Article Interview

‘The Moon Stories’ เม้าท์สั้น ๆ กับ ‘Chanudom’ ในโชว์เปิดอัลบั้ม ‘โลกที่ ๓’

  • Writer: Kunchanit Liengudom

    

เมื่อวันศุกร์ที่แล้วใครไปร้าน Nineteens Up มาบ้าง จงแสดงตัว ! ทาง Fungjaizine เองก็ไม่พลาดเช่นกันที่จะไปเจอวงร็อกสุดแซ่บอย่าง Chanudom ในงาน Sangsom Presents The Moon Stories คอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของพวกเขา โลกที่ ๓ ที่จัดหนักจัดเต็ม แถมทางเรายังมีโอกาสได้พูดคุยกับ พัด, แพท และ ต๊อบ สมาชิกทั้งสามของ ชนุดม อย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองสุด ๆ

นอกจากนี้เรายังได้ชมโชว์พิเศษในรอบสื่อกับสามเพลงดัง เลยตามเลย, คนบาป และ นางสาวปรารถนา ที่แม้จะเป็นแค่โชว์เล็ก ๆ ก่อนแสดงโชว์จริงแต่ก็ทำให้เราประทับใจมาก ๆ ทั้งการแสดงออกทางผ่านเสียงร้อง สีหน้าและร่างกายของพัด ลีลาการบรรเลงเสียงกีตาร์เซ็กซี่ ๆ ฝีมือแพท และจังหวะกลองหนัก ๆ ของต๊อบ การันตีได้ว่าการแสดงสดของ ชนุดม นั้นน่าดูมากขนาดไหน 

เอาเป็นว่าใครโชคดีมีโอกาสได้ดูโชว์ครั้งนี้ก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่หากใครพลาดเหมือนเราก็ไม่ต้องเสียใจไป ไปหาอัลบั้ม โลกที่ ๓ มาฟังแล้วอ่านบทสัมภาษณ์ด้านล่างไปพร้อมกันก่อนดีกว่า

Chanudom

ที่มาของชื่องาน ทำไมถึงเป็น ‘The Moon Stories’

พัด: สำหรับโปรเจกต์นี้จริง ๆ แล้วเป็นงานเปิดอัลบั้มปกติ แต่พอเรารู้ว่ามันเป็นงานเปิดอัลบั้มที่เราทำมาจาก process อย่างหนึ่งของการเป็นคนที่เริ่มมาจากโชว์ด้วยเนี่ย คือมันมีโชว์ที่เราใช้มันมาตลอดในการเป็นนักดนตรี มันโดดเด่นอย่างนี้มาตลอด เราก็เลยรู้สึกว่าอยากจะทำโชว์ขึ้นมา อยากจะเซ็ตที่นี่ให้มันมันเป็นโลกที่สามของเรา เพราะว่าชื่ออัลบั้มมันชื่อ โลกที่ ๓ โลกที่สามเราคิดถึงอะไรอะ… เราคิดถึงดวงจันทร์ เราคิดถึงสถานที่ที่มันเป็นอวกาศอะไรแบบนี้ ก็เลยรู้สึกอยากใช้คำว่า ‘The Moon Stories’

ถ้าเปรียบโชว์เปิดอัลบั้มครั้งนี้เป็นละครเวทีหนึ่งเรื่อง เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับอะไร

พัด: เรื่องในนี้คือเรื่องราวของ นางสาวปรารถนา ซึ่งเป็นซิงเกิลอยู่ในอัลบั้ม เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ออกตามหาสิ่งที่ตัวเองปรารถนาเพื่อให้ได้มันมา และผู้หญิงคนเนี่ยก็จะไปเจอแรงบันดาลใจของเธอในตัวผู้หญิงอีกหลาย ๆ คนที่มีความปรารถนาเช่นเดียวกัน คือคำว่า ‘ปรารถนา’ มันหมายถึง ความต้องการ แพชชัน หรือสิ่งที่ตัวเองอยากไปให้ถึง เราเลยพยายามนำเรื่องโดยผู้หญิงคนนี้ ซึ่งเขาจะไปเจอตัวตนของตัวเองที่แตกต่างในเพลง คนบาป ไปเจอตัวเองในสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นรอยแผลที่เหมือน รอยประหลาด และในคำ สบประมาท ไปเจอกับหนทางชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมในเพลง ไม่เหมือนเดิม เขาเรียนรู้ว่า สีขาวไม่ใช่สีขาว สีดำไม่ใช่สีดำ ในเพลง ขาว-ดำ จนสุดท้ายก็เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมาเจอกันแล้วมันก็ต้องจากกันไปในเพลง ชนุดม ทุกอย่างจะดำเนินเรื่องด้วยเพลงแบบนี้ ซึ่งคนดูก็ต้องไปตีความเอาเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้บ้างในโชว์เนี่ย เขาจะมีความสุขไหมก็อยู่ที่คุณจะคิดเลย

แล้วไคลแมกซ์ของเรื่องนี้ล่ะ

พัด: ไคลแมกซ์ของเรื่องเราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นยังไง เพราะว่าจริง ๆ แล้วตั้งแต่เริ่มเรื่องมันคือจุดไคลแมกซ์มาโดยตลอดเลย เออมันพีคหมดเลย

หน้าที่การออกแบบโชว์ครั้งนี้ของเแต่ละคน

ต๊อบ: จริง ๆ ก็ช่วย ๆ กันทำเพราะว่าเราก็ทำเพลงมาด้วยกันอะ แล้วมันก็มาจาก 11 เพลงที่อยู่ในอัลบั้ม ซึ่งนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องเล่นทั้งหมด เพราะว่าจริง ๆ แล้วงานเปิดอัลบั้มปกติเค้าก็จะเล่นกัน 2-3 เพลง แต่เรารู้สึกว่าทั้ง 11 เพลงมันเป็นเรื่องที่เราทำงานมาทั้งหมด ซึ่งเราว่ามันก็ไม่ได้นานไปสำหรับเวลาชั่วโมงกว่า ๆ เราก็เลยอยากเล่าทุกเพลง ก็ช่วย ๆ กันตั้งแต่เอาเพลงมานั่งเรียง เล่าตรงไหนก่อนหลังดีอะไรแบบนี้ ก็ช่วยกันหมดเลยครับ

แพท: คิดคอนเซ็ปต์ คิดไอเดีย เราจะทำดนตรียังไง จะเชื่อมกับมันยังไง อะไรแบบนี้อะครับ

พัด: ส่วนของพาร์ทดีไซน์ เรามีทีม Dudesweet ก็คือพี่โน้ต (พงษ์สรวง คุณประสพ) มาช่วย พี่โน้ตเป็นคนนึงที่เราเคยร่วมงานกันมาตลอด แล้วเขาก็เหมือนเอ็นดูพวกเรา พี่โน้ตเห็นว่าพวกเรามีแพชชัน เขาก็บอกโอเค เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องพวกนี้ให้ เรื่องสเตท เรื่องไลท์ติ้ง เรื่องดีไซน์อะไรทุกอย่าง

บัตรงานเปิดอัลบั้มครั้งนี้ sold out !

พัด: ไม่ได้คาดหวังนะจริง ๆ แล้ว คิดด้วยซ้ำว่า คนจะมาเปล่าวะ เพราะเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นวงที่ดังอะไรขนาดนั้น แต่สิ่งที่มันเหนือกว่าคำว่าดีใจ คือมันทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ยเออว่ะ การที่เราเลือกที่จะทำโชว์ มันคือสิ่งที่เราคิดถูก เราพยายามทำโชว์ให้มันดีมาตลอด บางครั้งเราไปเล่นกับที่อื่นที่มันเป็นเฟสติวัลต่าง ๆ แล้วมันถูกเซ็ตมาแล้วว่าต้องเป็นแค่คอนเสิร์ต ๆ หนึ่งแล้วเราก็เป็นกบฏที่พยายามทำโชว์ให้มันประหลาด ปรากฏว่าเอ้ย คนอยากดูนี่หว่า… (ทำท่าเหมือนนางงามมงลง) ก็หลังจากที่ได้รับตำแหน่งนี้มา มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าจะพยายามรักษา… (หัวเราะ)

ต๊อบ: บางทีกูก็ตามมันไม่ทัน

พัด: ก็ดีใจ ดีใจมากค่ะ

มาพูดถึงตัวอัลบั้มกันบ้าง คำว่า ‘โลกที่สาม’ ในที่นี้หมายถึงอะไร

พัด: คือคำว่าโลกที่สาม มันดูเป็นคำในแง่ลบ แต่สำหรับเราอะ พอเรามีโอกาสได้ทำเพลงเรารู้สึกว่า เนี่ยเราจะใช้คำนี้แหละมาบอก มายันหน้าพวกคุณว่า จริง ๆ แล้ว คำว่าโลกที่สามสำหรับเรามันคือโลกของความครีเอทีฟ ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ความโหดร้ายแบบนี้ ๆ มันกลายมาเป็นความครีเอทีฟที่เป็นเสียงเพลงได้ มันกลายเป็นโชว์ได้ มันไม่จำเป็นว่า พอเป็นโลกที่สามแล้วยูจะต้องมาตีตราว่ามันไม่ดี

แล้วประเทศไทยเป็นประเทศโลกที่เท่าไหร่

ต๊อบ: คือเราไม่แน่ใจว่าความหมายของ ‘โลกที่หนึ่ง’ คืออะไร เขาเข้าใจร่วมกันทั้งโลกว่า ‘พัฒนาแล้ว’ ใช่ไหม

แพท: แล้วอย่างคนที่สูง ต้องกี่เซนติเมตรถึงจะเรียกว่าสูง

ต๊อบ: เอออะไรอย่างนั้นอะ เพราะฉะนั้นประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศที่กำลังพัฒนา และประเทศที่ไม่พัฒนา เราไม่แน่ใจว่าเขาเอาอะไรวัด แต่ว่ามันอาจจะมีเกณฑ์สากลก็ได้นะเราไม่รู้ ซึ่งก็คิดว่าบ้านเราก็น่าจะอีกหลายขั้นอยู่เหมือนกัน

มีเรื่องอะไรในสังคมที่เราอยากตีแผ่อีกไหม หรือเรื่องอะไรที่เรายังไม่ได้พูดแล้วอยากจะสื่อสารผ่านทางดนตรีอีก

พัด: มันก็มีนะ สำหรับพวกเราตอนนี้เรื่องที่เราพูดอะ มันเป็นเรื่องที่มาตามช่วงชีวิต ช่วงอายุ ช่วงประสบการณ์ สมมติว่าเราต้องทำอัลบั้มต่อไปก็อาจจะเป็นการไปเจอเรื่องราวใหม่ ๆ

ต๊อบ: อย่างสมมติว่าปีหน้าถ้าพัดเจอความรัก มีแฟนที่รักมาก ๆ เพลงของชนุดมก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ชนดุมก็จะมาอีกภาพนึง เป็นสีชมพูแทนสีแดงอะไรแบบนี้

แพท: เล่นกีตาร์โปร่งกันไป

ต๊อบ+พัด: เออมันก็เกิดขึ้นได้ไง

สมมติว่าเส้นทางดนตรีของวงชนุดมเป็นละครหนึ่งเรื่อง ตอนนี้เราอยู่ตรงจุดไหนของเรื่องราวแล้ว

แพท: เราว่ายังเป็นจุดเริ่มต้นอยู่เลย นี่ยังอัลบั้มแรกอยู่เลยเด้อ

ต๊อบ: เพิ่งเสร็จเองอะ คือเพิ่งจะเริ่มเล่าเลย

แพท: ใช่ คิดว่าตอนนี้เรื่องของชนุดมยังเป็นการเริ่มเรื่องอยู่ เป็นช่วงแนะนำอยู่ว่าตัวละครนี้คือใคร ทำอะไร มีความฝันอยากทำอะไร จะเดินไปทางไหน คือเขาเป็นคน ๆ หนึ่งที่มีแพชชันในการทำอะไรบางอย่าง แล้วก็กำลังเดินทางไปตรงนั้นอยู่โดยที่ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะเจออะไรบ้าง

ตอนนี้ยังทำละครเวทีกันอยู่ไหม

แพท: ทำครับ มีเรื่องที่จะเล่นปลายปีนี้ เรื่อง ‘Little Shop of Horrors’ ผมเป็นนักดนตรีแล้วก็เป็น assistant music director ด้วย ดูแลเรื่องพาร์ทดนตรีให้อะไรแบบนี้ มีทีมอยู่ครับ

พัด: ส่วนของพัดน่าจะเป็นปีหน้าค่ะ เป็นนักแสดง น่าจะเรื่อง ‘Priscilla’ ค่ะ

แพท: พี่ต๊อบส่วนใหญ่น่าจะเล่นแต่ดนตรีแล้วตอนนี้

เป้าหมายต่อไปของชนุดม

พัด: ก็อยากทำอัลบั้มกันต่อไป รวมถึงทำโชว์ด้วย

แพท: เรายังสนุก เรายังเอ็นจอยอยู่

พัด: อยากทำในสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าตัวเราเองทำอะไรได้อีกอยู่ หรือว่าเราจะไปทำแนวนั้นแนวนี้มั่งวะ อะไรแบบนี้

ได้ยินมาว่าอยากทำเพลงภาษาอังกฤษด้วย

แพท: มันเป็นแผนที่เราคิดกันเองสามคน ยังไม่ได้วางอะไรตายตัว ยังไม่ได้คิดว่ามันจะต้องทำเมื่อไหร่หรืออะไร แค่อยากลองทำ คือเรามีเป้าหมายเดียวกันว่าอยากทำเพลงภาษาอังกฤษดู น่าสนุกดี เพราะว่าภาษาไทยหนึ่งประโยคกับภาษาอังกฤษหนึ่งประโยคมันไม่เหมือนกัน ภาษาอังกฤษมันอาจจะคิดปลายเปิดได้มากกว่า

ฝากผลงานทิ้งท้ายหน่อย

พัด: ก็ฝากผลงานอัลบั้มนี้ อัลบั้มแรกของพวกเราหน่อยค่ะ ชื่อว่า โลกที่ ๓ เราทำกันอย่างตั้งใจแล้วก็คิดว่ามันน่าจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวในเวลานี้ ในอัลบั้มแรกของพวกเรา ขอขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจ เป็นแรงผลักดัน ให้พวกเราได้ทำงานได้เรื่อย ๆ อย่าง ฟังใจ ก็เป็นที่แรก ๆ ที่หนึ่งที่คอยซัพพอร์ตเรามาตลอด ทั้งแฟนเพลงฟังใจ ตอนที่เราไปเล่น เห็ดสด เราจำโมเม้นต์แรกของการเล่นเวทีใหญ่ขนาดนั้นได้ แล้วมันทำให้เรารู้สึกว่าเราอยู่ในพื้นที่ของดนตรีได้ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

Facebook Comments

Next:


Kunchanit Liengudom

นิดหน่อย อินเทิร์น ณ ฟังใจ, สิงหา-กันยา ปี 61 ช่วงที่เพื่อนฝึกงานออกกันไปหมดแล้ว รักการดูหนัง ชื่นชอบการฟังเพลงที่ร้องตามได้เป็นพิเศษ