Feature เห็ดนอกใจ

หวย ดวง สิ่งลี้ลับ เรื่องจริงของผู้ชายที่ชื่อว่า ‘สอง Paradox’

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

ยามบ่ายใต้ตึก GMM Grammy เรามีนัดครั้งแรกกับ สอง—จักรพงศ์ สิริริน หรือ สอง มือเบสสุดเฟี้ยวแห่งวง Paradox โดยจุดมุ่งหมายของการพูดคุยครั้งนี้คือการถามไถ่ชีวิตนอกเวลาดนตรีของเขาว่าทำไมหลายคนถึงยกให้เขาเป็นพ่อหมอและเซียนหวย หลังจากที่เล่าคร่าว ๆ ให้เขาฟังว่าเราจะคุยกับเขาเรื่องนี้ สอง ยิ้มกลับมาให้ทีมงานทุกคนแล้วกล่าวว่า “เรามาเริ่มกันเลยไหม สนุกแน่บอกเลย” และบทสัมภาษณ์นี้จึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการทันที 

เราแค่รู้สึกว่าวงดนตรีมันก็ควรจะส่งสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดออกมา ตัวเองอยากจะพูดอะไรก็พูดไปสิ เท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าพอเรามีคนชอบเยอะก็ต้องแต่งเพลงช้าเอาใจเขา มันไม่ใช่นะ

%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87-paradox-fungjaizine-1

การเป็นหมอดูไพ่ยิปซีมันเกิดขึ้นได้อย่างไร 

จุดเริ่มต้นของการเป็นหมอดูน่าจะประมาณ 10 ปีแล้วครับ มันเริ่มมาจากผมชอบดูหนัง sci – fi หนังปลาเกิดเป็นคน เซลแมนจากต่างดาวบ้าง เพราะฉะนั้นส่วนตัวก่อนหน้านี้เราก็จะไม่เชื่อเรื่องการดูดวงอะไรเลย ไม่เคยเชื่อจนกระทังวันนึงพวกเพื่อน ๆ ไปดูหาหมอดูมาให้เขาดูวง อยู่ดี ๆ หมอดูก็มาทายดวงเราว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราก็รับฟังไป แล้วจากนั้นก็รู้สึกว่า เฮ้ย เขาฟลุ๊กรึเปล่า มันแม่นดีจังเลย ไปลองซื้อหนังสือมาอ่านศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมดูบ้าง จากนั้นก็ทดลองฝีมือตัวเองด้วยการไปเอาเพื่อนในวง Paradox มาเป็นหนูทดลอง เวลาไปทัวร์ก็จะเรียกพวกมันมาในห้องเราแล้วดูให้ทุกคน ปรากฏว่า แม่น เราก็เลยเก็บฝีมือตรงนี้ไว้ไม่บอกใครด้วย เพราะเวลาดูดวงให้คนนึงมันใช้เวลาเป็นชั่วโมง จนมันมีวันนึงที่งาน Cat Expo เนี่ยล่ะ ผมก็ไปนั่งดูเล่น ๆ กับ ยิปโซ—อริย์กันตา  มหพฤกษ์พงศ์ แล้วพี่ บูม—บรกรณ์ หลงสวาสดิ์  เขามาเห็นเลยเปลี่ยนช่วงจัดรายการของเราไปเลยจากที่ก่อนหน้านั้นจะเป็นช่วงรับโทรศัพท์จากทางบ้านคุยกันมุ้งมิ้ง ก็กลายเป็นรายการดูดวงไปเลย แถมคนที่ฟังเขาก็บอกว่าแม่นดี มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการดูดวงมาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ

รู้สึกยังไงเวลาคนบอกว่า ดูดวงแม่นจัง 

รู้สึกแปลกนะ จริง ๆ ผมแบบดูแล้วทุกคนก็บอกว่าแม่นบ่อย ซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้รู้หรอกว่าเขามีปัญหาอะไรในชีวิต เรามีหน้าที่พูดไปตามไพ่เท่านั้นเอง มันเป็นจังหวะที่มันเข้ากันโดยไม่ได้ตั้งใจ บางทีคนฟังโทรมาหาเราในคลื่นด้วยซ้ำ เขาไม่ได้มาหยิบไพ่โดยตรงนะ แล้วยิปโซหยิบให้แต่ทำไมมันแม่นอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ไพ่ที่ดูอยู่ตอนนี้คือไพ่อะไร 

ไพ่ยิปซี เซ็ตปกติเลยครับ เซ็ตที่มีทั้งหมด 78 ใบ

%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87-paradox-fungjaizine-4

เคยคิดจะเปิดสำนักดูดวงไพ่ยิปซีจริงจังไหม

ไม่ค่อยคิดนะ ตอนหลัง ๆ เริ่มเชื่อแล้วว่า จังหวะของดวงมันน่าจะมีจริง แต่ไม่เคยคิดให้มันเป็นในแง่ของธุรกิจเลยสำหรับเรื่องนี้นะ เพราะเราทำแล้วมันสนุกดี นึกไม่ออกว่าจะตั้งตนเป็นหมอดูได้เหรอ มันดูแปลก ๆ อะ อีกอย่างมีคนมาเตือนเหมือนกันว่าเราเป็นเพียงพวกที่เรียกตัวเองว่า ‘medium’ เราคือคนรับสารจากข้างบนแล้วมาบอกให้คนอีกคนนึงฟังเท่านั้นเอง เรียกง่าย ๆ ว่าตัวกลางในการส่งสารนั้นแหละ คนที่เตือนเขาเลยบอกเราว่าให้ดูเป็นงานอดิเรก ดูเป็นมือสมัครเล่นพอ ห้ามเก็บเงินจากตรงนี้ด้วยแล้วดวงที่เราดูจะแม่น ที่สำคัญอีกข้อคือ ห้ามดูดวงให้ตัวเอง ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับพลังงานรึเปล่านะ แต่ถ้าดูให้ตัวเองจะโชคร้ายไปตลอดเลย เขาบอกไว้แบบนี้ ซึ่งผมเองจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เคยดูให้ตัวเองและเก็บเงินใครเวลาเขามาขอให้เราดูให้นะ จะดูแค่ในรายการของเราเท่านั้นเอง 

เคยมีช่วงที่คนมาขอให้เราดูดวงให้เยอะ ๆ บ้างไหม 

มีนะ วันที่พีคสุดคือวันที่ไปเล่นงาน Pattaya Music Festival วงผมไปก่อนเวลา ทางงานของเขาก็จัดที่พักให้ในศาลากลาง วงดนตรีทุกวงก็จะพักที่เดียวกันเพราะว่าแอร์มันเย็น ในนั้นก็จะมี PR มีช่างภาพ มีฝ่ายขายต่าง ๆ อยู่กันครบ ผมนั่งดูดวงอยู่ประมาณ 30 คน คนนึงพูดเร็วสุดก็ประมาณ 20 นาทีหรือครึ่งชั่วโมงเลย ผมนั่งจนหมดแรงแล้ว เริ่มพูดน้อยลงเรื่อย ๆ แล้วก็ไม่ไหว วันนั้นประมาณ 4 ทุ่มผมเลยต้องบอกว่า เดี๋ยวผมจะขึ้นเล่นแล้ว ผมนั่งดูดวงไปจนถึงคนที่ 22 พอหลังจากวันนั้นก็เลยไม่ดูแบบนั้นอีกเลย นอกเสียจากว่าเพื่อนในวงไปทัวร์ภาคอีสานหลายวัน มันก็จะบอกว่าให้เราเอาไพ่ไปสิก็จะได้ดูให้มันด้วย 

ในวง Paradox ใครขอดูดวงบ่อยที่สุด

ต้าร์ (หัวเราะ) ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรในใจเยอะแยะ จริง ๆ ไพ่ยิปซีเวลาดูมันต้องทิ้งช่วงนะ ประมาณว่าทุก 3 เดือน ดู 1 ครั้งพอ แต่ไอ้นี่ชอบการแหกกฏมาก ชอบขอดูบ่อยเลย แล้วอีกอย่างที่เราจะบอกคือ ไพ่ยิปซีมันแม่นนะเวลาดูชุดใหญ่อ่ะ เขาต้องดูทั้งหมด 10 ใบ ที่ตลกกว่าคือผมดูให้ โจอี้ มือกลองของวงถึงจะเว้นช่วงห่างไป 3 เดือน 6 เดือน ไพ่มันก็ยังชุดเดิม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ส่วนต้าร์เองดูให้กี่ครั้งก็เถอะ ไพ่มันจะออกเรื่องงาน เรื่องเงินตลอด ทุกคนใน Paradox เขาจะมีไพ่ประจำอยู่เป็นชุดเดิม ขนาดเราดูเองยังตกใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมมันเหมือนเดิมตลอด มันสุ่มจับทุกครั้งนะก็น่าแปลกดีเหมือนกัน 

พกไพ่ยิปซีติดไปตลอดทุกที่รึเปล่า 

ไม่ ๆ แล้ว มันอันตรายมากถ้าเขารู้ว่าเราพกไป ไม่กล้ารับแบบ 30-40 คิวอีกมันจะไม่ไหวแล้ว แต่ถ้าเป็นในรายการเนี่ยเราก็ยินดีดูให้ได้ อย่าง ยิปโซ ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเชื่อหรอก แต่พอมาทำด้วยกันก็จะรู้ว่ามันแม่น พอแม่นเสร็จทีนี้เราก็ผลัดกันดูให้กันและกันได้ เพราะจัดรายการไปจัดรายการมา ยิปโซ เริ่มจำหน้าไพ่ได้ ตอนนี้ทำให้เขาสามารถจัดรายการเอง ในวันที่ผมไม่อยู่ได้ด้วยจึงมีหมอดูเพิ่มอีกคนแล้ว ที่ชอบสุดตอนนี้คือเวลาคนโทรมาในรายการเขาจะเรียกว่าหมอยิปกับหมอสองกัน 

%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87-paradox-fungjaizine-3

ทำไม สอง Paradox ถึงถูกหวยทุกงวด

เราไม่ได้มีพลังหรือนับถืออะไรเป็นพิเศษเลยนะ แต่บอกสูตรให้ก็ได้ สำหรับคนที่อยากถูกหวยนะครับ สูตรนี้มันเป็นสูตรที่เราค้นพบเอง แต่ไม่ได้ถูกทุกงวดนะ คือเราให้เดินผ่านแผงหวย แล้วถ้ามีคนขายเขาเรียกเราให้ช่วยซื้อหน่อยให้ซื้อโดยทันที มันไม่เกี่ยวกับตัวเลขเลย ให้เขาเลือกมาให้เราจบทีเดียว แต่ถ้าเดินผ่านแล้วเขาไม่เรียกเรา แสดงว่าเขาไม่ได้ให้โชคเราแล้ว ห้ามซื้อทันที ผมใช้วิธีนี้นะ แต่ถ้าเขาไม่เรียกแล้วอยากซื้อจริง ๆ ก็เดินวนไปวนมา เดี๋ยวเขาจะถามเราเอง (หัวเราะ) จริง ๆ ถ้ามองง่ายให้คิดว่ามันซื้อสนุก ๆ ดีกว่า คิดว่าเราช่วยคนแก่ ช่วยคุณป้า ช่วยคนที่เขาพิการซื้อไปก็แฮปปี้แล้วครับ 

จนถึงตอนนี้ถูกหวยมาแล้วกี่งวด 

มีปีที่พีค ๆ ก็ถูกงวดชนงวดเลย บางปีก็ถูก 7 งวดติดต่อกัน แต่บางงวดไม่ถูกเลยก็มีเช่นกัน ซึ่งเราเคยทดลองกับเพื่อนในวงด้วยการไปจอดที่ปั๊มน้ำมันแห่งนึงที่มีล็อตเตอรี่ขายอยู่ เพื่อน ๆ บอกเดี๋ยวไอ้สองถูกแน่งวดนี้ วันนั้นคนที่ทดลองกันก็มี สมาชิกวง ผู้จัดการวง คนขับรถตู้ ทั้งหมด 8 คน หยิบกันคนละใบ ผลสุดท้ายปรากฏว่า ผมถูกคนเดียวอีก (หัวเราะ) ผมให้คนขายเขาหยิบให้ด้วยนะ ทุกคนก็เลยรู้ล่ะให้มันเป็นเรื่องดวงของผมคนเดียวเลยปล่อยไปในที่สุด 

ปกติซื้อหวยเป็นชุดรึเปล่า หรือว่าซื้อใบเดี่ยวจบเลย 

แล้วแต่เขาหยิบเลย ถ้าหยิบเป็นใบเดี่ยวก็ซื้อใบ ถ้าเขาหยิบชุด 15 ใบเราก็จะหมดตูดเลย เราเคยถูกหลาย ๆ ใบแยกกันมีทั้งหมด 14 ใบในงวดเดียวอะ การถูกครั้งนั้นมันมาจากที่ Paradox เนี่ยเป็นวงที่ตลก วงอื่นเวลาเขาเล่นดนตรีเสร็จเขาจะปาร์ตี้กัน วงนี้ไม่เลยไปกันแบบแก๊งลูกหมูมากกว่า นอนไวตื่นเช้า รถตู้ก็จะพาไปทัวร์ไหว้พระถ่ายรูป แล้วเวลาไปวัดก็จะมีแผงหวยเขาประมาณ 20 – 30 ร้าน ซึ่งเขาก็จะเรียกเรา วงผมก็จะหยิบ ๆ เอา แต่ถ้าผมเดินเนี่ยแล้วเขาเรียกก็ซื้อตามสูตรเลย ปรากฏว่านั้นแหละถูกหนักเลย (หัวเราะ) 

%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87-paradox-fungjaizine-7

อยากบอกอะไรกับคนที่เล่นหวยบ้าง

จริง ๆ มันก็สนุกดีนะ ถ้าทำงานแล้วมีอายุ แล้วมีเงินเหลือหน่อยก็ซื้อสนุก ๆ ไป อันนี้เราก็บอกได้ประมาณนี้ ส่วนถ้าเป็นเด็ก ๆ ก็เอาเงินไปซื้อขนมดีกว่า อย่าเสี่ยงเลย ของพวกนี้มันเป็นเรื่องสถิติเหมือนกันนะ ถ้าเราไม่ซื้อเลยก็โอกาสเป็นศูนย์ แต่ถ้าเราซื้อใบนึงเราก็มีโอกาส 1 ใน 100 แล้ว ซึ่งตอนแรกมันก็ดูยากนะ แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้ยากมาก มันได้อยู่ บางทีมีงวดนึงผมจะขยำทิ้งแล้ว เราลืมว่าเราตรวจไปรึยังไม่แน่ใจ ตรวจใหม่ดันถูกรางวัลที่ 5 อีก มันเป็นเรื่องของตัวเลขทางสถิติ แค่เราหยิบ 1 ใบก็มีโอกาสแล้ว

เป็นดีเจที่ Cat Radio มากี่ปีแล้ว

ถ้านับจากช่วง Fat Radio ด้วยก็ประมาณ 10 ปีแล้วครับ จุดเริ่มต้นของการเป็นดีเจมันแปลกมากนะ จริง ๆ ผมไม่น่าจะได้เป็นด้วยซ้ำ ทั้งเสียง การพูด จังหวะต่าง ๆ เป็นคนพูดไม่รู้เรื่องเลย การอ่านสคริปต์ด้วย มันแปลกมากที่ได้เป็น ต้นกำเนิดจริง ๆ มันมาจากหนังเรื่อง ‘เก๋า เก๋า’  นักแสดงจะมี 5 คน ทีนี้พี่ น็อต—ยุทธนา ธุวะประดิษฐ์ คนที่เล่นเป็นตัวหัวฟู ๆ พี่เขารู้สึกสนุก เขาคิดว่า แก๊งพวกเรา 5 คนมันน่าทำอะไรต่อ เขาเลยจะลองจัดทอล์กโชว์ในคลื่น Fat Radio แต่ปรากฏว่าพอถึงวันจริง โบ—ธนากร ชินกูล ติดงานที่ตึกแกรมมี่ พี่ โป้—ปิยะ ศาสตรวาหา (Yokee Playboy) ก็ไม่มา พี่โจ้—อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต (Joey Boy) เขาก็งานเยอะ สุดท้ายมันเลยเหลือผมกับพี่น็อต 2 คน พี่ จ๋อง—พงศ์นรินทร์ อุลิศ เลยบอกว่างั้นลองดู มาเป็นดีเจกัน ไอ้ตอนเริ่มก็เป็นจังหวะที่ดีของผมเองด้วย เพราะเราเป็นพิธีกรรายการเกมของแกรมมี่อยู่ มันก็เลยทำให้เราได้ฝึกพูดมากกว่าเดิม เริ่มพูดเก่งพูดได้ ตอนจัดกับพี่น็อตพี่เขาก็จะเป็นคนพูดเร็ว ผมก็จะเป็นลูกคู่เขา สองชั่วโมงสมองเราจะปั่นตลอดเวลาเพราะเราต้องตามพี่เขาให้ได้ จนตอนนี้รูปแบบรายการมันก็ถูกปรับเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ ได้มาทำกับยิปโซ เขาก็เป็นคนที่พูดเร็วกว่าพี่น็อตอีกเลยต้องหาวิธีบาลานซ์กัน จริง ๆ อาชีพนี้มันเป็นอาชีพในฝันเหมือนกันนะ เพราะว่ามันสนุก ผมชอบฟังเพลงมากกว่าเล่นดนตรี ชอบช่วงเวลาที่เราสามารถเลือกเพลงที่ต่อกันแล้วเราก็ได้ฟังเพลงใหม่ ๆ อีกด้วย

เป็นดีเจกับเป็นมือเบสอันไหนยากกว่ากัน

น่าจะเป็นดีเจนะ เพราะเบสมันเล่นมานานแล้ว เล่นมาจนรู้สึกว่าเรามีพื้นที่บนเวทีแล้ว พอขึ้นไปเราจะไม่กลัวอะไร มันเป็นอาณาเขตของเรา จะแต่งตัวยังไงก็ได้ เล่นแบบไหนก็ได้ เราจะเล่นหลุดไม่หลุด เล่นไม่ตรง เราก็ทำได้ แต่ดีเจมันจะมีคู่หูเรา มีคนฟังที่บ้าน จังหวะเพลง ณ วันนั้นด้วย ถ้าเป็นทอล์กโชว์ก็ต้องดูว่าอารมณ์คนฟังเขาประมาณไหน เขาอยากจะเล่าเรื่องเศร้า ๆ รึเปล่า คู่หูเราอารมณ์วันนี้เป็นยังไง มันต้องดูทุกอย่างประกอบกันหมดเลย เวลาหาลูกค้า อ่านสปอต มันจะใช้จังหวะในการรุก ถอย รับ ตลอดเวลาเลย ต่างจากบนเวทีที่เราไปเล่นดนตรีเหมือนกัน บางปีได้จัดรายการ 3 ชั่วโมงติดต่อกันมันดูเหมือนแปปเดียวนะ แต่สมองมันทำงานตลอดเวลา เราก็ต้องปรับมันให้ได้ แต่เล่นเบสนี่มันไปเล่นกับเพื่อน คนในวงก็เล่นกันมา 20 ปีแล้วมันก็จะต่างกัน 

งานอดิเรกของสอง

ถ้าช่วงนี้ผมก็จะเล่น Nintendo Switch อยู่บ้านปลุกมะเดื่อ ปลูกต้นไม้บนดาดฟ้า อยากทำอะไรหลายอย่างเลย จริง ๆ จะชอบนอนเพราะมันเหนื่อยมาก ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรมันเหนื่อยกับการเดินทางไปทัวร์ สมัยก่อนสนุกมากนะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเดินทางแต่ละครั้งมันเหนื่อย มันขี้เกียจไปหมด โดยความเป็นจริงเรามันก็ขี้เกียจไม่ได้เพราะ เราก็อยากไปเล่นคอนเสิร์ตอยู่ดี ซึ่งมันไม่มีวิธีวาร์ปไง เราต้องเดินทางตลอดเวลา เพราะฉะนั้นวันที่อยู่บ้านก็จะไม่อยากออกไปไหนเลย ไปดูหนังข้างนอก ไปเที่ยวไปกินอะไรเหมือนวัยรุ่นเราไม่เอาแล้ว เหมือนเวลาเราไปทัวร์ เราได้ไปเที่ยวอยู่แล้ว ไปทะเลไปภาคเหนือมันเหมือนไปเที่ยว วันหยุดก็จะนอนอยู่บ้านฝึกเล่นเปียโน ตอนนี้เพิ่งหัดครับ หัดตีกลองด้วย เขียนหนังสืออะไรแบบนี้ก็ทำ ตอนนี้มีเล่มนึงแล้ว พี่ชายรวมเล่มให้นิยายแฟนตาซีหน่อย แล้วก็นั่งดูซีรีย์นั่งดูหนังที่ซื้อเก็บ ๆ ไว้ ทำสิ่งที่เราไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ทำ อยู่บ้านมันเหมือนการทำตัวขี้เกียจอ่ะครับ เล่นกับแมว อาจจะนอนพัก พอมันทัวร์ทุกวันแล้วรู้สึกว่ามันใช้พลังงานไปหมดแล้ว

%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87-paradox-fungjaizine

ความฝันที่อยากทำในตอนนี้

นึกไม่ออกเลย ปลูกต้นไม้ก็แล้ว ปลูกมะเดื่อก็ทำอยู่ มะเดื่อทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 800 สายพันธุ์ ตอนนี้ก็น่าจะปลูกไปแล้วประมาณ 200 กว่าสายพันธุ์อยู่บนดาดฟ้า บริษัทในประเทศไทยมีประมาณ 600 กว่าบริษัทผมว่าน่าจะจำได้ 500 บริษัทแล้ว เพราะเล่นหุ้นครับ ตอนนี้เล่นหุ้นทุกวัน

เล่นหุ้นด้วยเหรอ

(ยิ้ม) มันเหมือนหวยไหม มันจะมีจังหวะในการขึ้นลงของมัน ดูกราฟดูราคาค่าพลังงานต่าง ๆ เปิดทีวีก็จะเห็นตัววิ่ง ผมจำได้หมดเลยนะ จำชื่อบริษัท จำชื่อธุรกิจได้ สนุกดี แต่ก็จะมีช่วงเบื่อไป ตอนนั้นคือสนุกมากตื่นเช้ามานั่งดูเท่เลย ดูกราฟแล้วเราก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาเขาแล้วบอกว่า ขายหุ้นตัวนี้ครับ (หัวเราะ) เท่าไหร่ก็ว่ากันไป สนุก ๆ ไปมากกว่า อีกเรื่องที่เราทำคือเล่นเกม เคยเล่น Pangya ตีกอล์ฟเนี่ยล่ะ เล่นอยู่ 5 ปี เล่นจนแบบไปอยู่ในกลุ่มใหญ่สุดของเกมนี้ที่เขาไปแข่งชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น ผมเป็นแบบพวก Infinity Legend เล่นจนขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด แต่ไม่ได้เป็นตัวแทนประเทศเท่านั้นเอง นั่งเล่นแบบทั้งวันทั้งคืนตลอดเลย 5 ปี จนวันนึงยืนอยู่แล้วล้มไปเลยเพราะว่ากระดูกสันหลังเสีย กล้ามเนื้อไปผิดที่หมดแล้ว แล้วก็ล้มลงไปนอนเลย พักไปประมาณ 2 เดือน ประมาณ 7 วันมั้งที่ร่างกายขยับไม่ได้ต้องช็อตไฟ ระหว่างนั้นเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตเพื่อนก็จะพยุงไปนั่งเก้าอี้เล่นเลยอะ น่าสงสารมาก หรือน่าสมน้ำหน้าก็ไม่รู้

ได้ข่าวว่าตอนนี้เกม Pangya กลับมาแล้วในมือถือ ได้เล่นอยู่บ้างไหม

ไม่เอาแล้ว (หัวเราะ) เข้าโรงพยาบาลมาเข็ดแล้ว 

สอง Paradox เคยคิดอยากจะเป็นนายกไหม

มันดูสับซ้อนไปนะ เราไม่รู้ว่าอะไรมันเป็นอะไรแน่ ๆ เฮ้ย เราเพิ่งนึกออก มันเคยมีช่วงนึงที่พีค ๆ เราได้เป็นคอลัมน์นิสต์ด้วย เขียนอยู่ทั้งหมด 7 เล่มเลยนะ ช่วงนึงก็เคยเป็นนักเขียนพร้อมกับพิธีกรรายการทีวีด้วย ส่วนเป็นนายกสนไหมน่าจะไม่ดีกว่า 

การเดินทางกับวง Paradox 22 ปีที่ผ่านมาเป็นเช่นไร 

ดูโบราณเนอะ เหมือนที่บอกเมื่อกี๊ครับว่า พอตื่นมาตอนบ่ายรถตู้ก็มารับเรากระโดดขึ้นรถเอาเสื้อผ้าไป นั่งในตำแหน่งเดิม บางครั้งก็มีคนอื่นคิดว่าวงเราเดินทางมายาวนานมั่นคงเป็นตำนานแล้ว แต่เรากลับรู้สึกว่าเพื่อนก็นั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้รู้สึกอะไร รู้แค่วันนี้เราต้องไปเล่น เตรียมของแต่งตัวแล้วก็ขึ้นไปเล่น เวลายาวนานไม่มีผลเท่าไหร่ เบื่อหรือทะเลาะกันมันไม่มีเลย มันยังรู้สึกอีกว่าเหมือนออกไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มนี้ เพื่อนในมหาลัยเราก็เริ่มโตมีลูกกันแล้ว ของเรายังรู้สึกว่าวันนี้ไปเชียงใหม่แบกเป้ถือถุงขึ้นเครื่องบินไปเล่นคอนเสิร์ตมันก็ทำแบบนี้มา 22 ปีแล้ว เร็วมากเหมือนกัน

คอนเสิร์ต G19 ที่ผ่านมา

ด้วยความที่มันหลายวงด้วยมั้ง Paradox เลยได้เล่นทั้งหมด 5 เพลงก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่สนุกดีครับ สนุกตั้งแต่ตอนอยากจะแต่งตัวอะไรกันแล้ว เพื่อนอยากจะแต่งแบบไหน เราควรจะเล่นเพลงอะไร พอไปถึงเวลาจริงไอ้พวกนั้นลืมหมดแล้ว มันเป็นจังหวะที่อยากดูมากกว่า เหมือนวงผมมีคอนเสิร์ตใหญ่ 2 ครั้งแล้วนะ วงผมจะไม่มีการบูมกันหลังเวทีเพื่อขึ้นไปเล่น ทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามมุมแล้วก็เดิน ๆ ขึ้นไป พอคนมันเยอะ ๆ มันก็สนุก อย่าง G19 ผมก็จะเดินไปตรงกลาง ไอ้พวกนั้นเดินตามมาไม่ได้ มันติดสาย (หัวเราะ) คน 65,000 คน เฮพร้อมกัน สนุกมาก เราก็ยืนดูโอโห้ คนมันเยอะจริง ๆ ได้รับพลังงานดี ๆ เพียบหรืออย่างตอนคอนเสิร์ตเดี่ยวเราทุกคนยกมือพร้อมกัน โอโห้เหมือนทุกคนซื้อตั๋วมาเพื่อดูเราจริง ๆ มันยอดเยี่ยมนะ

ผงาดง้ำค้ำโลก เวอร์ชั่นปาล์มมี่เป็นไงบ้าง

สนุก เพราะว่าตอนแรกเขาจะให้วงผมไปแจม แต่วงผมขี้เกียจซ้อม ไม่รู้มันจะออกมายังไงก็เลย อาจจะไม่ได้มีโปรเจกต์แจมกับเขา แต่งานนี้ไม่ได้ไงทุกวงเขามีหมดจนแบบน้องมี่เขาลุยมาเองเลย เขาบอกเขาอยากร้องเพลงนี้ พี่มาเล่นกับหนูเลย ตอนแรกพวกเราก็กลัวว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่ปาล์มมี่แบบเต็มที่มาก มันก็เลยเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ ตอนแรกเราก็คิดเยอะมากว่าจะเป็นแบบไหนดี ฟีลมันเหมือนแบบต้องส่งการบ้านแล้วเลยต้องทำ

ยังรู้สึกสนุกสนานกับการแต่งตัวเพื่อขึ้นไปเล่นอยู่รึเปล่า 

อันเนี้ยมันกลับกันนะ เมื่อกี้ที่เล่าเรื่องเดินทางทัวร์สบาย ๆ สนุกสนาน แต่เรื่องแต่งตัวเนี่ยมันจะมีหลายปีที่แล้วที่เบื่อ ๆ ไม่แต่งเลย ใส่แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ เจ้าของผับ เจ้าของงานกาชาดเขาก็จะมาพูดกับเราว่า ทำไมถึงทำกับพี่แบบนี้ เราก็งงว่าอะไรครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เขาก็บอกว่าทำไมไม่แต่งตัวเลย เขารอดูอยู่ มันไม่สนุกเลย ผมก็อึ้ง ๆ ไปเหมือนกัน โดยไอ้จุดเริ่มต้นการแต่งตัวของผมเนี่ยมันเกิดจากวงผมเวลาเล่นดนตรีมันไม่ค่อยขยับตัวกัน ไปยืนเล่นอยู่ที่ผมก็เลยคิดว่า ถ้าเราแต่งตัวนิดนึงมันก็จะทำให้วงสมบูรณ์ขึ้นเท่านั้นเอง จากนั้นค่อยดึงเพื่อน ๆ มาเต้นกันในเพลงเรา จากเหตุการณ์ที่โดนคนมาว่าเราเรื่องแต่วตัวก็ทำให้เรากลับมาแต่งได้สักพักนึงปีสองปี สุดท้ายก็เบื่ออีก ซึ่งช่วงหลัง ๆ เราก็พยายามไม่คิดอะไรมากจะเน้นสบาย ๆ ไม่แต่งตลอดแล้วแต่งเฉพาะงานไป สมัยก่อนขนาดไปผับเพื่อชีวิตยังต้องแต่งชุดนักเรียนญี่ปุ่นไปเลย ตอนนี้ก็คงไม่ขนาดนั้นแล้ว

เดินทางมาถึงตอนนี้แล้วคิดว่าจะเล่นดนตรีกันไปอีกยาวนานขนาดไหน 

ส่วนตัวผมว่ามันเลยจุดเป้าหมายของเราไปหมดแล้วนะ มันจะมีช่วงแรก ๆ  ที่ทุกวงดนตรีเป็นหมดอะ วงดนตรีจุดเริ่มมันก็คือ เจอกับเพื่อน ซ้อมกันแต่งเพลง ทำเดโม่ส่งค่ายเพลงแล้วก็ฝันว่าจะมีอัลบั้มสักอันนึงที่ทุกคนจะชอบ มีอัลบั้มสอง สาม มีคอนเสิร์ตใหญ่ มีแฟนเพลง ทุกคนวงก็น่าจะเป็นประมาณนี้ แต่พอมันครบไปแล้วมันก็จะเป็นเรื่องทัวร์ เดินทาง อายุวง แต่ด้วยความที่ Paradox เป็นเพื่อนกันมั้ง มันก็เลยไม่ทะเลาะกันเรื่องเงิน เรื่องหญิง เรื่องวินัยเท่าไหร่ มันยืดหยุ่นกันหมด เพื่อนก็จะรู้ตัวกันเอง ไม่เป็นไร ประมาณนี้พอไหวก็ลุยกันไป พอมันเลยจุดนี้กันไปก็จะมีจุดเบื่อ เล่นเพลงเดิม ๆ แล้วคนก็ไม่เยอ ก็คล้าย ๆ อิ่มตัว แต่จุดนี้มันก็เลยไปแล้ว พอมันเลยไปเราก็เล่นกับเพื่อนต่อไป เหมือนตื่นมาแล้วรถตู้ถอยมาแล้ว เรายังสนุกรึเปล่าก็สนุก มันไปต่อแบบนี้จนสิบปีเลยนะ ช่วงสิบปีแรกไม่ค่อยมีงานด้วย ตอนนี้พูดแล้วก็เหมือนเวลาเราดู วง คาราบาว อะ เขาเดินทางกันมายาวนาน ตอนนี้ก็โอเคนะเรื่องจุดอิ่มตัว เรื่องแยกวง เรื่องเบื่อ เรื่องจะไปต่อกี่ปี สมัยก่อนมันก็มีละ เราอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่อายุวงมันควรจะเท่าไร สิบปีเราข้ามยุคนี้ไปมันจะไม่มีแฟนเพลงจะมาเติมรึเปล่า ถ้าไม่มีแฟนเพลง เราจะตกยุครึเปล่า ตอนนี้มันยิ่งตลกมากมีบางเทศกาลที่เราไปเล่น เขาเป็นวงรุ่นใหม่หมดเลย เราเป็นวงแบบรุ่นเก่า แต่ว่าผมยังแต่งตัวชุดยีราฟนั่งอยู่ข้าง ๆ กับพวกเขาเลย เขาก็เลยไม่รู้สึกว่าเราเป็นวงการโบราณอะไร แล้วเราก็ไม่อยากพูดเท่าไหร่ว่าวงเรา 22 ปีแล้ว เราอยากเป็นเพื่อนกับวงรุ่นใหม่ เวลาไปเฟสติวัลเราก็ไปกินอะไรกับเขาปกติ อย่างเราไปเล่นตามงานมหาลัย บางทีเราแก่กว่าอาจารย์เขาแล้วนะ แต่ว่าเราไปเล่นงานเฟรชชี่เขายังรู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนเขาอยู่เลย รู้สึกว่ามันเป็นข้อดี ตอนนี้มันเลยไปหมดทุกจุดแล้ว ถ้ามันจะหยุดก็ช่างมัน ถ้ามันจะไปต่อแบบมีความเปลี่ยนแปลงก็ช่างมัน ถ้ามันไปเรื่อย ๆ อาจจะพีคกว่านี้อาจจะเสื่อมความนิยมก็ไม่เป็นไรแล้ว ก็แค่ขึ้นรถตู้แล้วไปสนุกกันเหมือนเดิม มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะบอกว่าสนุกทุกวันใน 22 ปีเนี่ย เรื่องต่าง ๆ มันเข้ามาเสมอ แต่ว่ามันคงไม่ได้รู้สึกว่ามันเหมือนทำงานอะ มันรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกัน เดี๋ยวแปปนึงก็ดีกันแล้ว เหมือนทำโปรเจกต์ส่งอาจารย์อะ มันสบายมากเลย มีเพลงใหม่อะออกกัน ทำอัลบั้มก็ลุย ตอนนี้มันอยู่จุดที่สบายแล้ว

%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87-paradox-fungjaizine-6

มองไปอีก 10 ปีคิดว่าจะเป็นยังไงบ้าง 

น่าจะแก่ขึ้น ตอนนี้ก็แก่แล้ว ปีนี้อายุ 27 (หัวเราะ) จริง ๆ ไม่ค่อยคิดอะไรมากเท่าไหร่ เหมือนที่บอกไปว่าทุกอย่างมันเลยไปหมดแล้ว ตอนแรกมันก็ต้องมีการวางแผน แต่ก็ไม่ได้วางแผนว่ามันจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนะ ตอนนี้บางคนอ่านแล้วอาจจะแบบ แกทำได้แล้ว แต่ว่าถ้าย้อนกลับไปจริง ๆ เราก็คิดแบบนั้น มันพิสูจน์ได้จากเพลงอัลบั้มแรกที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ อยู่ พวกผมไม่ได้มีเพลงแบบให้คนชอบเยอะแยะ เราทำเพลงกันพอทำเสร็จแล้วก็ดีใจจบแค่นั้นเลย ถ้าเอาไปเปิดในคลื่นวิทยุฮิตไม่ฮิตขายไม่ได้ก็แล้วแต่เลย จนล่าสุดเวลาผ่านไป 22 ปีเราก็ยังทำเพลงแปลก ๆ อยู่อ่ะ กินเนื้อนางเงือก แล้วเราอยู่ค่ายแกรมมี่นะ เพลงมันก็โปรโมตไม่ได้ มันไม่เกี่ยวว่าพวกผมทำแล้ว มีคอนเสิร์ตใหญ่แล้ว ผมก็พูดได้ เปล่าเลย ทุกวงก็เหมือนกันนั้นแหละ เราก็ไม่ได้นึกถึงความสำเร็จหรอกว่ามันต้องรวยหรือมีคนชอบเยอะ เราแค่รู้สึกว่าวงดนตรีมันก็ควรจะส่งสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดออกมา ตัวเองอยากจะพูดอะไรก็พูดไปสิ เท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าพอเรามีคนชอบเยอะก็ต้องแต่งเพลงช้าเอาใจเขา มันไม่ใช่นะ จนแบบทุกวันนี้เพลง ปรสิต บุกโลก ยังมีอยู่เลย จริง ๆ ไอ้วงที่อายุขนาดนี้มันควรจะมีเพลงคนฟังแล้วรู้สึกลื่นหูแล้ว  แต่เรายังเหมือนเดิม ดังนั้นไม่ว่าจะอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ต้องดูกัน เราอาจจะหยุดไปก่อนหรืออาจจะมีเพลงแปลกขึ้นไปอีกหรือจะลึกซึ้งขึ้นไป พี่บิ๊กจะโชว์โซโล่ที่ซ่อนไว้ก็เป็นไปได้ ประมาณนั้นแหละปล่อยให้มันเป็นตามธรรมชาติดีกว่า ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องไปไหนทำอะไร ตอนนี้มันอยู่ในเส้นทางที่มันสบาย เดินไปทำไป ปีนี้ทำไปกี่เพลงก็ทำกัน ก่อนหน้าอัลบั้มล่าสุดเราก็ขี้เกียจ หยุดไปทั้งหมด 8 ปี ถ้าไม่รวมอัลบั้มพิเศษก็ห่างกัน 10 ปี แล้วดูดิเรามีสัญญาอยู่ในค่ายแล้วไม่ออกอัลบั้มเลยได้เหรอ พออัลบั้มเสร็จมันออกทีเดียว 52 เพลง ที่นี่เขาบอกวงอะไรออกเพลงเยอะขนาดนี้ เราก็ทำ ซึ่งเขาจะไล่ออกเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย ทำกันเอง อัดกันเอง โปรดิวซ์กันเอง นี่หนักถึงมิกซ์กันเองแล้ว เหมือนผมก็จะทดลองแล้ว หิ้วเบสขึ้นมาบนห้องต้าร์เปิดคอม อัดชุดใหม่เลยหรือถ้ามีห้องอัดเช่าไว้เครื่องดนตรีอย่างดีเราก็อัด เราไม่ได้นับว่ามันต้องยังไง แค่คิดว่าวิธีการมันต้องสนุกตอนออกไปเล่นแค่นั้นเอง 

เล่นดนตรีแล้วรวยจริงไหม

ก็มีบ้าง บางวงเขามีเพลงฮิตหรือจังหวะดีเขาก็รวยไป อย่างของผมมันเลยจังหวะนั้นไปหมดแล้วนะ ตอนนี้ก็เรื่อย ๆ แต่ถ้าให้เล่าถึงความขมขื่นคือช่วง 10 ปีแรกไม่มีงานเลยนะ ฤดูร้อน นี่ใช้เวลาถึง 6 ปีครับกว่าจะคนรู้จัก ไอ้เรานึกในใจ ฤดูฝน เดี๋ยวก็น่าจะมาอีก 6 ปีเช่นกัน เราข้ามมาทุกยุคแล้ว มันเลยเฉย ๆ ครับ บอกว่าทัวร์ก็เยอะขึ้นแต่รวยไหมก็สบาย ๆ ก็ไม่ได้แบบงานน้อย วงเล็ก ๆ ก็ต้องต่อสู้หน่อย เราก็ต้องเดินทางไปเรื่อย ๆ มันอยู่ที่วินัย รู้จักใช้จ่ายมากกว่า

ทำไมแผ่นมือสอง Paradox ถึงมีราคาแพงขนาดนี้

เออก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เหมือนเรื่องนี้มันคงเป็นข้อดีที่เกิดจากเวลาเราไปเล่นเฟรชชี่เขายังคิดว่าเราเป็นเพื่อนอยู่ วันนั้นไปเล่นงานนึงเจอแม่อุ้มลูกมา เขาบอกดูตั้งแต่เขาเป็นนักเรียนจนมีลูกแล้วหรือเด็ก ๆ บางคนเขากรี๊ดเห็นหน้าเราก็บอกหนูซื้ออัลบั้มแรกไม่ทันเพราะหนูยังไม่เกิด อะไรแบบนี้มันคล้าย ๆ ตลกร้ายเหมือนกัน แต่มันมีแฟนเพลงใหม่ ๆ มาเติมตลอด ดังนั้นพออัลบั้มออกเราก็ไม่ได้ทำเยอะ จังหวะแรก ๆ มันก็ขายไม่ได้หรอก อย่างที่บอกคล้าย ๆ ฤดูร้อน เพลงมันทำงานช้า คล้าย ๆ เวลาผ่านไป คนเขาก็ไปหาซื้อกัน ตอนเทปใต้ดินผมขายกับต้าร์ตามคณะ 20 บาท ตอนนี้ 7,000 บาท อันนี้ตลก ๆ เราก็ไม่เข้าใจว่าตอนเล่นช่วงนั้นแฟนเพลงก็ไม่ได้เยอะอะไร ทำไมเขาถึงอยากจะเก็บอัลบั้มเรากันหรือมันเป็นของสะสมกัน อย่างแผ่นเสียงเพิ่งทำใหม่สองชั่วโมงหมด คือวงเองยังจองไม่ทันเลย ส่งข้อความไปที่ร้านคือหมดแบบแล้ว เขาก็เอาไปขายต่อกัน เราก็ไม่รู้ว่าซื้อไปทำอะไร วงเราฮิตขนาดนั้นเลยเหรอ (หัวเราะ) ผมยังรู้สึกว่ามันเฉพาะกลุ่มอยู่ แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตลอด ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน อย่างอัลบั้ม On The Beach แผ่นเสียงก็หมด อัลบั้มชุดใหม่ล่าสุดมันก็หมดก่อนเปิดงานแล้วเราจะมาเล่นทำไมเนี่ย เล่นเพื่อโปรโมต แต่มันหมดแล้ว ก็ไม่รู้เรามาเล่นทำไร แต่จริง ๆ มันเป็นเรื่องที่ดีนะ ตอนนี้วงเราออกอะไรก็จะพยายามซื้อเก็บไว้ก่อน

จะทำอัลบั้มแรกออกมาขายใหม่อีกรอบไหม

ไม่นะ มันเป็นสัญญาของค่ายเก่า ค่ายเขาก็แยกย้ายไปแล้ว ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะทำแล้วเดี๋ยวมาขายเอากำไรจะดูแปลก ๆ ให้มันเป็นของคลาสสิกไปดีกว่า ตัวผมเองก็ไม่ได้มีเก็บไว้นะ ตอนที่ค่ายปิด ซีดีผมขายไม่ออกอยู่เต็มโกดังเลย ไอ้เรานึกในใจถ้าเราหยิบมาสักกล่องป่านนี้รวยไปแล้ว แต่ว่าไม่ได้หยิบ เราไม่รู้ว่าเราจะได้ออกเทปต่อไปแล้วรึเปล่าก็หยิบกับต้าร์มาคนละ 5 แผ่นแล้วกลับบ้านเลย

ก่อนจะจบบทสัมภาษณ์นี้มีอะไรจะขายคนอ่านบ้าง 

ผมจัดรายการวันพฤหัสสี่ทุ่มถึงเที่ยงคืนที่ Cat Radio จริง ๆ ไม่ต้องโทรมาดูดวงก็ได้ โทรมาคุยกัน มีทัวร์คอนเสิร์ตไปดูตารางทัวร์ได้ตามหน้าเพจเลย เพลงใหม่ก็น่าจะมี 2 เพลง ตอนแรกไม่มีโปรแกรมอะไรเลยนะครับ อยู่ ๆ ต้าร์ก็มีนิมิตอะไรไม่รู้ ทำเพลงใหม่ได้สองเพลง เร็ว ๆ นี้คงได้ฟังกัน แล้วก็อีกเรื่องที่ไม่ค่อยอยากบอกปีนี้วงเรามันครบ 22 ปีก็เลยอยากจัดคอนเสิร์ต แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไงดี จะเป็นอคูสติกไหม จะเป็นไฟฟ้าไหม จะธีมอะไร ถ้าเป็นไปได้ปลายปีน่าจะได้จัดคอนเสิร์ตครับ

 

%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87-paradox-fungjaizine-5

ติดตามความเคลื่อนไหวของ Paradox ได้ ที่นี่

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง