิเมชันลายเส้นที่ไม่ค่อยเห็นใครเขาทำกันในยุคนั้น เราก็ไม่น่าจะชอบได้รึเปล่าวะ

กระทั่งโตขึ้นมาพอจะแยกแยะอะไรต่าง ได้ดีขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตขัดเกลาหล่อหลอมจนเป็นคนแบบนี้มาได้สักพัก เรากลับไปตั้งใจฟัง เจ้าหญิงคนต่อไป และมาระลึกได้ว่าดนตรีแบบนี้มันเรียกว่า trip hop หรือ Bristol sound เพราะตอนนั้นได้มารู้จักวง Massive Attack หรือ Potishead ที่ทำเพลงประมาณนี้พอดีและเราก็หลงรักซาวด์ดนตรีแบบนี้มาก ว่ากันตามตรงเพลงแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นแนวเพลงที่ใหม่อะไรในยุคนั้นเพราะเขาทำกันมาตั้งแต่ 90s แล้ว แต่สำหรับวงการเพลงไทยเมนสตรีมเราว่ายังไม่ค่อยมีใครทำ และ Blissonic ก็เป็นวงแรก ที่สามารถนำแนวเพลงนี้มาให้เป็นที่รู้จักในหมู่มวลมหาประชาชนคนฟังทั่วไปได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น พอมาและทำความเข้าใจเนื้อเพลง และนั่งดูมิวสิกวิดิโอนั้นอย่างตั้งใจอีกครั้ง และต้องอุทานออกมาดัง ว่าเชี่ย เพลงนี้แม่งโคตร feminist’ และมาก่อนกาลมาก เพราะมั่นใจเหลือเกินว่าสมัยนั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหวสตรีนิยมเท่าไหร่

มาอ่านนิทานเรื่อง เจ้าหญิงคนต่อไป กันดีกว่า

เนิ่นนานที่ฉันยังแปลกใจเหตุใดเจ้าหญิงต้องรอเจ้าชาย

แล้ววันหนึ่งตัวฉันได้มีโอกาสได้เดินเข้าไป
ข้างในปราสาทที่มีเจ้าหญิงถูกขังอยู่บนหอคอย
ด้วยเวทมนตร์ที่เหมือนไม่มีเหตุผลของใครสักคนและต้องทุกข์ทน
จนกว่าที่จะมีใคร ใครสักคน
ต้องทนอีกนานแค่ไหน ต้องทนอีกนานเท่าไหร่

แล้ววันหนึ่งก็มีเจ้าชาย ที่ไม่เกรงกลัวกับอันตราย
กวัดแกว่งดาบคู่กายหมายจะทำลายคำสาป
ทันใดที่เจ้าหญิงได้ยินดังนั้นก็วิ่งออกไป ที่ริมระเบียง
หวังเพียงที่จะได้พบเจ้าชายที่รอมาแสนนาน
การรอคอยคงจบวันนี้ พอทีกับความทรมาน

เจ้าหญิงรอคอยเจ้าชายอยู่บนนี้ เจ้าชายมาเนิ่นนานเต็มที
วันนี้จะเป็นวันสุดท้าย วันที่เวทมนตร์หมดความหมาย
วันที่จะไปจากหอคอยนี้ได้ ขึ้นอยู่กับเจ้าชาย

เจ้าชายรูปงามไม่กลัวปีศาจร้าย มีทั้งกายและใจที่เข้มแข็ง
ปีศาจร้ายกำลังเริ่มอ่อนแรง ถูกแทงเข้าตรงกลางหัวใจ
เจ้าหญิงตะโกนเธอรออยู่บนนี้ เจ้าชายแหงนมองขึ้นมาในทันใด
ปีศาจร้ายยังไม่ทันจะสิ้นใจ ลอบทำร้ายเจ้าชายในทันใด
และแล้วเรื่องราวมันเริ่มเลวร้าย จากรอยยิ้มที่เคยมีเริ่มจางหาย
เลือดไหลซึมออกจากกาย เจ้าชายทรุดลงตรงพื้นดิน
เจ้าหญิงนิ่งไปในทันใด เจ้าหญิงจะทำอย่างไรต่อจากนี้
เจ้าหญิงจะทำอย่างไรต่อไปดี เมื่อไม่มีเจ้าชาย
เจ้าหญิงจะไม่รอคอยเจ้าชายแล้ว จะไม่รอคอยอยู่บนนี้
จะข้ามกำแพงเพื่อจะไปหา เจ้าหญิงกำลังจะไปหา
กำลังจะเดินทางข้ามนภา ไปหาเจ้าชาย

และเรื่องนี้ก็เดินมาจนวันสุดท้าย ไม่เหลือเจ้าหญิงเจ้าชายแล้ว
ไม่เหลืออะไรนอกจากตัวฉัน ที่ยืนมองดูอยู่บนนี้
อยู่บนหอคอยที่ไม่มีทางออก ไม่มีทางออก

เนิ่นนานที่ฉันยังแปลกใจเหตุใดเจ้าหญิงต้องรอเจ้าชาย

เพลง เจ้าหญิงคนต่อไป สะกดเราได้ตั้งแต่ท่อนแรกของเพลงที่ร้องว่า ‘เนิ่นนานที่ฉันยังแปลกใจเหตุใดเจ้าหญิงต้องรอเจ้าชาย’ และแม้ตอนจบก็ยังจบด้วยเนื้อร้องเดียวกัน ซึ่งมันเป็นอะไรที่เท่มาก หลังจากพาเราไปฟังการผจญภัยของเจ้าหญิงผู้อาภัพ เรื่องราวดำเนินไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีท่อนคอรัสให้ร้องซ้ำแล้ววนลูปกลับมาขมวดปมแบบนี้ได้ ซึ่งถ้าเราฟังเพลงไปเพลิน แบบไม่คิดอะไรก็จะพบว่านี่เป็นนิทานที่สนุกทีเดียว แค่มันจะขัดกับตอนเด็ก  ที่เราโตมากับนิทานเจ้าหญิงดิสนีย์ ที่เขาหยิบเอาเค้าโครงเรื่องของเทพนิยายกริมม์สุดโหดมาลดทอนจนเป็นเทพนิยายโรแมนติกหวานแหวว ซึ่งสิ่งนั้นมันหลอกลวงเราจากความเป็นจริงอันโหดร้ายไปมากเจ้าหญิงเลอโฉมผู้อ่อนหวาน ตกอยู่ในอันตรายจากแม่มดร้าย แล้วสุดท้ายต้องมีเจ้าชายรูปงามขี่ม้าขาวมาช่วยน้องนีทั้งหลายอย่าปฏิเสธเลยค่ะว่าไม่เคยมโนว่าวันนึงแกต้องได้เคียงคู่กับเจ้าชาย เพราะฉันก็เป็น

ซึ่ง เจ้าหญิงคนต่อไป ก็ทำแสบมากที่ทำลายความเชื่อนั้นลง ด้วยการบอกว่าเจ้าหญิงไม่จำเป็นต้องรอเจ้าชายเสมอไปหากฟังและตีความไปพร้อม กันจะพบว่านี่คือแนวคิดที่สาว รุ่นหลังเราจะคิดกันได้แล้ว ว่าหล่อนสตรองได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอขอความช่วยเหลือใครเพราะท้ายที่สุดแล้วความช่วยเหลือนั้นอาจจะไม่เวิร์ก ในกรณีที่เราตีความให้เจ้าชายเป็นเป้าหมายในชีวิต ที่ถ้ามามัวรอโชคชะตาก็อาจจะไม่สำเร็จเท่าเริ่มลงมือทำซะเอง กับอีกแง่ก็คือ ถ้าหล่อนอยากมีเจ้าชาย หล่อนก็ออกไปหาเองสิ นี่มันยุคไหนแล้วคะ มานั่งรอเก้อเหนียมอายบางทีผู้ชายเขาก็ไม่รู้ หรือเฮ้ย มันอาจจะไม่มีเจ้าหญิงเจ้าชายอะไรเทือกนั้นแต่แรก มีแต่คนที่ยังเห็นภาพฝันสวยงามของเจ้าหญิงเจ้าชายที่หลอกหลอนเรามาตั้งแต่เด็กเลยทำให้ติดอยู่กับความเชื่อนั้นและหวังว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองสักวัน และถ้าวันนึงคิดได้ก็อาจจะเกิดคำถามตลก กับตัวเองว่าเหตุใดเจ้าหญิงต้องรอเจ้าชาย?’

มิวสิกวิดิโอก็เรียกได้ว่าเป็นงานคราฟต์ อีกงานนึงที่น่าสนใจ เพราะหยิบเอาเอเลเมนต์ของการลง 3D ในดีเทลเล็ก อย่างกระเบื้องของหอคอย มาผสมกับพวก card board ทำให้ดูเหมือนงานประดิษฐ์ทำมือ คาแร็กเตอร์ดีไซน์สุดเพี้ยน อย่างนังเจ้าหญิงแมวนี่ก็ขัดกับขนบมาก หัวโต ตาตี่ ขาเก้งก้าง แถมยังหน้า bitch อีกต่างหาก ซึ่งเราจะพบว่าเจ้าหญิงมีความสู้อยู่ประมาณนึงอยู่แล้วตรงที่เอามือปัดต้นล้มลุกจนมันเหี่ยวไปเองได้ ตอนท้ายก็ถีบหัวเจ้าชายตกเรือ คือที่มันไม่ยอมไปไหนเพราะบทมันเขียนมาให้รอเจ้าชายแค่นั้นแหละ ฮ่า ส่วนเจ้าชายกระต่ายก็ประหลาดไม่แพ้กันที่ขี่เรือกล้วยข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา ต่อสู้กับกองทัพเท้ดดี้แบร์สุดคิ้วท์ แล้วซีนที่เลือดเจ้าชายอาบไปทั้งปราสาทคือเท่มากกกกก จังหวะเข้ากับเพลงแบบพอดิบพอดี ดูไปขนลุกไป องค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดทำให้นึกไปถึงหนังสือภาพของ Tim Burton ก็ไม่ปาน

พอมาเป็นนักเขียนใน Fungjaizine ก็ตั้งใจว่าจะคุยกับ Blissonic ให้ได้ ซึ่งในที่สุดเราก็ได้พบ พีท และ บิ๋ม โดยพวกเขาเล่าถึงเพลง เจ้าหญิงคนต่อไป ให้เราฟังในคอลัมน์ เห็ดหวน เมื่อปี 2016 จำได้เลยว่าเป็นอีกวันที่รู้สึกตื่นเต้นกับการสัมภาษณ์ เพราะเอาเข้าจริง เพลงนี้เป็นเพลงที่มีความสำคัญกับเราประมาณนึงเลยทีเดียว

พีท: คือผม บิ๋ม โตน (โซฟา) นั่งกันอยู่ 3 คน ส่วนมากจะคุยถึงประสบการณ์ชีวิตกันว่าจะเอาเรื่องไหนมาเขียนเพลงดี เพลงอื่น ก่อนหน้าจะพูดถึงความรักทั่วไป การเจอกันแล้วก็จากกัน อะไรแบบนี้ แล้วเพลง เจ้าหญิงคนต่อไป คือเพลงที่เขียนเป็นเพลงท้าย แล้วในอัลบั้ม ด้วยความที่ดนตรีมันค่อนข้างจะดาร์กกว่าเพลงอื่น เลยคิดไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี จนวันนึงก่อนที่โตนจะมาหาผมเขาขับรถผ่านแดนเนรมิต แล้วรถก็ติดอยู่ตรงนั้นหรืออะไรสักอย่าง โตนก็มองปราสาทที่อยู่ในนั้น แล้วอยู่ เขาก็คิดเนื้อเพลงเป็นเพลงนี้ พอมาถึงก็เล่าให้ฟังว่า เนี่ย ได้ไอเดียของเพลงนี้ละ ตอนแรกบิ๋มชอบนะ แต่ผมเป็นคนคัดค้าน บอกว่าคนเขาจะชอบหรอ มันไกลตัวมากเลยนะ พูดอะไรก็ไม่รู้ แต่บิ๋มกับโตนเขาเป็นคนคอยโน้มน้าวผมว่ามันต้องเป็นแบบนี้แหละมันถึงจะดี พอเห็นดีเห็นงามด้วยกันแล้วก็ลุยกันไป

บิ๋ม: แต่เพลงนี้เป็นปรากฏการณ์อีกอันนึงนะ คือตอนเข้าค่ายไปแล้ว พี่นิควิเชียร ฤกษ์ไพศาล ที่ Genie Records เขาจะปล่อยเพลง บอกฉันหน่อย ปกติตอนนั้นเขาจะส่งซิงเกิ้ลเดียวไง บิ๋มบอกว่า ไม่ได้ ต้องปล่อย เจ้าหญิงคนต่อไป เขาก็บอกว่า จะบ้าหรอ ใครจะฟัง เป็นเพลงที่จะทำให้วงดูเก๋ เท่านั้นแหละ แต่บิ๋มว่ามันจะต้องดังมาก ก็มีแต่บิ๋มคนเดียวแหละที่ดื้อมาก จะเอา ๆๆๆๆ ให้ได้ จนพี่นิคบอกว่า โอเค ยอม ก็คือส่งเพลง บอกฉันหน่อยไป แล้วแถมเพลง เจ้าหญิงคนต่อไป ไปให้ด้วย แต่ปรากฏว่าทุกคลื่นเปิด เจ้าหญิงคนต่อไป บิ๋มนี่ตบขาฉาด (หัวเราะ)

ด้วยความที่เพลงนี้เป็น Bristol sound มีความดาร์กหม่นโดยธรรมชาติ และเป็นอิเล็กทรอนิกเน้นบรรยากาศล่องลอยที่อยู่ได้ในทุกสมัย มีเมโลดี้ที่สวยงามแต่มีบีตที่โยกตามได้เลยทำให้ทุกอย่างเท่ไปหมด และเสียงร้องเองก็หวานใสนุ่มนวลทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการฟังนิทานเรื่องนี้ ทั้งหมดที่ว่ามานี่แหละมั้งที่ทำให้เราเชื่ออย่างยิ่งว่า เจ้าหญิงคนต่อไป ของ Blissonic จะเป็นบทเพลงที่ถูกเล่าขานต่อไปอีกนาน

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้