Feature Head talk

Jelly Rocket: You Are My Sunshine

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayod
  • Stylist: Varachaya Chetchotiros
  • Art Director: Tunlaya Dunnvatanachit

ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์วงดนตรีวงนึงที่เป็นกระแสร้อนแรงมากในช่วงนั้น วงดนตรีวงนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก 3 สาว “Jelly Rocket” เรื่องราวที่เราได้สนทนาในครั้งนั้นทุกอย่างมันใหม่มาก ทั้งตัวผมเองก็ดี วงก็ดี ทุกอย่างมันใหม่ไปหมด ผมได้เห็นการเติบโตของพวกเธอในวงการเพลงไทยบ้านเราอยู่เสมอ ทำให้ผมรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะกลับมานั่งคุยกับ 3 สาวอีกครั้งในเรื่องที่โตขึ้นและหลาย ๆ เรื่องที่ผมอยากรู้ว่า ตอนนี้เสียงดนตรีพาพวกเธอไปเจออะไรกันมาบ้าง เรื่องราวของพวกเธอจะเป็นอย่างไร เรียนเชิญติดตามเลื่อนลงมาอ่านกันเลย 

1

Part 1 : เพลงดังแล้วหายตัว…หายตัวแล้วกลับมา

เรื่องราวที่ผมสงสัยสิ่งแรกหลังจากที่ได้นั่งคุยกับ 3 สาวในครั้งนั้น คือ ผมสงสัยว่าช่วงเวลาที่เพลง ลืม ปล่อยออกมาจนดังติดชาร์ตเพลงหลาย ๆ ที่ แต่ทำไมพวกเธอกลับเลือกอยู่พักวงไป ไม่กอบโกยชื่อเสียงในระยะเวลานั้นไว้ เพราะสาเหตุอะไร 3 สาวพร้อมแล้วที่จะให้คำตอบครั้งแรกแบบเต็ม ๆ กับฟังใจซีน 

หลังจากปล่อยเพลง ลืม แล้ว ทำไมถึงตัดสินใจพักวงชั่วคราว

ภัค: ตอนนั้นไม่ได้ตัดสินใจนะ แต่มันจำเป็น (หัวเราะ) มันเป็นเรื่องของความบังเอิญด้วยที่ว่าปั้นเรียนจบแล้วอยากไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อไปเที่ยวหาประสบการณ์ใช้ชีวิต โมก็ต้องไปฝึกตำรวจด้วย ภัคเองก็อยู่ปี 4 แล้ว เราต้องตั้งใจเรียน ทั้งวงเลยมานั่งคิดว่าควรเคลียร์ภารกิจทั้งหมดในชีวิตให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับมาทำวงอีกครั้ง เลยหยุดพักไปตอนนั้นประมาณ 5 เดือนมั้ง

ปั้น: (หัวเราะ) ใช่ ช่วงนั้นเราไปเริงร่าอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

โม: ส่วนโมเองไปฝึกอยู่ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจอยู่ 4 เดือน (ฟังใจซีน: ทำไมถึงอยากเรียนนายร้อยตำรวจ) จริง ๆ เราไม่ได้อยากเป็นนายร้อยหรอก แต่ไปสมัครโรงเรียนตำรวจ ซึ่งจะมีสาขาดุริยางค์อยู่ในนั้น พอสมัครเข้าไปเราก็ได้เป็นขั้นนายร้อย เขาจะมีการอบรมกฎระเบียบทั้งหมดของนายร้อยตำรวจเลยซึ่งเราก็ต้องฝึก แต่ปัจจุบันตอนนี้เราออกจากดุริยางค์แล้วนะ มาอยู่กองอำนวยการ ดูแลเรื่องเอกสารไป

ช่วงที่พักวงไปได้ติดต่อทำเพลงออนไลน์กันบ้างไหม

ปั้น: ติดต่ออยู่ตลอดค่ะ แต่ไม่ได้คุยกันเรื่องเพลงเลย ส่วนใหญ่จะถามกันว่าเป็นอย่างไรกันบ้างมากกว่า

ภัค: ขอบคุณที่เราเกิดในยุค 2000 (หัวเราะ) ทำให้เราได้ติดต่อสื่อสารกันง่ายขึ้นกว่าสมัยก่อน มันเลยทำให้ไม่ได้ห่างกันไปเลยนะ ได้คุยกันทุกวันอยู่เหมือนเดิม

งานแสดงที่เข้ามาในช่วงที่หยุดพักวงไปเยอะรึเปล่า

ภัค: มันหยุดวงช่วงกลางปีพอดี เป็นช่วงที่งานไม่ค่อยเยอะ ถือเป็นช่วงที่ดี ทุกอย่างเพอร์เฟกต์ กลับมาอีกทีปลายปีก็มีงานเข้ามานะ เลยรู้สึกว่างานก็ไม่ได้ติดต่อเข้ามาเยอะเท่าไร พวกเรากลับมาทุกอย่างมันลงตัวพอดี

ปั้น: เรากลับมาก็อ้วนขึ้น (หัวเราะ)

โม: เราด้วย ตอนที่ฝึกอยู่น้ำหนักลงไปหลายกิโลนะ แต่พอกลับมาก็หนักเท่าเดิม (หัวเราะ)

ปั้น: งานแรกที่กลับมาน่าจะเป็นงาน Indieinspiration พอดี เป็นงานแรกของพวกเรา ประทับใจมากที่เห็นเพื่อน ๆ แฟน ๆ กลับมาดูเราอยู่

ภัค: นึกว่าจะหายไปแล้วด้วย (หัวเราะ)

กลัวแฟนเพลงหายไหม

ปั้น: ไม่ได้เรียกว่ากลัวนะเรื่องของแฟนเพลงอะ

ภัค: เราคิดไว้ว่าถ้าปล่อยเพลงใหม่ก็คงมีคนฟังกลับมาฟังเราใหม่อีกมั้ง

โม: ไม่กลัวเหมือนกันนะ เพราะสุดท้ายเราเชื่อว่าพวกเขาเข้าใจในการพักวงของเรา รอเราได้

ปัจจุบันนี้คิดว่าเป็นวงหน้าใหม่อยู่รึเปล่า

โม: เพิ่งมารู้สึกวันนี้เองว่าอยู่มาสองปีแล้วก็ยังหน้าใหม่อยู่เลย (หัวเราะ) อาจจะเป็นเพราะว่าเรายังเด็กอยู่

ปั้น: หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเรายังไม่อยากโตนั่นเอง (หัวเราะ)

โม: มันยังไม่ค่อยเจอคนอายุน้อยกว่าเราด้วย เลยรู้สึกเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา

ปั้น: หรือเพราะเรายังไม่มีอัลบั้มมันเลยดูยังเด็กอยู่ก็ไม่รู้ แต่จริง ๆ เราดูโตขึ้นนะ เมื่อมาอยู่ในวงการเพลงนาน ๆ ทั้งในแง่ของการจัดการตัวเองด้วย ตอนแรกเราจะมีพี่อ้นมาช่วย แต่พอเราได้ทำอะไรกันเป็นแล้ว ทั้งเรื่องการติดต่อเอง การทำดนตรีเอง การจัดสรรเวลา ทุกอย่างมันไปในทางที่ดีขึ้น ทุกวันนี้ทั้งวงก็ช่วย ๆ กันดูทุกเรื่องมาเสมอนะ มันจะไม่แบ่งกันว่าใครต้องทำอะไร เราจะแบ่งกันว่าเรามาช่วยกันทำให้มันดีที่สุดเท่านั้นก็โอเคแล้ว

จริง ๆ เราดูโตขึ้นนะ เมื่อมาอยู่ในวงการเพลงนาน ๆ ทั้งในแง่ของการจัดการตัวเองด้วย พอเราได้ทำอะไรกันเป็นแล้ว ทั้งเรื่องการติดต่อเอง การทำดนตรีเอง การจัดสรรเวลา ทุกอย่างมันไปในทางที่ดีขึ้นกว่าสมัยก่อนเยอะเลย

2

ประสบการณ์ในการเล่นสดพัฒนาไปในถึงจุดไหนแล้ว

ภัค: ดีขึ้นนะ ช่วงแรก ๆ เราจะมีความล่กกันอยู่ในวง ถ้างานไหนไม่มีซาวนด์เช็ก เราต้องขึ้นไปเล่นก็บอกกันในวงว่า เฮ้ย สู้ ๆ นะ

ปั้น: ตอนแรก ๆ ยังไม่มีคนรู้จักเพลงเราเยอะขนาดนั้น ก็เลยอาจจะต้องขยัน Entertain คนดูมากขึ้นด้วย มาตอนนี้มันไปในทางที่ดีแล้วอะ

โม: เรื่องโชว์โมว่าก็ดีขึ้นเยอะนะ ปั้นพูดเก่งขึ้น สำหรับการเชื่อมเพลงแต่ละเพลง

ภัค: สมัยก่อนปั้นเป็นคนขี้อายมาก ไม่ค่อยพูดเลย

ปั้น: ช่วงแรก ๆ เราจะเล่นมุกแป้กบ่อยด้วย (หัวเราะ) คือเคยเล่นร้านมาก่อนไง Transition มันแบ่งไม่ถูกว่าจะพูดยังไง เพราะสถานการณ์ต่างกัน เราก็ต้องคิดว่าจะพูดยังไง จะ Entertain คนยังไง ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว เราเล่นกันเป็นวงมานาน รู้สึกว่าสามารถเชื่อมต่อกันได้ดีขึ้น

บนเวทียังรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้างไหม

ปั้น: มันก็ตื่นเต้นทุกงานนะ แต่จะแตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว

ภัค: ไม่ได้ตื่นเต้นแบบ Panic นะ แต่ตื่นเต้นแบบจะได้เล่นแล้วนะ ใกล้ได้ขึ้นไปเล่นแล้ว

ปั้น: เมื่อก่อนจะเรา Nervous มาก ๆ แต่ตอนนี้ฉันอยากเล่นแล้ว ตื่นเต้นจัง คนดูจะสนุกกับเราไหม พร้อมกันรึยัง อารมณ์แบบนี้มากกว่า

Backup อีก 2 คนของวง Jelly Rocket คือใคร

ปั้น: พี่ดอย (วง Safeplanet) เป็นพี่ที่คณะ ส่วนน้องยี่ (วง Safeplanet) ก็เป็นรุ่นน้องที่คณะ

โม: ตอนแรกโมเรียนเกี่ยวกับการอัดเพลงแล้วพี่ดอยเขาจะมาตีกลองช่วยเรา เวลามีงานอัดเพลงที่ต้องส่งอาจารย์ โมจะเรียกพี่ดอยมาช่วยตีให้ โมรู้สึกว่าชอบการตีกลองของพี่ดอยเลยชักชวนพี่ดอยให้มาช่วยเล่นให้ จากนั้นก็ถามพี่ดอยอีกว่าพอจะมีมือเบสแนะนำไหม พี่ดอยก็แนะนำน้องยี่มา

ปั้น: เขาทั้งสองคนก็เข้าใจแนวเพลงเราด้วย เวลาเล่นด้วยกันนาน ๆ แล้วรู้สึกว่าเล่นเข้ากันได้ดี ทั้งเพลงใหม่และเพลง Cover เขาก็จะเข้าใจแนวทางของวงเราและรู้ว่าต้องเล่นยังไง งานก็เลยดำเนินไปง่ายขึ้น เวลาเราอยู่ห้องซ้อมก็จะเอาเพลงใหม่ ๆ มาแจมกันบ้าง การทำงานก็ราบรื่นลงตัวดีค่ะ

อัลบั้มเต็มตอนนี้ปีนี้จะได้ฟังกันรึเปล่า

ภัค: มีโอกาส 80% นะ

ปั้น: น่าจะมีทั้งหมด 8 เพลง

โม: เราอยากทำแบบ 500 เพลง เพลงละ 5 วินาทีพอ (หัวเราะ)

ค่ายเพลงกับ Jelly Rocket เคยคิดเรื่องนี้ไหม

ปั้น: มีค่ายติดต่อมาตลอดนะ เมื่อกี้ยังโทรมาอยู่เลย

ภัค: มันต้องเข้าไปคุยก่อน เราต้องรู้จักกันก่อน ถึงจะค่อยว่ากันว่าจะเอาไงกันต่อดี

โม: เหมือนตอนนี้เราจะ Slow life ไปแล้ว (หัวเราะ) ดูได้จาก 2 ปีที่ผ่านมา

ปั้น: อย่างภัคก็เพิ่งเรียนจบ รอรับปริญญา ส่วนปั้นก็เพิ่งมีเวลาให้กับวงอย่างเต็มที่เมื่อไม่นานมานี้ เราคิดว่าทุกคนน่าจะทำงานของตัวเองให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาทุ่มกับตรงนี้ให้เต็มที่

ภัค: เป้าหมายของเราตอนนี้คืออัลบั้ม ทำเพลงก่อน พออัลบั้มเสร็จเราถึงจะตัดสินใจว่าจะไปทางไหน ทำอะไรต่อ ตอนนี้เราก็เก็บข้อมูลไว้ ตอนนี้ก็มีหลาย ๆ ที่เข้ามาชวน เราก็เข้าไปคุยทุกที่ให้รู้จักกัน แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจ

ปั้น: กว่าเราจะว่างไปหาเขา เขาก็ไม่เอาแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้เราคิดว่าอยากทำอัลบั้มแรกออกมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครมาบังคับเราให้ทำแนวนั้น แนวนี้ นี่คือจุดยืนของเรา นี่คือ Jelly Rocketอยากทำเองทุกอย่างก่อน เราสามคนจริง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรเหมือนกัน ทั้งเรื่องแนวเพลงหรืออะไรหลาย ๆ อย่าง

เป้าหมายของเราตอนนี้คืออัลบั้ม ทำเพลงก่อน พออัลบั้มเสร็จเราถึงจะตัดสินใจว่าจะไปทางไหน ทำอะไรต่อ

3

มีการเปรียบเทียบ Jelly Rocket กับ Yellow Fang

ปั้น: จริง ๆ ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยนะ แค่เป็นผู้หญิง 3 คนเหมือนกัน แค่นั้นเอง

โม: แล้วก็คนละวัยด้วย อย่างเมื่องาน Indieinspiration ครั้งล่าสุด เราก็ได้เจอกันแล้วมานั่งฟังเพลงพี่ ๆ เขาจริง ๆ แล้ว งานเพลงมันคนละ Gen กันแล้วอะ มันต่างกันเยอะอะ คือ ถ้าหลับตาฟังยังไงก็ไม่เหมือนกัน ถ้าลืมตาฟังก็อาจจะเอามาเปรียบเทียบกันอีกว่าวง 3 คนเหมือนกันอีก โมชอบ Yellow Fang มาก ๆ ซื้อ CD ตามไปดู ชื่นชมพี่ ๆ เขา เอาจริงมันก็ไม่เหมือนกันเลยนะวงเรากับวงพี่เขา

ปั้น: ส่วนตัวเราก็แอบเซ็งนิด ๆ เวลามีคนมาบอกว่าเราเหมือนพี่เขา พวกเราไม่ได้ตั้งใจวางคอนเซปต์ว่าต้องเป็นวงผู้หญิง 3 คนนะ แต่บังเอิญว่าเราสนิทกันไง

ภัค: แล้วมันเป็น 3 คนที่ลงตัวมาก ๆ ด้วย ทำให้การทำงานต่าง ๆ มันก็ค่อนข้างลงตัว

อยากบอกอะไรกับคนที่คิดว่าเราเหมือน Yellow Fang

โม: ต้องลองฟังแล้วคุณจะรู้ว่ามันต่างกันค่ะ อยากให้เปิดใจฟังกันดูนะ

การเป็นวงดนตรีผู้หญิงในวงการเพลงเกิดความเสียเปรียบในการเล่นดนตรีไหม

ปั้น: มันจะเซ็งมากกว่าเวลาคนชอบแซว บางทีเราเข้าใจว่าเขาไม่มีอะไรเล่น แต่เราก็เซ็ง แบบแซวเราทำไม

โม: เซ็งแทนปั้นเลย โดนเยอะมาก มีงานหนึ่งเราขึ้นมาก ได้ยินแล้วพอลงมาเราก็ถามพิธีกรเลยว่าพูดแบบนี้ได้ยังไง ไม่สร้างสรรค์เลย มันทำให้เรารู้อะไรหลายอย่างเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาคิดกับวงเรา ถึงแม้ว่าเขาจะพูดเอาสนุก แต่มันก็อาจจะเป็นสิ่งแรกที่เขาคิด เขาถึงพูดออกมา คนที่มาดูก็เยอะ แล้วเราก็กังวลว่าคนดูจะมองวงเรายังไง

ปั้น: อยากให้คนมองที่ดนตรีมากขึ้น

โม: มีคอนเสิร์ตจะแจกผ้าปิดตา ทีมไฟคะ ดับไฟเลยค่ะ ตอนนั้นเราว่าเราก็ขึ้นจริงอะ ไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับเขา แต่เราก็แสดงความไม่พอใจออกไป

ปั้น: แต่เขาก็ขอโทษนะ เขากลัวพี่โม (หัวเราะ) เขามองมาเจอพี่โมแล้วเขาเดินหนีเลย

โม: เขาพูดไม่ดีจริง ๆ นี่นา

ภัค: ให้เรายอมที่เขาพูดแบบนั้นก็คงไม่ได้นะ

มีเหตุการณ์อะไรบ้างที่สร้างความประทับใจระหว่างวงกับแฟนเพลง

โม: เอาเป็นล่าสุดเลย อย่างวงเราปล่อยเพลงใหม่ “อิ่มใจ” เล่นที่ขอนแก่นแล้วมีคนร้องตามได้ เรารู้สึกดีมากแล้วนะที่แฟน ๆ ร้องเพลงเราได้ หรืออย่างเพลง ลืม ในท่อน Verse คนก็ช่วยกันร้องท่อนนั้น เราเล่นอยู่ก็มีกำลังใจ

ปั้น: ทุกคนน่ารักมาก ปั้นว่ากำลังใจมันเพิ่มขึ้นหลังจากที่เราได้ยินแฟน ๆ ร้องตามเรา ช่วยกันร้อง ก็เลยมีความมั่นใจที่จะร้องจะเล่นมากกว่าเมื่อก่อน

ภัค: ภัคเองก็รู้สึกดีที่มีหลาย ๆ คนฟังเพลงเราและร้องเพลงเราได้

โม: ภัคเขามีความเป็นผู้หญิงที่สุดในวงแล้ว

ปั้น: ดีใจที่มีคนใส่เสื้อวงด้วย อย่างล่าสุดพี่พาย (พาย ฟังใจ) อยู่หน้าเวที ใส่เสื้อวงมาด้วย น่ารักมาก เห็นพี่พายอินมากจนเขาเอามาตั้งสเตตัสเฟซบุ๊ก แล้วพี่พายก็บอกกับเราว่าโชว์สนุกมาก พี่พายช่วยเราเยอะมากนะ

โม: เวลามีงานแล้วเราไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง ก็ได้พี่พายนี่แหละค่ะ คอยชี้แนะ สอนเยอะมาก ขอบคุณพี่พายและพี่ท้อป (ท้อป ฟังใจ) ด้วยค่ะ ขอบคุณจริง ๆ ที่ช่วยเราในหลาย ๆ เรื่อง

4

รู้สึกว่า ตอนนี้ Jelly Rocket เป็นวงที่ดังแล้วหรือยัง

ปั้น: ยังค่ะ พวกเราไม่ใช่เซเลบนะ ยังขายครีมไม่ได้ (หัวเราะ)

โม: ก็ยังคงใช้ชีวิตกะโหลกกะลาเหมือนเดิม ไม่เห็นดังเลย

แนวเพลงที่วงยึดอยู่ตอนนี้คือแนวอะไร

โม: Dream pop ก็ได้ เพราะว่าเราก็ออกแนวป๊อบ ๆ

แต่ละคนชอบเพลงอะไรของ Jelly Rocket บ้าง

ปั้น: ชอบเพลง ลืม เพราะรู้สึกว่าเวลาเล่นเพลงนี้แล้วมันมาก เราชอบเพลงที่เวลาเล่นแล้วรู้สึกสนุก ทุกคนร้องตามได้ เหมือนเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกออกมา เราเชื่อว่าหลายคนเคยผิดหวังมาจากความรักแล้วอยากเข้ามาตะโกนไปกับเรา ถ้าให้เพื่อน ๆ ปลดปล่อยได้ก็โอเค

ภัค: ชอบ เจ้าเหมียว ค่ะ เวลาเล่นคอนเสิร์ตมันมากจนอยากจะสะบัดหัวแบบโฆษณาแชมพูเลย (หัวเราะ)

ปั้น: เวลาเล่นคอนเสิร์ต ภัคเขาเป็นคนที่สะบัดหัวแรงมาก มันมาก ทำไมภัคสะบัดผมแรงสุดแล้วผมกลับมาเหมือนเดิมได้ เขาเต้นไม่ได้เพราะเขาเป็นมือคีย์บอร์ด พอลงมาจากเวทีทุกครั้งเขาต้องเข้ามาบ่นกับเราว่า “ปวดคอว่ะ” (หัวเราะ) อย่างเพลง เจ้าเหมียว ก็สนุก เป็นเพลงที่แสดงตัวตนของเราได้อีกเพลงหนึ่ง

โม: ตอนนี้โมชอบเพลง ลืม ค่ะ เพราะเป็นเพลงที่มันมากเวลาเล่น เราว่ามันสะใจดีนะ

อยากพูดอะไรให้คนฟังรู้จัก Jelly Rocket มากกว่านี้รึเปล่า

ปั้น: อยากบอกว่าวงเรามีเสียงร้องสุดเพราะ

ภัค: มีเสียงร้องใส ๆ และกีตาร์สุดเท่

โม: แนวเพลงเรามันอาจจะมาจากหลาย ๆ อย่าง ปั้นเขาจะชอบฮิปฮอป อาร์แอนด์บี เราก็จะเป็นชาวดรีมป๊อบที่ไม่ใช่ป๊อบขนาดนั้น เป็นป๊อบที่มีซาวนด์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

ภัค: มีคนบอกภัคว่า แม้เราจะไปเล่นวงไหนมันก็ยังมีความเป็นภัคอยู่ เป็นความ Unique มาก ๆ

โม: แล้วเราก็จะเอาทุกอย่างมารวมกันค่ะ พอรวม ๆ กันแล้วกลายเป็น Jelly Rocket

ปั้น: มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ไม่มีการจำกัดแนว อยากให้ลองฟังดูค่ะ

โม: ลองมาคิดชื่อแนวเพลงให้พวกเราดูค่ะ คิดแนวเพลงให้พวกเราหน่อย รบกวนด้วยนะ

5

PART 2 : คำถามเหล่านี้ไม่จริงจัง

หลังจากที่เราสนทนากับ Jelly Rocket ในเรื่องของดนตรีที่จริงจังมาก ๆ ไปแล้ว เราขอปรับโหมดการสนทนาครั้งนี้ด้วยคำถามง่าย ๆ สบาย ๆ บ้างดีกว่า เพราะ จะคุยกันแต่เรื่องดนตรีมันก็คงจะเครียดเกินไป ถึงเวลาที่เราจะคุยกันในเรื่องที่ไม่มีสาระกันบ้างแล้ว ส่วนจะเป็นเรื่องอะไร อ่านต่อกันได้เลยครับ 

ปั้น หญิงสาวผู้ไม่ค่อยเล่นเฟซบุ๊ก 

ปั้น: เราไม่รู้ว่าจะเวิ่นเว้อในนั้นทำไมอ่ะ (หัวเราะ) รู้สึกว่าไม่ต้องมีใครมายุ่งดีกว่ามั้ยชีวิต เรารู้สึกว่าชีวิตส่วนตัวของเราก็อยากให้อยู่แค่เรา แชร์เฉพาะกับคนรอบข้างก็พอ ถ้าเป็นเรื่องที่มีสาระเราว่าจะแชร์นะ แต่มีช่วงนึงที่ปั้นทำพลาด ไปกด Accept รับใครไม่รู้เยอะแยะ ปั้นก็เลยไม่อยากแชร์อะไรเท่าไร พอจะลบเพื่อนเราก็ไม่อยากลบใครเลย บางทีโพสต์อะไรไปก็จะมีคอมเมนต์แปลก ๆ ด้วย เราเลยไม่อยากยุ่งแล้วดีกว่า

มีผู้ชายทักมาจีบไหม

ปั้น: (หัวเราะ) นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่อยากเข้าไปเล่นแล้ว

สเปกผู้ชายของปั้นเป็นอย่างไร

ปั้น: ชอบคนเล่นกล้ามใหญ่ ๆ (หัวเราะ) ชอบคนมี Swag ชอบคนออกกำลังกายด้วย

โม: มิน่าล่ะแฟนคลับ Jelly Rocket ถึงตัวใหญ่ ๆ

ปั้น: เราไม่ชอบผู้ชายแนวนักดนตรี กินเบียร์ วัน ๆ แต่งเพลง ชีวิต Slow life มาก ๆ ปั้นชอบคนที่มี Motivation ในการใช้ชีวิตมากกว่าอะ

6

ความลับของโมและภัค

ปั้น: จริง ๆ แล้วสองคนนี้เป็นคนที่มุ้งมิ้งมาก ๆ รู้สึกว่าปั้นไม่มุ้งมิ้งเลย ยิ่งตอนภัคเศร้า ๆ ปั้นจะปลอบใจคนไม่เก่ง ก็เลยตัดสินใจเปิดเพลงตื๊ด ๆ เพลง EDM ให้เขาฟัง เขาก็จะหายเลย

โม: หลังจากนั้นก็ฟังเพลง EDM มาตลอด เริ่มฟังเพลงตื๊ดและออกกำลังกาย เขามาแพร่เชื้อ

ปั้น: พี่โมเป็นคนที่เวลาเจอกล้องจะสวัสดี เป็นแบบนี้ทุกกล้องเลย คือ มีจริต (หัวเราะ) แต่ทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนรักที่น่ารักมาก ตอนแรกไม่ได้สนิทกันมากแต่พอมาอยู่วงแล้วรักกันมากเลย รักมาก ๆ

ตอนนี้รู้สึกยังไงกับอากาศของประเทศไทย

โม: ตอนนี้ร้อนมาก แถมแอร์ที่ทำงานก็พัง แล้วนั่งทำงานอยู่ชั้น 10 ร้อนจัดมาก

ปั้น: หลัง ๆ มานี้รู้สึกว่าร้อนมากเลย

ภัค: ความทุกข์อย่างหนึ่งของคนขาวแบบเรา คือ ร้อน ๆ แบบนี้ก็จะกังวลเรื่องกระที่หน้า

Jelly Rocket: คนขาววววววววววววจ้า

ปั้น: แคปประโยคนี้ด้วย ไหนเพิ่มขึ้นจริงเหรอ

ภัค: ก็มีนะ เราสังเกตว่ามันมีเยอะขึ้น

โม: จริง ๆ เวลาร้อนมาก ๆ เรารู้สึกไม่อยากทำอะไรแล้ว แค่เดินไปเซเว่นยังขี้เกียจ

ปั้น: อากาศร้อนก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราอยากเอาชนะมัน เฮ้ ออกไปข้างนอกสิ ไปออกกำลังกายสิ สำหรับเรา ยิ่งร้อนเรายิ่งอยากออกมาข้างนอกเพื่อออกกำลังกาย

โม: ไอ้นี่ก็บ้าออกกำลังกายเหลือเกิน (หัวเราะ)

อะไรคือความฮอตของวง Jelly Rocket

ภัค: ทุกครั้งที่เล่นสดเราจะรู้สึกอยากเล่นมาก รู้สึกว่าอยากทำให้เต็มที่

โม: แค่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเล่นสด วันนี้ได้ซ้อมเราก็ตื่นเต้นแล้ว มันสนุกมากเลยเมื่อรู้ว่าจะได้เล่นดนตรีให้คนฟัง

ปั้น: หลาย ๆ คนบอกว่ามาฟังวงเราเล่นสดกับฟังแค่เพลงจะไม่เหมือนกัน ยิ่งเราไปเล่นสดก็จะรู้สึกว่าต้องใส่อะไรเข้าไปให้สนุกขึ้น

โม: ตอนซ้อมก็เลือกซ้อมแต่ท่อนมัน ๆ (หัวเราะ)

ปั้น: ซึ่งท่อนนั้นเราไม่มีร้องเลย

7

แล้วความฮอตของแต่ละคน ฮอตเรื่องอะไรกันบ้าง

ปั้น: ปั้นจะชอบฟังฮิปฮอปใช่ไหม แล้วเวลาไปผับเราก็เต้นกระจายเลย (หัวเราะ) อันนี้คือความร้อนแรงที่จะไม่เหมือนใคร

โม: ไลฟ์สไตล์ปั้นคือกลางวันเข้ายิม กลางคืนเข้าผับ ดูรักสุขภาพแต่เที่ยงคืนเขาไปเต้นแล้ว (หัวเราะ)

ภัค: เคยมีเพื่อนมาถามเราว่า เฮ้ย วันนั้นคนที่ยืนเต้นอยู่บริคบาร์นั่นใช่ปั้นหรือเปล่า

ปั้น: มันก็เป็นสเต็ปของเรา

ภัค: แต่เราก็ตอบแบบเซฟให้ก่อนว่าไม่ใช่หรอกแก (หัวเราะ)

ปั้น: เราคิดว่านั่นเป็นการใช้ชีวิต ตอนนี้อยู่ในวัยที่ยังทำได้ก็เอาให้คุ้ม ไลฟ์สไตล์ตอนนี้ก็คือตอนนี้ แก่ไปเราคงทำอะไรแบบนี้ไม่ได้แล้ว ส่วนตัวปั้นเองก็เป็นคนที่ชอบทำอะไรก็ทำให้สุด ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

ภัค: ภัคเป็นคนที่เวลาไปดูดนตรีหรือคอนเสิร์ตจะเป็นคนเต้นแรงมาก แม้ว่าจะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ก็ตาม มีงานหนึ่งเราไปเต้นแรงจนพี่ที่ขายแอลกอฮอล์มาถามว่าเมาแล้วใช่ไหม ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ดื่มเลย (หัวเราะ) เล่น Jelly Rocket เราก็สุดทุกครั้งนะ เต็มที่มาก

โม: ไม่เคยคิดถึงความร้อนแรงเลย อะไรดีล่ะ อาจจะเป็นเต้นแรงก็ได้ แต่ตอนนี้ยังเต้นไม่ได้เพราะเราเพิ่งไปผ่าเข่ามา ความร้อนแรงของเรายังไม่สุดเท่าไร อ๋อ รู้แล้ว ร้อนแรงของเราเหรอ กินเดือด (หัวเราะ) กินเยอะ ตอนแรกน้ำหนักลดเยอะ พอสักพักน้ำหนักขึ้น

เพลงไทยสากลตอนนี้ฟังวงอะไรอยู่บ้าง

โม: เราฟัง Slur อัลบั้มใหม่

ปั้น: สำหรับวงไทยปั้นชอบ Safeplanet กับ Lomosonic เวลาเล่นสดจะชอบมาก

ภัค: Safeplanet แล้วกัน ช่วยขายของ (หัวเราะ) แล้วก็ชอบ Sqweez Animal ชอบตามไปฟังเพลงในอัลบั้มเก่า ๆ แล้วก็จะฟัง Silly Fools เป็นชาวร็อก

ก้าวต่อไปของวง Jelly Rocket

ปั้น: ตอนนี้คิดว่าอยากทำเพลงญี่ปุ่นนะ ล้อเล่น (หัวเราะ) แต่เราพูดได้แค่ 2 ภาษาเอง

ภัค: ก็ถ้าได้ไปเรียนต่อที่ไหนอีกคงได้อีกสักภาษากลับมา อาจจะทำเพลงภาษาอื่นก็ได้ แต่ปั้นพูดภาษาญี่ปุ่นได้นะแบบนิด ๆ

เพลงต่อไปจะปล่อยเมื่อไร

ปั้น: น่าจะเริ่มทำช่วงสงกรานต์ เพราะฉะนั้นอาจจะปล่อยหลังจากนั้นประมาณ 1 – 2 เดือน

ภัค: กว่าจะมิกซ์เสร็จอีก (หัวเราะ) จริง ๆ แล้วโมเป็นคนมิกซ์เพลงของวง ดังนั้นจะเสร็จเมื่อไรก็อยู่ที่โม (หัวเราะ)

ปั้น: สมมติทำช่วงเมษายน ก็บวกลบไปเลย 5 เดือน

โม: เฮ้ย นานไปไหม

ภัค: เพลง เจ้าเหมียว ใช้เวลา 5 เดือน

โม: ตอนนั้นเราเข้ากรมตำรวจไง ก็สัก 2 เดือนมั้ง งั้นขอตอบว่าเมื่อมิกซ์เสร็จแล้วกันค่ะ

ชื่อเพลงอะไร

โม: This is real เคยเล่นไปแล้วแต่เปลี่ยนใจ อยากปรับอะไรนิดหน่อย

ปั้น: เราเคยเล่นไปแล้วรู้สึกว่ายังไม่ค่อยพอใจก็เลยอยากทำใหม่ด้วย อยากให้รอฟังกันดู

ภัค: ก็ต้องเล่นด้วยกันบ่อย ๆ เผื่อคิดอะไรออก

เวลามิกซ์เพลงโมเหนื่อยรึเปล่า

โม: เหนื่อยมาก อย่างเพลง เจ้าเหมียว ชื่อไฟล์จะเป็น เหมียว 1, เหมียว 2, เหมียว 3, เหมียว 4 หลายเวอร์ชันมาก กว่าจะ Final Master ก็ทำอีก 5 เวอร์ชัน แล้วก็แก้ ๆ แต่ว่าโมมีความสุขที่ได้แก้นะ เพราะมันเป็นการรวมความคิดของแต่ละคน ทุกคนมาช่วยกันดูว่าต้องแก้ตรงไหน ค่อย ๆ ปรับไปมันสนุกดี

Jelly Rocket เคยทะเลาะกันบ้างไหม

ปั้น: ไม่ได้เรียกว่าทะเลาะนะ

โม: เหมือนแค่ความเห็นไม่ตรงกัน จะเรียกมาคุยกันดี ๆ มากกว่า

ปั้น: มันเหมือนทำให้เราโตขึ้น

โม: เวลาที่เราทะเลาะกันก็จะเข้าใจกันมากขึ้น เพราะเราทะเลาะแล้วคุยดี ๆ ก็จะรู้จักกันมากขึ้น คิดถึงใจกันและกันเสมอ หากจะตัดสินใจทำอะไร

ปั้น: ไม่ใช่ว่าทะเลาะแล้วเดินออกจากห้องไปนะ คือเราทะเลาะแล้วก็มานั่งคุยกัน เปิดใจกัน

ขายของวง Jelly Rocket หน่อย

โม: โหลดเพลงของเราได้ทั้ง iTunes, JOOX, Deezer และฟังฟรี ๆ ได้ที่ฟังใจนะ

ภัค: ฝากฟังใจและติดตามผลงานเราได้ทางสื่อออนไลน์นะคะ

โม: ขอบคุณฟังใจที่ลงเพลงของเราให้นะคะ ขอบคุณที่ชวนเราไปเห็ดสด 2.5 เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ออกต่างจังหวัด

ปั้น: เร็ว ๆ นี้ก็จะมีโปรเจกต์ใหม่อีกเยอะแยะ เราคงได้เจอกันบ่อย ๆ มากขึ้นแล้ว

ภัค: มีเสื้อวงล็อตใหม่ด้วยค่ะ ขายที่ Cat T-Shirt ก็อย่าลืมมาซื้อกันนะคะ

ปั้น: ขอขายเพลงซิงเกิลใหม่ล่าสุดของพวกเราอีกครั้งนะคะ อิ่มใจ เป็นเพลงรักเพลงเดียวที่เรามีในตอนนี้ หวังว่าจะชอบกันนะคะ

8

ขอบคุณแฟนเพลง

ปั้น: ขอบคุณที่ยังรักกันนะคะ ที่ติดตามผลงานของเรามาโดยตลอด ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เป็นวงหน้าใหม่จนถึงตอนนี้ ดีใจมาก ๆ เลย ขอบคุณแฟนเพลงที่ยังรักเราไม่ว่าจะยังไง เหมือนเราได้เจอเพื่อนใหม่อยู่เสมอ อย่าหนีกันไปไหนนะ เรารักทุกคนมาก

โม: ปั้นพูดไม่รู้เรื่องแล้ว (หัวเราะ) ถ้าไม่มีทุกคนที่คอยฟังเพลง เราก็คงไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีเพื่อน ๆ ก็คงไม่มี Jelly Rocket ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจให้เรา แล้วไว้เจอกันนะ

หลังจากสิ้นสุดบทสนทนานี้ ผมเตรียมส่งวง Jelly Rocket ไปเพื่อถ่ายทำหน้าปกฟังใจซีนฉบับนี้ต่อ สิ่งที่ผมได้รับจากการคุยกับพวกเธอในครั้งนี้ ผมสัมผัสได้ถึงการเจริญเติบโตของพวกเธอ ทั้งการตอบคำถาม การวางแผนในการทำงานที่โตกว่าสมัยก่อนมาก ส่วนตัวเชื่อว่าวง Jelly Rocket จะอยู่คู่กับวงการเพลงไทยได้ไปอีกนานแน่ ๆ ผมก็ได้แต่หวังว่า การสนทนาครั้งหน้าของผมและพวกเธอจะมีเรื่องราวใหม่ ๆ มากขึ้นกว่าครั้งนี้อีก ขอบคุณที่มานั่งพูดคุยด้วยกันนะ Jelly Rocket / แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ สวัสดีครับ

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง