Feature Head talk

Stamp: The Architect

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Neungburuj Butchaingam
  • Stylist: Varachaya Chetchotiros
  • Art Director: Son of Jumbo

อากาศร้อน ๆ ยามบ่าย ณ ตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมมีนัดพูดคุยกับแสตมป์ – อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ศิษย์เก่าสุดเกรียนประจำคณะนี้ในช่วงบ่าย 3 โมงเย็น ซึ่งก่อนที่การสนทนาจะเกิดขึ้น ผมยอมรับว่ามีความประหม่าอยู่มากพอสมควร ทำให้ผมต้องทำการบ้านที่จะมาพูดคุยกับแสตมป์ค่อนข้างเยอะ เมื่อใกล้ถึงเวลาเสียงไลน์ในโทรศัพท์ของผมดังขึ้นพร้อมกับประโยคทักทายที่ว่า “พี่ถึงแล้วนะครับ” เป็นสัญญาณที่ทำให้ผมรู้ว่า ได้เวลาสนุกแล้วสิ นี่คือบทสัมภาษณ์เต็ม ๆ ไม่มีตัดในเนื้อหาการศึกษา เสียงเพลง ชีวิตประจำวัน และเรื่องเกมส์ของชายเกรียนอย่าง แสตมป์ ผู้นี้นี่เอง 

Issue10_Newyear

STAGE 1 : Architect Stage

ให้ตายสิผับผ่า…คำอุทานในจิตใจของผมเกิดขึ้น เมื่อแสตมป์เดินเข้ามาในห้องที่เราเตรียมไว้เพื่อทำการสัมภาษณ์ สายตาของเด็ก ๆ คณะนี้บ่งบอกให้รู้ว่า แสตมป์คือผลิตผลที่มีชื่อเสียงสำหรับคณะนี้จริง ๆ หลังจากที่ทักทายหยอกล้อกันพอสมควร ผมไม่รอช้าครับรีบซัดคำถามแรกถามชายคนนี้อย่างรวดเร็ว 

ความรู้สึกแรกหลังจากที่เข้ามาในตึกนี้เป็นอย่างไรบ้าง

เห็นภาพความหลังหลาย ๆ อย่างผุดขึ้นมาครับ มองเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งตัวเราและที่นี่ด้วย สถานที่ดูดีขึ้นเยอะตามยุคสมัย รู้สึกว่าพอผมเรียนจบไป คณะผมก็มีภาคอินเตอร์เกิดขึ้นมาทันทีเลย แล้วพอมันเกิดภาคนี้ขึ้น ทุกอย่างก็ดูอินเตอร์ไปหมดเลย (หัวเราะ) เมื่อก่อนเราอยู่กันแบบบ้าน ๆ ลุย ๆ กันมากกว่า

ตอนนั้นทำไมถึงอยากเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

ผมซิ่วมาจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ครับ ช่วงมัธยมปลายคะแนนสอบถึงเกณฑ์คณะวิทยาศาสตร์ก็เลยมาเรียน แต่ปรากฏว่าเรียนไม่รู้เรื่องเลย ผมค่อนข้างจะเป็นเด็กเกเรชอบไปเล่นดนตรี ไม่ค่อยเข้าเรียน เกรดน้อยมาก เลยขอผู้ปกครองว่าขอสอบเอนทรานซ์ใหม่แล้วกัน ช่วงนั้นคะแนนเก่ามันเก็บได้ ผมเลยตัดสินใจลองเอาคะแนนไปยื่นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ดู แต่ช่วงนั้นก็ไม่รู้นะว่าภาค ID (Industrial Design) คืออะไร ตอนนั้นรู้แค่เพียงว่าวงดนตรีที่เราชอบเป็นเด็กคณะนี้กันหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นวง สี่เต่าเธอ วง Armchair หรือจะพี่ ๆ Moderndog ยุคนั้นมี Fat Radio มีวง พราว เลยรู้สึกว่า เฮ้ย แม่งเท่ว่ะ รู้สึกอยากเรียนคณะนี้ครับ อีกอย่างเราไม่ค่อยเก่งวิชาท่องจำหรือวิชาที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเลขแบบนั้น เลยเข้าข้างตัวเองไปว่าคณะนี้น่าจะเป็นอีกคณะหนึ่งที่มีทั้งวิชาการครึ่งหนึ่ง อาร์ตครึ่งหนึ่ง ผมเลยตัดสินใจเรียนดูครับ

ตอนนั้นรู้แค่เพียงว่าวงดนตรีที่เราชอบเป็นเด็กคณะนี้กันหมดเลย เฮ้ย แม่งเท่ว่ะ รู้สึกอยากเรียนคณะนี้

แสดงว่าเป็นเรื่องของดนตรีล้วน ๆ ที่พาแสตมป์มาเรียนคณะนี้

ถ้าตอบแบบซื่อสัตย์จริง ๆ ก็ใช่เลยครับ (หัวเราะ) แต่ถ้าตอบแบบหล่อ ๆ มันก็มีทั้งสองศาสตร์รวมกัน ดูน่าเรียนดีครับ

หลังจากลองเข้ามาเรียนแล้ว คณะนี้ตรงกับความคิดแรกที่คิดไว้หรือเปล่า

ตอนแรกเราคิดนะว่าเรามีความสามารถทางศิลปะในระดับโอเค แต่พอเข้ามาเรียนแล้วกลับพบว่า เราไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้เลยว่ะ (หัวเราะ) ใช้คำว่าไม่ได้เรื่องเลยก็ยังได้ เพื่อน ๆ ที่เข้ามาเรียนด้วยกัน เขาเก่งกว่าเรามาก กลายเป็นว่าพอเราเข้ามา เรียนวิชาที่ได้เกรด A ส่วนใหญ่มักเป็นวิชาที่ออกแนววิชาการมากกว่า วิชาอย่าง History of Art อะไรแบบนี้ ส่วนวิชาพวกงานดีไซน์ เราได้คะแนนน้อยมาก เลยได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว เราไม่ได้เก่งวิชาทางอาร์ตขนาดนั้น แต่มันก็รู้สึกสนุกกว่าตอนเรียนอยู่คณะก่อนหน้านี้นะ เพราะว่าเราชอบอยู่กับเพื่อน ๆ ชอบรุ่นพี่ มันไม่ได้เป็นความชอบเชิงชู้สาวนะ แต่เป็นความชอบที่มันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ชอบกิจกรรมที่เขาคิดขึ้นในคณะ เราเลยรู้สึกว่ามันก็โอเคที่เราตัดสินใจเลือกมาเรียนที่คณะนี้

ความชื่นชอบของแสตมป์ในการทำกิจกรรมของคณะอยู่ระดับไหน

อยู่ในระดับชอบมาก เพราะไม่เคยเป็นเด็กกิจกรรมมาก่อนเลยในชีวิต ตอนมัธยมกลับบ้านก็เล่นเกมแล้ว พอมาเรียนอยู่ที่คณะนี้ เรากลายเป็นเด็กกิจกรรมเลย ชอบไปค่ายมาก ๆ ชอบไปงานรับน้อง ชอบทำละคร เรารักเพื่อนมากเลย เพราะกิจกรรมพวกนี้แหละ ที่ทำให้เราได้อยู่กับพวกเขาตลอด รู้สึกว่ามันเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากกว่าคณะเดิมที่เรียน คุยกันแล้วเข้าใจ รักเพื่อน ๆ รักรุ่นพี่ที่นี่ ช่วงที่ผมเรียนอยู่ ผมเป็นพวกพี่สันทนาการด้วยนะ เราชอบบรรยากาศที่ทุกคนกล้าแสดงออกมาก ยิ่งช่วงเข้าปี 1 ช่วงทำละครหรือตอนรับน้อง มันมีการแบ่งหน้าที่ตามความถนัด มีการแบ่งเป็นกลุ่มหลายแบบเลย อย่างเราก็จะเป็นคนที่ชอบทำให้คนอื่นสนุกสนาน เราก็เลยกลายเป็นพวกกลุ่มสันทนาการไป

Issue10_Newyear

ช่วงเวลาที่เรียนอยู่เป็นหนุ่มฮอตมั้ย

(หัวเราะ) ผมเป็นคนเนิร์ด ๆ ที่เรียนไม่เคยเก่ง ดีไซน์ก็ไม่ค่อยเก่ง แต่กิจกรรมไม่เคยขาดครับ ผมทำโมเดลได้ห่วยมาก ห่วยขนาดที่อาจารย์ถึงกับต้องขำเลย ผมจึงรู้สึกว่าตอนนั้นไม่น่าจะฮอตนะ ออกไปทางทำอะไรก็ทำมากกว่า ฮอตจริง ๆ คงจะเป็นเรื่องทำโมเดลห่วยเนี่ย ฮอตสุดแล้วเรื่องนี้ จดจำได้ถึงทุกวันนี้

ในการทำงานวงการเพลงทุกวันนี้ เราได้ใช้สิ่งที่เรียนมาบ้างหรือเปล่า

ใช้นะ ผมเป็นคนชอบดู artwork, font หรือจะเป็นพวก direction ของ MV ชอบดูมาก ผมว่ามันทำให้เราเห็นภาพรวมของการทำงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมไปถึงทำให้เกิด concept ในการนำเสนอด้วยว่าเราได้แรงบันดาลมาจากอะไรและอยากจะถ่ายทอดอะไรออกมา พอเรามีพวก concept แล้ว การทำงานมันก็จะง่ายขึ้น ผมว่าส่วนนี้ผมได้นำไปใช้เยอะเลย

ช่วงเวลาที่ศึกษาอยู่ เป้าหมายหลังเรียนจบของผู้ชายชื่อแสตมป์ คืออะไร

ตอนนั้นผมจำได้ว่าฝึกงานอยู่ที่บริษัทหนึ่ง แล้วเป็นเจ้าพ่อโปรแกรมพวก After Effect ทำ motion graphic สมัยนั้นกำลังบูมมาก เวลามีคอนเสิร์ต motion graphic จะสำคัญมาก ผมก็เลยลองฝึกงานด้านนั้นดู ถ้าเรียนจบมาก็คงทำงานเกี่ยวกับพวกกราฟิกละมั้งครับ แต่พอได้มีโอกาสมาเป็นศิลปิน มันก็ไม่ได้ทำแบบนั้นอีกแล้ว รู้สึกว่าเล่นดนตรีน่าจะดีกว่าและรุ่งกว่าด้วย มันเป็นช่วงเวลาสนุกสนานของเราด้วย เพราะคิดว่าเป้าหมายของชีวิตมันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาของมัน

สถานที่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่แสตมป์ชอบไป

จริง ๆ ผมชอบตึกฝั่งสถาปัตย์ใหญ่นะ เวลาว่างผมจะชอบไปนั่งเล่นตรงนู้น เจอเพื่อนเยอะกว่า เจอสาวเยอะกว่า (หัวเราะ) เหมือนตรงนู้นจะเป็นโซนกิจกรรมเยอะกว่า มีห้องซ้อมดนตรี ไปเล่นกีต้าร์ ไปเล่นดนตรีกับเพื่อน สนุก ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตแบบนี้ครับ

หากย้อนเวลากลับไปเรียนใหม่ได้จะย้อนกลับไปทำอะไร

อยากกลับไปตั้งใจเรียนมากขึ้น เพราะผมรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนมา มันมีประโยชน์ต่อตัวเรามากจริง ๆ อย่างเวลาไปต่างประเทศ ผมก็สนใจศิลปะแบบนี้นะ รู้สึกมันมีความสวยงามในตัวมัน พอไปเห็นก็จะนึกได้ว่า เออ เราเคยเรียนนี่หว่า แต่เราไม่ตั้งใจเรียนเอง จะกลับไปตั้งใจมากขึ้น กลับไปปรับปรุงผลงานให้ดีกว่าเดิม แล้วก็กลับไปทำโมเดลให้ดีกว่าเดิมครับ (หัวเราะ)

Issue10_Newyear

ถ้าให้ออกแบบสิ่งของได้สักสิ่งหนึ่ง อยากออกแบบสิ่งใด

อยากทำปกอัลบั้ม อยากทำมิวสิกวิดีโอ อยากทำ motion graphic ด้วย ช่วงนั้นมันกำลังบูมอย่างที่เราเคยบอกไป เราได้รู้จักชื่อของพี่วิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์ พี่เขาดังมากจนรู้สึกว่าเจ๋งดีว่ะ เหมือนเป็นฮีโร่ทางการดีไซน์ของยุคนั้นเลย

เคยอยากส่งผลงานด้านสถาปัตย์เข้าประกวดบ้างหรือเปล่า

โห เป็นคำถามที่ค่อนข้างแทงจิตใจเราพอสมควรนะ (หัวเราะ) ไม่เคยคิดเลยครับ ส่วนใหญ่เราจะอยู่ให้กำลังใจเพื่อน ๆ มากกว่า อย่างเวลาปิดเทอม เขาจะปิดห้องบริเวณนี้กัน เพื่อนจะมาทำโมเดลรถประกวดกัน เราก็จะมานอนให้กำลังใจ มาเล่นกีต้าร์ให้เพื่อนฟัง

แล้วอย่างเด็กสถาปัตย์ เขาจะชอบสาว ๆ คณะไหนกัน

รู้สึกว่าคณะนิเทศศาสตร์จะได้รับความนิยมมาก คนสวยเยอะ แต่เราก็ไม่ได้ไปจีบนะ แค่ไปนั่งกินข้าวรอเท่ ๆ ยิ่งตอนเป็นวง 7th Scene ตอนนั้นผมเรียนจบแล้ว คนยิ่งไม่รู้จักเข้าไปอีก (หัวเราะ) คือ สมัยก่อนการเดินทางไปคณะนิเทศศาสตร์ ผมว่ามันไกลมากเลยนะ แต่เราจะชอบอ้างกับเพื่อนว่า ไปกินข้าวกันเถอะ ซึ่งก็คือไปดูหญิงนั้นแหละครับ

ได้กลับมาเยี่ยมคณะตัวเองบ่อยแค่ไหน

ไม่ค่อยครับ แต่ผมมีเพื่อนเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะที่สมัยก่อน เขาก็เป็นเพื่อนกะโหลกกะลาพอ ๆ กับเราเลย แต่เขาเป็นอาจารย์แล้วอะตอนนี้ แล้วดูกูสิ เป็นนักร้อง (หัวเราะ) อย่างผมตอนนี้ก็ติดต่อเพื่อน ๆ เก่าที่เรียนเสมอนะ มีกรุ๊ปไลน์ มีเจอกันบ้าง แต่มันจะเป็นการติดต่อแบบโหมดคนแก่ อารมณ์ nostalgia แล้วอะ คือไม่ได้คุยเรื่องปัจจุบันเลย คุยแต่เรื่องเก่า ๆ กัน

เพื่อนสนิทสนับสนุนผลงานเพลงของแสตมป์มั้ย

เขาก็สนับสนุนนะ อย่างอาจารย์ที่สอนเรา เขาก็ซื้ออัลบั้มและมาวิพากษ์วิจารณ์ผลงานเรานะ เวลาออกอัลบั้มใหม่ก็จะบอกว่าชอบอัลบั้มนี้นะ เวลามีคอนเสิร์ต อาจารย์ก็ไปดูตลอด อาจารย์คงคิดแล้วล่ะว่า อย่าไปทางด้านดีไซน์เลย มาทางร้องเพลงชีวิตรุ่งกว่าเยอะก็เป็นได้ครับ (หัวเราะ) ส่วนเพื่อนก็สนับสนุนนะ คอนเสิร์ตก็ไปดูตลอด บางทีก็เจอกันตามงานพวกนี้ล่ะครับ

Issue10_Newyear

อยากบอกเด็กรุ่นใหม่ที่เรียนสถาปัตย์ในตอนนี้ว่าอะไร

โห เด็กรุ่นนี้น่าจะเก่งกว่าผมเยอะนะ สมัยก่อนผมจะทำงานออกแบบได้ต้องเข้าไปร้านเอเชียบุ๊คส์แถว Siam Discovery เปิดหนังสือดูแล้วสะกิดให้เพื่อนแบบ “มึงถ่ายรูปงานนี้ดิ” ต้องไปดูว่ามีงานนิทรรศการอะไรจัดอยู่บ้าง ต้องเข้าห้องสมุด สมัยนี้มีอินเทอร์เน็ต เห็นงานได้กว้างไกลมาก สมัยก่อนอาจารย์จะบอกว่า คุณต้องเข้าห้องสมุดนะ คุณต้องรู้เยอะ ๆ เห็นเยอะ ๆ ต้องศึกษาและเข้าใจพวกงานดีไซน์อย่างถ่องแท้ ต้องชอบมันให้ได้ก่อน อีกอย่างคือสมัยนี้การเข้าถึงงานดีไซน์ง่ายกว่าเมื่อก่อนมากเลย มันมีพวก Pinterest แบบที่เราลองสมัครแล้วกดคำว่า design มันก็ขึ้นงานดีไซน์สวย ๆ มาให้ดูแล้ว รู้สึกว่าชีวิตของน้อง ๆ คงเป็นอีกแบบหนึ่ง ถ้าจะฝากก็คงอยากให้น้อง ๆ enjoy กับสิ่งที่ทำอยู่ ตอนที่ยังเรียน เราสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ แต่พอโตมา จบมาแล้วก็ควรผิดพลาดให้น้อยที่สุด เวลาโตแล้วผิดพลาด มันเสียหายเยอะกว่า อยากลองผิดลองถูกก็ทำตอนนี้ หากเราไม่ได้ทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อนก็ทำไปเถอะครับ

คิดว่าอะไรคือสาเหตุที่เด็กสถาปัตย์เล่นดนตรีกันเยอะมากกว่าเด็กคณะอื่น

จริง ๆ มันมีหลายอาชีพนะ แค่พอเป็นสายนักดนตรีแล้วคนจะรู้จักเรามากกว่า ภรรยาผมก็เคยถามเหมือนกันว่าทำไมคณะผมมีอาชีพแปลก ๆ เยอะจัง เช่น รับจัดไฟตึก ทำอะไรแปลก ๆ แบบนี้ สำหรับเราคิดว่ามันปกตินะ ผมว่าสิ่งที่น่าสนใจคือคนที่จบจากที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นครีเอทีฟโฆษณากันเยอะมาก ผมทำงานเป็นศิลปินทุกวันนี้เวลาไปร่วมงานกับใครก็จะเจอเพื่อน ๆ ของผมทั้งนั้น ผมคิดว่ามันน่าจะมาจากความกล้าหาญมากกว่า กล้าจะออกนอกลู่นอกทาง เพราะถ้าเทียบอาชีพกันระหว่างนักร้องกับกราฟิก จริง ๆ มันเสี่ยงเท่ากันนะ อันนี้ขอเดา ๆ ว่า เป็นความกล้านอกลู่นอกทางมากกว่าครับที่ทำให้หลาย ๆ คนเลือกเป็นศิลปินกันเยอะครับ

เป้าหมายของชีวิตมันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาของมัน

STAGE 2 : Music Stage

หลังจากถามไถ่ถึงเรื่องราวการศึกษาของเขาในอดีตมาพอสมควรแล้ว ผมเริ่มเปลี่ยนโหมดคำถามกลับมาสู่ปัจจุบันมากขึ้น ด้วยการถามเรื่องผลงานเพลงของเขาเสียหน่อย เพราะหลังจากที่ออกอัลบั้มเต็ม Sci-Fi ไปแล้ว เขายังมีผลงานอีกมากมาย ทั้งเพลงโฆษณาต่าง ๆ ที่ผ่านหูมาให้เราได้ยิน จึงสงสัยว่าแล้วเมื่อไหร่ อัลบั้มใหม่จะออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกันอีก หรือว่าจะทำแต่เพลงโฆษณาแล้วหรือเปล่า พร้อมกันนี้ยังรวมไปถึงความสัมพันธ์กับนิค Part Time Musicians และ นะ Polycat ที่ไปรู้จักกันได้อย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 คนนี้คืออะไร แสตมป์พร้อมแล้วที่จะให้คำตอบคุณในยกที่ 2 ของการสัมภาษณ์ครั้งนี้

Issue10_Newyear

อัพเดตผลงานเพลงกันหน่อยตอนนี้ทำอะไรอยู่

ตอนนี้ก็ทำอัลบั้มใหม่อยู่ นี่เพิ่งประชุมกับพี่บอย โกสิยพงษ์ ว่าจะทำอะไรกันต่อไปหลังจากนี้ มันอยู่ในช่วงตีความว่าปีนี้เราอยากจะร่วมงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่นักดนตรีบ้าง อย่างเดือนมีนาคมก็จะมีหนังสือการ์ตูนที่ทำกับสะอาด (Sa-ard) ออกมาวางขาย ในงานนั้นจะมีเพลงที่เราทำร่วมกับเขาออกมาด้วย แล้วก็คิดว่าเพลงใหม่รอบนี้ที่ออกมา เราจะไม่ปล่อยใน YouTube ก่อน แต่จะเป็นการเปิดตัวแบบการจัด exhibition อะไรสักอย่างเกี่ยวกับเพลงนั้นขึ้นมาแล้วให้คนมาเล่น ร่วมสนุก และดูงานเราไปด้วย ใน exhibition นั้นมันจะมี event เกิดขึ้นมากมายแน่นอนครับ อันดับแรกคือเดือนมีนาคมนี้ก็น่าจะเป็นหนังสือครับ ส่วนเพลงใหม่จริง ๆ ปล่อยแน่สิงหาคมนี้ครับ

เพลงใหม่ได้ร่วมงานกับ YMCK เป็นอย่างไรบ้างโปรเจกต์นี้ไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว

ดีครับ ตอนแรกเราตั้งวงใหม่กัน หลังจากที่เราทำเพลง นักเลงคีย์บอร์ด กับวง YMCK ก็ได้มีโอกาสไปเจอพวกเขาที่ประเทศญี่ปุ่น เล่นคอนเสิร์ตด้วยกัน จากนั้นไปกินข้าวกันก็คุยกันว่า เราจะทำอะไรต่อด้วยกันดี เพราะพวกเขาบอกว่าชอบเมืองไทย อยากมาเที่ยวหรือจัดงานดนตรีที่นี่ งั้นเราทำวงใหม่ไทย – ญี่ปุ่นเลยละกัน ตอนแรกคิดจะชื่อวงว่า “China Town 48” เพราะตอนนั้นไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารย่านเยาวราชบ่อย ๆ ส่วนเลข 48 ก็มาจากการที่เป็นติ่งวง AKB48 แต่สุดท้ายเราก็มาคิดอีกทีว่าใช้ชื่อ YMCK and Stamp น่าจะมีคนเข้าใจง่ายกว่า แล้วเพลงที่ออกมาก็เป็นอารมณ์เพลง 8 bit ด้วย ผมร้องและเขาทำซาวด์ ตอนนี้ลงมือทำไปแล้วประมาณ 3 – 4 เพลง แถมมีทีม Eyedropper Fill มาช่วยด้วย เพลงแรกก็น่าจะปล่อยประมาณ 25 กุมภาพันธ์นี้ครับ ปล่อยที่ฟังใจ (www.fungjai.com) เลย

ค่ายเพลงของแสตมป์

นี่แหละ เดี๋ยวว่าปีนี้จะคุยอยู่ ค่ายเพลงของเราเอง ทำเพลงแนวกะโหลกกะลาหน่อยว่าจะใช่ชื่อค่ายว่า “1 2 ซั่ม Record” เร็ว ๆ นี้ ศิลปินเตรียมส่งผลงานมาได้เลยครับ อยากเปิดรับศิลปินแบบจริงจังแล้ว

Issue10_Newyear

อยากได้ศิลปินแบบไหนมาอยู่ในค่าย

สำหรับค่ายเพลง ผมคิดว่าเรื่องเพลงเป็นเรื่องรองนะ หลัก ๆ ต้องเข้ามาคุยกันก่อน แต่เพลงก็ต้องดีด้วยนะ มาคุยเนี่ย คือเราคงดูแลวงหล่อ ๆ เท่ ๆ ไม่ได้หรอก ไม่ไหว อาจจะมีโลกที่เรายังไม่ได้เข้าไปอยู่สำหรับวงการเพลง ถ้าเป็นพวกเพลงตลก ๆ ผมชอบเลย เข้ามาได้ แต่เพลงต้องดีแหละ ย้ำอีกที อย่างบางคนเพลงดี แต่เรารู้สึกว่าเราจัดการเขาไม่ไหว ก็คงยากที่จะได้ร่วมงานกัน บางทีเขาอาจไปได้ไกลกว่าที่จะอยู่กับเราก็ได้ ตอนนี้คงจะเอาเฉพาะที่เราสามารถจัดการได้ดีกว่า อย่างเราเคยอยู่ค่ายก็จะรู้ว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราจะเอาจุดนี้มาปรับแก้ไขในค่ายเรา คือขั้นแรกผมมองว่าการมาอยู่ค่ายของผม มันต้องมาจากความสมัครใจและคุยกันลงตัว หลังจากนั้นทุกอย่างมันจะตามมาเองมากกว่า

ศิลปินวงไหนที่แสตมป์อยากร่วมงานด้วย

เยอะนะครับ ปีที่แล้วเราก็ได้ร่วมงานกับ Part Time Musicians และ Polycat เรารู้สึกว่าพวกเขาเจ๋งนะ เราอยากเจอรุ่นน้องใหม่ ๆ เยอะมาก ถ้าไม่รังเกียจคนแก่ ๆ อย่างพี่นะ (หัวเราะ) ตอนนี้เพิ่งเจอวง My Life as Ali Thomas มา รู้สึกว่า เฮ้ย มาจากไหนอะ เจ๋งดี

ความสัมพันธ์ระหว่าง นะ Polycat และ นิค Part Time Musicians

จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรา เอาฝั่งของนิค Part Time Musicians ก่อนเลยนะครับ เพิ่งรู้จักกันเมื่อปีที่แล้ว เลยได้ร่วมงานกันในเพลง Vacation Time ครับ ได้รู้จักเขาเพราะเราต้องไปแปลงเนื้อเพลงนี้เป็นภาษาไทย เราก็คิดว่า ถ้าจะเอาเพลงใครมาทำใหม่ เราก็ควรจะไปบอกเจ้าตัวเขาเองก่อนดีมั้ย ซึ่งตอนแรก ผมนึกภาพเขาคงเหมือนกับเด็กที่ร้องเพลงฝรั่ง อินเตอร์ เขาอาจจะโกรธเราแน่ ๆ ที่เอาเพลงมาทำเป็นภาษาไทย เพราะผมเคยได้ยินข่าวว่า เขาไม่ทำเพลงภาษาไทย ผมก็เลยขอเบอร์จาก แม็กซ์ The Voice ไปคุยกับเขาด้วยตัวเอง เริ่มคุยกัน นัดเจอที่ร้านอาหารเกาหลี ตอนแรก ๆ น้องเขาดูจริงจังมากนะ แต่พอคุยไปคุยมา เขาดูตลกนะ เรารู้สึกผูกพันธ์กับเขาดี เลยชวนมาเรียบเรียงเพลง Vacation Time เวอร์ชั่นใหม่เลยละกัน โดยเขาก็เข้ามาดูแลทุกขั้นตอนการทำเพลงเลย มาช่วยแนะนำเราเยอะแยะเลย จากการร่วมงานครั้งนั้นก็สนิทมาถึงทุกวันนี้เลย

ส่วนฝั่ง นะ Polycat ผมรู้จักเขานานแล้ว เขาจะเป็นผู้ชายชิค ๆ เท่มากมาตลอด ถ้ามองจากภายนอกนะครับ แต่จริง ๆ แล้ว นะเป็นคนตลกมาก ทำให้เราสนิทกันเร็ว ผนวกกับช่วงเวลาที่ได้รู้จักกัน มันมาจากการทำโปรเจกต์ 8 bit พอดี เราเลยลองชวนเขามาแจมด้วยกัน ทำให้รู้ว่าเด็กคนนี้เก่งจังเลย ทำเพลงด้วยกันมาตั้งแต่วันนั้นเลยครับ แต่ตอนนี้น่าเสียดายหน่อย นิคเขาจะหนีไปเรียนต่อที่เมลเบิร์นแล้ว เราก็เลยอาจจะต้องยุบแก๊งของเราไปครับ (หัวเราะ)

Issue10_Newyear

คอนเสิร์ตใหญ่ในปีนี้จะมีอีกไหม

ยังไม่มีครับ เพิ่งคุยโปรเจกต์ไว้ว่าอยากทำทัวร์มหาลัย แต่ว่ายังไม่เป็นรูปเป็นร่าง อยากจะเอาวงอื่น ๆ ไปเล่นด้วย จริง ๆ ก็อยากแจมกับฟังใจด้วยนะ เพิ่งคุยกับพี่บอยไปว่า นี่เราแก่แล้ว เขาจะมาดูเรากันเหรอ

เราจะได้เห็นวง 7th Scene อีกไหม

เราชวนตลอดนะ มีคนสนใจอยู่ เราชวนทำแล้วเขาก็ลืม บางทีเราก็ลืม ประกอบกับเวลาของสมาชิกแต่ละคนไม่ค่อยตรงกัน อย่างพี่ชัช เขางานเยอะมาก ไปทำหนัง ทำละคร พี่อาร์ตก็ทำอัลบั้มของตัวเอง ค่อนข้างรวมตัวกันยาก นี่จะครบรอบ 10 ปีแล้วนะเนี่ย (หัวเราะ)

ถ้าชวนมาเล่นเห็ดสดละ สนใจหรือเปล่า

ไป ไปแน่นอน (รีบตอบมาก) มีความเป็นไปได้อยู่ที่จะกลับมา อยากมากเลยครับ

ภาพรวมวงการเพลงปี 2016 ในสายตาของแสตมป์

ผมว่าช่วง 2-3 ปีนี้ วงการดนตรีของเรามันมาก มีวงดนตรีหน้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นเยอะแยะเลย เพราะเขาไม่ต้องอาศัยสื่อ mainstream แล้ว ซึ่งในยุคของเรามันยังต้องมีคน support ไม่งั้นมันก็เกิดยาก ปีนี้คงได้เห็นวงแปลก ๆ ทำดนตรีแนวใหม่ ๆ ขึ้นมาเยอะแน่นอน เรารู้สึกนะว่าเราแก่แล้ว แต่พวกเขายังมีเวลาอีกเยอะที่จะสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ ตอนนี้อยากมีความรู้สึกกล้าแบบเด็กรุ่นใหม่พวกนี้มาก ๆ เลย

มีความคิดที่จะไปทำงานเบื้องหลังเกิดขึ้นในหัวมั้ย

จริง ๆ เรายังสนุกกับตรงนี้อยู่นะ แต่ก็อาจจะไปทำเบื้องหลังบ้างก็ได้ ตอนนี้ยังอยากที่จะทำเพลงออกไปเล่นข้างนอกอยู่เลย ยังอยากเจอคนดู คนฟังเพลงของเราอยู่

ยังอยากทำอะไรในวงการเพลงอีก

อยากจะเก่งขึ้น รู้สึกว่ายังมีอะไรอีกเยอะเลยที่เราต้องเรียนรู้ ยังพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ อย่างพี่บอยก็ยังแต่งเพลงอยู่และเพลงพี่เขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แถมยังได้เห็นน้อง ๆ รุ่นใหม่ขึ้นมา เราก็จะเห็นความสนุกสนาน เมื่อได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ทำให้รู้สึกมีไฟ เพราะเมื่อก่อนเราดันเอาตัวเองไปวางไว้ในจุดที่ไม่กล้าทำอะไรใหม่ ๆ เลย ช่วงเวลาที่ผ่านมา เราดันไปสนใจแต่ผลตอบรับมากกว่ากระบวนการ เลยรู้สึกว่าเราพลาดตรงนี้ไป ตอนนี้เราเลยรู้สึกว่าอยากทำสิ่งที่เราอยากทำแล้ว ไม่ได้สนใจว่าทำอย่างไรจะได้ร้อยล้านวิว เราหมดพลังที่จะทำแบบนั้นแล้ว

ผมว่าผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้ก็น่าจะกลัวภรรยาหมดแหละครับ เอาจริง ๆ คนกลัวภรรยานี่เขาไม่ได้กลัวอะไรมากมายนะครับ แค่ไม่อยากมีเรื่อง ถ้าเราทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจสุดท้าย เราเองก็จะไม่สบายเช่นกัน

STAGE 3 : Life Stage

เมื่อพูดถึงโหมดการเล่นดนตรีของแสตมป์แล้วมันก็เปรียบเสมือนกับการใช้ชีวิตประจำวันของเขานั้นแหละครับ เพราะฉะนั้นแล้วคำถามในเรื่องดนตรีอาจจะเป็นคำถามที่แสตมป์เจอมาบ่อยจนเบื่อแล้วก็ว่าได้ ผมจึงนึกไอเดียระหว่างช่วงที่สัมภาษณ์ว่า หรือเราลองคุยกันเรื่องชีวิตทั่วไปของเขาดู เพราะแสตมป์เองก็เพิ่งจะผ่านการแต่งงานมาหมาด ๆ น่าจะมีเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้ผมฟังได้เยอะเลย แถมยังมีเรื่องความเนิร์ดในโหมดการเล่นเกมที่ผมก็อยากจะรู้ว่า เขาเล่นเกมอะไรบ้าง เผื่อจะได้นัดปะทะฝีมือกันสักครั้ง และเมื่อเสียงระฆังดังขึ้น นี่คือยกสุดท้ายของการสัมภาษณ์ครั้งนี้ครับ

8

ชีวิตหลังแต่งงานเป็นอย่างไรบ้าง

เหมือนเดิมเลยครับ เรียนตามตรงเลย คู่ของเราก็อยู่ด้วยกันมาก่อนแต่งงาน เลยไม่มีอะไรที่ต้องปรับเยอะ อาจจะมีการวางแผนในอนาคตที่ต้องรัดกุมขึ้น เช่น การมีลูก การเงินในครอบครัวว่าเราจะซื้อบ้านไหม เมื่อก่อนเรื่องพวกนี้ก็อยู่ในหัวเราอยู่แล้ว แต่แค่ตอนนี้ เราต้องจริงจังกับมันมากขึ้น มีคนเขาบอกนะครับว่า แต่งงานแล้วจะรู้สึกโตขึ้นก็เมื่อเรามีลูก เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมยังไม่มีลูกผมก็ยังไม่ค่อยโตครับ (หัวเราะ)

แสตมป์เป็นคนกลัวภรรยามากน้อยแค่ไหน

น่าจะกลัวนะครับ ผมว่าผู้ชายทุกคนบนโลกใบนี้ก็น่าจะกลัวภรรยาหมดแหละครับ (หัวเราะ) เอาจริง ๆ คนกลัวภรรยานี่เขาไม่ได้กลัวอะไรมากมายนะครับ แค่ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากทำให้ต้องขุ่นข้องหมองใจกัน ถ้าเราทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจสุดท้าย เราเองก็จะไม่สบายเช่นกัน เราจะรู้สึกแย่เองที่ทำให้เขาโกรธ ไม่อยากมีอะไรผิดใจกัน หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยงครับ คิดง่าย ๆ ถ้าผมต้องไปเที่ยวกลางคืนแล้วพะวงว่าภรรยาจะโกรธเราไหมกับเลือกกลับบ้านไปนอนดูทีวี ผมเลือกกลับบ้านดีกว่า สบายใจกว่าเยอะ (หัวเราะ)

วางแผนมีลูกไว้หรือยัง

ตอนแรกคิดว่าจะมีเลยนะ แต่พอเห็นชีวิตคนอื่นที่เขามีกันแล้วก็เหนื่อยใช้ได้เหมือนกันนะ (หัวเราะ) เลยคิดว่ายังก่อนดีกว่า แพลนเดิมของผมคือปีหน้านะ แต่ไม่รู้ว่าจะเลื่อนหรือเปล่า ยังไงรอติดตามกันต่อไปครับ

อยากมีลูกชายหรือลูกสาว

จริง ๆ อยากมีลูกสาวนะ แต่ตอนนี้คิดอีกทีก็อยากมีลูกชายละ ตอนนี้ผมมีหลานชายอยู่ 2 คน เราทำอะไรกับเขาได้เยอะดี รู้สึก เออ ผู้ชายนี่ก็กวนตีนดี มีลูกชายก็น่าจะเวิร์กนะ

9

อยากปั้นลูกเป็นนักดนตรีเหมือนพ่อบ้างไหม

อยากนะ แต่ไม่อยากให้เขาเล่นเป็นอาชีพ เราว่าแรงกดดันมันเยอะนะอาชีพนี้ ยิ่งพอเราอายุเยอะด้วย เราผ่านอะไรมามากพอแล้วสำหรับอาชีพนี้ ไม่ค่อยอยากให้ลูกตามรอยหรอก แต่จริง ๆ ความคิดเรื่องนี้มันจะมีสองแบบนะ เช่น คุณพ่อที่อยากให้ลูกเป็นหมอ หรือ คุณพ่อที่ไม่อยากให้ลูกเป็นหมอ มันต่างกันนะ ผมคิดว่าถ้าให้ผมเลือกก็คงเลือกอย่างหลังมากกว่า คือไม่อยากให้ลูกเจอในสิ่งที่เราเจอ ผมเชื่อว่าอาชีพอื่นน่าจะดีกว่าหรือเอาง่าย ๆ คิดว่าอาชีพอื่นน่าจะดีกว่าอาชีพเราตอนนี้อะครับ (หัวเราะ) แต่จริง ๆ แล้วให้เขาเป็นอะไรก็ได้ที่เขาอยากเป็นดีสุดครับ ถ้าเขาชอบดนตรีจริง ๆ เราก็ไม่ขัดนะ ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าเราสนับสนุนอะไรเด็กมาก ๆ เขาจะไม่ทำตามสิ่งที่เราสนับสนุน แต่ถ้าห้ามเขา ผมว่าเขาจะทำ อย่างผมโดนแม่ห้ามเล่นดนตรีมา สุดท้ายผมก็เล่น กลับกันพี่เขยผม พ่อเขาเป็นทนายและเป็นมือกีต้าร์ด้วย อยากให้ลูกเล่นกีต้าร์ได้ก็ไม่เล่น ผมว่าอย่าไปบังคับอะไรเขาเลย ให้เขาเลือกทำในสิ่งที่เขาชอบดีที่สุดครับ

ช่วงนี้เล่นเกมอะไรหรือเปล่า

ตั้งแต่แต่งงานมานี้ไม่ได้เล่นเลยครับ ไม่ได้เปิดเครื่อง PlayStation 4 เลย แต่ผมชอบเกมรุ่นเก่ามากกว่า เกมพวกรุ่น 8 bit อันนี้ไม่ได้ดูหมิ่นเกมยุคใหม่นะครับ ยุคใหม่ผมก็เล่น อาจเป็นเพราะว่าเรามีความทรงจำฝังอยู่กับเกมรุ่นเก่ามากกว่า พอได้ยินเสียง ได้เห็นภาพ ความทรงจำความสุขสมัยเด็ก ๆ มันก็ย้อนกลับมาทำให้เรารู้สึก enjoy ในอีกมิติหนึ่ง มิติมันก็เลยกว้างขึ้นเท่านั้นเอง

เกมที่แสตมป์โปรดปรานการเล่นมากที่สุด

ผมเป็นคนที่เล่นเกมแนวพวก Winning Eleven ไม่เก่งเลย ขอข้าม ไม่เล่นด้วยเลย ตอนนั้นเคยแพ้พี่ชายมา 17-0 ผมเลยปฏิญาณว่า ผมจะไม่แตะเกมนี้อีกเด็ดขาด ตอนที่โดนพี่บุกยิงเข้าไปทั้งหมด 17 ครั้ง หัวใจแม่งสลายอะ หรือจะเป็นพวกเกม Street Fighter vs X-Men อีกเกม ถ้าโดนใครมาทำ air combo ใส่ผม ทำใจไม่ได้เหมือนกัน ขอไม่เล่นด้วยเลย โคตรน่าอาย เหมือนเราโดนฉีกหน้าแล้วทำอะไรไม่ได้เลย เกมแนวนี้มันยากไปอะ เกมโปรดของผมน่าจะเป็นพวก Final Fantasy มากกว่า แนวนี้พอเล่นได้หน่อย ไม่ก็ Mortal Combat ได้อยู่ ๆ พอสู้ได้ ทุกวันนี้ในทวิตเตอร์ผมจะฟอลโลว์แต่เรื่องราวของพวกเกมเมอร์ของเกมต่าง ๆ หมดเลย ไม่ฟอลโลว์พวกสาวนมโตด้วย ภรรยาผมเลยด่าผมไม่ได้ (หัวเราะ) ผมหมกมุ่นอยู่แต่เกมเนี่ยละครับ สิ่งที่รักเลย

เพื่อนเล่นเกมของแสตมป์ คือใคร

มีเยอะเลยครับ ผมจะมีกรุ๊ปไลน์ของแก๊งเล่นเกมอยู่ แต่ละเดือนเราก็จะเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ตัวเองไปตามธีมด้วยนะ เดือนนี้ก็จะมี Rockman ผมก็จะเปลี่ยนกันหมดเลย ในกลุ่มนี้ก็จะมี อาร์ต 7th Scene, ใหม่ The Begin, ว่าน ธนกฤต เพียบเลย ถ้าเราว่าง ๆ ก็จะนัดมาปะทะฝีมือบ้างตามโอกาสครับ

(เนื่องจากช่วงเวลาที่ผมกำลังสัมภาษณ์อยู่ขณะนี้ มีน้อง ๆ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ยืนกรี๊ดอยู่จึงทำให้ผมเกิดคำถามต่อไปนี้ขึ้นทันที)

เวลาที่ไปไหนมาไหนเจอคนมากรี๊ด อยากทักทายน้อง ๆ บ้างไหม

อยากไปทักทายพวกเขามาก ๆ เลย ดีใจที่เขายังไม่ลืมเรา จำเราได้ อาจจะมีบางทีที่เราไม่สามารถอยู่ถ่ายรูปได้ครบทุกคนตามงานคอนเสิร์ต ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากถ่ายนะ เจอกันทักได้เลยยินดีมาก ๆ เลย เข้ามาคุยได้เลยฮะ เราไม่ดุนะ

10

สุดท้ายแล้วอยากฝากอะไรถึงคนอ่านบทสัมภาษณ์นี้

ติดตามอ่านฟังใจซีนด้วยนะครับ ค่อนข้างจะเป็นความหวังใหม่ของวงการเพลงเลย สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับฟังใจตอนนี้เป็นคำถามของผมมาตลอดนะว่า คนที่อ่าน A day  หรือฟัง Fat Radio ในช่วงเวลานั้นหายไปไหน จริง ๆ คำตอบที่ผมเห็นก็คือ เขาก็ใช้ชีวิตอยู่กันนั่นแหละ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่อินเทอร์เน็ตเข้ามาและมีความโกลาหลเกิดขึ้นอยู่ ผมว่าอินเทอร์เน็ตน่าจะบูมจริง ๆ เมื่อสัก 3 ปีก่อนช่วงนั้นเราเองก็ยังงง ๆ อยู่ว่าจะทำอะไรดี แต่ปัจจุบันตอนนี้มันเริ่มจะนิ่งแล้ว เราจะเจอความครีเอทีฟมากมาย เจอฟังใจ เจอวงอย่าง My Life as Ali Thomas เจอ Part Time Musicians หรืออะไรก็ตามแต่ที่กำลังมา มันเป็นสิ่งที่ผมเห็นถึงความตั้งใจของคนรุ่นใหม่นะ ผมเคยถอดใจไปกับวงการเพลงแล้ว อย่างตอนที่ผมทำรายการ The Voice คือมันสนุกและเหนื่อยมาก มันเหนื่อยกับความ mass แต่มันก็สนุกไปอีกแบบ เพราะเราได้เจออะไรใหม่ ๆ ในปัจจุบันนี้ เรากำลังจะมีวงดนตรีที่เกิดมาแล้วความโด่งดังเหมือนวง Scrubb ที่เขาทำในอดีตได้เลย เหมือนตอนนี้เราเริ่มเจอฮีโร่ทางดนตรีอย่าง นะ Polycat ผมว่าเขาคือฮีโร่ของยุคนี้เลยนะ คิดว่ามันจะมีอะไรเด็ด ๆ มาให้เราดูได้อีกเพียบเลย กระแสมันเริ่มมาในทางบวกแล้วสำหรับวงการเพลง เอาแค่ด้านคนผลิตนะ ถ้าด้านธุรกิจผมว่า ยังมองไม่เห็นเท่าไหร่ เอาเป็นว่ามันกำลังสว่างจ้าเลย อยากให้ทุกคนช่วยสนับสนุนผลงานนักดนตรีกันเยอะ ๆ ด้วยครับ ขอบคุณครับ

หลังจากคำถามของผมสิ้นสุดลง ผมปิดเครื่องอัดเสียงอย่างรวดเร็ว พร้อมพูดคุยกับแสตมป์อีกมากมายหลายเรื่องจนทีมงานฟังใจซีนบอกว่ากองถ่ายพร้อมแล้ว ผมจึงส่งไม้ต่อให้ทีมงานของเราได้พาแสตมป์ไปแต่งตัวและเตรียมถ่ายหน้าปกฟังใจซีนฉบับนี้ ทิ้งไว้แต่เสียงฮาของผมที่ยังคงรู้สึกสนุกสนานอยู่กับบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ระหว่างผมกับเขา และจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้เองทำให้ผมรู้ว่า จริง ๆ แล้ว ตัวตนของใครสักคน หากคุณไม่เข้าไปค้นพบด้วยตัวเอง บางทีคุณอาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนอย่างไร สำหรับแสตมป์ ผมรู้สึกว่าเหมือนคุยอยู่กับพี่ชายที่รู้จักมานานแสนนาน จนหลงรักผู้ชายคนนี้เข้าเต็ม ๆ เอาเป็นว่า ถ้ามีโอกาสหวังว่าเราคงได้นั่งคุยกันใหม่ ผมเชื่อว่าเราจะมีเรื่องพูดคุยกันไปอีกนานเลยครับ / สวัสดี

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง