Feature Head talk

7thScene: Behind The Scene

  • Writer: Gandit Panthong and Montipa Virojpan
  • Photographer: Nattanich Chanaritichai
  • Stylist: Varachaya Chetchotiros
  • Art Director: Tunlaya Dunnvatanachit

7thScene

อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข (แสตมป์)
กฤช วิรยศิริ (อาร์ต)
ชัชวาล วิศวบำรุงชัย (ชัช)

“พวกเราพร้อมแล้วครับ ลุยกันเลยดีกว่า” เสียงชายหนุ่มทั้ง 3 สมาชิกวงดนตรี 7 th Scene กล่าวกับผมพร้อมทั้งเสียงหัวเราะที่ลั่นออกมาราวกับว่าไม่ได้ถูกสัมภาษณ์มาอย่างยาวนาน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ พวกเขาไม่ได้ถูกสัมภาษณ์พร้อมกันแบบนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และบทสัมภาษณ์ต่อหน้าผู้อ่านทุกท่าน คือ เรื่องราวของ 3 หนุ่มที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังที่ไหนเต็ม ๆ แบบนี้มาก่อน ส่วนบทสัมภาษณ์ครั้งนี้จะคุยเรื่องอะไรกันบ้าง ละครเรื่อง 7th Scene ฉายแล้ววันนี้ ไปอ่านกันวันนี้แล้วไปดูกันเดือนหน้านะ

1

Scene 1: การกลับมาที่คาดไม่ถึง  

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่พวกเขาหายไปอย่างยาวนานในโลกของเสียงดนตรี ทำให้ทุกคนล้วนแล้วแต่สงสัยว่า พวกเขาหายไปไหน อะไรดลใจให้กลับมา ละครฉากที่ 1 ฟังใจซีนอยากจะนำทุกท่านเข้าสู่เรื่องราวของวงดนตรรีที่มีชื่อว่า 7 th Scene ต้นเหตุในการกลับมาเกิดจากอะไร ทำไมพวกเขาถึงกลับมา 

กลับมาครั้งนี้ คือ การรวมตัวเฉพาะกิจ

ชัช: การรวมตัวครั้งนี้มันเริ่มมาจากวันนึงแสตมป์มาบอกผมว่า ฟังใจจะให้ไปเล่นงานคอนเสิร์ตที่เป็นงาน Reunion งานชื่อเห็ดสด เขาก็มาเล่าให้ฟังแต่ก็ไม่ได้ถามผมกับพี่อาร์ตนะ แค่เล่า ๆ แต่สุดท้ายก็บอกว่า ต้องเล่นงานนี้นะ เพราะรับปากทีมงานเขาไปแล้วว่าต้องเล่น

แสตมป์: คือพวกเราจะมีกลุ่ม 7th Scene Reunion ในไลน์ครับ เป็นกลุ่มที่ไม่เคยคุยเรื่องงานมาก่อน แล้ววันนั้นก็เลยลองคุยดูครับ

อาร์ต: คำที่แสตมป์บอกวันนั้นมันไม่ใช่คำถามครับ มันเป็นคำสั่งเลย (หัวเราะ) แต่จริง ๆ เราอยากเล่นมานานแล้วครับ ด้วยความที่ไม่ได้เล่นดนตรีกันนานแล้วเลยรับปากลุยไปเลยครับ

วันที่ถามคำถามเรื่องนี้…แสตมป์กลัวเพื่อนตอบไม่เล่นบ้างรึเปล่า

แสตมป์: เราว่าอาจจะตอบแบบนั้นแน่ ๆ ก็เลยบอกเพื่อนว่า เรารับปากเขาไปแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ ผมกับพี่อาร์ตคุยกันตลอดว่า อยากทำเพลงใหม่ด้วยกัน แต่ชัชเขายุ่งมาก เพราะทำงานละครตลอดเวลา มันก็เลยไม่มีเวลาตรงกันสักที อีกอย่างมันรู้สึกคิดถึงนะ เวลาผ่านมา 10 ปีกลับมาฟังเพลงที่เคยทำกันอีกที เพลงเราเพราะเหมือนกันนะ ทำไมมีโอกาสแล้วถึงจะไม่เล่นด้วย ต้องเล่นสิเว้ย มันไม่ได้มีโอกาสแบบนี้มาบ่อย ๆ นะ

ที่ผ่านมาแต่ละคนแยกย้ายกันไปทำงานอะไรกัน

แสตมป์: ผมกับพี่อาร์ตจะอยู่ในงานฝั่งของด้านดนตรีมากกว่า ส่วนชัชจะห่างไกลจากพวกเราไปหน่อยครับ

ชัช: ของผมจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับดนตรีแล้ว ตอนนี้จะทำงานเป็นผู้กำกับพวกละครช่อง 3 มากกว่าครับ

อาร์ต: ผมก็กลับไปทำซาวด์ที่ LOVEiS ครับ ทำงานโปรดิวเซอร์ไปด้วยแล้วก็สอนหนังสือ มีช่วงนึงก็เป็นอาจารย์ครับ

มีคนจำได้ไหมว่าเป็นสมาชิกในวง 7th Scene

อาร์ต: มีนะถ้าเป็นเด็กนักเรียนรุ่นแรก ๆ ของเราสมัย 7 ปีที่แล้วจะจำได้หมด แต่ถ้าเป็นรุ่นหลัง ๆ เขาคุยกันมากกว่าจะไปค้นหาประวัติเรากัน เข้าไปสอนจะเจอเด็กเปิดเพลงวงเราในยูทูปบ่อยครับ

ชัช: แต่คนจำผมไม่ได้นะ ตอนนั้นมันไม่ค่อยมีอะไรให้เห็นหน้าด้วยมั้ง พอมีคนมาถามก็จะบอกว่าเราไม่ใช่ เราเขินครับ มีครั้งนึงตอนนั้นอยู่กับพี่บอย โกสิยพงษ์ มีน้องมาบอกว่า ถ่ายรูปให้หน่อย เขาก็ยื่นโทรศัพท์ให้ถ่ายรูปกับพี่บอยโดยที่ไม่รู้จักผมเลยว่าผมเป็นใครมาจากไหน

แสตมป์: จริง ๆ ก็มีคนทักบ่อยนะ บอกว่าชอบเพลงสมัยนั้นมากกว่าสมัยนี้ คิดถึงซาวด์แบบนั้น มันเฟี้ยวฟ้าวดี มีถามว่าคุณอาร์ตทำเพลงอยู่รึเปล่า ? ส่วนสาว ๆ ก็จะถามถึงพี่ชัชครับ

อาร์ต: สมัยนั้นช่วงที่โปรโมตวงเราเนี่ยจะไปเล่นตามโรงเรียนมัธยมครับ เด็ก ๆ หน้าเวทีก็จะเอียงไปข้างพี่ชัชหมดเลย ตอนนี้คิดว่า เด็กมัธยมยุคนั้นคงจะแก่หมดแล้ว แต่งงานกันไปบ้างแล้ว (หัวเราะ)

2

Scene 2: เปิดตำนาน 7th Scene

หลายคนเกิดไม่ทันในยุคเฟื่องฟูของวง 7th Scene ทุกคนต่างสงสัยว่าที่แท้จริงแล้ว ชื่อวงของพวกเขาเกิดขึ้นได้อย่างไร การเดินทางในช่วงเวลาที่พวกเขาเปลี่ยนสภาวะจากนักศึกษาที่มีความฝันสู่นักดนตรีมีค่าย มีเพลงเป็นของตัวเอง ความรู้สึกมันแตกต่างมากน้อยแค่ไหน ตำนานของ 7th Scene กำลังจะถูกเล่าอย่างเป็นทางการในฉากที่ 2

จุดเริ่มต้นของวงดนตรีที่ชื่อว่า 7th Scene

อาร์ต: จริง ๆ มันเริ่มมาจากแสตมป์กับชัชครับ

ชัช: ใช่เราทำละครด้วยกันครับ ยุคนั้นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของเรายังไม่ค่อยมีการทำละครเกิดขึ้นสักเท่าไร ยังไม่มีผู้หญิงเข้ามาเรียนเยอะเหมือนสมัยนี้

แสตมป์: เดี๋ยวนะ ใช่เหรอวะ (หัวเราะ) แล้วถ้าไม่มีผู้หญิงเข้ามาแล้ว ตอนนั้นเราทำอะไรกัน

ชัช: เราก็ไปทำละครไงครับ ผู้หญิงจะได้กรี๊ด แต่สมัยนั้นพวกเราไปสนุกกับการตอกฉากมากกว่า

แสตมป์: ครับ จากนั้นก็ได้ทำละครร่วมกัน ผมกับชัชจะสนิทกันตั้งแต่ในค่ายที่ทำละครแล้ว

ชัช: แสตมป์ เขาจะเป็นมือกีตาร์ประจำค่าย

แสตมป์: พอทำละครจบแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายไป แต่เราสองคนไม่ยอมแยกย้ายเหมือนคนอื่นเขา อยู่ ๆ ก็อยากทำเพลงด้วยกัน ปรากฏลองทำดูแล้วสองคนไม่รอด

ชัช: พอไม่รอดปุ๊บ เราก็จำได้ว่ามีพี่คนนึงเคยเข้ามาช่วยเราทำละคร เขาเก่งคอมมาก ซ่อมคอมอะครับ ไม่ใช่นะครับ เก่งเรื่องการทำเสียงต่าง ๆ ในเพลงนั่นก็คือพี่อาร์ต

อาร์ต: ตอนนั้นผมเป็นรุ่นก่อนหน้าแสตมป์กับชัชครับ ทำละครก่อนหน้านานแล้ว พวกเขาก็มาชวนผมไปทำเพลง เราก็ตอบรับคำเชิญเขาเลยครับ

ที่มาของชื่อวง..ที่ใช้แนวคิดเดียวกันกับวงอพาร์ตเมนต์คุณป้า

แสตมป์: ตอนนั้นเรามาอยู่ที่ค่าย LOVEiS แล้วครับ พี่บอย โกสิยพงษ์ เพิ่งเปลี่ยนชื่อค่ายจาก Bakery Music มาเป็น LOVEiS จะมีอัลบั้มแรกที่เป็น Compilation เกิดขึ้น มันจะมี 2 แผ่นในอัลบั้มนี้ วงใหม่อย่างพวกเราจะอยู่แผ่นที่สอง ซึ่งตอนที่เข้าไปอยู่ในค่าย LOVEiS เนี่ย พี่อาร์ตเขาแอบส่ง DEMO เพลงให้พี่บอยฟังแล้วใช้ชื่อว่า วงอาร์ต ทุกคนในออฟฟิศก็เลยเรียกวงเราว่า วงอาร์ต มาถ่ายรูปวงนะ วงอาร์ตมาทำเพลงกันนะ ซึ่งผมก็มาคิดแล้วว่ามันควรจะมีชื่อวงแล้วสินะ

ชัช: ตอนนั้นก็เลยให้การบ้านไปคิดชื่อวงกันมาคนละ 5 ชื่อ เพราะต้องถ่ายปกแล้ว ต้องมีชื่อวงได้สักที

แสตมป์: เราก็เลยตั้งใจว่าจะแยกกันไปคิดมา 3 คนมันก็จะได้ 15 ชื่อ ใน 15 ชื่อมันต้องมีของดี ปรากฏว่าไม่มีใครคิดมาเลย การตั้งชื่อวงแม่งยากจริง ๆ นะครับ

ชัช: จากนั้นเราก็นัดกันมาเจอกันครับ ปรากฏว่าวันนั้นมาสายกันอีก ต้องรีบขึ้นแท็กซี่แล้วหาของจากบนแท็กซี่กันตั้งชื่อวงกัน

แสตมป์: เราเคยได้ยินตำนานนี้ว่า วงอพาร์ตเมนต์คุณป้า ตั้งชื่อจากการเปิดหน้าต่างไปมองสิ่งแรกที่ได้เห็น ทำให้เราประทับใจมากก็เลยจะเลียนแบบครับ สิ่งแรกที่ได้เห็นของวงเราคือ ปกเทปวง Blur เอาชื่อเพลงมาดูกันเจอเพลง Pop Scene ทุกคนในวงชอบ แต่มันก็ยังแปลก ๆ อยู่

ชัช: ผมชอบคำว่า Scene เพราะมันเกี่ยวกับละคร เลยเอาชื่อนี้มา แล้วคิดว่าเดี๋ยวเราเจออะไรแล้วจะลงท้ายด้วย Scene ดูอันไหนเข้าสุดจะเอาอันนั้น

อาร์ต: ในที่สุดผมก็เจอเซเว่นครับ (หัวเราะ) แต่ก่อนจะมาถึงมีชื่อแบบ ประชาชาติ Scene ด้วยคือ ขึ้นทางด่วนมันจะเจอป้ายบิลบอร์ดเยอะมาก เราก็จะไล่ชื่อมาเรื่อย ๆ จนมาเจอเซเว่นใหญ่ ๆ อยู่ก่อนเลี้ยวเข้าสถานที่ที่จะไปถ่ายปก

แสตมป์: พอถึงที่หมาย มันจะเหลือเวลานิดนึงก็คิดว่าจะพูดถึงที่มาชื่อวงเรายังไงดีวะ

ชัช: เลยบอกไปว่า ฉากที่ 7 ละครจะเป็นฉากที่พีกหน่อย เอาง่าย ๆ ได้ชื่อมาก่อนค่อยเอาความหมายลงไปครับ

แสตมป์: เหมือนตอนเราส่งแบบตอนเรียนเลย ถ้าใครเรียนสายนี้จะเข้าใจดี (หัวเราะ)

ชัช: จำได้ว่าตอนลงรถไปถึง เขาถามว่าชื่อวงชื่ออะไร แม่งเงียบกันหมดเลย คิดในใจเอาจริงเปล่าวะเนี่ย ชื่อนี้

โลกที่มีเธอ..เพลงแรกที่ทำให้ทุกคนรู้จัก 7th Scene

แสตมป์: เพลงแรกที่ทำ ตอนนั้นก็อยู่ในอัลบั้ม Love is Vol.1 รวมศิลปิน เหมือนเป็นอัลบั้มโปรโมตค่ายไปด้วยในตัวและโปรโมตวงหน้าใหม่ไปด้วย จะมีวงใหญ่ ๆ อย่าง Pru, Groove Rider, โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ วงเราก็จะเป็นซิงเกิลแทรกเข้าไปในแผ่นอีกที

อาร์ต: เพลงที่ทำตอนนั้นมีชื่อว่า โลกที่มีเธอ ครับ

ชัช: แต่เอาเป็นว่า เราทุกคนแปลกใจกันป่ะละที่ทำไมวงเราถึงหายไปตอนนั้น (หัวเราะ)

แสตมป์: แต่เพลงมันเพราะนะเว้ย ตอนออกมามันก็ดีนะ ไม่ได้คิดเรื่องกระแสตอบรับเลย แค่ได้ออกก็ดีใจมากแล้ว เหมือนเด็กวัยรุ่นที่ได้ออกเพลงก็ดีแล้ว มันมีความสุขแฮปปี้ไปแล้ว หลังจากนั้นก็มีโปรเจกต์ The Strangers มาขั้นจังหวะก่อนที่จะเป็นอัลบั้มเต็มครับ

ชัช: ระยะเวลามันจะเป็นช่วงปี 2005 – 2008 ตามอ่านได้ในหนังสือ ก่อนความฝันจะล่มสลาย นะครับ (ขายของให้แสตมป์หน่อย)

แสตมป์: ใช่ ๆ 3 ปีได้ กว่าจะได้ออกอัลบั้มเต็ม

กระแสตอบรับกับวงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น

แสตมป์: มีงานจ้างงานแรกเกิดขึ้นในชีวิตของพวกเรา 3 คนครับ เป็นงานครบรอบ 7 ปีร้านนึงในจังหวัดโคราชด้วย ตอนออกอัลบั้มมีงานทัวร์มหา’ลัยเยอะมาก เพราะ วงเราจะเล่นฟรีซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้างานจ้างเนี่ยมีงานเดียวงานนั้นเลยแล้วก็มีพวกงานเกมด้วย เพลงวงเราจะดังจากเกม Audition ซึ่งเราไม่เคยเล่นเลยไม่รู้ว่าทำไมมันดัง

อาร์ต: ที่มันดังเพราะเพลงมันเต้นง่ายเว้ย

แสตมป์: เพลงมันเพราะ เพลงมันเพราะจริง ๆ มันเป็นเพลงเอาไว้ฝึกเต้นระดับเบสิกครับ (หัวเราะ)

ในส่วนของแฟนคลับเป็นไงบ้าง มีคนติดตามวง 7th Scene เยอะรึเปล่า

แสตมป์: แฟนคลับพี่ชัชเยอะมากครับ ส่วนใหญ่แฟนคลับเขาหมดเลย

ชัช: ไม่เห็นมี ไม่มีจริง ๆ

อาร์ต: ผมเคยเห็นคนสร้างเพจใน Facebook ขึ้นมาเป็นคู่จิ้น เขาพยายามทำให้ 2 คนนี้จิ้นกัน เพิ่งทำตอนช่วงคอนเสิร์ตเกรียนเดย์ครับ

ชัช: ช็อตคุณกอดกับผมแน่ ๆ เลยแสตมป์ (หัวเราะ)

3

Scene 3: ทบทวนความทรงจำ

เมื่อเริ่มเล่าถึงเรื่องราวการก่อตั้งวงของ 7th Scene ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความทรงจำที่พระเอกทั้ง 3 คนของเราจำได้กับเรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับวงนี้มีมากน้อยแค่ไหน คำถามของฟังใจซีนหลังจากนี้ คือ คำถามวัดความทรงจำทั้ง 3 อย่างแท้จริง ไปดูกันว่าทั้ง 3 หนุ่มจะเรียงเพลงในอัลบั้มของตัวเองได้หรือไม่ 

ขั้นตอนการทำเพลงในอัลบั้มเต็มใช้เวลาทำนานไหม

แสตมป์: จริง ๆ เราทำตั้งแต่เรียนปี 3 แล้วจนเรียนจบก็ยังไม่ได้ออกสักที

อาร์ต: ขั้นตอนการทำเพลงมันเสร็จนานแล้ว จำได้ว่าผมทำเสร็จก็พวกแสตมป์กับชัชก็เรียนจบพอดี

แสตมป์: จำได้เลยว่า เสร็จก่อนทีสิสผมอีก

ชอบเพลงอะไรของ 7th Sceneที่สุด

แสตมป์: วงเรามีเพลงอะไรบ้างวะ (หัวเราะ) เธอที่มาพร้อมความรัก เพลงนี้เจ๋ง แต่งบนรถทัวร์ด้วย หนีพี่อาร์ตครับ เพลงนี้มีสตอรี่

ชัช: ตอนนั้นต้องมีตติ้งละครแล้วเราก็หนีกันครับ ขึ้นรถทัวร์หนี ระหว่างทางก็เลยแต่งเพลงนี้เลย ส่วนตัวผมชอบเพลง คว้า เหมือนภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ 

อาร์ต: ผมชอบเพลงเดียวกันกับชัช

เรียงเพลงในอัลบั้มให้ฟังใจซีนดูหน่อยว่าจำได้ทุกเพลงจริงหรือไม่

ชัช: คว้า ก่อนเพลงแรกเลย

แสตมป์: เธอที่มาพร้อมความรัก เพลงสอง เพลงสาม รอฟังคำนั้น ลืมแล้วว่าเคยต้องเจ็บ (ร้องเพลง) เพลงที่ 4

ชัช: เพลงแปด โลกที่มีเธอ ป่ะ เรามีกี่เพลงวะเนี่ย

แสตมป์: 11 เอ้ย 12 เพลงดิ

อาร์ต: เพลง ลืม เพลงที่ 5

แสตมป์: เพลงที่ 6 คลั่ง ชัวร์

ชัช: เพลงที่ร้องกับไอ้คิวป่ะ เพลงที่ 7 คิว ๆ โอ๊ยจำไม่ได้ว่ะ

แสตมป์: เป็นฉันหรือใคร เพลงที่ 8 ผลลัพธ์ เพลงที่ 9 เพลงที่ 10 โลกที่มีเธอ

ชัช: เพลงที่ 11 ไม่จริงใช่ไหม เพลงที่ 12 บวก

แสตมป์: สรุปพวกเราจำไม่ได้ครับ (หัวเราะ) แฟนคลับใครที่อ่านอยู่ช่วยพวกเราเรียงด้วยนะครับ

แนวเพลงที่แท้จริงของ 7th Scene

อาร์ต: ความตั้งใจของเราจะเป็นแบบวง P.O.P นะ เป็น Pop-Bakery ที่มีความเป็นอิเล็กทรอนิกอะ

ชัช: จริง ๆ มันมาคิดทีหลังนะแนวเพลง Synth-Rock เนี่ย

แสตมป์: ลองถามสิที่บ้านใครในวงมี Synth บ้าง (หัวเราะ) ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าเครื่องดนตรีแบบนี้เป็นยังไง จริง ๆ หลักของวงเรามันก็ยืนพื้นด้วยคำว่า Pop เป็นหลักครับ

4

Scene 4: รอฟังคำนั้นอยู่รู้รึเปล่า

เพลงในตำนานที่ฟังใจซีนเชื่อว่า หลายคนมีความหลังกับเพลงนี้ ไม่ว่าจะเอาไปใช้จีบสาวก็ดี เล่นเกม Audition แล้วเอาไปฝึกเต้นหรือจะใช้ฟังเพลงตกหลุมรักใครสักคน แต่หารู้ไม่ว่าเพลงนี้มีที่มาจากร้านอาหารในสยาม รวมไปถึงการแยกย้ายของสมาชิกทั้ง 3 คนที่หลายคนสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงพักวงชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนดกินเวลายาวนานมาถึงขนาดนี้ เรื่องราวจะเป็นเช่นไรทั้ง 3 คนจะเล่าให้ฟังในฉากที่ 4 ฉากนี้กันเลย 

รอฟังคำนั้นเพลงนี้แต่งจากอะไร

ชัช: เราแต่งเพลงนี้ที่ร้านฮะจิบัง ราเมน สาขา สยามแสควร์ แสตมป์มาร้องเพลงนี้ให้ผมฟัง ‘รอฟังคำนั้น มีคนอยากฟังรู้รึเปล่า’

แสตมป์: ตอนนั้นทำเพลงนี้ นั่งดูหญิงกันด้วย นึกภาพนะครับ ทุกคนถ้าเข้าสยามต้องผ่านร้านนี้ เพลิดเพลินมากครับ ร้านฮะจิบัง ราเมนจะมีกระจกใหญ่ ๆ มันจะเป็นร้านมองสาวด้วย

ชัช: ตอนนั้นจำได้ว่า ได้เนื้อเพลงมาคร่าว ๆ แล้วไปแต่งต่อบ้านพี่อาร์ตครับ

แสตมป์: คือไม่มีสาระเลย ไม่มีคอนเซปต์เลย ได้คำอะไรก็แต่งมาเพลงนี้อะ (หัวเราะ)

ชัช: ตอนนั้นยังไม่รู้วิธีการเขียนด้วยมันเลยยาก พี่บอย โกสิยพงษ์ก็จะมาสอนวิธีแต่งเพลงบ้าง พวกวิธีคิดเรื่องราวต่าง ๆ

อาร์ต: เราก็โยนหินถามทางไปเรื่อย แค่คำมันคล้องจองก็พอแล้ว

5

ทำไมในช่วงเวลานั้นถึงพักวง 7th Scene ชั่วคราว

แสตมป์: วงเราไม่เคยแยกจากกัน แต่พักวงชั่วคราวครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นเราก็มีแนวทางของตัวเองครับ พี่อาร์ตเคยพูดไว้ดีมากเลยนะ พูดว่า “วงแนวอย่างเราไม่ใช่แค่สองสามปีเพลงมันจะหายไปนะ 10 ปีกลับมามันก็ยังอยู่เหมือนเดิม”

อาร์ต: ผมพูดเหรอ อย่างกับวงร็อก (หัวเราะ)

ชัช: จำได้ ๆ ผมจำได้

แสตมป์: ตอนนั้นมันเริ่มไม่อินหลายๆ อย่าง

ชัช: ผมไม่ค่อยชอบงานที่ต้องเป็นเบื้องหน้าครับ

แสตมป์: พวกเราชอบเป็นคนเบื้องหลัง 3 คน ด้วยความที่ยังไม่มีงานจ้างด้วยมันก็เลยทำให้เราเริ่มคิดเกี่ยวกับเรื่องการเล่นดนตรีของพวกเราเหมือนกัน

ชัช: เหมือนกับว่าพอไม่มีงานจ้างเราก็ไม่มีเงินใช้ ต้องไปทำอย่างอื่น ๆ พวกงานนอกต่าง ๆ เลยกลายเป็นว่า รับงานแบบนี้เยอะแล้วเข้าใจว่า งานโปรโมตมันจะช่วยให้เรามีชื่อ แต่งานนอกที่เรารับมาทำมันก็ต้องส่ง เราก็ต้องเลือกแล้ว ตอนนั้นจำได้มันเป็นงานแสดงความยินดีกับต้นคริสต์มาสเนี่ยละงานนึง ศิลปินสมัยก่อนเขาต้องทำกัน คือเอากระเช้าดอกไม้ไปให้ผู้ใหญ่ เหมือนเราไปเอาหน้าให้เขาเห็น แต่ความรู้สึกเราคือ เขาไม่ได้อยากจะมาเจอเราอะ สุดท้ายเขาก็เลือกรูปที่ถ่ายกับคนดังๆ แต่เราก็เข้าใจว่ามันเป็นความจำเป็น ผมก็เลยเริ่มไม่ชอบระบบตรงนี้เท่าไร

แสตมป์: จำได้ว่า PR บอกไปยืนข้างหน้า (หัวเราะ)

ชัช: แล้วพอถึงตรงนั้นมันก็ทำให้เรารู้แล้วว่า เราไม่ชอบพาร์ตนี้ว่ะ ถ้าจะให้ไปอยู่ในพาร์ตที่ดังแล้วไม่ไปร่วมงานมันก็ไม่ใช่อยู่ดี ต้องเริ่มจากตรงจุดนี้อยู่ดี

แสตมป์: แต่ผมชอบนะ (หัวเราะ)

ชัช: ก็เลยรู้สึกว่าไปทำเบื้องหลังดีกว่า อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวของผมเองนะ

อาร์ต: แต่ตอนนั้นชัชเป็นตัวตั้งตัวตีนะ ว่าพอเถอะพักก่อน

แสตมป์: เราไม่ได้จะเลิกทำนะ แต่เราไปปรับความเข้าใจกัน

พักวงชั่วคราวแล้วทำไมถึงไม่ยอม กลับมาทำวง 7th Scene กันต่อ

อาร์ต: ตอนนั้นผมเริ่มรับงานนอกต่าง ๆ เยอะ แล้วเวลามันก็ไม่ค่อยมีด้วยครับ

ชัช: งานละครเวทีอะไรผมก็เริ่มทำแล้วช่วงั้น ผมไปช่วยพี่บอย ทำคอนเสิร์ตบอย-ป๊อด ทำไปทำมามันรู้สึกเริ่มห่าง ๆ กันโดยไม่รู้ตัว

อาร์ต: แต่ละคนเริ่มมีโปรเจกต์เกิดขึ้น

แสตมป์: ส่วนผมก็อินกับดนตรีอะคูสติกมาก 7th scene มันเป็นดนตรีเครื่องไฟฟ้าใช่มั้ย ผมกลับรู้สึกว่าอยากลองทำงานอะคูสติกก็เลยไปทำโปรเจกต์เดี่ยวของตัวเอง ซึ่งถึงแม้เราจะหนีดนตรีเครื่องไฟฟ้ายังไงก็ตามทุกวันนี้มันก็ยังทำดนตรีด้วยเสียงจากคอมพิวเตอร์อยู่ดี

ความรู้สึกตอนกลับมาคราวนี้..รู้สึกไหมว่าเพลงเรายังอยู่

แสตมป์: แน่นอนครับ ผ่านไป 10 ปี ในงานร้องเพลงได้คนเดียว ผมก็น้ำตาไหลแล้วนะครับ

6

Scene 5: เห็ดสด 4

เข้าสู่ฉากที่ 5 ฟังใจซีนขอพาทุกท่านมาเช็กความพร้อมล่าสุดของพวกเขา 7th Scene กันหน่อยว่า ตอนนี้พวกเขาเตรียมตัวกันขนาดไหนแล้ว เพลงที่จะเล่นในงานมีเพลงอะไรบ้าง สินค้าที่จะขายในงานจะนำอะไรมาขายแฟนเพลง คำตอบทั้งหมด ฉากที่ 5 ฉากนี้มีเฉลย 

ความพร้อมในเห็ดสด 4 ครั้งนี้ เตรียมความพร้อมไปถึงไหนกันแล้ว

ชัช: เอ้าไม่ใช่ครั้งที่ 18 เหรอครับ เห็ดสดเนี่ย

แสตมป์: ฟังใจซีนเล่ม 18 ต่างหากครับ ล้อเล่นครับ ตอนนี้อัพเดตแรกเลยรู้ไลน์อัพแล้ว วงเราแคนเซิลทันมั้ยครับ (หัวเราะ) จริง ๆ แอบเขียนเพลย์ลิสต์งานวันนั้นไว้แล้วครับ แต่ยังไม่ได้บอกสมาชิกในวง

อาร์ต: เดี๋ยวเจอกันบนเวทีถ้างั้น สบายแล้วผม

แสตมป์: จริง ๆ เราพยายามที่จะเอาสมาชิกไลน์อัพเก่าของวงเรากลับมาหมดเลยนะ แต่ด้วยเวลาต่าง ๆ มันทำให้เราสามารถเอามาได้แค่บางส่วนเท่านั้น คือ ผมอยากจะกลับมาซ้อมกันอีก พอโตแล้วมุมมองของเราต่อวงการดนตรีมันเปลี่ยนไปนะ มันไม่ได้มีเรื่องของปากท้อง มันไม่ได้มีเรื่องของชื่อเสียง รวมไปถึงความคาดหวังอะไรต่าง ๆ แล้ว มันรู้สึกว่าถ้าเราได้กลับมาร่วมกัน สำหรับผมมันเหมือนการรีเซ็ตตัวเองนะ เหมือนตอนที่เราไม่มีอะไรเลย ตอนที่เรามี Passion มันเป็นยังไง อยากจะรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง ดนตรีมันสนุกยังไง

อาร์ต: ผมจะร้องไห้แล้วครับ

เริ่มซ้อมกันแล้วรึยัง

อาร์ต: ยังครับ แต่ตอนนี้อยากจะกลับไปซ้อมแล้ว

ชัช: ผมนี่พร้อมซ้อมแล้ว

แสตมป์: พอรู้ไลน์อัพ ต้องซ้อมแล้วครับ

ได้รู้จักวงที่เล่นเห็ดสดรอบนี้วงอื่นบ้างไหม

แสตมป์: ผมติดตามทุกวงครับ วงอะไรบ้างนะ (หัวเราะ) แต่ละวงเขาใหญ่ตัวมาก ชอบ รัศมีมาก ๆ ครับ คิดว่าจะไปขอลายเซ็นพวกเขากัน คิดว่าน่าดูมาก สำหรับคนที่อ่านฟังใจซีนอยู่ ไม่ชอบดูวงเรา ยังมีวงอีกมากมาย

อาร์ต: ก็ไปฉี่ได้นะครับตอนที่เราเล่น

ชัช: ไปซื้อเบียร์ ๆ ดีกว่า

ในงานวันนั้นวางแผนจะเล่นทั้งหมดกี่เพลง

แสตมป์: น่าจะ 7 เพลงครับ

สินค้าขายในงานจาก 7th Scene

แสตมป์: ขายซีดีเอาป่ะ ยังมีอยู่เปล่า

อาร์ต: ทำเสื้อดีกว่า

แสตมป์: ขอลาย Polycat นะ ขายดีแน่นอน

ชัช: ผมกะทำเสื้อ Greasy Cafe และเสื้อ รัศมี น่าจะขายดีในงาน ตัดสินใจแล้วครับ ทำเสื้อพี่เล็ก (หัวเราะ)

อาร์ต: แต่น่าจะทำเสื้อล่ะครับ ยังไงต้องรอดูอีกที

7

Scene 6: อนาคตหลังจากนี้

สิ่งที่พวกเราสงสัยกันต่อถึงตอนนี้หลายคนรู้แล้วว่า การกลับมาเล่นครั้งนี้ของวง 7th Scene เป็นการกลับมาเล่นแบบเฉพาะกิจ แต่ถ้าเกิดอนาคตหลังจากนี้ล่ะ พวกเขาคิดกันบ้างรึเปล่าว่าจะกลับมาเล่นกันอย่างจริงจัง ไหน ๆ จะถามเรื่องราวในอนาคตแล้ว ฉากนี้ตัดสินใจถามไปเลยละกันว่า ซิงเกิลใหม่ในอนาคตถ้าจะออกมาจะเป็นเพลงแบบไหน ว่าแล้วพระเอกทั้ง 3 คนก็พร้อมที่จะเล่าเรื่องอนาคตต่อทันที 

อนาคตหลังจากนี้ 7th Scene จะกลับมาทำเพลงกันรึเปล่า

อาร์ต: อันนี้ผมยังไม่ได้คุยกับพวกเขานะ (แสตมป์และชัช) แสตมป์เคยชวนผมอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ทำอะไรกระจุกกระจิกไว้นิดหน่อยนะสำหรับโปรเจกต์นี้ มันไม่ได้มีอะไรพอจะให้ใครไปต่อยอดอะไรได้ก็เลยยังทิ้งไว้อยู่

แสตมป์: ผมว่า วงเราควรทำชุดสองว่ะ (หัวเราะ)

ชัช: ก็เล็ง ๆ ว่าจะทำซาวด์แทร็กประกอบหนังดีรึเปล่า

แสตมป์: ผมจะทำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมพูดมาหลายทีแล้ว

อาร์ต: จริง ๆ คุยกันตั้งแต่ตอนภาคใต้น้ำท่วมครับ คิดอยู่ตลอดว่าอยากทำ

แสตมป์: อย่างเพลงที่ผมทำทุกวันนี้ก็ยังมีซาวด์อิเล็กทรอนิก สันดานเราเป็นแบบนี้ว่ะก็น่าจะกลับมาทำแบบนี้ล่ะ

เทพารักษ์ ชื่อซิงเกิลใหม่ชุดที่ 2 ของ 7th Scene

แสตมป์: เพลงนี้มันเป็นนิทานครับ ที่เกี่ยวกับเรื่องคนตัดไม้ เกี่ยวกับทองคำอะไรแบบนี้ เราก็เลยแต่งเพลงมาอารมณ์ว่า เราได้สูญเสียคนที่เรารักไปแล้ว ต่อให้ใครไปหาคนที่สวยกว่า ดีกว่า มันก็แทนกันไม่ได้ จริง ๆ มันคือซิงเกิลของชุด 2 ของ 7th Scene ครับ ไม่แน่สักวันทุกคนอาจจะได้ฟังกัน

ผลงานในอนาคตของพระเอกทั้ง 3 คนที่กำลังจะเกิดขึ้น

ชัช: ผมจะมีกำกับละครช่อง 3 ไปเรื่อย ๆ เลยครับ ช่วงทำอยู่ประมาณนี้ อาจจะมีภาพยนตร์บ้าง ถ้ามีเวลาว่างก็อาจจะทำเพลงเล่น ๆ ปล่อยสนุก ๆ ไม่ต้องไปปล่อยแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน ปล่อยขำ ๆ สนุกสนาน แล้วก็มีรายการด้วยที่ทำอยู่ช่วงนี้

อาร์ต: ของผมก็จะเป็นเรื่องเพลงเหมือเดิม จริง ๆ อยากออกผลงานของตัวเองแล้วครับ ผมรู้สึกว่า เราตรงนี้มานานแล้ว สิ่งที่เรียกว่าการหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพนักดนตรีอะครับ พอทำไปเรื่อย ๆ ก็อยากอยู่กับมันให้นานที่สุด ตอนนี้อยากออกอัลบั้มของตัวเองที่ทำไว้ครับ หวังว่าคงจะได้ออกเร็ว ๆ นี้ถ้าทุกอย่างมันเสร็จเรียบร้อยครับ ซึ่งระยะเวลามันก็ทิ้งช่วงนานมากในการปล่อยเพลงของผม (หัวเราะ)

แสตมป์: ผมกำลังจะทำสิ่งที่ผมฝันมาตลอดครับ นั้นก็คือ เพลงภาษาอังกฤษครับ ผมอยากทำอัลบั้มเพลงสากล แต่ด้วยความรู้ที่ไม่เยอะของผม ทำให้ผมต้องใช้พี่อาร์ตครับ ผมก็จะเขียนเพลงมาแบบภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ ให้เพื่อน ๆ ช่วย ก็น่าจะเป็นโปรเจกต์ที่ได้เห็นในปีหน้า แล้วก็มีเพลงใหม่เพลงไทยออกปีนี้ด้วย

ถ้าย้อนเวลาไปบอกตัวเอง ช่วงที่เป็น 7th Scene ได้
อยากบอกตัวเองว่าอะไร

แสตมป์: มึงร้องผิดวิธีมาตลอดเลยนะ

ชัช: บอกว่าให้เก็บแผ่นวงเราเยอะๆ เพราะมันขายได้

อาร์ต: คงจะบอกว่าไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ก็ได้ ทำพอดี ๆ พอแล้วเพลงเนี่ย

แสตมป์: อยากบอกว่าไม่ต้องไปกังวลอะไรขนาดนั้น ไม่ต้องกังวลว่าอนาคตมันจะโอเคหรือไม่โอเค ทำเต็มที่ให้เรามีความสุขก็พอ

8

Scene 7: สักวันเราจะพบกันใหม่

ฉากสุดท้ายเดินทางมาถึง การพบกันในครั้งนี้ของ 7th Scene และฟังใจซีนถือว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นต่อตัวผู้อ่านและผู้สัมภาษณ์อย่างยิ่ง ถ้อยคำที่ทั้ง 3 หนุ่มอยากฝากถึงคนอ่าน คำใดที่พวกเขาต้องการจะสื่อสารก่อนที่จะจากกันในครั้งนี้ เรื่องราวของบทสัมภาษณ์นี้เดินทางมาถึงตอนจบกันแล้ว

รู้สึกอย่างไรบ้างที่แฟนเพลง
อยากดูการแสดงสดของ 7th Scene เยอะมาก

แสตมป์: ผมกะไว้อยู่แล้วว่าต้องมีคนเห็นค่าเราบ้างล่ะ 10 ปีแล้ว ผมล้อเล่นนะครับ มันพิสูจน์ได้อย่างว่า ความตั้งใจของเรามันอาจจะไม่เห็นผลในช่วงเวลานั้น แต่ในตอนนี้มันทำให้พวกเราชื่นใจได้ว่า สิ่งที่เราทำมีคนชอบ มีคนโหยหาอะไรแบบนี้อยู่ มันดีเหมือนกันนะ เวลามันผ่านไปนานแล้วแต่มีคนคิดถึง อย่างผมเองยิ่งฟังเพลงช่วงนั้นมันนึกถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง อากาศในตอนนั้น การเมือง เรื่องราวต่าง ๆ องค์ประกอบมันเข้ากันหมดเลย เหมือนเราได้สร้างสิ่งนี้ไว้ ดีใจที่มีคนอยากดูเรามาก ๆ ครับ

อ้อนแฟนเพลงที่จะมาดูงานเห็ดสด 4 กันหน่อย

แสตมป์: อย่าคาดหวังครับ (หัวเราะ) คิดว่า พวกเราไม่ได้เล่นกันนานแล้ว

อาร์ต: ก็มาดูเถอะครับ พวกเราก็ตื่นเต้นเหมือนกัน หลายปีมากที่ไม่ได้เล่นด้วยกัน อันนี้คือโชว์เต็ม ๆ ของเราเลย จริง ๆ ทุกวันนี้ผมก็ไปซื้ออุปกรณ์ดนตรีมาเพิ่มแล้วพอรู้ว่าจะได้เล่น

ชัช: พี่รู้มั้ยว่าผมไม่มีเครื่องดนตรีแล้ว

อาร์ต: ยืมเราได้ (หัวเราะ)

แสตมป์: ขอบคุณฟังใจมากๆ นะครับที่ให้โอกาสขุดพวกเราขึ้นมาให้พวกเราได้กลับมาเล่นดนตรีด้วยกัน

ชัช: ขอบคุณแสตมป์ครับ ถ้าไม่มีแสตมป์วงเราก็คงจะถูกลืมไปแล้วจริง ๆ

แสตมป์: ดีใจที่คิดถึงวงเราครับ

ส่งท้ายถึงคนอ่าน

แสตมป์: มันเป็นความฝันของวัยรุ่นนะที่อยากจะทำวงดนตรีเหมือนกับทุกคนที่เล่นดนตรี 7th Scene มันเกิดขึ้นจากความฝันล้วน ๆ ไม่มีเรื่องอื่นเลย สำหรับผมมันมีค่ามาก ๆ นะ เพลงของวงเรามันไม่ใช่เพลงที่สมบูรณ์แบบ ผมว่ามันเพียวมาก เพียวด้วยความตั้งใจ เพราะฉะนั้นแล้ว การเล่นในเห็ดสด 4 ครั้งนี้เราจะเพียวกว่าทุกครั้งที่ผมเคยทำมา

อาร์ต: เห็นด้วยครับ จริงๆ เรากลับมา แต่ความเพียว ณ ตอนนี้มันอาจจะไม่เหมือนตอนนั้นนะ ตอนนั้นมีอะไรก็ใส่หมด ทำเพลงราวกับว่าจะเป็นอัลบั้มเดียว เราใส่หมดทุกอย่างที่มีเลย

ชัช: ซึ่งก็มีอัลบั้มเดียวจริง ๆ ครับ (หัวเราะ)

อาร์ต: เรามองว่าเรื่องของประสบการณ์ต่าง ๆ ด้วย มันลงตัวมากขึ้นในตอนนี้ ตอนนั้นเราลองถูกผิดไปเยอะครับ

ชัช: ผมส่งท้ายเองครับ ก็หวังว่าจะสนุกกับการสัมภาษณ์ของพวกเราครับ แล้วเจอกันเห็ดสด 4 แล้วเราจะได้พบกันครับ

จบบริบูรณ์

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง