FJZ-internship

Story

‘FUNGJAI INTERNSHIP DIARY’ วัน ๆ ของน้องฝึกงานฟังใจ 2023

  • Writer: All Fungjai Interns

หายไปเนิ่นนานกับบทความประกอบการฝึกงาน ปีนี้กลับมาพร้อมกับบทความรีวิวฝึกงานฟังใจฉบับซัมเมอร์ ที่เหล่าน้องฝึกงานทั้ง 5 ร่วมกันบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน มาฟังเรื่องราวจากพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน ก่อนเตรียมตัวเปิดรับน้องฝึกงานรุ่นต่อไปในเร็ว ๆ นี้!

‘FUNGJAI INTERNSHIP DIARY’ วัน ๆ ของน้องฝึกงานฟังใจ 2023

 

ออม Content Creator ทีม Growth

เล่าให้ฟังหน่อยว่าฝึกงานได้ทำอะไรบ้าง?

งานหลัก ๆ ของฝ่าย  Content ทีม Growth ก็คือการคิดคอนเทนต์และการถ่ายทอดสารให้กับคอมมูนิตี้หรือคนทั่วไป โดยงานที่เราได้ทำก็จะมีการเขียน Quick News หรือ การเขียนข่าวเพลงใหม่ รวมถึงการเขียนแนะนำเพลงที่เราชอบและอยากโปรโมทให้คนอื่นได้ลองฟังกัน ซึ่งก็จะเริ่มทำตั้งแต่เลือกเพลง คิดพาดหัวข่าว ไปจนถึงคิดเนื้อหาของคอนเทนต์เลย ส่วนงานอื่น ๆ ที่ทำก็จะมีคอนเทนต์เพลย์ลิสต์, คิดแคปชั่นโพสต์เชิญชวน รวมไปถึงการเขียนคอลลัมรีวิวคอนเสิร์ตที่ไป แต่เอาจริง ๆ ถ้าเกิดเรามีไอเดียอยากลองทำอะไรก็เอาไปปรึกษาพี่ ๆ ได้ พี่ในทีมเปิดกว้างมากกก พวกเขาพร้อมรับฟังเราตลอดทั้งเรื่องไอเดีย หรือว่ามุมมองความเห็นที่เกี่ยวกับเรื่องงานอื่น ๆ ด้วย

ตัวอย่างผลงาน

Quick News: YEW – ไม่เป็นไรนะเธอ

Midyear Crisis playlist

ย้อนวันวานการเติบโตของ Plastic Plastic และเต็มอิ่มไปกับมวลความสุขใน “Dear Friends’ Concert”

สังคมกับบรรยากาศที่ทำงานเป็นยังไง?

ชิลมากกกก ชิลแบบว่าหิวก็ขึ้นไปต้มมาม่ากินได้ (ขำ) แล้วด้วยความที่เข้าออฟฟิศแค่ 2 วันมันเลยทำให้เรารู้สึกว่าทำงานกันไม่อัดมากเกินไป แถมพอได้ wfh มันก็ช่วยเราเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งทำงานข้างนอกได้ด้วย ซึ่งมันทำให้หัวเราไม่ตันแล้วก็คิดงานออกง่ายขึ้น แล้วพอเราเป็นอินเทิร์นคนเดียวในทีม พี่ ๆ ในทีมก็ใจดีแล้วก็น่ารักมาก คอยเล่นมุข (แป้ก) แล้วก็เอาใจใส่จนไม่กี่อาทิตย์เราก็ปรับตัวแล้วก็เล่นมุข (แป้ก) กลับได้ แต่เอาจริง ๆ พี่ทีมอื่นก็เฟรนด์ลี่กันโคตร ๆ 

สิ่งที่ชอบใน Fungjai?

การทำงานกับพี่ในทีมให้ความรู้สึกสบายใจกับเรา ไม่เคยทำให้รู้สึกกดดันเลย เพราะพี่ ๆ คอยซัพพอร์ต รับฟังแล้วก็ให้คำแนะนำน่ารักมาก จนเรากลายเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมากขึ้น (ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนมาก ๆ ที่อุปการะเลี้ยงดูอุ้มชูมาตลอดหลายเดือน)

อีกอย่างที่ชอบคือวัฒนธรรมปรบมือตาม ๆ กัน (ขำ) คือมีวันหนึ่ง อยู่ ๆ ทีมหนึ่งปรบมือขึ้นมาแล้วคนทั้งชั้นก็ปรบมือตาม ครั้งแรกอะยังไม่อะไร แต่มันลามมาเรื่อย ๆ จนเลิกงานก็ยังไม่หมด พอถามกันว่ามีอะไร ก็จะได้คำตอบกลับมาว่าปรบมือกันเฉย ๆ (อ้าว) แต่สุดท้ายเราก็ขำท้องแข็งตามนะ (ขำ)

Fungjai Gossip ฉบับอินเทิร์น

วันนั้นเป็นงานเลี้ยงออฟไลน์ ที่ได้ไปเจอหน้าทุกคนในบริษัท ช่วงแรกของงานก็จะเป็นเซสชั่นที่ให้ทุกทีมมาอัพเดทการทำงานของแต่ละฝ่าย ให้ฟีลทำงานทำการมาก ตัดภาพมาหลังกินข้าวเย็นเสร็จ ตอนนั้นแหละเวลาปล่อยของก็เริ่มขึ้น ซึ่งปล่อยของอันนี้ไม่ได้หมายถึงการแสดงดนตรีของพี่ ๆ แต่หมายถึงโมเมนต์ที่ทุกคนรอบตัวเริ่มซัดแอลกอฮอล์ แล้วก็เริ่มเล่นมุขที่ถ้าเป็นปกติ มันก็คือมุขแป้ก แต่พอมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่างกายแล้วก็นะ กลายเป็นระเบิดหัวเราะกันทั้งวง แน่นอนว่าเราก็ด้วย (ขำ) ตอนนั้นให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในซิทคอมเรื่องหนึ่งเลย ทุกคนมีคาร์แรกเตอร์ มีบทบาท มีอิมเมจที่เราไม่เคยเห็นเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะพี่ ๆ ทีมอื่นที่เมาจนเต้นไปเรื่อย เปิดคลาสคาราโอเกะเพลงร็อกส่วนตัว พี่ที่เมาจนน็อกหลับกลางอากาศ แผนกตั้งวงเล่า (เหล้า) ความในใจ ไหนจะมนุษย์อินเทิร์นที่เดินถือกล้องแบบในเอ็มวีน้องยีนส์ใหม่หนึ่งอัตรา ซึ่งเดินตามถ่ายทุกความทรงจำ “ตลอดเวลา”  ถึงจะเป็นการฝึกถ่ายฟุตเทจ แต่เอาจริง ๆ เหมือนฝึกงานแผนกบันทึกดิจิทัลฟรุตตี้มากกว่า (ขำ) ส่วนเราก็คือนั่งขำทุกคนจนสร่าง

เราว่าวันนั้นเป็นวันที่พาเรา Ice Breaking กับพี่ ๆ ไปเลย ไม่ใช่แค่พี่ในทีมตัวเอง แต่เป็นกับทั้งพี่ทีมอื่น แล้วเราก็นับถือคนในบริษัทนี้เพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะทุกคนที่เราเห็นภาพว่ากำลังสนุก รั่ว เมากันอยู่ที่นี่ คือกลุ่มคนเดียวกับที่สร้างสรรค์ผลงานเท่ ๆ ออกมาให้คนได้เสพกัน ซึ่งจากที่เราเป็นแค่คนในคอมมูที่ติดตามฟังใจเฉย ๆ มันทำให้เราเริ่มประทับใจทุกงานของที่นี่ ทั้งที่เป็นคอนเทนต์หรืออีเวนต์ของฟังใจ เพราะเบื้องหลังของผลงานต่าง ๆ นั้น ทุกคนตั้งใจ ทุ่มเทแล้วก็ใส่ใจกันมาก ๆๆๆ จริง ๆ (ปริมาณแอลกอฮอล์ของทุกคนที่กินวันนั้นยังไม่สู้ เอ้อ) 

เรื่องราวที่ประทับใจในช่วงฝึกงาน

เวลาที่ปล่อยคอนเทนต์ไปแล้วได้ผลตอบรับน่ารัก ๆ เราจะรู้สึกมีความสุขมากทั้งจากพี่ในทีมแล้วก็จากคนในคอมมูที่อ่าน ยิ่งถ้าเป็นตัวศิลปินออกมาขอบคุณแล้วก็ฟีดแบ็กความในใจเขามา เรายิ่งซึ้งใจมาก ๆ แบบมันมีความหมายกับเรามากจริง ๆ คือมันให้ความรู้สึกเหมือนกับงานของเรามันประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่ง แล้วการที่เราได้มาฝึกงานที่ฟังใจ มันทำให้เราได้รู้จักดนตรีมากขึ้น ได้ลองฟังเพลงหลาย ๆ แนวมากขึ้น และที่สำคัญคือพอที่นี่เปิดกว้างในการทำงาน มันทำให้เราได้ลอง แล้วก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่างาน ๆ นี้มันเหมาะกับเรามากน้อยขนาดไหน ซึ่งพอได้ลองมันทำให้เรามีความสุขมาก ๆ ดีใจที่ตอนนั้นฟังใจเปิดรับฝึกงานพอดี แล้วก็เป็นความพอดีที่เรากำลังหาที่ฝึกงานช่วงปิดเทอม อาจจะดูอวยบริษัท ดูขายฝัน แต่อันนี้เราพูดจริง ๆ นะ (ขำ)

บีม Visual Designer ทีม Growth

เล่าให้ฟังหน่อยว่าฝึกงานได้ทำอะไรบ้าง?

งานของ Visual Designer ทีม Growth ส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตงานออกแบบให้คอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นโพสต์ในเพจหรือในเว็บของฟังใจ อัพเดตเพลงใหม่ แคมเปญ คอนเสิร์ตหรือข่าวสารต่าง ๆ ในส่วนของที่เราจะเริ่มจากการรับคอนเทนต์ที่ต้องทำเป็นอย่างแรก แล้วมานั่งคิดไอเดียหา direction ของงานนั้น ๆ ว่าจะสร้างสรรค์ออกมาแบบไหน เพราะเราเน้นออกแบบมาเพื่อสื่อสารให้ผู้รับสารเข้าใจในสิ่งที่เห็นและตรงโจทย์ เวลาเราทำงานพี่ ๆ จะเริ่มให้ทำจากไอเดียของตัวเองก่อน อยากทำแบบไหนลองทำเลย พี่ ๆ ไม่ปิดกั้นในสไตล์ของเราแต่หลังจากทำจะก็จะมีปรึกษา ให้ความเห็นกัน และช่วยกัน develop ต่อเพื่อให้เจอจุดที่ลงตัวในงาน เราเลยรู้สึกเหมือนได้ไอเดียใหม่ ๆ เข้ามาตลอดในระหว่างที่ออกแบบ

สังคมกับบรรยากาศที่ทำงานเป็นยังไง?

ตอนเข้าไปแรก ๆ แน่นอนว่าก็แอบเกร็งมากกกกก (ขำ) เพราะทุกอย่างค่อนข้างใหม่สำหรับเราซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับการฝึกงานครั้งแรกแต่พอนาน ๆ ไปก็ปรับตัวได้เพราะพี่ ๆ ในทุกคนกันเองและพูดเก่งกันมากโดยเฉพาะพี่ในทีม Growth พูดเก่งมากและตลก เน้นว่าตลกมาก มุกเล็กมุกน้อยเล่นได้เล่นไม่ได้เก็บหมดเล่นทุกเม็ด (กลายเป็นเราฟังพี่ ๆ คุยกันแทนเพราะเราน่าจะพูดไม่ทัน) และที่ฟังใจเราเข้าออฟฟิศแค่ 2 วันเท่านั้นอีก 3 วันเราต้อง wfh เลยทำให้รู้สึกว่าเวลาไม่ได้แน่นเกินไปและมีเวลาที่จะเต็มที่กับงานมากขึ้น สมมติว่าเราทำงานที่ออฟฟิศนาน ๆ อาจจะมีไอเดียตันบ้าง พอได้ wfh ก็เป็นโอกาสหนึ่งที่ได้เปลี่ยนสถานที่ทำงานและได้หาไอเดียมาทำงานมากขึ้น บรรยากาศในออฟฟิศบางวันคนน้อยบ้างบางวันถ้าคนเยอะจะวุ่นวาย ทุกคนจะแย่งกันพูด จนบางครั้งเราแอบขำว่าออฟฟิศจริงไหมหนอ ไม่รู้จะหันไปฟังใครดี ส่วนสวัสดิการที่นี่ถ้าใครสายคอนเสิร์ต จะได้มีโอกาสไปคอนเสิร์ตที่ฟังใจจัดและมีโอกาสได้ลุ้นบัตรคอนเสิร์ตจากที่อื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน (ป.ล. แต่ต้องไปลงชื่อลุ้นกันเอานะ กิจกรรมฟีลหมุนวงล้อเสี่ยงโชคสุด ๆ) 

สิ่งที่ชอบใน Fungjai? 

ตั้งแต่ฝึกมาทั้งหมดรู้สึกโชคดีที่ได้พี่ในทีมที่ดีมาก ๆๆๆ เวลาทำงานมาแต่ละชิ้นพี่ ๆ จะช่วยดู คอยซัพพอร์ตตลอดว่าทำออกมาได้ดีแล้ว เก่งมากแล้ว และช่วยแนะนำในส่วนที่ตกหล่นหรืออะไร develop ต่อได้บ้าง ตอนแรกก็ไม่มั่นใจมากว่าพี่ ๆ จะชอบงานไหม แต่สุดท้ายพี่ ๆ แนะนำเราและก็ให้กำลังใจได้อย่างดีเลย 

อีกอย่างคือชอบเวลาได้เข้าประชุมมาก ชอบแบบชอบมากจริง ๆ เพราะมันทำให้เราเห็นระบบการทำงานของที่นี่ทำงานกันยังไงบ้าง ทุกคนรับฟังความเห็นกันจริงจังและช่วยเหลือกันเต็มที่มาก ๆ ใครไหวไม่ไหวจะคอยถามและเช็คอัพกันอย่างดีตลอด อะไรขาด อะไรเกิน ช่วยกันแก้กันปรับและที่สำคัญจะมีการเขียน Daily Check-in ด้วย ซึ่งเรามองว่ามันเป็นอะไรที่ดีเพราะดูใส่ใจถึงทุกคนในทีมจริง ๆ ว่าแต่ละคนเป็นยังไงบ้าง มีอะไรไหวไม่ไหว มีอะไรอยากแชร์ไหม เราก็เป็นหนึ่งในอีกคนที่ไม่มั่นใจในงานตัวเองตอนเข้ามาแรก ๆ กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี ค่อนข้างกดดันตัวเอง มีช่วงหนึ่งเราเขียนลงไปเรื่องงานของตัวเองแล้วพี่ ๆ มาอ่าน ก็มีมาโน้ตตอบแอบให้กำลังใจและมีครั้งหนึ่งวันนั้นเรา bad day มากเราเห็นเขาแอบเขียนให้กำลังใจเราใน daily plan ของตัวเอง วันนั้นเราเห็นแล้ว made my day มาก มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่สำหรับเรามันเป็นอะไรนิดหน่อยที่ทำให้วันนั้นเรามีกำลังใจทำงานมากขึ้นแบบจริง ๆ (ขอบคุณมากเลยนะคะ ไม่ขอเอ่ยนามแต่เจ้าตัวน่าจะรู้ อิอิ) 

Fungjai Gossip ฉบับอินเทิร์น 

ไม่รู้ว่าจะเราจะ gossip ฟังใจหรือฟังใจ gossip กันแน่ เพราะทุกวันทีมเรามีเรื่องให้พูดเยอะมากในตอนทำงานและยันที่ประชุมเลยรู้สึกเอ็นจอยมากเวลาได้ฟังพี่ ๆ พูด มันตลกมากแบบนิดหน่อย ๆ ก็ตลกแล้ว อาจจะมีมุกแป้กบ้างก็ตาม (ขำ) บางครั้งมันเงียบไปได้ไม่นานมันก็จะมีเรื่องให้พูดใหม่ แต่เราชอบมากเพราะนั่งทำงานไปมันก็ขำไป ไม่รู้ว่าพี่ ๆ สังเกตไหมแต่กลั้นขำจริง ๆ นะเวลาทำงาน ที่ประชุมยิ่งสนุกมากกก รู้เลยว่า gossip ของจริง เป็นประชุมที่ไม่เหมือนประชุม เหมือนเพื่อน ๆ นัดมาเม้าท์กันมากกว่า ชิวมาก สนุกมาก 

ที่สำคัญมากคือ ทีมเราชอบกินกันมากชอบที่ทุกคนขยันกันชวนสั่งขนมหรือน้ำสนุก ๆ กินกัน เพราะเราก็ชอบกินสั่งด้วยตลอด (ขำ) ทุกคนจะเอ็นจอยกับการรอน้ำขนมมาส่งมาก ลุ้นกว่าการรอคือจะมาส่งกี่อัน สั่งกันไป 5-6 คน มาแค่ 1 คนงี้ แต่ทุกคนไม่ยอมแพ้สัญชาตญาณนักกินมันอยู่ในสายเลือดมาก สั่งแล้วไม่มาเราไม่แคร์ เราแคร์แค่ต้องได้กินให้ได้ค่ะ รู้สึกว่าอยู่ไม่ผิดทีมจริง ๆ ของกินเท่านั้นที่เติมพลังใจในการทำงานของพวกเราทุกคน หรือบางครั้งมีช่วงหนึ่งที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอกินหมาล่ามาก พี่ ๆ พูดกันตั้งแต่เช้ายันเย็นรอเวลาเลิกงานเพื่อตั้งใจไปกินหม่าล่าด้วยกัน ที่ตลกคือวันนั้นทุกคนพูดถึงแต่หม่าล่าจริง ๆ หายใจเข้าก็หม่าล่า หายใจออกก็หม่าล่า คิดกันว่าเมื่อไรจะตอนเย็น แล้ววันนั้นคือทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันหมดจริง ๆ 

อีกเรื่องหนึ่งที่อาจจะเป็นอะไรเล็ก ๆ แต่เราชอบมาก คือพี่ ๆ จะมีคำพูดที่ดีให้กันในทีมแบบว่าชมกันบ่อย ๆ มันน่ารักมาก อาจจะดูเล็กน้อยแต่มันเป็นอะไรที่นุบนิบหัวใจมาก มาตอนแรกโดนชมก็ไม่ค่อยชิน เขิน (ขำ) เลยกลายเป็นว่าเราได้นิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เอาไปใช้ต่อเพราะเรารู้สึกมันทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีได้ พลังบวกสูงมากจริง ๆ อยู่ทีมนี้ ท้อได้นิดนึงก็กลับมามีพลังขึ้นได้ เพราะพี่ ๆ ในทีมเค้าฮีลใจกันเก่งมาก! (นี่ไม่ได้ gossip แล้ว แต่แอบชม)

เรื่องราวที่ประทับใจในช่วงฝึกงาน 

ช่วงที่ฝึกเรามีโอกาสได้ไป Fungjai Crossplay พอดี ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ประทับใจอย่างนึงเลยเพราะเรารู้สึกว่ามันคือครั้งแรกของการได้ไปคอนเสิร์ตแบบเรารู้เบื้องหลังมาก่อนว่างานจะออกมาเป็นยังไงบ้าง เวลาเราฟังในที่ประชุมและไปรอลุ้นเบื้องหน้าที่จัดงานจริง (ชอบฟังพี่ ๆ แล้วเอาไปคิดตามเพราะก็แอบสนใจงานเบื้องหลังนิดหน่อย อิอิ) ด้วยความที่เราก็เห็นพี่ ๆ เขาทำงานวางแผนกันละเอียดและเดือดมาก พอมีโอกาสได้ไปดูก็รู้สึกภูมิใจแทนที่พี่ ๆ เหมือนแผนที่วางกันไว้มันประสบความสำเร็จไปด้วยดีและมันเป็นไปอย่างที่คิด (มากกว่าที่คิดอีกซะด้วย) จากความรู้สึกและมุมมองของคนที่เคยไปคอนเสิร์ตเฉย ๆ เพื่อไปเอ็นจอยกับการฟังเพลง ไม่เคยรับรู้ว่ากว่าจะมาเป็นงานหนึ่งได้ต้องมีอะไรบ้าง ต้องใช้เวลาแค่ไหน ใครวางแผนยังไงบ้าง

พอได้มาเห็นอีกด้านของการทำงานเราก็รู้สึกประทับใจกับงานและอินมากกว่าเดิมและดีใจที่งานออกมาดีมาก เรานับถือพี่ ๆ ทุกคนทุกฝ่ายในการทำงานมาก ๆ อยากขอบคุณที่พี่ ๆ เต็มที่ ทุ่มเทกันอย่างมาก ถ้าไม่มีพี่ ๆ ทุกคนในฟังใจก็คงไม่มีงานดี ๆ แบบนี้มาให้ทุกคนเสพ พูดได้ว่าถึงไม่ได้มีสิทธิ์ไปฟรีก็เลือกที่จะสนับสนุนเสียเงินเข้าไปดูแน่นอน เพราะฟังใจจัดไม่เคยทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว! อยากขอบคุณที่ให้โอกาสดี ๆ ได้ไปเห็นงานจริงและขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่ตั้งใจทำงานนี้กันอย่างดีมาก ๆ ด้วยฮะ เต็มที่กันแล้วอยากให้พี่ ๆ ดูแลสุขภาพตัวเองกันให้มาก ๆ ด้วย เพราะแต่ละคนทำงานเดือดและดึกกันมากเหมือนกัน อย่าลืมเทคแคร์ตัวเองกันด้วยนะคะ เริ้บ ๆ

แพรวา Content Creator ทีม Fungjai Academy

เล่าให้ฟังหน่อยว่าฝึกงานได้ทำอะไรบ้าง?

หน้าที่หลัก ๆ ที่เราต้องทำก็คือการเขียนคอนเทนต์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับดนตรีหรือเครื่องดนตรีลงในเพจ Facebook ของ Fungjai Academy โดยคอนเทนต์ที่เราเขียนจะอิงตามคอร์สเรียนออนไลน์หรือโปรโมชั่นที่เราจะขายเป็นหลัก แต่เราก็เขียนคอนเทนต์อื่น ๆ ที่กำลังเป็นไวรัลด้วยเหมือนกันฮะ นอกจากนี้เรายังสร้างคอนเทนต์ที่เป็นวิดิโอแบบสั้น (Reels) เพื่อลงใน Instagram อีกด้วย 

ตัวอย่างผลงาน

3 Types of Vocal Registers – Infographic

กองทัพเรืออังกฤษเปิดเพลงบริตนีย์ สเปียร์ไล่กลุ่มโจรสลัด แถมได้ผลด้วย!

แนะนำอาจารย์สอนแต่งเพลงของ Fungjai Academy

สังคมกับบรรยากาศที่ทำงานเป็นยังไง?

พูดเลยว่าพี่ ๆ น่ารักกันม้ากกกก พยายามเข้าหาเรา พยายามชวนคุยเพื่อให้เราไม่เกร็ง ซึ่งเรารู้สึกว่าอบอุ่นมาก ๆ ส่วนบรรยากาศการทำงานก็คือไม่เครียดเลย เราสามารถลุกไปนั่งทำงานตรงโซนโซฟาหรือตรงที่บาร์เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศได้ด้วย พูดตรง ๆ ฟังใจเป็นที่ที่สอนให้เรารู้ว่าบรรยากาศการทำงานที่ทำให้เราสบายใจเป็นยังไง

สิ่งที่ชอบใน Fungjai? 

สิ่งที่เราชอบในการเป็นอินเทิร์นที่นี่คือเราได้ฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ ทั้งเรื่องเกี่ยวกับงานและเรื่องทั่วไป มีอะไรพี่ ๆ จะคอยซัพพอร์ตเราตลอด หรืออะไรที่เราอยากรู้ เราแค่ต้องถามแล้วพี่ ๆ จะสอนเราหมดเลย ทำให้ในความรู้สึกเราเหมือนคุยกับพี่สาวหรือพี่ชายมากกว่าเพื่อนร่วมงานฮะ (พี่น้องแบบกาสะลอง-ซ้องปีบ? เอ้ยยยย มะช่ายยย แฮ่)

Fungjai Gossip ฉบับอินเทิร์น 

ช่วงนั้นเป็นช่วงเดือน Pride Month พอดี แล้วเราเพิ่งเขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับชาว LGBTQIA+ เสร็จ เราก็มานั่งดูพี่กราฟิกดีไซน์เนอร์ในทีมทำภาพประกอบคอนเทนต์ให้เราต่อ ระหว่างนั้นมีพี่แม่บ้านเดินมาแจกของขวัญฉลองเดือน Pride Month เป็นดินสอสีรุ้งให้ทุก ๆ คนเลย เราว่ามันเป็นความบังเอิญที่น่ารักดี เราเลยถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำ

เรื่องราวที่ประทับใจในช่วงฝึกงาน

การไปคอนเสิร์ตฟังใจจัด ฮิตจัด ๆ เป็นการไปคอนเสิร์ตของฟังใจครั้งแรกของเรา และเป็นครั้งแรกที่เราไปคอนเสิร์ตของนักร้องหลายท่านที่เราอาจจะไม่ได้รู้จักหรือติดตามมากนัก แต่พอเราเข้าไปในงานแล้วเรารู้สึกเอ็นจอยกับงานครั้งนี้มาก ๆ ทุกคนที่มางานดูสนุกสนานและเฟรนด์ลี่มาก มีกลุ่มหนึ่งมาคุยด้วยที่บูธดีเจคือคุยตลกมากกก เราชอบบรรยากาศการตกแต่งภายในงาน เรารู้สึกว่ามันเท่และดูมีเอกลักษณ์ดี โดยรวมสนุกมากฮะ เอ็นจอยมาก 10/10!  

ลูกเกด Sales Coordinator ทีม Fungjai Academy

เล่าให้ฟังหน่อยว่าฝึกงานได้ทำอะไรบ้าง?

ฝ่ายที่ทำงานจะอยู่ส่วนของ Fungjai Academy อยู่ตำแหน่ง Sales Coordinator หน้าที่ก็จะมีคอยตอบเพจ Fungjai Academy, ดูแลปัญหาของลูกค้าและติดต่อกับลูกค้า หากเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบหลังบ้านของลูกค้า เราก็จะเป็นคนคอยแก้ไขให้ บางทีก็จะได้เขียนคอนเทนต์บ้าง เพราะว่างานของตำแหน่งตัวเองค่อนข้างขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาที่มีปัญหาเข้ามา ก็เลยไปของานพี่ ๆ มาทำ (ขำ)

สังคมกับบรรยากาศที่ทำงานเป็นยังไง?

สังคมในออฟฟิศเป็นสังคมที่ค่อนข้างเฟรนด์ลี่ เข้าถึงพี่ในทีมมาก แต่ว่าตัวเราค่อนข้างเป็นคนนิ่ง ๆ ช่วงอาทิตย์เเรก ๆ เลยอาจจะไม่ค่อยสนิทกับพี่ ๆ เขาเท่าไร เเต่ว่าสามารถเข้าถึง สนิทง่ายเเละรวดเร็วมากเพราะว่าพี่ ๆ เขาใจดี บรรยากาศในออฟฟิศก็เป็นบรรยากาศค่อนข้างดีนะ เวลาทำงานก็ทำงานแต่เวลาอยู่ด้วยกันเองก็ไม่เครียดเลย การประชุมงานก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดด้วย แถมมีข้าวให้กินฟรีด้วยแล้วก็มีหลายอย่างให้เลือกเยอะมาก

Fungjai Gossip ฉบับอินเทิร์น

เราเคยไปออกกองกับพี่ศิลปินคนหนึ่งตอนทำคอร์สใหม่เเล้วเเบบทุกคนกลัวมากว่าพี่เขาจะเกร็งเพราะพวกเราไม่ใช่คนที่ช่างพูดกันเท่าไรเวลาทำงาน เเต่พอตอนไปทำงานจริง ๆ พี่ศิลปินคนนั้นคือไม่เกร็งเลยมีแค่พวกเราที่เกร็งเองเพราะศิลปินคนนั้นเป็นกันเองมาก ๆ เลย เเล้วเวลาทำงานเหมือนเขาเตรียมตัวมาดีมาก ๆ จนเราพวกพี่ ๆ ในทีมก็ตกใจเหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นการออกกองที่อิ่มและง่วงในเวลาเดียวกันเพราะกินอิ่มแล้วเข้ามาอยู่ในห้องแอร์แถมได้ฟังเพลงอีกทำเอาจะหลับเลยอะ (ขำ)

สิ่งที่ชอบใน Fungjai?

จริง ๆ เราชอบบรรยากาศการทำงานมากเลยนะแบบไม่ตึงเครียดขนาดนั้น บางทีงานดูเครียดแต่ที่นี่ก็จะมีเสียงหัวเราะตลอดเวลาเลยอะ พอจากที่มันจะดูตึงมันกลายเป็นสถานการณ์ดีเฉยเลย สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือพี่ ๆ เปิดใจมากเลย เวลาเราไม่ได้เข้าประชุมหรือแบบเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่ส่งผลกระทบกับเราแน่ ๆ พี่เขาจะเรียกคุยส่วนตัวเลย แบบชี้เเจงให้เข้าใจ แล้วก็ชอบที่มีของให้กิน ชอบที่ชั้นบนมีนมหรือน้ำผลไม้ให้กินตลอดเวลาแถมถ้าวันไหนไม่ได้สั่งข้าวที่ฝึกลงไปกินร้านข้างนอกได้ ข้าวอร่อยมาก อื่น ๆ ที่ชอบก็มี เปิดกว้างเรื่องสังคม การแต่งตัวคือเป็นแฟชั่นสุด ๆ แต่งเเบบไหนก็ได้เเค่อยู่ในกาลเทศะ แล้วก็แชร์เพลงกันเยอะมาก เพราะในฟังใจเปิดกว้างให้พื้นที่คนทำเพลงอยู่เเล้วก็เลยได้ฟังเพลงใหม่เพราะ ๆ มาฟังเพิ่ม

เรื่องราวที่ประทับใจช่วงฝึกงาน 

คงประทับใจพี่ ๆ ที่อยู่ในทีมเดียวกันมากกว่า ชวนกันกินตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นในตัวองค์กร สิ่งที่ประทับใจก็มีมากอยู่นะ ทั้งเวลาการทำงาน มายด์เซ็ตของผู้บริหาร หรือว่ากฎการทำงาน ทุกอย่างคือเวลามาทำงานมันไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย เพราะเข้าเเค่ 2 วัน มีเวลาได้อยู่กับตัวเองเเละงาน เเล้วก็ได้อยู่กับทีมตอนเวลาทำงานบ้างทำให้สมองเเล่นขึ้นเยอะ

เสือ C&O (Creative and Operation)

เล่าให้ฟังหน่อยว่าฝึกงานได้ทำอะไรบ้าง?

งานส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องประสานงาน แต่ถ้าเอาสิ่งที่ได้ทำจริง ๆ ก็เยอะอยู่ เรียกได้ว่าทำเกือบทุกอย่างเลย (ขำ) ตั้งแต่ดูแลสวัสดิการข้าวน้ำทีมงานและศิลปิน, รีเสิร์ชข้อมูล, ลอง Curate line-up,  แชร์ไอเดียต่าง ๆ ระหว่างนั้นก็เรียนรู้กระบวนการทำงานของทีม C&O ไปด้วย แล้วก็เริ่มขยับมาด้านประสานงาน ก็จะมีติดต่อสถานที่และซัพพลายเออร์ ได้ลองเป็น AR (Artist Relation) ดูแลศิลปิน และอื่น ๆ อีกมากมายที่สาธยายไม่หมด

สังคมกับบรรยากาศที่ทำงานเป็นยังไง?

ออฟฟิศนี้เป็นกันเองมาก ๆ ทุกคนเฟรนด์ลี่ ทำงานเป็นทีม มีมายด์เซ็ทที่ดี แต่ที่สำคัญเลยคืออารมณ์ขันของคนในออฟฟิศ โดยเฉพาะทีม C&O ที่โคตรปั่นโคตรตัวป่วน ใส่มุขกันยับ ๆ แบบฝึกสมองฝึกความครีเอทีฟ วันไหนเข้าออฟฟิศคือต้องมีสักหนึ่งฮา พอบรรยากาศในการทำงานมันสนุก มันก็น่าทำงาน เลยกลายเป็นว่าในอีกมุมหนึ่ง มันทำให้เราก็อยากพัฒนาทักษะตัวเองในหลาย ๆ ด้าน จะได้มาช่วยพี่ ๆ ในทีมได้อย่างเต็มที่

สิ่งที่ชอบใน Fungjai?

ชอบกระบวนการคิดงานกับความเอาใจใส่ของฟังใจ (อันนี้ไม่ได้อวยนะ ชอบจริง ๆ) เหมือนกับว่าทุกครั้งที่ทำงานเราจะต้องคิดในมุมมองของแต่ละฝ่ายเสมอ ทั้งลูกค้า ทีมงาน ซัพพลายเออร์ ศิลปิน เพื่อระบบการทำงานที่เป็นมิตรกับทุกคน ที่ขาดไม่ได้เลยคือคิดในมุมของคนดู ซึ่งมีหลายครั้งเวลาทีมทำอะไรก็จะถามหาความเห็นจากเราในมุมเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่มาเข้างาน ก็เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคนดู และหวังว่าสุดท้ายแล้วทุกคนจะแฮปปี้

Fungjai Gossip ฉบับอินเทิร์น

ตั้งแต่มาฝึกงานที่นี่ก็เจอแต่เรื่องพีค ๆ มากมาย บางเรื่องพอเล่าได้ บางเรื่องขอไม่เล่าออกสื่อดีกว่า (ขำ) แต่มีเรื่องหนึ่งที่ละลายพฤติกรรมเราไปเลย คือตอนนั้นเป็นช่วงโปรเจกต์ YAMS บางแสนจบพอดี ด้วยความเครียดและอัดอั้นของทุกคน เลยไปลงเอยกันที่สถานที่อโคจรแห่งหนึ่งแถวหาดวอนฯ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ทุกคนเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม (ขำ) สุดท้ายเราก็รับบทดูแลพี่ ๆ (คนเมา) อีกทีหนึ่ง ทั้งหิ้วปีก หาของหาย ลูบหลังอ้วก มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายตอนนั้น ทุกคนเมาแบบผีเข้าผีออก เผลอซักพักก็โชว์กายกรรมกวางโจว เต้น ตีลังกา ลงไปม้วนหน้าม้วนหลังต่าง ๆ นา ๆ ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมไปหมด ไหนจะมีซีนอ้วกประสานเสียงอีก ให้คุณนึกถึงภาพมิวสิคเฟสติวัลที่โชว์สองเวทีมันเล่นชนกันอะ สุดท้ายทริปบางแสนเลยเป็นที่มาของวลี “เด็กฝึกงานเปื้อนฝุ่น” หลังจากนั้นเราก็ตั้งปณิธานว่าจะลูบหลังทีม C&O ให้ครบทุกคนก่อนจบฝึกงาน  

เรื่องราวที่ประทับใจในช่วงฝึกงาน

เอาเข้าจริงมันมีหลายเรื่องมาก ๆ เรารู้สึกประทับใจแทบทุกครั้งที่พี่ในทีมสร้างสรรค์อะไรออกมา ส่วนตัวเรารู้สึกว่าสายงานที่เนรมิตสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาจากความว่างเปล่ามันเท่และน่ายกย่องมาก ๆ แต่ที่จำมวลความรู้สึกประทับใจได้หลัก ๆ คงเป็นตอนทำฟังใจจัด ฮิตจัด ๆ เพราะเป็นงานที่เราได้เห็นทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ เลยทำให้เรารู้สึกเซอร์ไพรส์มาก ๆ ว่าทุกงานของฟังใจที่เราเคยไปมามันเริ่มจากคนไม่กี่คน จนกลายมาเป็นงานที่คนเป็นพัน ๆ มาพบปะกันเพื่อดูศิลปินที่เขารัก คือเป็นจุดเปลี่ยนของเราเลย พอได้สัมผัสทั้งสองมุม ทำให้ตั้งแต่ช่วงวันเซ็ทอัพจนไปถึงวันงานเรายิ่งโคตรรู้สึกประทับใจ มันโคตรฟูลฟิลความรู้สึกในใจของเด็กคนหนึ่ง พองานจบเราก็แอบรู้สึกภูมิใจเล็ก ๆ กับตัวเอง เหมือนเราได้เป็นส่วนหนึ่ง (อาจจะเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ) ที่ได้สร้างสถานที่ที่ทุกคนได้มาสนุกด้วยกันและมีความสุขกลับไป มาคิด ๆ ดูอีกที ฟังใจจัด ฮิตจัด ๆ อาจเป็นงานที่จุดประกายให้เด็กแบบเราเข้ามาสนใจงานด้านนี้ก็ได้ 

ฟังใจคือผู้คน ไม่ใช่สถานที่ เรื่องราวดี ๆ จากการเป็นเด็กฝึกงานที่ฟังใจ

Facebook Comments

Next:


Donratcharat

นัท มีหมาน่ารักสองตัวชื่อหมูตุ๋นกับหมูปิ้ง กาแฟดำยังจำเป็นต่อชีวิต และยกให้กาแฟใส่นมเป็นรางวัล