Article Story

กลิ่นคาวเลือดในท่อนฮุค กับ 6 อาชญากรรมที่ถูกทำให้เป็นเพลง

  • Writer: Peerapong Kaewthae

ใคร ๆ ก็บอกว่าแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานนั้นมันไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าเราจะสะเทือนใจหรือยึดติดกับอะไรก็ตามสามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงได้ทั้งนั้น เพลงก็เป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่ศิลปินบางคนใช้เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกหรือบำบัดความเศร้าความเสียใจของตัวเอง เราเลยได้เห็นว่าหลาย ๆ เพลงก็มีที่มาค่อนข้างน่าหดหู่หรือบีบคั้นจิตใจอย่างมาก เราเลยอยากยกตัวอย่าง 6 เพลงที่มีเบื้องหลังมาจากคดีฆาตรกรรม อาชญากรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ลองตั้งใจฟังให้ดีว่าคุณได้กลิ่นคาวเลือดในท่อนฮุคของเพลงเหล่านี้ไหม

The Antlers – Corsicana

ด้วยเสียงกีตาร์ลอย ๆ และดนตรีเชื่องช้าผ่อนคลาย ยิ่งทำให้เนื้อเพลงที่เหมือนกับการร่วมรักกันในห้องที่เร่าร้อนดูอ่อนโยนขึ้นหลายเท่าตัว แต่ความจริงแล้วเพลงนี้มีที่มาที่น่ากลัวอย่างร้ายกาจเลยทีเดียว Corsicana จากชื่อเพลงคือชื่อเมืองหนึ่งในรัฐเท็กซัสของสหรัฐอเมริกา ที่เมืองนี้เคยมีข่าวว่า Cameron Todd Willingham ถูกกล่าวหาว่าฆาตรกรรมลูกทั้งสามคนโดยการเผาบ้านของตัวเองทั้งที่เด็ก ๆ ยังอยู่ข้างใน สุดท้ายเขาถูกตัดสินว่าผิดจริงและถูกประหารด้วยการฉีดยาอย่างทรมาณในปี 2004 แต่ 5 ปีต่อมาได้มีการรื้อคดีขึ้นมาใหม่ ปรากฎว่าหลักฐานไม่เพียงพอที่จะเอาผิด Willingham ได้ จึงเป็นปริศนามาถึงทุกวันนี้ว่าใครเป็นคนวางเพลิง

เนื้อเพลงที่ตอนแรกคิดว่ามันคือความโรแมนติกในการอยู่กันสองต่อสอง จริง ๆ มันเล่าถึงเด็ก ๆ ที่ติดอยู่ในบ้านที่กำลังไฟไหม้มากกว่า ดูจากท่อน ‘We should shut that window we both left open now’ ที่พูดถึงการปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้ออกซิเจนจากภายนอกไหลเข้ามาในห้องที่กำลังไฟไหม้ ป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามยิ่งขึ้น หรือท่อน ‘We lost our chance to run, now the door’s too hot to touch’ ที่อธิบายถึงการติดอยู่ในบ้านที่กำลังไฟไหม้นั่นเอง

The Smiths – Suffer Little Children

Morrissey นักร้องนำเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นมาหลังจากอ่าน Beyond Belief: A Chronicle Of Murder And Its Detection by Emlyn Williams หนังสือที่บันทึกเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังหลายคนไว้ พร้อมวิเคราะห์แรงจูงใจกับสาเหตุที่ทำให้พวกเขาก่ออาชญากรรมในแต่ละครั้ง โดยเขาเลือกหยิบชายโฉดหญิงชั่วอย่าง Moors Murders หรือ Ian Brady and Myra Hindley ฆาตกรเลือดเย็นที่สังหารเด็กไปถึง 5 คนและบางรายยังถูกกระทำชำเราก่อนโดนฆ่าอีกด้วย พวกเขาอาละวาดเขย่าขวัญคนในเมืองแมนเชสเตอร์จนอยู่ไม่สุข แม้แต่ตอนปล่อยเพลงออกมาพวกเขาก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการใส่ชื่อเหยื่อ 3 ใน 5 ลงไปในเพลง ทำให้เพลงนี้หรืออัลบั้มแรกของพวกเขาในชื่อเดียวกับวงถูกแบนจากร้านขายซีดีหลายแห่งเลยทีเดียว ในตอนท้าย Morrissey ก็ได้เป็นเพื่อนกับแม่ของหนึ่งในเหยื่อโดยเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอเข้าใจเจตนารมณ์ของวงนี้ดีเพราะไม่อยากให้ใครลืมลูกของเธอไป

Bon Jovi – August 7, 4:15

แม้แต่ศิลปินระดับโลกอย่าง Bon Jovi เจ้าของเพลง It’s My Life ก็ยังเผื่อที่ว่างไว้ให้กับเพลงที่มีเบื้องหลังหดหู่ในอัลบั้มของตัวเอง ยิ่งสะเทือนใจเมื่อเพลง August 7, 4:15 เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกลักพาตัวไปทำร้ายจนถึงแก่ความตายนั้น คือ Katherine Korzillius ลูกสาวของผู้จัดการ Bon Jovi นั่นเอง ทุกครั้ง Katherine มักจะอาสาเป็นคนลงไปเอาจดหมายที่ตู้จดหมายของหมู่บ้านเพื่อจะได้เดินเล่นกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักด้วยตัวเอง แต่วันนั้นแม่เธอกลับร้อนใจเพราะผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วแต่ลูกสาวก็ยังมาไม่ถึง เธอจึงขับรถออกไปหารอบหมู่บ้านและเจอร่างของลูกสาวอยู่บนถนนอยู่ฝั่งตรงข้ามของทางที่ลูกสาวเธอควรเดินกลับบ้าน ข้อสันนิษฐานของตำรวจชี้ว่าเธออาจถูกลักพาตัวแล้วโยนออกจากรถ ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานก็สนับสนุนว่าเธอไม่ได้เสียชีวิตเพราะถูกรถชนแต่ถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะ ทำให้แม่ของเธอเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย แต่หลักฐานก็ไม่แน่นหนาพอจะเอาผิดใคร หลายฝ่ายเลยลงความเห็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุเท่านั้น จนกลายเป็นอีกคดีที่ปิดไม่ลง เป็นไปได้ก็ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นเลยอย่างที่ในเนื้อเพลงที่ร้องไว้ว่า ‘Tell me it was just a dream’ ชื่อเพลงก็มาจากวันและช่วงเวลาที่เธอน่าจะเสียชีวิตนั่นเอง

Sufjan Stevens – John Wayne Gacy Jr

Sufjan Stevens ยังคงทำเพลงได้ละมุน เสียงร้องที่ห่างเหิน อบอวลไปด้วยเมโลดี้ชวนฝัน ทำให้คนฟังจินตนาการไปว่า John Wayne Gacy Jr ต้องเป็นเด็กผู้ชายที่น่าสงสารมากแน่ ๆ ซึ่งน้องก็น่าสงสารจริง ๆ นั่นแหละ เพลงนี้ก็มีเบื้องหลังที่ดำมืดไม่แพ้เพลงอื่น ๆ เพราะ John Wayne Gacy คือฆาตกรต่อเนื่องในชื่อ Killer Clown ที่ข่มขืนแล้วฆ่าเด็กและวัยรุ่นผู้ชายอเมริกันไปมากมาย ตำรวจต้องใช้เวลาตามจับถึงหกปี ซึ่งเนื้อเพลงก็เป็นการเปรียบเปรยถึงความท้อแท้และอัดอั้นตันใจของหนูน้อย Gacy ที่ต้องเติบโตมาอย่างบอบช้ำกับพ่อแม่ที่ทำร้ายเขามากมายจนกลายเป็นฆาตกรโรคจิต ก่อนจะเปิดเผยจำนวนเหยื่อที่เขาจัดการไปถึง 27 คนในเนื้อเพลง แต่มีรายงานข่าวว่าความจริงแล้ว Killer Clown ฆ่าเด็กไปถึง 33 คนเลยทีเดียว

Nirvana – Polly

เป็นอีกหนึ่งเพลงที่มีต้นตอโคตรดาร์ก ภายใต้เสียงของกีตาร์โปร่งอันแสนหดหู่นี้มีน้ำตาของเด็กสาวอายุ 14 ซ่อนอยู่ ซึ่ง Krist Novoselic มือเบสของวง Nirvana ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์สะเทือนใจที่เกิดขึ้นจริงบนหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อเธอกลับจากคอนเสิร์ตและพยายามโบกรถกลับบ้าน แต่เจ้ากรรมเธอดันโบกรถบ้านของ Gerald Arthur Friend ซะงั้น เขาจอดรับเธออย่างสุภาพก่อนจะจับเธอมัดไว้กับคานของรถบ้านและทารุณเธออย่างโหดร้าย แล้วข่มขืนเธอซ้ำ ๆ อยู่หลายวัน แต่โชคดีของเธอจริง ๆ ที่เธอใช้พลังเฮือกสุดท้ายหนีออกมาได้ตอน Gerald จอดรถที่ปั้มน้ำมัน และโดนจับในอีกวันถัดมา

ก่อนหน้านี้เพลงนี้มีชื่อว่า Hitchhiker นักโบกรถ ต่อมาใช้ชื่อ Cracker แปลว่าคนที่น่าสงสาร แต่สุดท้ายก็มาลงเอยที่ Polly ตอนบันทึกเสียงเพลงนี้ สมาชิกในวงหรือโปรดิวเซอร์อย่าง Butch Vig ต่างเห็นตรงกันว่าควรจะอัดแบบเต็มวงเครื่องดนตรีครบทุกชิ้น แต่ Kurt Cobain กลับหยิบกีตาร์โปร่งห้าสายขึ้นมาและเล่นเพลงนี้วนไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจใคร โปรดิวเซอร์ฟังไปฟังมาก็รีบไปหยิบเครื่องอัดเสียงมาตั้งใกล้ ๆ และเห็นด้วยกับ Kurt ว่าเพลงนี้ควรจะทำเป็นอะคูสติกมากกว่า ด้วยเมโลดี้และคอร์ดที่ไม่ซับซ้อน เพลงนี้จึงเป็นเพลงที่คนหัดเล่นกีตาร์มักใช้ฝึก

The Killers – Leave the Bourbon on the Shelf / Midnight Show / Jenny Was a Friend of Mine

หลาย ๆ เพลงอาจข้างบนอาจมีที่มาจากอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงและบิดเนื้อเพลงให้ไม่เหลือเค้าของความน่ากลัว แต่สามเพลงดังของ The Killers นี้ต่างออกไป เพราะถ้าใครลองฟังหรืออ่านเนื้อเพลงดี ๆ จะรู้ว่าสามเพลงนี้กำลังเล่าถึงอาชญากรรมอันน่าขนลุกโต้ง ๆ และเป็นซีรี่ส์เขย่าขวัญร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเชื่อมกันในชื่อที่ทุกคนตั้งให้ว่า The Murder Trilogy

ทั้งสามเพลงมีพล็อตแบบหนังสืบสวนอันว่าด้วยความรักที่ไม่สมหวัง การแก้แค้น และการเอาตัวรอด เริ่มด้วย Leave the Bourbon on the Shelf เล่าถึงหนุ่ม (คนร้อง) ที่ล้มลงกราบกรานขอโอกาสอีกครั้งกับสาวที่เขารักที่สุดอย่าง Jenny แต่เธอกลับหักอกเขาจนไม่เหลือชิ้นดีและถากถางอย่างร้ายกาจว่าจะไปกับหนุ่มคนอื่น เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นในเพลง Midnight Show เมื่อหนุ่มเจ้ากรรมตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ของสุราและความแค้นที่ได้รู้ว่า Jenny ที่เขารักไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนอื่น เขาจึง ‘Took my baby’s breath beneath the chandelier’ เอาลมหายใจของสุดที่รักไป หรือบีบคอเธอจนถึงแก่ความตายใตแชนเดเลียร์นั่นเอง และบทสรุปที่น่าขนลุกใน Jenny Was a Friend of Mine ที่เราได้ยินฆาตกรหนุ่มสารภาพความเท็จออกมาได้อย่างหน้าตาย ว่า ‘There ain’t no motive for this crime, Jenny was a friend of mine’ ผมไม่มีแรงจูงใจที่จะฆ่าเธอ Jenny เคยเป็นเพื่อนของผม โดยอ้างว่ามันคืออุบัติเหตุและพยายามเอาตัวรอดจากการจับกุม อย่างกับหนัง CSI ที่เคยดู แม้จะมีเนื้อหาที่น่ากลัวเหมือนกับชื่อวง แต่สามเพลงนี้กลับผลักดันให้อัลบั้มแรกของพวกเขาเปิดตัวอย่างสวยงามและเป็นที่รักของนักฟังทุกคน

อ้างอิง
My interpretation of Corsicana
Suffer little children: how Ian Brady cast a dark shadow over popular culture
Rock History 101: Sufjan Stevens’ “John Wayne Gacy, Jr.”
POLLY by NIRVANA
Katherine Korzilius on Unsolved.com
CRIME SONG WEDNESDAY: THE MURDER TRILOGY BY THE KILLERS
Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา