Article Interview

‘Ink Waruntorn’ ขอยืนยันแทนนักแอบรักว่า ‘ความลับมีในโลก’ (จริง ๆ นะ)

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Chavit Mayot

คนที่ได้ไปคอนเสิร์ต The Switch Vol. 2 คงได้เห็นลุคใหม่ของ อิ้งค์ วรันธร และคงได้ฟังเพลงล่าสุด ความลับมีในโลก (Secret) กันไปแล้ว แต่ถ้าใครที่พลาดก็ดูมิวสิกวิดิโอที่เพิ่งปล่อยออกมาสด ๆ ร้อน ๆ ได้ที่นี่ จากนั้นก็เลื่อนลงมาอ่านที่มาที่ไปของการตัดสินใจเปลี่ยนลุค เปลี่ยนสไตล์เพลง และอีกแง่มุมของอิ้งค์ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาก่อนได้เลย

กลับมาคราวนี้ ดนตรีเปลี่ยนไปจาก EP Bliss ยังไงบ้าง

เหมือนตอน EP Bliss มันจะเป็นซินธ์ป๊อปที่เป็น 80s 90s เยอะ แต่พอมาเป็นเพลงนี้จะเป็นซินธ์ป๊อปที่ทันสมัยขึ้น ซาวด์เดิมที่เคยมีมันก็จะยังเหมือนเดิมอยู่แค่ element ต่าง ๆ ในเพลงเปลี่ยนไปจากการที่มันพัฒนาจนมาเป็นเราในปัจจุบันที่โตขึ้นตามความชอบใหม่ ๆ พวกซาวด์กลอง บีตต่าง  จะหนักขึ้น แต่ไม่ได้เยอะมาก มีความป๊อปฟังง่ายอยู่

ได้อิทธิพลสไตล์ดนตรีมาจากอะไรบ้าง

เมื่อสามปีที่แล้วเราชอบซินธ์ป๊อป 80s 90s แต่พอผ่านมาสามปีแล้ว เทรนด์ซินธ์ป๊อปก็ค่อนข้างเปลี่ยนไป มันเป็นเทรนด์ของสมัยนี้ที่จะมีความโมเดิร์นขึ้น คนฟังเพลงที่มินิมัลขึ้น แบบไม่ได้ใส่ทุกอย่างเข้ามาแต่มีกรูฟให้โยกตามได้ แล้วเราก็ชอบฟังแบบนั้น อย่าง ADOY ได้ไปดูคอนเสิร์ตเขามาด้วย ชอบมาก Honne, Prep, Shura 

โปรดิวเซอร์ช่วงหลัง ในเพลงของอิ้งค์คือ แทน Lipta มาร่วมงานกันได้ยังไง

รู้จักพี่แทนตอนทำเพลง เกี่ยวกันไหม ด้วยกัน ตอนนั้นต้องปรับจูนกันเยอะมากเพราะเพิ่งทำงานด้วยกันครั้งแรก แล้วก็ต่อมาเป็น ยังรู้สึก แต่พอผ่านมาซิงเกิ้ลที่สาม พี่แทนรู้แล้วว่าเราชอบอะไร เรารู้แล้วว่าพี่แทนชอบอะไร เหมือนคุยกันง่ายขึ้นมาก  ไม่ใช่แค่เรื่องทำเพลง สมมติเวลาอิ้งค์มีเพลงที่ชอบก็แชร์ หรือมีคอนเสิร์ตที่อยากดูแล้วคิดว่าพี่แทนจะชอบ ก็ชวนไปดู มีการพูดคุยกันเรื่องเพลงตลอดเวลา เป็นการอัพเดตทั้งตัวเราและพี่แทนไปด้วย

ความลับมีในโลก มีที่มาที่ไปยังไง

ตอนนั้นไปบ้านพี่แทนเพื่อทำซิงเกิ้ลใหม่ มีอิ้งค์ พี่แทน พี่ข้าว Fellow Fellow แล้วการเริ่มต้นเขียนก็ไม่ใช่คอนเทนต์แบบนี้เลย เขียนไปได้ท่อนเดียวก็ตันแล้ว ก็เลยไปนั่งเปลี่ยนเรื่องคุยกันแทน แล้วพี่แทนเขาก็เล่าว่า ‘เนี่ยพี่อะไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตมา แล้วมีผู้หญิงคนนึงเขาคุยโทรศัพท์ เขาบอกว่าความลับมันไม่มีในโลกหรอก’ แล้วพี่แทนก็พูดขึ้นมาว่า ‘เฮ้ย ความลับมันมีในโลกเว่ย’ แย้งกับเขา แล้วเราก็รู้สึกว่าคอนเทนต์นี้มันดีมาก คือทุกคนมันมีความลับที่อยู่ในชีวิตอยู่แล้ว ก็เป็นสิ่งที่เราคิดตรงกัน แล้วเอาคำนี้เป็นที่ตั้ง แต่จะทำยังไงให้มันออกมาเป็นเพลงที่คนอินตามได้

ทีแรกก็รู้สึกว่าคำเนี้ยมันเป็นคำที่เศร้ามาก มันไม่ใช่คำที่สนุก เลยตีความออกมาให้มันเป็นเรื่องของการแอบรักคนคนนึง แต่รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยเก็บเอาไว้คนเดียว เพราะเหมือนการที่บอกไปอาจจะทำให้เราเสียเขาไปก็ได้ แล้วพี่แทน พี่ข้าว ก็ไปเวิร์กกันต่อ ส่วนอิ้งค์ก็คอยอัพเดต นัดคุยกัน พอได้เนื้อ ได้ทำนองมา ก็พักไว้ เหมือนเป็นการทดลองมากเลยค่ะว่าไอ้ซิงเกิ้ลแรกที่จะเปิดตัวเราหลังจบ EP Blliss ไปแล้ว เราอยากให้มันมีความตื่นเต้น คือเราอยู่กับเพลง เหงาเหงา อะไรแบบนี้มา 3 ปีแล้วก็ควรจะมีอะไรใหม่ ออกมา เพื่อทำให้เราเองมีความสนุกในการทำงานมากขึ้นรวมถึงคนฟังด้วย ก็เลยทำเป็นเดโม่ไปอีกสามเพลง แล้วก็เอาไปนั่งคุยกับพี่ ที่ค่าย พี่พล พี่ปอย ถกเถียงกันว่าเพลงไหนมันเหมาะสำหรับเพลงแรกที่สุด ปรากฏว่าหลังจากทำไปทั้งหมดสี่เพลง เพลง ความลับมีในโลก เป็นเพลงที่ทุกคนกลับมาเลือก เพราะตัวเราเองก็ชอบเพลงนี้อยู่แล้ว และรู้สึกว่าเพลงนี้แหละ จะเป็นตัวเปิดอัลบั้มใหม่ของเรา ก็เอาไปทำดนตรี ประกอบร่างมาได้เป็นเวอร์ชันนึง แล้วเวอร์ชันนั้นก็ไม่ได้ใช้เพราะว่า ด้วยความเราอยากให้มันดีที่สุด งั้นลองทำอีกเวอร์ชันนึงดูมั้ย แล้วมาดูว่าอันไหนดีกว่ากัน ปรากฏว่าเวอร์ชันนี้มันดีกว่าจริง ๆ มาจากการค่อย develop จากสิ่งที่เราทำมาจนกลายเป็นอันที่ทุกคนได้ฟังอยู่ตอนนี้ แล้วรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ยาวนานมาก เราอยู่กับเพลงนี้มาตั้งแต่ตอนที่มันยังไม่ถูกเลือก จนมันถูกเลือกขึ้นมา เอามันมาประกอบร่างถอดเสื้อผ้าแล้วจับใส่ให้มันใหม่ จนกลายมาเป็นแบบนี้ก็ แฮปปี้ดีค่ะ สนุกดีกับการทำงานเพลงนี้

ด้วยดนตรีที่ว่าโตขึ้นแล้ว แต่เนื้อหายังพูดเรื่องแอบรักอยู่เลย จะเขยิบไปพูดเรื่องอื่นนอกจาก puppy love บ้างไหม

มี คืออย่างแอบรักเพลงนี้มันก็ไม่ใช่แอบรักที่มีความสุขนะ หลายคนอาจจะมองว่าเพลงนี้มันเป็นแค่แอบรักอะ แต่อิ้งค์ว่ามันเป็นแอบรักของผู้หญิงที่โตขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงที่นั่งตั้งคำถามว่า ‘นี่ ฉันต้องคิดถึงเธอแบบไหน ‘ ‘จะ เกี่ยวกันมั้ย นะ’ แต่อันนี้มีคือแอบรักแบบที่ฉันตัดสินใจไปแล้วว่าฉันจะไม่พูด แล้วฉันก็จะอยู่กับความลับอันนี้ไปเรื่อย โดยที่ไม่คิดแล้วว่าฉันจะบอกหรือไม่บอกดี คือไม่บอกแน่นอน มันจะเป็นความลับในโลกนี้ต่อไป

แล้วถ้าเป็นอิ้งค์จะบอกหรือไม่บอก

เพลงนี้เป็นอิ้งค์มาก สมมติถ้าอิ้งค์ชอบใครอิ้งค์จะไม่บอก จะไม่มีทางพูดก่อนแน่นอน แต่ถ้าเขารู้ก่อนเองก็โอเค (หัวเราะ) หรือเพื่อนไปบอกก็โอเค แต่ว่าจะไม่มีทางอยู่ เดินเข้าไปคุยกับคนนี้ก่อน บอกเขาก่อน ไม่มีทาง

เป็นคนความลับเยอะไหม

ไม่เยอะ จริง เป็นคนเก็บความลับไม่เก่งเลย เก็บไม่ได้เลย สมมติเพื่อนจะเซอร์ไพรส์อะไรในงานวันเกิดใครก็คือจะต้องไม่บอกอิ้งค์ เพราะอิ้งค์จะมีปฏิกิริยาที่เลิ่กลั่ก หลุดออกมาก่อนตลอด เป็นท่าทาง หน้าตาเราที่ตื่นเต้นแทน แล้วเพื่อนจะจับได้ (หัวเราะ)

อิ้งค์ วรันธร

ผู้กำกับ mv คราวนี้เป็นใคร

ชื่อพี่ กุ๊ก—ธนีดา หาญทวีวัฒนา ค่ะ เป็นผู้กำกับของ GDH เขาเขียนบท ‘ฉลาดเกมส์โกง’ ทำ ‘Project S the Series’ แล้วก็ทำ mv บ้าง คือเราแอบเห็นพี่กุ๊กจากงาน Instagram เพื่อน ที่เคยพูดถึงแล้วรู้สึกว่า เพลงเรามันมีความน่ารักสดใสแล้ว แต่ตอนนี้คือเราโตขึ้น ก็อยากได้ผู้หญิงที่มีความเท่ในตัวเองมาเล่าเรื่องของเรา ดูว่าเพลงมันจะออกมาเป็นยังไงเพื่อให้คนได้เห็นอีกมุมนึงที่คนอื่นไม่เคยเห็นในสามปีที่ผ่านมา ใน mv อิ้งค์จะมีความโตขึ้น มุมมองที่เล่าจริง ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ดูยาก แต่มี element ของความเป็นอาร์ตขึ้น สีสวยขึ้น

ใน mv มีแปะแทตทูรูปหัวใจ คิดว่าจะสักจริงไหม

ไม่เคยคิดเลย มีแต่คนบอกว่ามันเจ็บมาก!กลัวเจ็บ ก็เลยคิดว่าไม่เอาดีกว่า แต่คนที่สักก็ดีนะ มันเป็นความชอบของแต่ละคน บางคนก็สักมาสวยนะ อิ้งค์ชอบ เวลาที่พี่ ที่ค่ายหรือเพื่อนไปสักก็แบบ เออ สวย แต่ว่า พอเรามานึกถึงไลฟ์สไตล์ชีวิตเราแล้วก็อาจจะไม่ได้เข้ากับเรา ก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่ใครจะสัก จะเจาะหู จะทำอะไรก็แล้วแต่ เรามีสิทธิในร่างกายเราทุกอย่างอยู่แล้ว แล้วมันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ไปเดือดร้อนใคร 

ศิลปินรุ่นใหม่ มีเยอะ แล้วมักเกิดอาการมีเพลงฮิตเพลงเดียว (one hit wonder) แล้วไม่ดังอีกเลย แต่เพลงของอิ้งค์ดูจะเป็นที่นิยมทุกเพลง ก่อนหน้านี้อิ้งค์เคยกลัวตรงนั้นไหม

มันอาจจะเป็นความโชคดี เพราะอิ้งค์มีทั้งเพลงที่ไม่ดัง แล้วก็เพลงที่ดังกว่าเพลงอื่น แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันไม่ใช่สิ่งที่เรากำหนดได้ แค่ว่าเราทำแล้วมีความสุขกับมันหรือเปล่า แล้วหลังจากนั้นคนฟังจะชอบหรือไม่ชอบ เราไม่สามารถไปบังคับเขาได้ว่าเธอต้องฟังเพลงฉัน ต้องชอบเพลงฉัน อิ้งค์ปล่อยวางไปได้แล้ว เหมือนตอนแรกอิ้งค์จะค่อนข้างกลัวมากหลังจากจบ เหงาเหงา มามันค่อนข้างประสบความสำเร็จกว่าที่เราคิดเยอะมาก แล้วกลายเป็นว่าเรากดดันตัวเอง คนรอบข้างเขาก็พูดแหละว่า ‘เฮ้ย เพลงต่อไปต้องอย่างนู้นอย่างนี้ รอฟังนะ’ เราก็คิดว่าเราต้องทำให้ดี แล้วถ้าทำได้ดีแต่มันไม่ดังเท่าเพลงแรกเราจะทำยังไง สุดท้ายมันไม่มีความสุขกับการทำงานเลย เครียด จนนั่งคุยกับพี่ ที่ค่ายว่าไม่เอาแบบนี้แล้ว มันเป็นการทำงานที่ไม่เฮลตี้เลย พี่ ที่ค่ายก็บอกว่า ‘ฉันบอกแกตั้งนานแล้ว แกอะเอาไปคิดเองเออเอง’ คืออิ้งค์เป็นคนคิดมาก เวลาทำอะไรอิ้งค์จะคิดเยอะ แล้วเป็นคนมีเหตุมีผล มีสิ่งที่เตรียมตัวไว้มาก ก่อนอยู่แล้วจนมันกดดันตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว อิ้งค์สนุกมากในการทำเพลงนี้ มันได้ออกจากกรอบที่เคยวางว่าฉันต้องเป็นอย่างนี้ ต้องทำอย่างนี้ แต่นี่ฉันเป็นอีกแบบนึงได้ ฉันอยากทำอะไรฉันลอง อยากให้มีอะไรในเพลงก็ใส่เข้าไป

ตอนนี้เล่นคีย์บอร์ดโปรขึ้นหรือยัง

ก็ยัง (หัวเราะ) อิ้งค์ไม่ได้มีความสามารถในการเล่นคีย์บอร์ดขนาดนั้นอันนี้สารภาพ แต่ว่ามันเป็นความสนุกของเรามากกว่า อย่างเราชอบเพลงนี้แล้วเราอยากเล่นก็จะคุยกับพี่แทนมือคีย์บอร์ดเราว่าเราจะเล่นอะไรดี หรืออย่างตอนนี้อิ้งค์กำลังหาเครื่องซินธ์ใหม่ เหมือนเราอยากลองไปเรื่อย เราแฮปปี้ที่จะลองอะไรใหม่ แต่ถามว่าเก่งกับหมูแดง (ชื่อคีย์บอร์ดของอิ้งค์) แล้วหรือเปล่า ก็คือรู้จักมันหมดแล้วแหละว่ามันทำอะไรได้บ้าง แล้วก็หยิบมันมาใช้งานในส่วนที่มันเหมาะกับเรา แล้วลองหาอะไรใหม่ เข้ามาใส่ในโชว์เราให้น่าตื่นเต้นขึ้นหรือมีซาวด์ใหม่ ขึ้น

จะลองเล่นเครื่องดนตรีอื่นไหม

คิดอยู่ อาจจะเล่นเครื่องเล็ก เป็นดรัมแพดอะไรพวกนี้แทน

รู้สึกยังไงที่มีคนเรียกอิ้งค์ว่าเป็น ‘เจ้าหญิงซินธ์ป๊อป’

อิ้งค์ก็จะมีความแบบ หืม ใครเรียก (หัวเราะ) เราก็ อะ โอเค แต่ถ้าถามว่าตัวเองจะเรียกตัวเองแบบนั้นไหม ก็คงไม่ มันเขิน แต่ก็ยังดีค่ะ ไม่ได้อะไร มองเป็นเรื่องที่ดี

ตอนนี้เทรนด์ดนตรีในบ้านเราเป็นซินธ์ป๊อปกับฮิปฮอป อิ้งค์ว่าในอนาคตเพลงจะออกมาทางไหน อิ้งค์จะโดดไปร้องแร็ปหรือเปล่า

อิ้งค์คงไม่ร้องแร็ปแน่ เพราะอิ้งค์เป็นคนที่เสียงต่ำมาก (หัวเราะ) อิ้งค์จะร้องแร็ปแล้วตลกทุกครั้ง ร้องไม่ได้อะ เหมือนไปซ้อมกันแล้วถ้ามีท่อนแร็ปต้องตัดออกเพราะไม่รอด

อิ้งค์ว่าเทรนด์ดนตรีมันเปลี่ยนไปในทุก ปีอยู่แล้ว แล้วมันก็เหมือนจะมีวัฏจักรของมัน เท่าที่รู้สึกเพลงแนวไหนที่มันเคยดังในสมัยก่อนมันจะกลับมา มันก็เป็นเรื่องที่ดีตรงที่คนจะได้ฟังอะไรที่หลากหลายขึ้น ส่วนตัวคิดว่าที่คนบอกว่า ซินธ์ป๊อปคนทำเยอะแล้ว มันก็ใช่ แต่ว่าเราไม่ได้คิดว่ามันน่ากลัวหรืออะไร รู้สึกดีด้วยซ้ำที่วงการเพลงกำลังเคลื่อนตัวอย่างน่าตื่นเต้น เมื่อสามปีที่แล้วเราอาจจะเป็นไม่กี่วงที่ทำซินธ์ป๊อป ถึงตอนนี้เราก็ยังซินธ์ป๊อปอยู่ แต่เราก็หาแนวทางอื่นในความชอบส่วนตัวของเรา แล้วก็ดึงเทรนด์ในสมัยนี้รวมถึงเทรนด์ในอนาคตมาใส่ในเพลงของเราเพื่อให้มีความทันสมัย ไม่ได้อยู่กับที่อยู่แล้ว แล้วในอนาคตอาจจะมีอะไรที่แปลกใหม่เข้ามาอีกเราก็พร้อมจะปรับตัวหรือรับอะไรใหม่ อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ลืมความเป็นตัวเองหรือลืมว่าตัวเองชอบทำอะไร

ในเส้นทางการทำงานสามปีก็ยังถือว่าเป็นหน้าใหม่อยู่ รู้สึกยังไงที่มีคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นของตัวเองและได้ร่วมงานกับรุ่นพี่เยอะมาก

รู้สึกโชคดีมาก ที่ได้ร่วมร้องเพลงกับพี่ หลาย คน หรือได้ไปเล่นที่ญี่ปุ่น เล่นคอนเสิร์ตของตัวเอง มันเหมือนเป็นโอกาสที่มีขึ้นมาแล้วจังหวะพอดีเป๊ะ รู้สึกขอบคุณตลอดเวลา แล้วมันเป็นการเติมพลังด้วยนะเวลาได้เล่นกับศิลปินที่เราฟังเพลงเขามาตั้งแต่เด็ก อย่างพี่ป๊อด Modern Dog เงี้ย เราเคยดูเขาร้องเพลงอยู่บนเวทีอิมแพค แล้ววันนึงเขามายืนร้องข้าง เรา เขามาพูดกับเราบอกให้ร้องแบบนี้ดิ แบบ โคตรเป็นพลังให้เราเลย จะมีสักกี่คนที่ได้ทำแบบนี้ เคยรู้สึกท้อกับตรงที่ทำอยู่เหมือนกัน แต่พอเราได้เจออะไรแบบนี้เรื่อย ได้ร้องกับพี่วิน Sqweez Animal กับพี่นภ พรชำนิ พี่บอย ตรัย หรือหลาย คนที่อาจจะเจอกัน คือถึงไม่ได้ร้องกับเขาแต่อยู่หลังเวทีเดียวกับเขา มันแบบ ฉันมาถึงจุดที่อยู่ข้าง ห้องกับพี่ เหล่านี้แล้ว แม้บางคนจะไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ แต่มันเหมือนเป็นไฟเล็ก ที่ค่อย เติมเราเรื่อย  ว่าวันนึงเราก็อยากเป็นแบบเขานะ

ตอนไปเล่นที่ญี่ปุ่นนี่งานอะไรบ้าง

สามงานเลยค่ะ มี Thai Festival ที่โตเกียว กับ Shindaita Kannana 2018 แล้วก็เล่นไลฟ์เฮาส์ในชิบุย่า ความรู้สึกที่ได้ไปเล่นแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน อย่างไทยเฟสมันเป็นงานที่รวมคนไทยในญี่ปุ่น หรือคนญี่ปุ่นที่ชอบความเป็นไทย จัดในสวนสาธารณะ อันนั้นก็จะใหญ่มาก จะมีคนมาดูเยอะ พอเป็นอีกงานอิ้งค์เล่นในร้านแผ่นเสียง มีคนดู 10-20 คนเท่านั้น จัดคล้าย Cat Expo แต่จะเป็นเล่นตามร้าน คือซื้อบัตรหนึ่งใบ สามารถเข้าได้ทุกร้านที่เราอยากดู มันก็จะมีทั้งร้านแผ่นเสียง ร้านหนังสือ แล้วก็ร้านอาหารที่มีเวที หรือคาเฟ่ เหมือนงานอินดี้ญี่ปุ่นที่เขาจะเลือกวงไทยไปเล่นอะค่ะ ตอนนั้นเล่นไปแค่ครึ่งชั่วโมงเอง แต่คนที่มาดูก็มายืนกินเบียร์แล้วตั้งใจเสพเพลงจริง ก็ดีมากค่ะ อีกงานก็เป็นไลฟ์เฮาส์เล่นกับพี่เอิ๊ต ภัทรวี ก็เป็นการขายบัตรสเกลน่าจะไม่ถึงร้อยคน ร้านเล็ก แต่ดีมาก เป็นคนไทยในญี่ปุ่นที่เขาชอบเพลงเราจริง แล้วมาดูเรา หรือเป็นคนญี่ปุ่นที่ไปดูเราจากงานไทยเฟสแล้วชอบ ก็ตามมา ก็มีขาย EP อัลบั้ม คนก็ซื้อหมด ดีมาก

ทำไมถึงออกงานกับ เอิ๊ต ภัทรวี บ่อยมาก

ใช่ คืออิ้งค์อยู่ Boxx Music พี่เอิ๊ตอยู่ Muzik Move แล้วมันอยู่ภายใต้ค่ายเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน วัยใกล้ กัน คนฟังเพลงพวกเราก็น่าจะกลุ่มเดียวกัน ทางผู้ใหญ่ก็เห็นโอกาสตรงนี้แหละ ปีก่อนอิ้งค์เองก็ไม่ได้โชว์เก่ง เวลาไปกับพี่เขามันก็เหมือนอุ่นใจกว่า ได้ศึกษาอะไรมากกว่า ก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะเวลาได้อยู่กับพี่เอิ๊ตเยอะ พี่เขาเป็นคนเก่งแล้วก็ตั้งใจร้องเพลงด้วย ด้านดนตรีเขาเอาทุกอย่างอะ เหมือน active แล้วเราได้รับพลังดี จากเขามา แต่ตอนนี้ต่างคนก็ต่างโตขึ้น ชัดขึ้นในแนวของตัวเอง มันเป็นช่วงนึงที่ได้ทำงานด้วยกันเยอะมาก แต่ช่วงนี้เพลาลงไปแล้วบ้าง

มีเรื่องเม้าท์เอิ๊ตไหม เห็นว่าเป็นคนชอบลืมของ

โห อิ้งค์ก็ลืมพอ กันค่ะ ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ คือถ้าอยู่ด้วยกันอะ จะไม่มีใครเตือนใครด้วย เนี่ย ตอนไปญี่ปุ่นด้วยกันนอนที่เดียวกันก็คือ พอออกไปกินข้าว ไม่มีใครทำอะไรเลย เดินไปแบบไร้จุดหมาย คือเสียเวลามาก แล้วพี่เอิ๊ตจะแวะทุกร้าน อิ้งค์จะแบบ พี่เอิ๊ตไปเร็ว ก็ต้องช่วยกันดึงบ้างบางที ตลกดี (หัวเราะ)

โปรเจกต์ The Switch ได้เลือกศิลปินมาร่วมงานเองหรือเปล่า

ปีที่แล้วอิ้งค์เล่นกับ Nap a Lean รอบล่าสุดกับ Lipta อันนี้ไม่ได้เป็นคนเลือกเองโดยตรง แต่พี่ จะมีคุยกับเราเหมือนกันว่าคิดว่าไง อิ้งค์ก็บอกว่าจะสวิตช์กับใครก็ได้แล้วแต่พี่ เห็นสมควร แล้วพอเป็น Lipta เราก็เสพเพลงเขามาตั้งแต่เด็ก พี่แทนเป็นโปรดิวเซอร์เราอีก มันมีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ก็ไม่ติดอะไรเลย เมื่อวานก็เพิ่งจบคอนเสิร์ตมา ก็ดีค่ะ สนุก พี่คัตโตะเป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย คืออิ้งค์เป็นคนที่เวลาขึ้นเวทีพี่จะพูดอะไรกับหนู ต้องคิดนิดนึง เดี๋ยวขึ้นไปแล้วเอ๋อ พี่คุยอะไรมาจะไม่รู้เรื่อง แล้วเขาก็บอกว่า ‘ไม่มีอะ พี่ยังไม่รู้เลยว่าพี่จะพูดอะไร’ อิ้งค์เจองี้จะแบบ เฮ้ย พี่แทนก็บอกว่า ‘อิ้งค์เจอคัตโตะงานเดียว พี่เจอคัตโตะทุกงานพี่ยังไม่รู้เลยว่าขึ้นไปมันจะทำอะไรบ้าง พี่ต้องเดาใจมัน’ พอขึ้นไปก็ดีค่ะ พี่คัตโตะจะเล่นมุขแล้วเรามีการไปไม่เป็นบ้างก็มี เขามุขเร็วมากอะ พยายามสู้แล้วแต่ก็ได้แค่นั้นแหละ (หัวเราะ)

อิ้งค์ร้องเพลง ถ้าฉันเปลี่ยนใจเธอได้ คือชอบเพลงนี้มาก Lipta มีเพลงฮิตเยอะมากอยู่แล้ว เพลงนี้เป็นเพลงที่อาจจะลึกหน่อยสำหรับคนยุคใหม่ แต่มันเป็นเพลงที่เราคิดว่าถ้าเราได้สวิตช์เพลงกับศิลปินที่เราชอบ เราก็จะเลือกเพลงที่เราชอบของเขาดีกว่าเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง แล้วจะทำให้คนคาดไม่ถึงว่าเราจะร้องเพลงอะไร พอร้องไปคนก็รู้จักเยอะ หลาย คนก็ดูเซอร์ไพรส์ที่ร้องเพลงนี้ แล้วก็ดีมากได้ร้องเพลงที่ชอบกับศิลปินที่ชอบ พี่ Lipta เลือกเพลง เกี่ยวกันไหม พี่คัตโตะฝากพี่แทนมาบอกว่าเขาชอบตั้งแต่ตอนปล่อยละ เต้นท่านกล้ออิ้งค์อีก มีการร้องเนื้อผิดด้วยนะ งึมงำ อิ้งค์ก็ต้องช่วยร้องแบบ ฮึ้ย พี่คัต!

The Switch Vol. 3 วางแผนรึยัง

ยัง อิ้งค์ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เล่นหรือเปล่า (หัวเราะ) แต่ต้องรอดูค่ะ อิ้งค์ว่ามันเป็นโปรเจกต์ที่สนุกนะ เมื่อวานอิ้งค์ยืนดูทุกวงก็ดีหมดเลย Whal & Dolph ร้องกับพี่เอิ๊ต พี่เอิ๊ตร้อง รอให้เธอบอก ดีมาก พอเป็นเวอร์ชันที่ผู้หญิงร้องจะมีความเกรี้ยวกราด หรือเพลงพี่เอิ๊ตเวอร์ชันที่ผู้ชายร้อง ฟีลมันเปลี่ยน ของพี่ วิน Sqweez Animal กับพี่ ปอย Portrait  พี่วินร้อง คนแปลกหน้า ซึ่งเป็นเพลงลึกเหมือนกัน แต่ว่าพอเพลงที่มันเศร้ามาก มาอยู่ในปากที่พี่วินร้องมันจะเป็นอีกกลิ่นนึง ของ Sqweez ซึ่งดีมาก พี่ปอยร้อง Let’s Cry ก็อย่างที่บอกว่าพี่ปอยเป็นคนร้องเพลงเศร้าอยู่แล้ว พอ Let’s Cry ก็แบบ คู่นี้เป็นคู่ที่ดำดิ่งมาก แต่ว่าดี อิ้งค์ชอบ

เดี๋ยวนี้มีค่ายเพลงเล็ก เกิดขึ้นเยอะมาก แต่ไม่ค่อยแสดงท่าทีว่าแข่งขันกัน กลับช่วยกันมากกว่า

ดีมาก อิ้งค์จะเจอศิลปินใหม่ เพลงใหม่ ที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก แต่ว่าเป็นเพลงที่ทำเองบ้าง อยู่ในค่ายเล็ก บ้าง รู้สึกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เราไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่หรือต้องอยู่ในค่ายเท่านั้น แต่อันนี้เหมือนเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนใหม่ ที่เขามีไฟ มีความอยากทำเพลง แล้วมันดีแทบทั้งหมดเลยนะ เขาจะมีเอกลักษณ์ของตัวเองสูงมาก อยากทำอะไรก็ทำ อยากแต่งอะไรก็แต่ง ซึ่งมันโชว์ความเป็นตัวเองของเขาได้ดีมาก บางทีพอเราได้ฟังอะไรแบบนี้จะรู้ว่าตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง ตัวเราอยู่ตรงไหน อยากทำอะไรใหม่ อย่างที่เขาทำบ้าง มันก็มีความตื่นเต้นนะ เวลาเขาช่วยกัน จับมือกันจัดคอนเสิร์ต มันเป็นเรื่องที่ดีแล้วคนที่ไปงานก็ดูแฮปปี้

เป็นมาแล้วทั้งนักแสดง นักร้อง ดีเจ อยากจะทำอะไรอีก

ตอนนี้ไม่ได้อยากทำอะไรอย่างอื่น แต่เคยอยากเขียนหนังสือ อาจจะเป็นเรื่องสั้น แอบมีทอปิกในหัว ยังบอกไม่ได้ เดี๋ยวค่อยบอกถ้ามันโอเค อาจจะไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้แน่นอน แต่มันก็เป็นอย่างนึงที่อยู่ในใจ เป็นคนชอบอ่านหนังสือไงคะ ก็คิดว่าถ้าวันนึงมีหนังสือที่เขียนจากสิ่งที่ตัวเองสะสมมาทุกอย่าง ความเป็นตัวเราหรือประสบการณ์เราที่สามารถส่งต่อแล้วทำให้คนอ่านเขารู้สึกได้ หรือว่าได้ทบทวนตัวเองเราก็อยากทำ คือเคยฝึกเขียนออกมาเป็นเรื่องสั้น แต่ว่าไม่เคยเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต แต่ตอนนี้กำลังแฮปปี้กับการทำเพลงมาก เหมือนกลับมามีไฟ ฉันอย่างทำอย่างนั้นอย่างนี้ อยากเปลี่ยนลุค ตอนกำลังจะปล่อยว่าตัวเองตัดผมสั้น ปล่อยเพลงแนวใหม่อะ อิ้งค์ตื่นเต้นมากเลยรู้ปะ อิ้งค์มัดผมออกจากบ้านมาเป็นเดือนโดยที่ทุกคนไม่มีใครรู้ว่าอิ้งค์ทำผมทรงนี้อยู่ แล้ววันที่ปล่อยตอนนั้นไปเล่นที่เชียงใหม่ร้าน Living Machine รู้สึกว่าตัวเองตอนนั้นอะดรีนาลีนหลั่งมาก (หัวเราะ) ทั้ง ที่นอนน้อยมากแต่มันปรี๊ดมาก ไม่ได้กินกาแฟอะไรแต่มีไฟแบบที่เราไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มานานมากแล้ว ดีมากเลยค่ะ

ชอบอ่านเรื่องอะไรบ้าง

อิ้งค์ชอบอ่านเกี่ยวกับพวกความรู้สึก ชอบอ่านเรื่องสั้นเป็นหลักเพราะไม่สามารถอยู่กับอะไรยาว ได้ด้วยความที่เราไม่มีเวลาจะมานั่งจับมันอยู่ตลอด บางทีจะแบบ ลืมไปแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น กลับมาอ่านก็ไม่ต่อเนื่องแล้ว พวกเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก เรื่องจิตใจบำบัด มีบ้าง บางทีเราเหนื่อยกับการทำงาน ทำนู่นทำนี่ พอจับหนังสือมันเหมือนได้ปล่อยวางบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ได้อ่านอะไรเลย ที่ชอบมาก จะมีชื่อเรื่อง ‘ไม่มีใครเป็นเจ้าของดวงอาทิตย์’ ของ ‘ปอ เปรมสำราญ’ อิ้งค์อ่านของเขาทุกเล่มเลย มันมีความดิ่ง แต่อ่านแล้วดี ที่อัพเดตมาก็มี ‘นักสะสมความรู้สึก’ ชอบอ่านอะไรเล็ก แล้วก็มีเรื่อง ‘วันนี้เป็นยังไงบ้าง’ ไม่แน่ใจคนเขียนเป็นใคร แต่เห็นชื่อหนังสือก็ดีแล้วอะ หยิบมาเลย มันเป็นประโยคที่ถ้าเราถามคนที่ไม่ได้เจอมานาน หรือเป็นแฟนเก่า มันคงเป็นประโยคที่จึ๊กอะ

ที่บอกว่ามีช่วงไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการทำเพลง มันเกิดจากอะไร

เกิดจากกดดันตัวเองเนี่ยแหละ เวลาอยู่กับสิ่งที่กดดันมาก มันจะรู้สึกว่าความสุขมันน้อยลง จากที่เรามีความสุขจากการออกไปเล่น เจอคนใหม่ แต่ว่าเรามีความสุขนะในช่วงนั้น แต่พอกลับบ้านมาเราได้ทบทวนว่าตรงนี้ยังทำไม่ดี ตรงนี้ยังทำไม่ได้ มันมีความคิดในหัวของตัวเอง ทำให้เราไม่อยากไปคิดถึงมัน อยากเอาตัวเองออกมานิดนึงอะ กลัวว่าตัวเองจะเครียดและเศร้าเกินไปกับสิ่งที่ตัวเองทำ หรือบางทีก็มองตัวเองไม่ดีเกินไป ประเมินตัวเองต่ำเกินไป แต่มันก็เป็นข้อดีที่ทำให้อิ้งค์ไม่มองว่าตัวเองเก่งมาก เพลงฉันดัง หรืออะไรแบบนั้น ไม่เคยคิดว่าเพลงอิ้งค์ดังมาก ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองดังกว่าใคร แต่คิดว่าทุกครั้งที่ได้เล่นกับวงที่เขามีเพลงดัง อิ้งค์จะมีความรู้สึกว่าวันนึงอิ้งค์อยากจะมีเพลงที่ทุกคนร้องตามได้ขนาดนี้บ้าง มันก็เลยกลายเป็นจุดที่เรากดดันตัวเองไปเรื่อย มั้ง จนเราลืมมองความสุขเล็ก น้อย ที่เราเคยมีไป แต่ว่า ตอนนี้หายละ ดีขึ้นมาก

ตอนนี้พอพูดถึง Boxx Music อิ้งค์จะเป็นคนแรก ที่นึกถึง

หรอ (หัวเราะ) ดีใจค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าเราพูดว่า ‘สวัสดีค่ะ อิ้งค์ วรันธร จาก Boxx Music’ ทุกครั้งที่เล่นมั้ง แล้วก็อาจจะเป็นศิลปินคนแรกของค่ายด้วย ก็อาจจะเป็นภาพจำติดตัวทั้งเราและค่าย ซึ่งก็ดีนะคะ อิ้งค์ว่าเป็นอะไรที่เราส่งเสริมกันไปเรื่อย

จะมีคอนเสิร์ตอะไรเร็ว นี้ไหม

อันนี้เป็นโปรเจกต์นึงที่อิ้งค์อยากทำ คุยกับพี่ที่ค่ายไว้ อาจจะใช้ชื่อว่า Boxx Party Charity แต่ยังไม่แน่นอน อยากช่วยเหลือ การกุศล เราเป็นคนที่ชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เคยคิดว่าถ้าวันนึงมีชื่อเสียงก็อยากเอาชื่อเสียงของเรามาทำอะไรที่ช่วยเหลือคนได้ ยังไม่สรุปว่าจะทำอะไรให้ใคร แต่ที่คิดไว้อาจจะซื้อเครื่องดนตรีให้เด็กที่อยู่โรงเรียนต่างจังหวัด บางทีเขาไม่ได้มีโอกาสเท่าเราก็อยากส่งเสริมเรื่องนี้

Ink Waruntorn

ฝากผลงาน

ก็ขอฝากเพลง ความลับมีในโลก ด้วยนะคะ เพลงนี้เป็นเพลงที่ทุกคนอาจจะมีความแปลกใจในทุก อย่างของอิ้งค์ที่ออกมา ก็อยากให้แปลกใจแหละ (หัวเราะ) อย่ามองว่าเป็นเพลงฟังยาก มันมีเนื้อหาที่ฟังง่าย ทำนองก็ยังเป็นป๊อปที่ทุกคนฟังได้อยู่ แค่มันเป็นซินธ์ป๊อปที่ทันสมัยมากขึ้น อยากให้ทุกคนสนุกกับเพลงค่ะ อิ้งค์อยู่กับมันมานานมาก ตั้งแต่ ยังรู้สึก จบไป 2-3 เดือนก็เริ่มทำเลย ตอนที่มีคอนเสิร์ตก็คือเริ่มแล้ว เราขัดเกลามันออกมาจนเป็นแบบนี้ ตื่นเต้นกับมันมาก แล้วก็รักมากจริง อยากให้ทุกคนชอบแบบที่อิ้งค์ชอบ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้